สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่พิซซ่า จะพาไปพบกับที่เรียนปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์หรือ Economics หนึ่งในสาขายอดฮิตของคนถนัดเลขและสังคม ไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนติดอันดับบ้าง
10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2012
1. Massachusetts Institute of Technology (MIT)
2. Harvard University
3. University of Chicago
4. Princeton University
5=. London School of Economics and Political Science (LSE)
5=. Stanford University
7. University of California, Berkeley (UCB)
8. Yale University
9. University of Pennsylvania
10. Columbia University
สำหรับ 3 มหาวิทยาลัยที่พี่จะพาไปรู้จักสาขานี้ก็คือ อันดับที่ 3, 5 และ 9 ค่ะ
อันดับ 3 University of Chicago
University of Chicago ตั้งอยู่ที่มลรัฐ Illinois สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1890 โดย John D. Rockefeller เศรษฐีน้ำมันที่รวยติดอันดับโลกตลอดกาล และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Rockefeller ให้ทุนการศึกษาอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ สถาปัตยกรรมของมหาวิทยาลัยเน้นแบบกอธิคผสมผสานกับความทันสมัย ถึงตอนนี้สร้างบัณฑิตที่ได้รับรางวัลโนเบลมาแล้ว 87 คน และมี 8 คนที่ยังคงสอนหนังสืออยู่ที่นี่
สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์นั้นมุ่งสร้างบัณฑิตที่สามารถเข้าใจเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดีทั้งในมุมมองของผู้บริโภค ผู้ผลิต หรือนักเศรษฐศาสตร์เอง เข้าใจทั้งเรื่องการตั้งราคาโดยดูจากตลาดของทั้งโลก สามารถตีความสามารถพนักงานออกมาให้เป็นเงินเดือนที่เหมาะสมได้ รวมถึงสามารถคาดการณ์เศรษฐกิจในอนาคตได้ โดยนอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียนแล้ว นักศึกษาจะได้ออกไปสำรวจตลาดและบริษัทจริง ทำการทดลอง สร้างโมเดล รวมไปถึงบางวิชาที่อาจต้องเรียนต่อเนื่องหลายเทอมหรือปีเพราะต้องติดตามดูผลของการคาดการณ์และการทดลอง
นักศึกษาที่สามารถเรียนจบหลักสูตรได้ในเวลาสามปีหรือสามปีครึ่งสามารถใช้เวลาที่เหลือทำ Thesis เพื่อให้ได้ปริญญาตรีโครงการเกียรตินิยม ซึ่งสามารถข้ามไปเรียนระดับปริญญาเอกได้เลยในสาขาที่เกี่ยวข้องใน University of Chicago แต่ถ้าไม่อยากทำวิทยานิพนธ์ก็สามารถสมัครโครงการฝึกงานได้ หรือเรียนจบแล้วอยากทำงานเลย มหาวิทยาลัยก็มีศูนย์บริการให้คำปรึกษาอาชีพและหางานที่นักศึกษาสามารถขอใช้บริการได้ตลอด
น้องๆ ที่สนใจสมัครเข้าเรียนที่นี่ต้องมีจดหมายรับรองจากอาจารย์ที่สอนวิชาหลัก 2 ฉบับ ผลสอบ SAT หรือ ACT ไม่ได้กำหนดคะแนนขั้นต่ำมา ผลสอบ TOEFL 600 หรือ TOEFL iBT 104 หรือ IELTS 7.0 (ต้องได้ 7 ทุกพาร์ทด้วย) และต้องให้ศูนย์สอบของผลสอบทั้งหมดส่งตรงมาให้มหาวิทยาลัยเท่านั้น
ค่าเล่าเรียน ค่าตำรา ค่าหอพักพร้อมอาหาร และค่าใช้จ่ายส่วนตัวประมาณปีการศึกษาละ $62,425 (ประมาณ 1,900,000 บาท) แต่มีทุนช่วยเหลือและทุนเรียนดีให้กับนักศึกษาต่างชาติหลายทุนค่ะ
ทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://economics.uchicago.edu/undergraduate/
อันดับ 5 London School of Economics and Political Science (LSE)
London School of Economics and Political Science หรือ LSE ตั้งอยู่ใจกลางลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นทั้งศูนย์กลางของเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่หลากหลายจากทั่วโลก LSE ก่อตั้งขึ้นในปี 1895 ภายใต้ปณิธานที่ว่า “เพื่อสังคมที่ดีกว่า”
ที่ LSE เสนอปริญญาตรีวิชาเอกเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 3 รูปแบบคือ Economics, Economics and Economic History, และ Economics and Mathematical Economics นอกจากนี้ยังมีวิชาเอกอื่นควบคู่กับสาขาเศรษฐศาสตร์อีก 7 ปริญญา สำหรับวิชาเอกเศรษฐศาสตร์นั้นนอกจากจะเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาได้ออกไปประกอบอาชีพทางด้านเศรษฐศาสตร์โดยตรงแล้ว ผู้ที่ต้องการความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ติดตัวไปเพื่อไปประกอบอาชีพอื่นก็สามารถเรียนด้วยได้ เพื่อที่จะได้เข้าใจเศรษฐกิจโลกมากขึ้นและประสบความสำเร็จในอาชีพการงานมากกว่าผู้ที่เชี่ยวชาญในทักษะอาชีพเฉยๆ
ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ที่ LSE จัดว่ามีผลงานเผยแพร่งานวิจัยมากที่สุดในโลกโดยไม่รวมสหรัฐอเมริกา และยังคงสนับสนุนให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีมีส่วนในการวิจัยอย่างต่อเนื่อง นักศึกษาทุกคนจะต้องเชี่ยวชาญในทุกแง่มุมของเศรษฐศาสตร์ทั้งเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหัพภาค
LSE ไม่รับวุฒิม.6 ในการสมัครเข้าเรียนต่อ น้องๆ ควรมีวุฒิ IB จากโรงเรียนนานาชาติหรือมีผลสอบ A-Levels 3 วิชาหรือผลสอบ AP Group A อย่างน้อย 5 วิชาหรือผลการเรียนชั้นปีที่ 1 จากมหาวิทยาลัยอื่น ส่วนผลทดสอบภาษาอังกฤษนั้นควรมีผลสอบ IGCSE เกรด B ขึ้นไปหรือ IELTS 7.0 ทุกพาร์ทหรือ TOEFL 107 ขึ้นไปโดยไม่มีพาร์ทใดได้ต่ำกว่า 25
ค่าเล่าเรียนปีการศึกษาละ GBP 15,768 (ประมาณ 780,000 บาท) นักศึกษาต่างชาติสามารถขอทุนช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยได้ปีละ GBP 3,000 – 6,000 หรือขอทุนจากหน่วยงานภายนอก
ทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www2.lse.ac.uk/economics/home.aspx
อันดับ 9 University of Pennsylvania
University of Pennsylvania ตั้งอยู่ที่เมือง Philadelphia มลรัฐ Pennsylvania สหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 1740 โดย Benjamin Franklin ภายใต้สถาปัตยกรรมและบรรยากาศแบบชานเมือง เพื่อสนับสนุนสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การศึกษา ปัจจุบันยังคงรักษากลิ่นอายความเป็นชานเมืองเอาไว้ แต่ผสมผสานความเพียบพร้อม สะดวกสบายและทันสมัยของเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไปอย่างได้ลงตัว
ภาควิชาเศรษฐศาสตร์อยู่ในคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เสนอปริญญาตรีวิชาเอกเศรษฐศาสตร์ 2 รูปแบบคือ Economics และ Mathematical Economics นักศึกษาทั้ง 2 วิชาเอกจะได้เจาะลึกด้านเศรษฐศาสตร์ในทุกมุมมอง สามารถคำนวนนามธรรมออกมาเป็นตัวเลขและคาดการณ์แนวโน้มทางเศรษฐกิจได้ รวมไปถึงการบริหารการเงิน การเงินและการค้านานาชาติ การตั้งราคาและภาษี สำหรับนักศึกษาวิชาเอก Mathematical Economics จะเรียนเน้นด้านคณิตศาสตร์มากกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์ในระดับสูง โดยใช้การวิเคราะห์และวิจัยเชิงคณิตศาสตร์เป็นหลัก
น้องๆ ที่สนใจเรียนต่อที่นี่ควรมีผลสอบ SAT Reasoning Test และ SAT Subject Tests อีก 2 วิชา (ควรมีวิชา Mathematics Subject Test, Level 2) และผลสอบ TOEFL โดยระบุให้ส่งผลไปที่มหาวิทยาลัยโดยตรง นอกจากนี้ควรมีจดหมายแนะนำ 2 ฉบับและหลักฐานทางการศึกษาอื่นๆ
ค่าเล่าเรียน ค่าตำรา ค่าหอพักพร้อมอาหาร และค่าใช้จ่ายส่วนตัวประมาณปีการศึกษาละ $59,600 (ประมาณ 1,800,000 บาท) แต่มีทุนช่วยเหลือ และโครงการ Work-Study ของมหาวิทยาลัย
ทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://economics.sas.upenn.edu/
น้องๆ ที่อยากรู้อันดับทั้งหมดสามารถดูได้ที่นี่ค่ะ ใครถนัดคิดคำนวนและบริหารเงินเก่งน่าจะเหมาะกับสาขานี้นะคะ เรียนแล้วมาอธิบายให้พี่ฟังด้วย พี่ไม่เก่งวิชาเศรษฐศาสตร์ที่สุดเลย
ข้อมูล
http://www.topuniversities.com/
เว็บไซต์ทั้ง 3 มหาวิทยาลัย
ภาพประกอบ
Facebook ทางการของทั้ง 3 มหาวิทยาลัย
http://carnegie.org
อ่าน 10 อันดับสาขาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นี่ค่ะ
12 ความคิดเห็น
ขอบคุณนะคะ
I have been accepted into MSC Economics and Management at LSE and so excited to commence my study this year haha