น้องๆ ชาว Dek-D ทราบหรือไม่ว่า ประเทศเราจะมีการปรับหลักสูตรที่เราเรียนอีกครั้ง คาดว่าจะเริ่มใช้กับโรงเรียนนำร่องประมาณ 3,000 โรงเรียนในปีการศึกษาหน้านี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นโรงเรียนไหนบ้างนะ แต่พี่เกียรติขอพาไปทำความรู้จักกับว่าที่หลักสูตรใหม่นี้กันสักหน่อยค่า แต่! ขอบอกว่านี่้ยังเป็นแค่ร่างหลักสูตรนะจ๊ะ ยังไม่ใช่หลักสูตรสมบูรณ์จริงๆ แต่เราในฐานะผู้ที่จะต้องเรียนหลักสูตรนี้ ก็ควรรู้จักเผื่อกันไว้ก่อนจ้า
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีการประชุมเรื่องการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ เบื้องต้นทราบว่าหลักสูตรใหม่นี้จะแบ่งการจัดการศึกษาทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาออกเป็น 6 กลุ่มสาระวิชา ได้แก่
- กลุ่มภาษาและวรรณกรรม
- วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี
- ชีวิตกับโลกของงาน
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
- สังคมและความเป็นมนุษย์
- โลก ภูมิภาคและอาเซียน
และจะปรับลดชั่วโมงเรียนในห้องเรียนเหลือ 600 ชั่วโมงต่อปี และเรียนนอกห้องเรียน 400 ชั่วโมงต่อปี จากเดิมที่เรียน 1,000 - 1,200 ชั่วโมงต่อปี โดยจะใช้หลักสูตรใหม่นี้นำร่องในโรงเรียนทุกสังกัด ทั้งโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน โรงเรียนส่วนบริหารท้องถิ่น และโรงเรียนสาธิตต่างๆ โดยเริ่มใช้กับนักเรียนชั้น ป.1 ป. 4 ม.1 และม.4 ก่อนที่จะขยายไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ต่อไป ตามข่าวคาดว่าหลักสูตรจะเสร็จพร้อมนำร่องใช้ในปีหน้า (2557) นี้ค่ะ
หลักสูตรใหม่จะเน้นเน้นทักษะคณิตศาสตร์ ไทย อังกฤษ เป็นพื้นฐานให้นักเรียน ป.1 - 2 ก่อน ส่วน ป.3 ขึ้นไปจะเน้นเรียนเป็นกลุ่มสาระวิชา และมัธยมปลายเน้นเจาะลึกแต่ละวิชามากขึ้น มีแยกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และอื่นๆ เพื่อเป็นพื้นฐานต่อมหาวิทยาลัยได้ มีการเรียนการสอนบูรณาการแบบโครงการ ทั้งด้านสังคม ศาสนา และวิทยาศาสตร์ สอนการใช้เทคโนโลยีให้เป็น เน้นทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นมากขึ้น มีทักษะการงานอาชีพมากขึ้น ม.6 ก็จะใช่ต่อ ปวส.ได้ด้วย คือเน้นมีวิชาทักษะชีวิตมากขึ้น ไม่เน้นเรียนแต่วิชาการที่โตไปก็ลืมนั่นเอง
อย่างกลุ่มโลก ภูมิภาคและอาเซียน ก็จะมีการวางแผนการเรียนวิชาประวัติศาสตร์กันใหม่ ลดความขัดแย้งระหว่างชาติ ไม่เข้าข้างตัวเอง นอกจากเรื่องหลักสูตรแล้ว ตำราเรียนต่างๆ ก็จะค่อยๆ ปรับตามอีกด้วย สมัยพี่เกียรติเรียน หนังสือเรียนเล่มใหญ่มากๆ ถือไปเรียนที ต้องเรียกว่า แบกหลังแอ่น แถมเรียนไม่ครบทั้งเล่มด้วย ต่อไปก็น่าจะมีหนังสือเรียนที่ได้ใช้ได้จริง และทันสมัยมากขึ้นด้วยล่ะ
สรุปได้ว่า หลักสูตรใหม่นี้จะมีแค่ 6 กลุ่มสาระ เวลาเรียนในห้องเรียนลดลง จะได้เรียนแค่ประมาณ 5 - 6 คาบต่อวัน และได้เรียนแบบบูรณาการหลายทักษะในวิชาเดียวมากขึ้น ได้ทำโครงการ/โครงงาน และได้เรียนทักษะการงานอาชีพมากขึ้นด้วย
พี่เกียรติมองว่าหลักการการจัดกลุ่มวิชาแบบนี้ จะทำให้เกิดวิชาที่สามารถบูรณาการกันมากขึ้น เป็นพื้นฐานในการประยุกต์ใช้ความรู้สู่การประกอบอาชีพได้จริงในอนาคตนะคะ แต่เรื่องที่ว่าจะทำได้จริงและเกิดผลไหม หรือจะมีการชะลอหลักสูตรยังไม่ใช่จริงในปีหน้านี้หรือไม่ พี่เกียรติคิดว่าขึ้นอยู่กับคนจัดทำหลักสูตรด้วยนะ อยากให้ครูที่สอนจริงๆ ในโรงเรียนได้เข้าไปทำหลักสูตรมากกว่า และอยากได้ยินเสียงของนักเรียนจริงๆ (หรืออย่างน้อยก็เพิ่งจบล่ะ) เป็นคนเสนอแนะวิธีการและสิ่งที่อยากเรียนค่ะ
พี่เกียรติคิดเห็นแบบนี้ แล้วน้องๆ ชาว Dek-D ว่าอย่างไร ชอบการแบ่งวิชาแบบนี้หรือเปล่า ใครที่จะขึ้น ม.1 และม.4 ปีหน้า ก็เตรียมตัวไว้เลยล่ะ!
Twitter @kiatkarine
แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ:
- kroobannok.com/59274
แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ:
- kroobannok.com/59274
- facebook.com/DrPavich
- facebook.com/photo.php?fbid=548547505186008&set=pb.100000922895895.-2207520000.1373427444
- dailynews.co.th/education/215556
- prachachat.net/news_detail.php?newsid=1371438948
121 ความคิดเห็น
อยากเรียนภาษา อยากอ่านหนังสือนิยาย อยากเรียนวัฒนธรรม อยากไปเที่ยวต่างประเทศ 555++ (มันเป็นความฝันในส่วนลึก ๆ น่ะ)
ร้องเพลง ทอล์คโชว์ วาไรตี้ เกมโชว์ ดีเจ
เป็นวิชาเลือกก็เอา
ปล.โรงเรียนประจำจังหวัดกับประจำอำเภอสงสัยจะโดนก่อน
ถ้ามีอังกฤษมาแจม หนูจะไม่ชอบสังคมเลย โง่มากเลยคะ อังกฤษเนี่ย
ดีดี ~ เน้นภาษาไว้ยิ่งดี จะได้ดีในอนาคต
เป็นหลักสูตรที่ดีเลย เน้นปฏิัติ เรียนได้ตามี่ชอบ
จะได้มีกะจิต กะใจที่จะไปเรียน
////สุดยอดดดดดดด
เรียนตั้ง9คาบ เรียนเท่าห้องกิ๊ฟเลย
ผมก็เห็นด้วยนะ ถ้าดำเนินการแล้วอะไรดีขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดี
น่าตื่นเต้น น่าสนใจครับ
คหสต.นะตอนนี้ก้อยุ่ม.5ใช้จริงเราก้ม.6แล้ว คงไม่มีผลกระทบกับเราเท่าไร ยังไงเด็กไทยๆๆสู้ๆๆนะ
เพราะคนไทยอ่อนภาษาอังกฤษ(ตัวเราด้วย)ยังไงตั้งใจเรียนนะค่ะ ^^
แต่...เราก็กลัวว่าเค้าจะทำไม่ได้ตามนี้น่ะสิ
อยากเรียนนนน ~
เราเรียนอยู่ที่ราชวินิต ห้อง english program : ขอบอกว่าการบ้านเยอะมาก !!
แต่แบบนี้ก็ดีนะ จะได้มีเวลาไปทำกิจกรรมมากขึ้น :)
แต่ก็อยากให้มีแบบคาบสันทนาการให้เด็กทำในสิ่งที่อยากทำจัง
(เหมือนต่างประเทศที่เรียนครึ่งวันแล้วทำกิจกรรมอีกครึ่งวันอะ)
ชอบตรงภาษาและวัฒนธรรมนิแหละ มีวิชาเลือกด้วยก็โอเคไปอีกแบบ
1. อายุ 6-9 ปี (3 ปี) เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับพื้นฐานการเขียน-การอ่านภาษาต่างๆ(ทั้งไทยและเทศ) การเขียน-อ่านตัวเลขและการคำนวนเบื้องต้น(บวกลบเลขอย่างง่ายและอื่นๆที่จำเป็น) การเรียนรู้ทางด้านสังคมแวดล้อม(สภาพสังคมรอบตัวและการปรับตัว) การเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม-คุณธรรมจริยธรรม(การสอนธรรมะ-ปลูกฝังจิตสำนึก) พัฒนาทักษะต่างๆที่สำคัญเช่น การมีไหวพริบ คิดคำนวนเร็ว ทักษะพรสวรรค์ทางด้านต่างๆ เป็นต้น เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะกลายเป็นพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคตต่อไป
2. อายุ 9-11 หรือ 12 ปี (3 ปี) เรียนรู้และพัฒนาความรู้ทางด้านภาษาอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางการคำนวนในเรื่องต่างๆรอบด้าน เรียนรู้ทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์(วิทยาศาสตร์ทั่วไป) เรียนรู้ประวัติศาสตร์และสังคมไทย(การเป็นพลเมืองดี และอื่นๆที่จำเป็นทางด้านสังคม)เรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรมและจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง ต่อยอดการพัฒนาทักษะต่างๆ เรียนรู้ในการเปิดกว้างทางความคิด และสร้างแนวคิดแบบบูรณาการได้ สร้างจิตสาธารณะ
3. อายุ 11-15 หรือ 16 ปี (4 ปี) ต่อยอดความรู้และทักษะพื้นฐานในทุกๆด้าน(เน้นการแสดงความสามารถ-ความคิดเห็น หรือสิ่งต่างๆ) ขยายขอบข่ายการเรียนรู้จากสังคมภายในสู่สังคมโลก เรียนรู้พัฒนาการทางวัยของตนเอง เรียนความรู้ที่จำเป็นต่อการต่อยอดและพัฒนาเพื่อการตัดสินใจในการเรียนหรือดำรงชีพ
4. อายุ 15-18 หรือ 19 ปี (3 ปี) เรียนรู้ความรู้และทักษะพื้นฐานในระดับสูงที่จำเป็น และผู้เรียนสามารถเลือกเรียนความรู้พื้นฐานทางทักษะวิชาชีพที่ตนถนัดและสนใจ เรียนรู้พัฒนาการทางสังคมเป็นหลัก
5. อายุ 19 ปีขึ้นไป ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรู้ทักษะใดๆที่ตนถนัดและสนใจ เพื่อนำไปใช้สำหรับทางวิชาชีพ
จากข้างต้น จะเห็นได้ว่าหากใช้การเรียนในระบบ 8 กลุ่มสาระ จะเหมาะกับช่วงวัย 6-15 หรือ 16 ปี โดยในแต่ละช่วง ความสำคัญของกลุ่มสาระต่างๆจะแตกต่างกัน แต่พอมาในระดับ 15-18 หรือ 19 ปี ระบบ 8 กลุ่มสาระวิชาจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากวิชาเรียนนั้นจะเริ่มเน้นทักษะการประยุกต์มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ เหมือนเอา 8 กลุ่มสาระวิชา มาผสมกับระบบอุดมศึกษา(เพราะยังมีวิชาพื้นฐานอยู่บ้าง และมีวิชาเลือกต่างๆเข้ามาเพิ่มเติมโดยผู้เรียนเป็นผูเลือกลงเอง) พอขึ้นสู่ช่วง 19 ปีขึ้นไป แล้ว จะเป็นการเรียนแบบอุดมศึกษาอย่างชัดเจน
ผมว่ามันน่าคิดนะครับ ที่จะจัดระบบการศึกษาตามช่วงวัย ส่วนเรื่องของเวลาเรียนนั้น ผมอยากให้จัดให้เรียนแบบเรียนเป็นกลุ่มสาระวิชา (8 กลุ่มสาระ เท่ากับ 8 วิชาใน 1 สัปดาห์) โดยที่หน่วยกิตไม่ต้องกำหนดด้วยเวลาที่แน่นอน(เนื่องจากรายกลุ่มสาระนั้นมีเนื้อหามากน้อยต่างกัน ไปจำงทำให้การใช้เวลาย่อมต่างกัน) เช่น กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ(อังกฤษ-จีน)12 หน่วยกิต เรียน 6 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ 12 หน่วยกิต 8 ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์ เป็นต้น และยังเป็นการบอกถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นๆได้ดีกว่าการดูที่หน่วยกิตอย่างเดียว และการเรียนรู้แบบนี้ ยังผลดีกว่าการเรียนรู้แบบแยกคาบแยกวิชา เพราะมันมีความต่อเนื่องในการเรียนรู้มากกว่า และยังสามารถจัดระบบการสอนได้ดีกว่าอีกด้วย
นี่เป็นเพียงแนวคิดของผมเท่านั้นนะครับ แต่หวังว่าจะมีคนนำไปใช้ได้
1. อายุ 6-9 ปี (3 ปี) เรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับพื้นฐานการเขียน-การอ่านภาษาต่างๆ(ทั้งไทยและเทศ) การเขียน-อ่านตัวเลขและการคำนวนเบื้องต้น(บวกลบเลขอย่างง่ายและอื่นๆที่จำเป็น) การเรียนรู้ทางด้านสังคมแวดล้อม(สภาพสังคมรอบตัวและการปรับตัว) การเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม-คุณธรรมจริยธรรม(การสอนธรรมะ-ปลูกฝังจิตสำนึก) พัฒนาทักษะต่างๆที่สำคัญเช่น การมีไหวพริบ คิดคำนวนเร็ว ทักษะพรสวรรค์ทางด้านต่างๆ เป็นต้น เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะกลายเป็นพื้นฐานที่จำเป็นในอนาคตต่อไป
2. อายุ 9-11 หรือ 12 ปี (3 ปี) เรียนรู้และพัฒนาความรู้ทางด้านภาษาอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางการคำนวนในเรื่องต่างๆรอบด้าน เรียนรู้ทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์(วิทยาศาสตร์ทั่วไป) เรียนรู้ประวัติศาสตร์และสังคมไทย(การเป็นพลเมืองดี และอื่นๆที่จำเป็นทางด้านสังคม)เรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรมและจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง ต่อยอดการพัฒนาทักษะต่างๆ เรียนรู้ในการเปิดกว้างทางความคิด และสร้างแนวคิดแบบบูรณาการได้ สร้างจิตสาธารณะ
3. อายุ 11-15 หรือ 16 ปี (4 ปี) ต่อยอดความรู้และทักษะพื้นฐานในทุกๆด้าน(เน้นการแสดงความสามารถ-ความคิดเห็น หรือสิ่งต่างๆ) ขยายขอบข่ายการเรียนรู้จากสังคมภายในสู่สังคมโลก เรียนรู้พัฒนาการทางวัยของตนเอง เรียนความรู้ที่จำเป็นต่อการต่อยอดและพัฒนาเพื่อการตัดสินใจในการเรียนหรือดำรงชีพ
4. อายุ 15-18 หรือ 19 ปี (3 ปี) เรียนรู้ความรู้และทักษะพื้นฐานในระดับสูงที่จำเป็น และผู้เรียนสามารถเลือกเรียนความรู้พื้นฐานทางทักษะวิชาชีพที่ตนถนัดและสนใจ เรียนรู้พัฒนาการทางสังคมเป็นหลัก
5. อายุ 19 ปีขึ้นไป ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรู้ทักษะใดๆที่ตนถนัดและสนใจ เพื่อนำไปใช้สำหรับทางวิชาชีพ
จากข้างต้น จะเห็นได้ว่าหากใช้การเรียนในระบบ 8 กลุ่มสาระ จะเหมาะกับช่วงวัย 6-15 หรือ 16 ปี โดยในแต่ละช่วง ความสำคัญของกลุ่มสาระต่างๆจะแตกต่างกัน แต่พอมาในระดับ 15-18 หรือ 19 ปี ระบบ 8 กลุ่มสาระวิชาจะไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากวิชาเรียนนั้นจะเริ่มเน้นทักษะการประยุกต์มากขึ้น ซึ่งตรงนี้ เหมือนเอา 8 กลุ่มสาระวิชา มาผสมกับระบบอุดมศึกษา(เพราะยังมีวิชาพื้นฐานอยู่บ้าง และมีวิชาเลือกต่างๆเข้ามาเพิ่มเติมโดยผู้เรียนเป็นผูเลือกลงเอง) พอขึ้นสู่ช่วง 19 ปีขึ้นไป แล้ว จะเป็นการเรียนแบบอุดมศึกษาอย่างชัดเจน
ผมว่ามันน่าคิดนะครับ ที่จะจัดระบบการศึกษาตามช่วงวัย ส่วนเรื่องของเวลาเรียนนั้น ผมอยากให้จัดให้เรียนแบบเรียนเป็นกลุ่มสาระวิชา (8 กลุ่มสาระ เท่ากับ 8 วิชาใน 1 สัปดาห์) โดยที่หน่วยกิตไม่ต้องกำหนดด้วยเวลาที่แน่นอน(เนื่องจากรายกลุ่มสาระนั้นมีเนื้อหามากน้อยต่างกัน ไปจำงทำให้การใช้เวลาย่อมต่างกัน) เช่น กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ(อังกฤษ-จีน)12 หน่วยกิต เรียน 6 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ 12 หน่วยกิต 8 ชั่วโมงใน 1 สัปดาห์ เป็นต้น และยังเป็นการบอกถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นๆได้ดีกว่าการดูที่หน่วยกิตอย่างเดียว และการเรียนรู้แบบนี้ ยังผลดีกว่าการเรียนรู้แบบแยกคาบแยกวิชา เพราะมันมีความต่อเนื่องในการเรียนรู้มากกว่า และยังสามารถจัดระบบการสอนได้ดีกว่าอีกด้วย
นี่เป็นเพียงแนวคิดของผมเท่านั้นนะครับ แต่หวังว่าจะมีคนนำไปใช้ได้