สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori เช่นเคย
ตอนนี้ก็เข้าสู่ครึ่งปีหลังกันแล้ว (และ KoreanKori ของเรา ก็ครบ 1 ปีแล้วนะ)
เริ่มต้นกับเดือนกรกฎาคม เวลาผ่านไปไวมาก จนพี่เองยังตกใจเลยล่ะ 5555
ครึ่งปีที่ผ่านมา น้องๆ ได้ทำอะไรกันไปบ้างแล้วคะ? ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ
กันหรือยัง? หากมีเวลาว่าง ลองนั่งทบทวนกันดูนะว่า สิ่งที่เราทำไปใน
ครึ่งปีแรกมีสิ่งไหนที่มันสำเร็จหรือเป็นรูปเป็นร่างแล้วบ้าง??
ส่วนที่เกาหลีใต้นั้น พอครบครึ่งปีแรก เค้าก็มักมีการจัดอันดับนั่นโน่นนี่ เช่น
เพลงที่ดังที่สุดในครึ่งปีแรก ละครที่เรตติ้งสูงที่สุดในครึ่งปีแรก และที่
พลาดไม่ได้เลยก็คือ "ข่าวที่ดังมากที่สุดในครึ่งปีแรก" ซึ่ง พี่เป้ ได้ลองสรุป
มาให้อ่านกันแล้วกับ KoreanKori ตอนที่ 44 เชื่อว่ามีหลายข่าวๆ ที่เราน่า
จะเคยผ่านหู และมีอีกหลายข่าวที่ น้องๆ อาจจะไม่เคยได้ยิน ลองมาอ่านกัน
ดูดีกว่า รับรองว่าทั้งสนุกและมีประโยชน์แน่นอนค่ะ!
คำว่า "ครึ่งปีแรก" ในภาษาเกาหลีคือ 상반기 (ซัง-บัน-กี) |
##สีของหัวสไลด์
1=ส้ม
2=ฟ้า
3=ชมพู
4=ม่วง
5=ฟ้า
6=เขียว##
ใส่สีเลขสีที่นี่หลังเครื่องหมายดอกจันทร์ห้ามมีเว้นวรรคนะ-> *6
TOP 10 South Korea News For First Half of 2013
เป็นอีกข่าวที่ดังมากที่เกิดในปลายเดือนพฤษภาคม รวมถึงแฟนเพลงเกาหลีในไทยน่าจะพอได้ยินข่าวนี้กันบ้าง กับนักร้องหนุ่มรูปหล่อ "ซนโฮยอง" อดีตสมาชิกวง G.O.D วงบอยแบนด์ชื่อดังจากเกาหลี ที่ต้องพบข่าวเศร้า เมื่อมีการพบร่างแฟนสาวของเขานอนเสียชีวิตอยู่ในรถยนต์ ซึ่งภายในรถนั้นพบก้อนอิฐ ถ่านหิน ยานอนหลับ และจดหมายลาตายอยู่ในนั้น ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากการที่ทั้งคู่มีปากเสียงและผิดใจกัน รวมถึงฝ่ายหญิงยังมีปัญหาเรื่องหนี้สินอีกด้วย ทำให้เธอตัดสินใจจบชีวิตของตัวเอง
ฝ่ายซนโฮยองนั้น เขาตกใจและช็อกมาก ทำให้ต้องแคนเซิลตารางงานทุกอย่างในช่วงนั้น ... แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็เกิดข่าวช็อกระลอกสอง เมื่อซนโฮยองพยายามฆ่าตัวตามแฟนสาว!! โดยเขาพยายามรมควันในรถยนต์จนเกิดไฟไหม้ แต่โชคดียังดีที่ผู้คนบริเวณนั้นเห็นว่าผิดปกติจึงรีบช่วยเขาออกมาได้
ข่าวนี้เป็นอีกข่าวใหญ่ของเกาหลีในช่วงครึ่งปีแรกเลยค่ะ เพราะก็มีคนสันนิษฐานไปต่างๆ นานาว่า ผู้หญิงฆ่าตัวตายเองจริงเหรอ เป็นฆาตกรรมหรือเปล่า และพอซนโฮยองพยายามฆ่าตัวตายตาม ก็ยิ่งทำให้เป็นปมน่าสงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? ส่วนซนโฮยอง ตอนนี้เขาเก็บตัวเงียบเพราะสภาพจิตใจนั้นบอบช้ำจากเรื่องนี้มากค่ะ TT
โชยงพิล (Cho Yong Pil) เป็นศิลปินเกาหลีวัย 63 ปี ซึ่งมีชื่อเสียงดังมากกกกกกกค่ะ ดังนั้นการกลับมาของเขาจึงเป็นที่จับตามองของคนทั้งประเทศ (อารมณ์พี่เบิร์ด) ไม่ใช่แค่แฟนเพลงเท่านั้น แม้แต่ศิลปินในวงการเองเค้ายังตื่นเต้นกันมากๆ เลยค่ะ เพราะโชยงพิลได้ชื่อว่าเป็นศิลปินคนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อวงการเพลงเกาหลีมาก
สำหรับซิงเกิลที่ดังสุดๆ ของการกลับมาของเขาคือเพลง BOUNCE (มีใครเคยได้ฟังมั้ย?) กับอัลบั้มที่ชื่อว่า Hello ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ 19 ของเขา ทันทีที่เพลงถูกปล่อยให้ดาวน์โหลด ก็ฟาดที่ 1 ทุกชาร์ท ส่วนซีดีนั้น ก็ขายหมดเกลี้ยงทันทีที่วางแผง เรียกว่าผลิตกันไม่ทันขายเลยทีเดียว
เรื่องนี้เกิดเมื่อตอนต้นปีแต่มาเป็นข่าวดังเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาค่ะ เมื่อดาราชายชื่อดัง(มาก)อย่าง "ปาร์คชีฮู" โดนแจ้งจับในข้อหาข่มขืนล่วงละเมินทางเพศเด็กฝึกหัดหญิงสาวในบริษัทบันเทิงแห่งหนึ่ง โดยฝ่ายหญิงได้แจ้งความว่า ทั้งคู่ได้พบกันที่คลับแห่งหนึ่งและเมาจนฝ่ายหญิงหมดสติ จากนั้นพระเอกดังก็พาหล่อนไปล่วงละเมินทางเพศที่อพาร์ทเมนท์ของเขา
ฝ่ายปาร์คชีฮูและทนายความก็ได้สู้คดีโดยอธิบายว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันธรรมดา ไม่ได้เป็นการล่วงละเมิดแต่อย่างใด แต่ฝ่ายหญิงได้พยายามใช้ชื่อเสียงของเขาเล่นงานเขา เพราะต้องการเงินก้อนโต (ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร) ต่อมาคดีได้ยุติลงเพราะฝ่ายหญิงถอนฟ้อง และไม่พบหลักฐานใดๆ ว่าเธอถูกมอมยาอย่างที่เธอแจ้งความ รวมถึงปาร์คชีฮูได้โชว์หลักฐานชิ้นสำคัญ เป็นข้อความที่หล่อนและเพื่อนคุยกันผ่านโปรแกรมแชท Kakaotalk โดยหล่อนได้แชทว่า หล่อนจะแสดงตนเป็นเหยื่อที่น่าสงสารและเรียกร้องค่าเสียหายจากปาร์คชีฮู
หลังจากคดีจบลง ปาร์คชีฮูได้ตัดสินใจหยุดงานในวงการชั่วคราวและจะไม่รับงานใดๆ อีกภายในปีนี้ ข่าวนี้เรียกว่าเป็นข่าวที่ทำให้แฟนคลับใจสลายทีเดียวค่ะ เพราะปาร์คชีฮูก็ถือว่าเป็นพระเอกแนวหน้า มีแฟนคลับทั่วประเทศ ลองคิดดูสิว่า ถ้าไอดอลที่เราเป็นแฟนคลับมีข่าวแบบนี้ออกมา โฮฮฮฮฮฮฮฮ ใจสลายแน่นอน T^T
บริษัทธุรกิจนัมยาง(Namyang Dairy Products) เป็นบริษัทที่ผลิตอาหารรายใหญ่ของเกาหลีใต้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีคลิปเสียงถูกปล่อยออกมา โดยเป็นเสียงของเจ้าของร้านขายของชำรายหนึ่งที่รับสินค้าของบริษัทนัมยางไปขาย กำลังถกเถียงกับตัวแทนของบริษัท โดยเนื้อหาในการถกเถียงกันนั้นมีใจความคร่าวๆ ว่า...ปกติร้านค้านี้จะรับสินค้าไปขายครั้งละ 20 กล่อง แต่ตัวแทนบริษัทได้ "บังคับ" ให้รับไปขายครั้งละ 60 กล่อง แต่เจ้าของร้านไม่ยอมเพราะคิดว่าไม่สามารถขายสินค้าได้หมดก่อนสินค้าหมดอายุแน่ๆ แถมแค่ 20 กล่องก็ขายยังไม่ค่อยจะหมดอีกด้วย
เมื่อคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตเกาหลีได้รุมประณามและต่อว่าบริษัทนัมยางกันยกใหญ่ที่มีกลยุทธ์การกระจายสินค้าแบบนี้ เพราะถือเป็นการขู่บังคับ จากนั้นก็มีการรวมตัวของเจ้าของร้านขายของชำหลายรายที่ประทัวงบริษัทนัมยางเพราะหลายคนเจอเหตุการณ์คล้ายกันทำนองนี้ หากพวกเขาไม่ยอมรับสินค้าจำนวนมากไปขาย บริษัทนัมยางก็จะไม่อนุญาตให้ขายสินค้าของบริษัทอีกเลย
จนในที่สุดผู้บริหารระดับสูงต้องออกมาขอโทษต่อสังคมและสั่งไล่ตัวแทนของบริษัทคนนั้นออก เรื่องนี้จึงจบลงด้วยดีค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนค่ะ มีบุคคลระดับสูงของ POSCO Energy ซึ่งเป็นบริษัทผลิตพลังงานรายใหญ่ของเกาหลี โดยข่าวใช้ตัวย่อว่านาย A ใช้หนังสือแม็กกาซีนตีหัวแอร์โฮสเตรสบนเครื่องบินสายการบิน Korean Air เที่ยวบินไปลอสแองเจลิส อเมริกา ส่วนสาเหตุน่ะเหรอคะ ...
นาย A ได้สั่งอาหารเป็นบะหมี่ค่ะ แต่เมื่อเปิดดูพบว่าบะหมี่นั้นไม่สุก เขาเลยขอใหม่ และพอได้ชามใหม่แล้ว ก็พบว่ารสชาติไม่ถูกปาก เขาจึงโมโหมาก ใช้แม็กกาซีนตีหัวแอร์โฮสเตรสคนนั้นที่นำมาเสิร์ฟซะเลย!
เมื่อเดินทางถึงอเมริกา ทางลูกเรือและสายการบินได้ลงมาแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ FBI และเจ้าหน้าที่ของสนามบิน โดยเจ้าหน้าที่ FBI ได้ยื่นข้อเสนอแก่นาย A 2 ข้อคือ 1. อนุญาตให้เข้าประเทศอเมริกาได้ แต่เมื่อเข้าแล้ว จะต้องถูกสอบสวนเรื่องนี้ก่อน 2. บินกลับเกาหลีใต้ไปซะ
แน่นอนว่านาย A เลือกข้อสองค่ะ แต่พอกลับมาแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นข่าวใหญ่ ถูกคนด่าเยอะมาก ดังนั้นบริษัท POSCO Energy จึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนาย A และนอกจากนี้ชาวเน็ตเกาหลีก็ได้ทำภาพล้อเลียนนาย A ด้วยค่ะ เช่น รูปพ่อครัวทำบะหมี่แต่ตัดต่อเอาหน้านาย.A มาใส่แทน .... เห็นข่าวนี้แล้ว ก็นึกถึงเรื่องพนักงานสนามบินสุวรรณภูมิที่ถูกเจ้าหน้าที่ระดับใหญ่ของหน่วยงานหนึ่งตบหูจนแก้วหูฉีกเลยค่ะ เป็นข้อเตือนใจได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นบุคคลระดับสูงแค่ไหน แต่หากคิดใช้ความรุนแรงล่ะก็ ยังไงก็ถูกสังคมประณามแน่นอน....เพราะอารมณ์โมโหแท้ๆ เลยกลายเป็นข่าวใหญ่เลย เห็นมั้ยล่ะ..
เดินทางมาถึงอันดับ 5 แล้ว เรื่องนี้เกิดเมื่อ 20 มีนาคม เพราะสถานีโทรทัศน์ของเกาหลีช่องดังอย่าง MBC KBS และ YTN รวมถึงธนาคารชินฮันและธนาคารนงฮยอบ ได้เข้าแจ้งความว่า เครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้นล่มและหยุดทำงานทั้งหมด กระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์กว่า 3 หมื่นเครื่อง คาดว่าระบบจะถูกแฮ็ก
ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ได้ทำการตรวจสอบและพบว่า ไอพีแอดเดรสที่เกี่ยวข้องกับการแฮ็กครั้งนี้เป็นไอพีแอดเดรสจากประเทศจีน แต่คนส่วนมากก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือ เพราะเคยเกิดเหตุทำนองเดียวกันนี้มาแล้ว 2 ครั้งและเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือทั้งสิ้น เพราะในเกาหลีเหนือนั้น มีการจัดตั้งทีมวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการฝึกฝนเพื่อเจาะเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของเกาหลีใต้โดยเฉพาะด้วยล่ะค่ะ
ข่าวนี้เรียกว่าเป็นอีกข่าวที่สะพรึงและสะเทือนขวัญคนเกาหลีใต้มากๆ เลยค่ะ เพราะในอดีตนั้น เกาหลีมีข่าวอาชญากรรมไม่เยอะมาก แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข่าวทำนองนี้มากขึ้นทุกวันจนปวดตับกันเลยทีเดียว รวมถึงข่าวนี้ด้วย...
สำหรับข่าวนี้เกิดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อนักศึกษาหญิงอายุ 22 ปี ของมหาวิทยาลัยหญิงล้วนแห่งหนึ่ง ในเมืองแทกู เกิดหายตัวลึกลับหลังจากไปเที่ยวผับกับเพื่อนตอนกลางคืน ทางบ้านจึงไปแจ้งตำรวจ ซึ่งก็ได้สืบพบว่า ก่อนหายตัวไป นักศึกษาหญิงคนนี้ได้นั่งแท็กซี่ ทำให้คนขับแท็กซี่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าน่าจะมีส่วนกับเรื่องนี้ ตำรวจจึงได้พยายามตามหาตัวคนขับมาสอบสวน ไม่กี่วันหลังจากนั้น ตำรวจได้เข้าจับคนขับแท็กซี่รายนี้ในอพาร์ทเมนท์ที่อาศัยอยู่ ซึ่งได้ทำการสอบสวนเป็นเวลา 6 ชั่วโมง คนขับแท็กซี่รายนี้ให้การว่า..
"พอรับนักศึกษาหญิงขึ้นรถมา นักศึกษาคนนั้นก็เมาหลับ อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายคนนึงโบกรถและขอขึ้นมาด้วย โดยอ้างว่าเป็นแฟนของผู้หญิงคนนี้ ก่อนจะพากันลงไปขึ้นแท็กซี่คันอื่น ซึ่งคนขับรายนี้ก็แอบขับตามไปดูเพราะไม่ค่อยไว้ใจ โดยแท็กซี่อีกคันนั้นได้ขับไปทางใต้ของเมืองแทกู ก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะลงจากรถ ซึ่งบริเวณที่ลงนั้นเป็นหน้าโรงแรมม่านรูด"
จากคำให้การณ์ของคนขับแท็กซี่ ตำรวจจึงรีบไปยังโรงแรมม่านรูดแห่งนั้นและขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้พบว่า คนร้ายได้พาเหยื่อซึ่งอยู่ในสภาพเมาหลับเข้าโรงแรม แต่ห้องพักเต็ม จากนั้นจึงได้กลับบ้านมาที่ห้องแล้วทำการข่มขืนและฆ่าโดยการบีบคอจนตาย ก่อนจะเช่ารถและขับเพื่อนำศพไปทิ้งแถวๆ อ่างเก็บน้ำ (ใจร้ายสุดๆ)
อีกประเด็นหนึ่งนอกจากเรื่องฆาตกรรมที่คนเกาหลีออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากก็คือ "แพะรับบาป" เพราะแท็กซี่คนนี้ก็ได้ให้สัมภาษณ์หลังถูกปล่อยตัวว่า "6 ชั่วโมงของการถูกสอบสวนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก เพราะตำรวจทุกคนก็มองเขาและปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นฆาตกร พอกลับบ้านมา คนรอบข้างก็มองเค้าเป็นคนแปลกและคนไม่ดี ต่อไปก็คงทำงานเป็นคนขับแท็กซี่อีกไม่ได้แล้ว"....ซึ่งทำให้คนเกาหลีออกมาด่าตำรวจเยอะมาก และพยายามเชียร์ให้คนขับแท็กซี่รายนี้ฟ้องร้องตำรวจเลยล่ะค่ะ
ความตึงเครียดที่ทั่วโลกจับตามองนี้ เริ่มจากเมื่อปลายปีก่อน เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล ทำให้องค์การสหประชาชาติคว่ำบาตร รวมถึงผู้นำเกาหลีเหนืออย่าง "คิมจองอึน" ได้เดินสายตรวจเยี่ยมหน่วยทหารต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นฝ่ายสหรัฐอเมริกาเลยทนไม่ไหว (เพราะเกาหลีเหนือทำตัวกวนประสาทมาก) จึงได้ขู่กลับด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ B-52, B-2 มาบินเหนือน่านฟ้าเกาหลีใต้(แต่ไม่ได้ทิ้งระเบิด) และส่งเครื่องบินรบรุ่นใหม่ล่าสุด F-22 ไปประจำการที่ฐานทัพในเกาหลีใต้ เพื่อเป็นการขู่กลับนัยๆ ว่า อย่าคิดทำอะไรเกาหลีใต้นะ เพราะอเมริกาอยู่ข้างเกาหลีใต้และพร้อมรบอยู่แล้ว
ดังนั้นเกาหลีเหนือจึงประกาศสงครามกับเกาหลีใต้ ขู่จะยิงอาวุธนิวเคลียร์(เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) แถมยังขู่อีกด้วยว่า ให้คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเกาหลี ออกจากประเทศไปให้เร็วที่สุด ซึ่งทั่วโลกก็จับตามองและเกรงว่าจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3!!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ชาวเกาหลีใต้เค้าก็ใช้ชีวิตกันอย่างปกตินะคะ ไม่ได้หวาดระแวงหรือกังวลอะไรกันแต่อย่างใด แต่ก็มีนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางไปเกาหลีใต้หลายคนเกิดความกังวลว่าจะปลอดภัยหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้นค่ะ ... นี่แหละคือสาเหตุที่ผู้ชายเกาหลีใต้ทุกคนจะต้องเกณฑ์ทหาร เพราะหากวันหนึ่งเกิดมีสงครามจริงๆ ก็จะต้องเข้าร่วมรบนั่นเอง
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ซึ่งถือเป็นคนที่ 18 และผู้ที่ได้รับตำแหน่งคือ "พัก กึน ฮเย" ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีที่มีประธานาธิบดีเป็นผู้หญิง ถือว่าสร้างความฮือฮากันอยู่พักใหญ่เลยล่ะค่ะ (อ่านเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีเพิ่มเติม คลิกที่นี่)
โดย "พัก กึน ฮเย" ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในฐานะประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2013 ซึ่งในพิธีรับตำแหน่ง มีผู้ร่วมงานกว่า 7 หมื่นคน และมีผู้นำประเทศจากหลายประเทศเข้าร่วมเป็นเกียรติในงานด้วยทำให้เป็นข่าวครึกโครมและเป็นที่จับตามองไปทั่วโลกว่า ประธานาธิบดีหญิงคนนี้จะพัฒนาเกาหลีใต้ไปได้ไกลแค่ไหน ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดของคาบสมุทรเกาหลี
และข่าวที่ฮอตอันดับ 1 ในครึ่งปีแรกก็คือ PSY!! หลังจากในปี 2012 เกิดปรากฏการณ์กับเพลง "Gangnam Style" กับท่าเต้นควบม้า ฮิตและดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ทั่วโลกต่างหาก เพราะยอดวิวในยูทูบก็ทะลุหลักพันล้านทำลายสถิติทุกคลิปไปแล้ว และในปี 2013 ลุง PSY ก็กลับมาอีกครั้งกับเพลง Gentleman ซึ่งก็เป็นที่จับตามองไปทั่วโลกว่า เพลงนี้จะสร้างกระแสไปทั่วโลกเหมือน Gangnam Style ได้หรือไม่?
ซึ่งผลสุดท้ายก็ออกมาว่า ถึง Gentleman จะดังสู้ Gangnam Style ไม่ได้ (แหม ก็เพลงเก่าดังไปทั่วโลกขนาดนั้น ถ้าจะดังกว่านี้ คงต้องดังไปนอกโลกแล้วล่ะมั้ง) แต่ก็ไม่ทำให้เสียหน้าแต่อย่างใดค่ะ เพราะเพลงนี้ก็ยังขึ้นชาร์ทบิลบอร์ดได้ถึงอันดับที่ 5 ถือเป็นความภาคภูมิใจอีกครั้งของชาวเกาหลีใต้
66 ความคิดเห็น
เรียกว่าตอนนี้คงไม่มีใครไม่รุจักท่าเต้นควบม้า psyทำให้วงการเพลงเกาหลียิ่งเป็นที่รู้จักใน
วงกว้างเลยค่ะ สุดยอด
เพราะ มันรุนแรงมากสำหรับคนคนหนึ่งแสดงให้เห็นว่าชีวิตของพวกเรามีสองด้านเสมอ ต่อหน้าอาจจะทำอย่างหนึ่ง ลับหลังอาจจะวางแผนอะไรอยู่ก็ได้ ข้อนี้สอนว่าอย่าไว้ใจใครมากเกินไปแต่ก็ไม่ควรระแวงมากจนเกินไป :'))
ตอนแรกเห็นข่าวก็ช็อคแล้ว พออ่านเนื้อหาข่าวแล้วแบบ O..o"
ไม่น่าเชื่อเลยว่าเกาหลีใต้จะมีอะไรขนาดนี้ ทั้งๆที่ความปลอดภัยสูงมากในทุกๆอย่าง
เห้อ เลยเป็นข้อคิดเลยค่ะว่าไม่ว่าที่ไหน ก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น ไว้ใจใครไม่ได้ นอกจากตัวเราเอง
แฮ็คระบบได้นี้โคตรเจ๋งอ่ะชอบแต่ถ้าแฮ็คแบบนี้ฉันจะเอาอะไรดูศิลปินคัมแบ็คล่ะจ๊ะ
เพราะการที่ทั้งสองประเทศนี้ทำสงครามกัน นั่นก็จะเท่ากับว่านี่เป็นสงครามโลกครั้งที่3 และจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และอาจขยายลามไปถึงประเทศต่างๆโดยที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าสงครามจะจบเมื่อใด โศกนาฏกรรมต่างๆอีกล่ะ จะต้องมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้นี้อีกเท่าไหร่ล่ะ