11 สิ่งที่ควรลงมือทำเดี๋ยวนี้...เห็นผล 5 ปีชีวิตดีขึ้นมาก!!

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และวัฒนธรรมต่างประเทศสนุกๆ อีกเช่นเคย^^ สำหรับเรื่องสนุกๆ ที่นำมาฝากวันนี้ จะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมต่างประเทศก็ไม่เชิงค่ะ แต่พี่ไปเจอบทความจากเว็บไซต์ต่างประเทศแห่งนึงซึ่งอ่านแล้วชอบมากกกกกกก เค้าเขียนเกี่ยวกับ "สิ่งที่เราควรทำ เพราะมันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า" เลยอยากนำมาฝากค่ะ เพราะอีกไม่นานก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว เผื่อใครอยากหาวิธีพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ทำได้จริง เห็นผลจริง^^"


หัวเราะวันละ 5 นาทีในทุกๆ เช้า

    มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา บอกไว้ว่า เมื่อเราอารมณ์ดีแล้วหัวเราะ สมองจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งทำให้เรามีความสุขและจะช่วยให้เราจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่กว้างขึ้นด้วยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า การหัวเราะนั้นมีประโยชน์ต่อระบบร่างกายมาก เช่น เมื่อหัวเราะมากๆ ถือเป็นการออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ หัวใจจึงสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น ช่วยลดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ได้ด้วยค่ะ ^^ 
   
      หลายคนคงคิดไม่ออกว่าตอนเช้าตื่นมาง่วงๆ จะหัวเราะได้ยังไง ลองมองดูรอบๆ ตัวดีมั้ยคะว่ามีอะไรบ้างที่พอเห็นแล้วเราจะยิ้มได้ทันที เช่น น้องหมาที่เราเลี้ยงไงล่ะ แกล้งน้องหมาตอนเช้าวันละนิตจิตแจ่มใสนะเออ (ถึงมันจะรำคาญเราบ้างก็เถอะ 5555)



เขียนไอเดียความคิดวันละ 20 อย่างลงบนอะไรก็ได้ 

    เขียนไปเรื่อยๆ และวันหนึ่งเราอาจจะขุดเจอ "สิ่งที่ใช่" ก็ได้นะ และเมื่อค้นหาเจอแล้ว อย่าลืมลงมือทำมันด้วย ไม่ต้องเป็นเรื่องจริงจังก็ได้ค่ะ อาจเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่เราบังเอิญนึกขึ้นได้ เช่น

- บังเอิญเปิดเจอรีวิวพาเที่ยวเวียดนาม น่าไปซักครั้ง
- วันนี้กินส้มตำผลไม้ แม่ค้าน่าจะใส่ลำไยลงไปด้วยนะ
- ทองเนื้อเก้าสนุกดี แต่น่าจะมีละครที่เหมือนลำยองแต่เป็นผู้ชายบ้าง

8 วิธีทำตัวเองให้มีความสุข ฉบับง่ายมาก ลงมือได้ทันที

     จริงๆ ไม่ต้องถึง 20 อย่างก็ได้ เอาเท่าที่เราพอจะนึกออก ไม่แน่นะว่าถ้าเราเขียนไว้ทุกวันตลอด 5 ปี เวลามาย้อนอ่านมันต้องเจออะไรเด็ดๆ ที่น่าเอาไปต่อยอดบ้างล่ะ



 อ่านหนังสือสัปดาห์ละ 1 เล่ม แต่ถ้าวันไหนที่คุณรวยขึ้นมากๆ 
   ให้เปลี่ยนเป็นอ่านวันละ 1 เล่มแทน จะอ่านพวกนิยายก็ได้

     น้องๆ รู้มั้ยคะว่าบุคคลที่รวยติดอันดับโลก หรือระดับพวก CEO เนี่ย เค้าอ่านหนังสือกันเยอะมากๆๆๆ เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือเลยล่ะค่ะ ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ดังนั้นใน 1 สัปดาห์ จึงแนะนำไว้ว่า ควรอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม หนังสืออะไรก็ได้แต่ถ้าเป็นหนังสือที่ให้ความรู้หรือช่วยเปิดโลกทัศน์จะดีมาก และพอเรารวยแล้ว(และมีเวลาว่างมากขึ้น) ให้ลองเปลี่ยนมาอ่านเป็นวันละ 1 เล่มแทน
8 วิธีทำตัวเองให้มีความสุข ฉบับง่ายมาก ลงมือได้ทันที

     ที่อยากแนะนำคือ ถ้าน้องๆ นับถือคนดังระดับโลกคนไหนเป็นไอดอล ลองเซิร์ชหาดูก็ได้ค่ะว่าคนๆ นั้นเค้าชอบอ่านหนังสืออะไร อย่าง วอร์เรน บัฟเฟต์ ที่เป็นนักลงทุนในหุ้นที่รวยมากๆๆๆ ที่สุดในโลก ก็ถือเป็นหนอนหนังสือตัวยง มีหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการลงทุนที่เขาแนะนำให้อ่าน เช่น Common Stocks and Uncommon Profits, The Intelligent Investor, The Clash of Cultures: Investment vs Speculation เป็นต้น ใครอยากเก่งและรวยแบบนี้ ลองไปค้นหาอ่านหนังสือพวกนี้ก็น่าจะได้ไอเดียดีๆ ไม่น้อย

 

เขียนบันทึกประจำวันเก็บเอาไว้ มันจะช่วยให้คุณจำ
หรือนึกถึงสิ่งเก่าๆ ได้ และมันจะช่วยบันทึกชีวิต
แต่ละขั้นของตัวเองด้วย


     สมัยนี้ยังมีใครเขียนไดอารี่ไว้มั้ยคะ? เพราะปัจจุบันเราเสพติด Social Network กันจริงจังมาก รู้สึกอะไรหรือเจออะไรมาก็พิมพ์เล่าสดๆ ร้อนๆ ลงเฟซบุคหรือทวิตเตอร์ทันที จนทำให้ไม่ต้องเขียนลงในไดอารี่แล้ว แต่เอาจริงๆ มันก็สู้การเขียนบันทึกใส่ในไดอารี่ไม่ได้หรอกค่ะ อย่าง พี่เองเคยเขียนไดอารี่เก็บไว้ตั้งแต่ตอนม.5 ถึงเรียนจบปี 4 แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เขียนเลย ทุกวันนี้พอย้อนกลับไปอ่านไดอารี่นี่ก็รู้สึกดีใจมากๆๆ ที่ตอนนั้นเราเลือกที่จะเขียนเก็บไว้ ทำให้เราได้เห็นความคิดสมัยเป็นเด็ก ได้ย้อนกลับไปนึกว่าเคยทำอะไรบ้าง ที่สำคัญคือได้เห็นพัฒนาการของตัวเองด้วยล่ะค่ะ

 

 ดูพวกสารคดีให้บ่อยกว่าดูภาพยนตร์

     ได้ยินชื่อว่า "สารคดี" หลายคนคงคิดว่าน่าเบื่อแล้วใช่มั้ยล่ะคะ จริงๆ มีสารคดีหลายอย่างที่สนุกมากกกกกกกกอย่างกับดูภาพยนตร์ มีหลายประเภทตามความสนใจให้เราเลือกดูกันเลย เรียกว่าทั้งมันส์และได้ประโยชน์ด้วยล่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่ดูหนัง หาเวลามาเปิดพวก documentary ดูกันบ้างนะ^^

ตัวอย่างสารคดีน่าดู (เซิร์ชดูจาก Youtube ได้เลย)

- Mayday (Air Crash Investigation) สารคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางเครื่องบิน จำลองเหตุการณ์ได้เหมือนมากกกกก
- The Universe สารคดีเกี่ยวกับดาราศาสตร์ที่น่าสนใจสุดๆ
- River Monster สารคดีที่จะพาเข้าป่าเพื่อไปดูชีวิตสัตว์อย่างใกล้ชิด

     บางรายการก็มีช่องฟรีทีวีของไทยซื้อมาพากย์ไทยและฉายด้วย หาดูกันได้ตามใจชอบเลยล่ะค่ะ รับรองว่าไม่น่าเืบื่ออย่างที่คิดหรอก^^



เก็บสะสมเศษเหรียญเงินทอนเอาไว้

     เชื่อว่าเป็นอะไรที่หลายๆ คนน่าจะทำกันอยู่แล้ว คือเอาพวกเศษเหรียญเงินทอนที่ได้มาหยอดใส่กระปุกหรือภาชนะอะไรก็ได้ที่ใหญ่ๆ ใส่ไว้ทุกวันวันละสองสามบาทก็ได้ เชื่อสิคะ พอผ่านไปนานๆ นี่คือมันจะเยอะขึ้นมากๆๆ จนเราเองก็ยังตกใจเลย 0__0 นี่แหละที่เค้าเรียกว่า มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท



 


เรียนภาษาต่างประเทศให้เก่ง

     เป็นอีกเรื่องที่หลายๆ คนน่าจะพยายามกันอยู่ใช่มั้ยเอ่ย แต่ถ้าใครที่คิดว่าภาษาอังกฤษเราโอเคแล้ว ก็ลองหาเรียนภาษาที่สามกันดูก็ไม่เลวเหมือนกันนะคะ เพราะพูดตามความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไรมันก็ดีกับเราทั้งนั้นค่ะ ถ้าเรารู้สึกชอบและอยากเรียนจริงๆ ยังไงก็เรียนได้อยู่แล้ว อย่างปีที่ผ่านมา พี่ตั้งใจเรียนภาษาดัตช์(เนเธอร์แลนด์)เพิ่มเติม แต่ดูสื่อการเรียนการสอนที่มีในบ้านเรายังไม่ค่อยพร้อม แม้แต่ในร้านหนังสือนำเข้าก็มีหนังสือสอนภาษาดัตช์น้อยมากๆ ปีหน้าเลยคิดว่าจะเปลี่ยนใจเบนเข็มไปฝึกภาษาอื่นแทน กำลังเล็งๆ อยู่เหมือนกันว่าจะเรียนอะไรดี^^"


     และเชื่อเถอะค่ะ ถ้าเราตั้งใจเรียนภาษานั้นๆ ไปเรื่อยๆ อีก 5 ปีผ่านไป ถ้าไม่เก่งก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว! อาจกลายเป็นล่ามหรือนักแปลชื่อดังก็ทำได้ ทำเป็นเล่นไป! อ้อ หรือใครอยากฝึกภาษาอังกฤษแต่ไม่รู้จะไปหาอ่านฟรีๆ ได้ที่ไหน ก็แวะไปอ่านคอลัมน์ English Issue ได้เลย สอนภาษาอังกฤษน่ารู้ไว้เพียบเลยล่ะ


 
ไปสถานที่ใหม่ๆ ทุกวัน
 
     หลายคนอาจจะงงๆ แค่ตารางชีวิตทุกวันนี้ก็ยุ่งจะตายแล้ว จะให้ไปไหนล่ะ? จริงๆ แล้ว 'ที่ใหม่ๆ' นี้ไม่ต้องถึงขั้นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศหรอกค่ะ เอาแค่เปลี่ยนร้านอาหารที่ทานข้าว หรือเปลี่ยนห้องน้ำที่เคยเข้า(ไปเข้าห้องน้ำชั้นอื่น) 


     มีครั้งนึงพี่เคยต้องไปซื้อของในย่านหนึ่งที่ไม่เคยไปเลย ตอนไปก็ตื่นเต้นมากเพราะกลัวหลงทางสุดๆ แต่ก็ไปถึงจนได้ ยิ่งอารมณ์ที่เราต้องเดินหาร้านค้านั้นๆ ที่เราต้องการไปนี่ลุ้นมากเลยนะว่าใกล้เจอรึยัง มันทำให้รู้สึกว่า ความตื่นเต้นมันเกิดได้ทุกที่จริงๆ ฮ่าๆๆ



เก็บเงิน 15% ของรายได้ที่ได้มาและนำไปลงทุนในหุ้น
หรืออสังหาริมทรัพย์ และเมื่อมันผ่านไป 5 ปี
คุณจะตกใจเลยล่ะว่าคุณเก็บเงินได้มาก

     อย่างเช่นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ให้ค่าขนมเรา สมมติว่าได้เดือนละ 5 พันบาท น้องๆ ลองหักออกมาก่อน 15% ก็จะคิดเป็น 750 บาท จากนั้นก็ลองนำเงินก้อนนี้ไปฝากบัญชีออมทรัพย์ และเมื่อเก็บได้มากขึ้น ก็ลองนำเงินก้อนนี้ไปทำอะไรสักอย่าง แต่หุ้นกับอสังหาริมทรัพย์ก็ดูจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับเด็ก พี่ขอแนะนำ "กองทุน" ค่ะ 


     กองทุนคือการรวมเงินก้อนใหญ่ๆ ก้อนหนึ่งแล้วนำเงินนั้นไปลงทุน โดยคนที่มีหน้าที่จัดการกองทุนๆ นั้นก็คือผู้จัดการกองทุน เช่น เราซื้อกองทุน 2 พันบาท เพื่อนอีกคนซื้อ 5 พันบาท ผู้จัดการกองทุนก็จะเอาเงินของเรากับคนอื่นๆ ที่ซื้อกองทุนนั้นๆ มารวมกันแล้วนำไปลงทุนตามแผนที่วางเอาไว้นั่นเอง บางกองทุนทำผลงานดีมาก ได้กำไรปีละ 50% (พูดง่ายๆ คือถ้าซื้อตอนต้นปีไว้ 1 แสน พอสิ้นปีจะกลายเป็น 1 แสน 5 หมื่นบาท!!) น้องๆ คนไหนสนใจก็ลองเดินเข้าไปขอข้อมูลจากธนาคารได้เลยค่ะ แล้วเชื่อเถอะ 5 ปีผ่านไป น้องจะได้กำไรจากกองทุนนั้นมหาศาลเลยค่ะ(ถ้าเศรษฐกิจประเทศไม่ถอยหลังลงคลองเรื่อยๆ นะคะ เหอๆๆ)



 เขียนจดหมายหาตัวเองแล้วค่อยเปิดอ่านใน 5 ปีข้างหน้า 
เขียนคำถามข้อสงสัยใส่ลงไปในจดหมายด้วย

     เป็นอีกวิธีที่น่าจะเจ๋งเหมือนกันเนาะ เขียนจดหมายถึงตัวเองไว้ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่และอีก 5 ปีข้างหน้าเรา(น่า)จะเป็นยังไงบ้าง แล้วอีก 5 ปีข้างหน้าค่อยมาเปิดอ่านว่า มันเป็นแบบที่เราตั้งใจไว้มั้ย^^ โอ้วๆๆ เจ๋งๆๆ เดี๋ยวลงมือเขียนบ้างเลยดีกว่า อิอิ




เิลิกกลัว เพราะความกลัวเป็นลักษณะของคนขี้ขลาด
   
     เป็นอะไรที่พูดง๊ายง่าย แต่ทำย๊ากยาก เราทุกคนก็คงรู้ดีว่าถ้าเรากำจัดความกลัวไปได้ เราจะกล้าทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น แต่ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่เรายังกลัวอยู่ดี = =" เรื่องนี้มันอยู่ที่ตัวเราเองเนาะ พี่เคยได้ยินประโยคนึงว่า "หากเราพยายามเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลออกมาเป็นยังไง สิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วมันจะนำไปสู่สิ่งที่ดีและเหมาะสมกว่า" ฟังแล้วแบบฮึกเหิมมากจริงๆ!!



 
     นั่นก็คือ 11 ข้อที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของเราในอีก 5 ปีข้างหน้าหากเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เอาล่ะ ถ้าต้องเลือก 3 ข้อที่จะทำแน่ๆ น้องๆ จะเลือกข้อไหนกัน? ลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันดีกว่า พี่เป้ ขอเลือกข้อ 4 ข้อ 7 และข้อ 11 หวังว่าจะทำได้นะ สาธุ!


ภาพประกอบ:mainstreetmix.com, wallstreetlivechat.com/,
walkingfit.ucr.edu/, digitaltrends.com, cashrevenu.net/
เนื้อหาประกอบ : buzzfeed.com
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

SM Member 19 ธ.ค. 57 22:19 น. 5-1
แม้แต่ของตัวเองยังทำหาย แล้วจะมีอะไรที่เราจะเก็บไว้ได้อีก ? //ถึงจะพูดงั้นก็ทำของหายบ่อยล่ะนะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
meanny_xo Member 8 พ.ย. 56 21:36 น. 29

อ่านหนังสือ เก็บสะสมเงินทอน และเรียนภาษาต่างประเทศค่ะ (อยากเรียนญี่ปุ่น)(อังกฤษยังไม่รอดเลย 555)

0
กำลังโหลด
FIRsT Member 9 พ.ย. 56 00:12 น. 30

ทุกวันนี้หนูเองก็เขียนไดอารี่อยู่ค่ะ ;')

แต่พักหลังๆไม่ค่อยได้เขียน เพราะมัวแต่ไปทำอย่างอื่นมากกว่า บางก็ลืม

เวลากลับมาอ่านอีกทีก็ตลกตัวเองนะคะ..นี่ฉันคิดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ 55555555555

เย้

0
กำลังโหลด

60 ความคิดเห็น

lจ้าหญิงในสายลม Member 6 พ.ย. 56 11:26 น. 1

น่าสนใจคะ จะลองพยายามทำดูนะคะเผื่อว่ามันจะช่วยทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

ว๊าว

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
SM Member 19 ธ.ค. 57 22:19 น. 5-1
แม้แต่ของตัวเองยังทำหาย แล้วจะมีอะไรที่เราจะเก็บไว้ได้อีก ? //ถึงจะพูดงั้นก็ทำของหายบ่อยล่ะนะ
0
กำลังโหลด
Tsubaki Member 6 พ.ย. 56 21:09 น. 6

Fighting!!!

แต่-จดหมาย 5 ปีนี่มันจะเหลือมั๊ยนะ (ไม่หนูแทะ ก็หายอ่ะนะ) หวาา

แต่ก็ต้องพยายามทำอ่านนิยายวันละเรื่องนี่ทำประจำ รักเลย

ส่วนเรื่องกลัวไม่กลัวมันขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ เสียใจ

สถานที่ใหม่ๆแถวบ้านไม่ค่อยมีค่ะเพราะไปมาหมดแล้ว เอ่อ..

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Buk 7 พ.ย. 56 07:37 น. 9
เราก้เคยทำนะ แต่เขียนจดหมายส่งถึงตัวเองในอนาคต อีก1ปี มันน่าตื่นเต้นดี เราว่า เราอยากให้ไดอารีของเราเขียนให้จบเล่มก่อนเราจะเขียนเราจะได้รู้อนาคต 55555 (ว่าไปนั่น)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Milk 7 พ.ย. 56 11:58 น. 11
อยากทำเรื่องกองทุนคะ พี่คะ ถ้าทำจริง เราเป็นนักเรียนนักศึกษา จะต้องมีการเสียภาษีไหมคะ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะ เราอยากลองถึงความเเปลกใหม่จริงๆ
1
[ PaY ~ เป้ ] Member 11 พ.ย. 56 17:43 น. 11-1
ตามที่พี่เข้าใจ ถ้าเราเลือกกองทุนแบบปันผล (ประมาณว่าถ้ากองทุนทำกำไรดี จะมีเงินปันผลมาให้ค่ะ) จะต้องเสียภาษีจากเงินปันผลค่ะ สามารถเลือกให้ทางธนาคารหักภาษีให้อัตโนมัติได้เลยค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
K[i]S{E}R Member 7 พ.ย. 56 13:08 น. 13

ความกลัวไม่ใช่เรื่องขลาดเขลาเสมอไปหรอก รู้ไหมทำไมบางคนถึงเลิกกลัว ระแวงระวังกับบางเรื่องไม่ได้ เหตุผลเพราะ เขาเลือกที่จะไม่ประมาทไง 

"เมื่อไรที่มนุษย์ปราศจากความกลัว นั่นคือเวลาที่พวกเขากำลังประมาท"

เพราะไม่กลัวถึงกล้าทำ เพราะไม่กลัวอะไรเลยถึงได้ไม่คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ และก็เพราะไม่กลัวความผิดพลาดนี่ละ คนเราถึงได้ก้าวพลาดบนเส้นทางชีวิต 

จะยังไงเสียไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องอะไร ก็ควรคิดให้ดีก่อนทั้งนั้น มันเป็นพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ต่อให้ตัดสินใจพลาดพลั้งอย่างน้อยความผิดพลาดนั้นมันก็เกิดจากการไตรตรองแล้ว มันต่างจากความผิดพลาดที่เกิดจากการทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดนะ

ส่วนที่บอกเพราะมัวแต่กลัวถึงพลาดโน่นนี่ แน่ใจแล้วหรือว่าความสำเร็จ จากการละทิ้งความกลัวครั้งนั้นไม่ได้เกิดเพราะ "โชคช่วย"

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kaeo Sarajung Member 7 พ.ย. 56 15:03 น. 15

ตอนนี้ก็ยังเขียนไดอารี่ เรื่อยๆนะคะ แต่ตอนมอปลาย แล้วก็ ปี1 ปี2 เนี่ยเขียนเยอะหน่อย พอกลับไปอ่านแร้าว รู้เลยว่าตอนนั้น ความคิดเราเด็กจริงๆ ฮ่าๆๆ

0
กำลังโหลด
Ray_11 Member 7 พ.ย. 56 16:55 น. 16

ขอบคุณมากครับ ผมจะลองไปทำตาม

ทั้งหมดที่ว่านี้เคยทำคือเขียนไดอารี่ไว้ปีหนึ่ง มาอ่านย้อนหลังแล้วสุดยอดมากครับ แต่ส่วนมากจะลงรายละเอียดเฉพาะเรื่องทุกข์ใจ เลยอยากเตือนว่าควรพรรณนาความสุขไว้บ้างนะครับ สำหรับคนที่อยากเขียน เพราะอ่านเจอแต่เรื่องทุกข์แล้ว บางครั้งผมก็ตกอยู่ในอาการ fail ไปพักนึงเลยล่ะครับ

อีกเรื่องก็จดหมายที่จะส่งกลับมาหาเราในภายหลัง อันนี้ืขำๆ แต่ก็ทำให้ได้ย้อนคิดดีครับ คิดว่าน่าจะลองทำเรื่อยๆแล้วล่ะ ตอนนี้ 

เยี่ยม

0
กำลังโหลด
เมมโม Member 7 พ.ย. 56 17:38 น. 17

มีหลายข้อน่าทำมากเลยค่ะ >_< 

ชอบแบบ เขียนไอเดีย เขียนไดอารี่ เก็บเงินทอน (จริงๆตอนนี้เก็บอยู่แต่ก็เอาพวกเหรียญสิบเหรียญห้าออกมาใช้เกือบทุกครั้ง เลยได้แต่เหรียญบาท) แล้วก็เขียนจดหมายหาตัวเอง *O* (แต่ไม่รู้ว่าอีกห้าปีจะยังอยู่หรือเปล่านี่สิ)

เยี่ยม

0
กำลังโหลด
liptus 7 พ.ย. 56 18:10 น. 18
ข้อมูลน่าสนใจมากๆเลยค่ะ กะว่าจะเริ่มทำตอนวันขึ้นปีใหม่ 2557 เลย อีก 5 ปีข้างหน้าก็จะเป็น 2562 OoO! ถึงตอนนั้นคงจบปริญญาตรีแล้วก็ทำงานแล้วล่ะ ตอนนี้ก็บุ๊คมาร์คเก็บไว้ละ 5555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด