สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และวัฒนธรรมต่างประเทศสนุกๆ อีกเช่นเคย^^ สำหรับเรื่องสนุกๆ ที่นำมาฝากวันนี้ จะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมต่างประเทศก็ไม่เชิงค่ะ แต่พี่ไปเจอบทความจากเว็บไซต์ต่างประเทศแห่งนึงซึ่งอ่านแล้วชอบมากกกกกกก เค้าเขียนเกี่ยวกับ "สิ่งที่เราควรทำ เพราะมันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า" เลยอยากนำมาฝากค่ะ เพราะอีกไม่นานก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว เผื่อใครอยากหาวิธีพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ทำได้จริง เห็นผลจริง^^"
หัวเราะวันละ 5 นาทีในทุกๆ เช้า
มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา บอกไว้ว่า เมื่อเราอารมณ์ดีแล้วหัวเราะ สมองจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ซึ่งทำให้เรามีความสุขและจะช่วยให้เราจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่กว้างขึ้นด้วยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า การหัวเราะนั้นมีประโยชน์ต่อระบบร่างกายมาก เช่น เมื่อหัวเราะมากๆ ถือเป็นการออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆ ได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ หัวใจจึงสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น ช่วยลดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ได้ด้วยค่ะ ^^
หลายคนคงคิดไม่ออกว่าตอนเช้าตื่นมาง่วงๆ จะหัวเราะได้ยังไง ลองมองดูรอบๆ ตัวดีมั้ยคะว่ามีอะไรบ้างที่พอเห็นแล้วเราจะยิ้มได้ทันที เช่น น้องหมาที่เราเลี้ยงไงล่ะ แกล้งน้องหมาตอนเช้าวันละนิตจิตแจ่มใสนะเออ (ถึงมันจะรำคาญเราบ้างก็เถอะ 5555)
เขียนไอเดียความคิดวันละ 20 อย่างลงบนอะไรก็ได้
เขียนไปเรื่อยๆ และวันหนึ่งเราอาจจะขุดเจอ "สิ่งที่ใช่" ก็ได้นะ และเมื่อค้นหาเจอแล้ว อย่าลืมลงมือทำมันด้วย ไม่ต้องเป็นเรื่องจริงจังก็ได้ค่ะ อาจเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่เราบังเอิญนึกขึ้นได้ เช่น
- บังเอิญเปิดเจอรีวิวพาเที่ยวเวียดนาม น่าไปซักครั้ง
- วันนี้กินส้มตำผลไม้ แม่ค้าน่าจะใส่ลำไยลงไปด้วยนะ
- ทองเนื้อเก้าสนุกดี แต่น่าจะมีละครที่เหมือนลำยองแต่เป็นผู้ชายบ้าง
จริงๆ ไม่ต้องถึง 20 อย่างก็ได้ เอาเท่าที่เราพอจะนึกออก ไม่แน่นะว่าถ้าเราเขียนไว้ทุกวันตลอด 5 ปี เวลามาย้อนอ่านมันต้องเจออะไรเด็ดๆ ที่น่าเอาไปต่อยอดบ้างล่ะ
อ่านหนังสือสัปดาห์ละ 1 เล่ม แต่ถ้าวันไหนที่คุณรวยขึ้นมากๆ
ให้เปลี่ยนเป็นอ่านวันละ 1 เล่มแทน จะอ่านพวกนิยายก็ได้
ให้เปลี่ยนเป็นอ่านวันละ 1 เล่มแทน จะอ่านพวกนิยายก็ได้
น้องๆ รู้มั้ยคะว่าบุคคลที่รวยติดอันดับโลก หรือระดับพวก CEO เนี่ย เค้าอ่านหนังสือกันเยอะมากๆๆๆ เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือเลยล่ะค่ะ ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ดังนั้นใน 1 สัปดาห์ จึงแนะนำไว้ว่า ควรอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม หนังสืออะไรก็ได้แต่ถ้าเป็นหนังสือที่ให้ความรู้หรือช่วยเปิดโลกทัศน์จะดีมาก และพอเรารวยแล้ว(และมีเวลาว่างมากขึ้น) ให้ลองเปลี่ยนมาอ่านเป็นวันละ 1 เล่มแทน
ที่อยากแนะนำคือ ถ้าน้องๆ นับถือคนดังระดับโลกคนไหนเป็นไอดอล ลองเซิร์ชหาดูก็ได้ค่ะว่าคนๆ นั้นเค้าชอบอ่านหนังสืออะไร อย่าง วอร์เรน บัฟเฟต์ ที่เป็นนักลงทุนในหุ้นที่รวยมากๆๆๆ ที่สุดในโลก ก็ถือเป็นหนอนหนังสือตัวยง มีหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับการลงทุนที่เขาแนะนำให้อ่าน เช่น Common Stocks and Uncommon Profits, The Intelligent Investor, The Clash of Cultures: Investment vs Speculation เป็นต้น ใครอยากเก่งและรวยแบบนี้ ลองไปค้นหาอ่านหนังสือพวกนี้ก็น่าจะได้ไอเดียดีๆ ไม่น้อย
เขียนบันทึกประจำวันเก็บเอาไว้ มันจะช่วยให้คุณจำ
หรือนึกถึงสิ่งเก่าๆ ได้ และมันจะช่วยบันทึกชีวิต
แต่ละขั้นของตัวเองด้วย
สมัยนี้ยังมีใครเขียนไดอารี่ไว้มั้ยคะ? เพราะปัจจุบันเราเสพติด Social Network กันจริงจังมาก รู้สึกอะไรหรือเจออะไรมาก็พิมพ์เล่าสดๆ ร้อนๆ ลงเฟซบุคหรือทวิตเตอร์ทันที จนทำให้ไม่ต้องเขียนลงในไดอารี่แล้ว แต่เอาจริงๆ มันก็สู้การเขียนบันทึกใส่ในไดอารี่ไม่ได้หรอกค่ะ อย่าง พี่เองเคยเขียนไดอารี่เก็บไว้ตั้งแต่ตอนม.5 ถึงเรียนจบปี 4 แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เขียนเลย ทุกวันนี้พอย้อนกลับไปอ่านไดอารี่นี่ก็รู้สึกดีใจมากๆๆ ที่ตอนนั้นเราเลือกที่จะเขียนเก็บไว้ ทำให้เราได้เห็นความคิดสมัยเป็นเด็ก ได้ย้อนกลับไปนึกว่าเคยทำอะไรบ้าง ที่สำคัญคือได้เห็นพัฒนาการของตัวเองด้วยล่ะค่ะ
ดูพวกสารคดีให้บ่อยกว่าดูภาพยนตร์
ได้ยินชื่อว่า "สารคดี" หลายคนคงคิดว่าน่าเบื่อแล้วใช่มั้ยล่ะคะ จริงๆ มีสารคดีหลายอย่างที่สนุกมากกกกกกกกอย่างกับดูภาพยนตร์ มีหลายประเภทตามความสนใจให้เราเลือกดูกันเลย เรียกว่าทั้งมันส์และได้ประโยชน์ด้วยล่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่ดูหนัง หาเวลามาเปิดพวก documentary ดูกันบ้างนะ^^
ตัวอย่างสารคดีน่าดู (เซิร์ชดูจาก Youtube ได้เลย)
- Mayday (Air Crash Investigation) สารคดีเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางเครื่องบิน จำลองเหตุการณ์ได้เหมือนมากกกกก
- The Universe สารคดีเกี่ยวกับดาราศาสตร์ที่น่าสนใจสุดๆ
- River Monster สารคดีที่จะพาเข้าป่าเพื่อไปดูชีวิตสัตว์อย่างใกล้ชิด
บางรายการก็มีช่องฟรีทีวีของไทยซื้อมาพากย์ไทยและฉายด้วย หาดูกันได้ตามใจชอบเลยล่ะค่ะ รับรองว่าไม่น่าเืบื่ออย่างที่คิดหรอก^^
เก็บสะสมเศษเหรียญเงินทอนเอาไว้
เชื่อว่าเป็นอะไรที่หลายๆ คนน่าจะทำกันอยู่แล้ว คือเอาพวกเศษเหรียญเงินทอนที่ได้มาหยอดใส่กระปุกหรือภาชนะอะไรก็ได้ที่ใหญ่ๆ ใส่ไว้ทุกวันวันละสองสามบาทก็ได้ เชื่อสิคะ พอผ่านไปนานๆ นี่คือมันจะเยอะขึ้นมากๆๆ จนเราเองก็ยังตกใจเลย 0__0 นี่แหละที่เค้าเรียกว่า มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
เรียนภาษาต่างประเทศให้เก่ง
เป็นอีกเรื่องที่หลายๆ คนน่าจะพยายามกันอยู่ใช่มั้ยเอ่ย แต่ถ้าใครที่คิดว่าภาษาอังกฤษเราโอเคแล้ว ก็ลองหาเรียนภาษาที่สามกันดูก็ไม่เลวเหมือนกันนะคะ เพราะพูดตามความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไรมันก็ดีกับเราทั้งนั้นค่ะ ถ้าเรารู้สึกชอบและอยากเรียนจริงๆ ยังไงก็เรียนได้อยู่แล้ว อย่างปีที่ผ่านมา พี่ตั้งใจเรียนภาษาดัตช์(เนเธอร์แลนด์)เพิ่มเติม แต่ดูสื่อการเรียนการสอนที่มีในบ้านเรายังไม่ค่อยพร้อม แม้แต่ในร้านหนังสือนำเข้าก็มีหนังสือสอนภาษาดัตช์น้อยมากๆ ปีหน้าเลยคิดว่าจะเปลี่ยนใจเบนเข็มไปฝึกภาษาอื่นแทน กำลังเล็งๆ อยู่เหมือนกันว่าจะเรียนอะไรดี^^"
และเชื่อเถอะค่ะ ถ้าเราตั้งใจเรียนภาษานั้นๆ ไปเรื่อยๆ อีก 5 ปีผ่านไป ถ้าไม่เก่งก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว! อาจกลายเป็นล่ามหรือนักแปลชื่อดังก็ทำได้ ทำเป็นเล่นไป! อ้อ หรือใครอยากฝึกภาษาอังกฤษแต่ไม่รู้จะไปหาอ่านฟรีๆ ได้ที่ไหน ก็แวะไปอ่านคอลัมน์ English Issue ได้เลย สอนภาษาอังกฤษน่ารู้ไว้เพียบเลยล่ะ
ไปสถานที่ใหม่ๆ ทุกวัน
หลายคนอาจจะงงๆ แค่ตารางชีวิตทุกวันนี้ก็ยุ่งจะตายแล้ว จะให้ไปไหนล่ะ? จริงๆ แล้ว 'ที่ใหม่ๆ' นี้ไม่ต้องถึงขั้นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศหรอกค่ะ เอาแค่เปลี่ยนร้านอาหารที่ทานข้าว หรือเปลี่ยนห้องน้ำที่เคยเข้า(ไปเข้าห้องน้ำชั้นอื่น)
มีครั้งนึงพี่เคยต้องไปซื้อของในย่านหนึ่งที่ไม่เคยไปเลย ตอนไปก็ตื่นเต้นมากเพราะกลัวหลงทางสุดๆ แต่ก็ไปถึงจนได้ ยิ่งอารมณ์ที่เราต้องเดินหาร้านค้านั้นๆ ที่เราต้องการไปนี่ลุ้นมากเลยนะว่าใกล้เจอรึยัง มันทำให้รู้สึกว่า ความตื่นเต้นมันเกิดได้ทุกที่จริงๆ ฮ่าๆๆ
เก็บเงิน 15% ของรายได้ที่ได้มาและนำไปลงทุนในหุ้น
หรืออสังหาริมทรัพย์ และเมื่อมันผ่านไป 5 ปี
คุณจะตกใจเลยล่ะว่าคุณเก็บเงินได้มาก
อย่างเช่นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ให้ค่าขนมเรา สมมติว่าได้เดือนละ 5 พันบาท น้องๆ ลองหักออกมาก่อน 15% ก็จะคิดเป็น 750 บาท จากนั้นก็ลองนำเงินก้อนนี้ไปฝากบัญชีออมทรัพย์ และเมื่อเก็บได้มากขึ้น ก็ลองนำเงินก้อนนี้ไปทำอะไรสักอย่าง แต่หุ้นกับอสังหาริมทรัพย์ก็ดูจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับเด็ก พี่ขอแนะนำ "กองทุน" ค่ะ
กองทุนคือการรวมเงินก้อนใหญ่ๆ ก้อนหนึ่งแล้วนำเงินนั้นไปลงทุน โดยคนที่มีหน้าที่จัดการกองทุนๆ นั้นก็คือผู้จัดการกองทุน เช่น เราซื้อกองทุน 2 พันบาท เพื่อนอีกคนซื้อ 5 พันบาท ผู้จัดการกองทุนก็จะเอาเงินของเรากับคนอื่นๆ ที่ซื้อกองทุนนั้นๆ มารวมกันแล้วนำไปลงทุนตามแผนที่วางเอาไว้นั่นเอง บางกองทุนทำผลงานดีมาก ได้กำไรปีละ 50% (พูดง่ายๆ คือถ้าซื้อตอนต้นปีไว้ 1 แสน พอสิ้นปีจะกลายเป็น 1 แสน 5 หมื่นบาท!!) น้องๆ คนไหนสนใจก็ลองเดินเข้าไปขอข้อมูลจากธนาคารได้เลยค่ะ แล้วเชื่อเถอะ 5 ปีผ่านไป น้องจะได้กำไรจากกองทุนนั้นมหาศาลเลยค่ะ(ถ้าเศรษฐกิจประเทศไม่ถอยหลังลงคลองเรื่อยๆ นะคะ เหอๆๆ)
เขียนจดหมายหาตัวเองแล้วค่อยเปิดอ่านใน 5 ปีข้างหน้า
เขียนคำถามข้อสงสัยใส่ลงไปในจดหมายด้วย
เป็นอีกวิธีที่น่าจะเจ๋งเหมือนกันเนาะ เขียนจดหมายถึงตัวเองไว้ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่และอีก 5 ปีข้างหน้าเรา(น่า)จะเป็นยังไงบ้าง แล้วอีก 5 ปีข้างหน้าค่อยมาเปิดอ่านว่า มันเป็นแบบที่เราตั้งใจไว้มั้ย^^ โอ้วๆๆ เจ๋งๆๆ เดี๋ยวลงมือเขียนบ้างเลยดีกว่า อิอิ
เิลิกกลัว เพราะความกลัวเป็นลักษณะของคนขี้ขลาด
เป็นอะไรที่พูดง๊ายง่าย แต่ทำย๊ากยาก เราทุกคนก็คงรู้ดีว่าถ้าเรากำจัดความกลัวไปได้ เราจะกล้าทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น แต่ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่เรายังกลัวอยู่ดี = =" เรื่องนี้มันอยู่ที่ตัวเราเองเนาะ พี่เคยได้ยินประโยคนึงว่า "หากเราพยายามเต็มที่แล้ว ไม่ว่าผลออกมาเป็นยังไง สิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วมันจะนำไปสู่สิ่งที่ดีและเหมาะสมกว่า" ฟังแล้วแบบฮึกเหิมมากจริงๆ!!
นั่นก็คือ 11 ข้อที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตของเราในอีก 5 ปีข้างหน้าหากเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เอาล่ะ ถ้าต้องเลือก 3 ข้อที่จะทำแน่ๆ น้องๆ จะเลือกข้อไหนกัน? ลองมาแลกเปลี่ยนความเห็นกันดีกว่า พี่เป้ ขอเลือกข้อ 4 ข้อ 7 และข้อ 11 หวังว่าจะทำได้นะ สาธุ!
ภาพประกอบ:mainstreetmix.com, wallstreetlivechat.com/,
walkingfit.ucr.edu/, digitaltrends.com, cashrevenu.net/
เนื้อหาประกอบ : buzzfeed.com
60 ความคิดเห็น
น่าสนใจคะ จะลองพยายามทำดูนะคะเผื่อว่ามันจะช่วยทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ขออ่านหนังสือ
เขียนไอเดีย 20 อย่าง
และก็เขียนจดหมายแล้วเปิดอ่านอีก 5 ปีข้างหน้าดีกว่า >O<
จะทำที่ไม่เคยทำดูๆ
แต่ละข้อนี่เจ๋งๆ ทั้งนั้นเลย
5 ปี ถ้าจดหมายหายละ
Fighting!!!
แต่-จดหมาย 5 ปีนี่มันจะเหลือมั๊ยนะ (ไม่หนูแทะ ก็หายอ่ะนะ)
แต่ก็ต้องพยายามทำอ่านนิยายวันละเรื่องนี่ทำประจำ
ส่วนเรื่องกลัวไม่กลัวมันขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ
สถานที่ใหม่ๆแถวบ้านไม่ค่อยมีค่ะเพราะไปมาหมดแล้ว
เจ๋งมากค่ะ
จะลองดูนะคะ
เริ่มจากจดไอเดียกับเปลี่ยนห้องน้ำที่เข้าเลยค่ะ!
มันดูน่าสนใจมากเลยค่ะ และมีประโยชน์ด้วย ขอบคุณที่แนะนำสิ่งดีๆ มาให้อ่านนะค่ะ
จะลองทำดูค่ะ แต่เรื่องไปที่ใหม่ๆกับลงทุนยังทำไม่ได้อ้ะะะะ
ขอบคุณนะครับ จะพยายามลองทำดูบ้าง
ความกลัวไม่ใช่เรื่องขลาดเขลาเสมอไปหรอก รู้ไหมทำไมบางคนถึงเลิกกลัว ระแวงระวังกับบางเรื่องไม่ได้ เหตุผลเพราะ เขาเลือกที่จะไม่ประมาทไง
"เมื่อไรที่มนุษย์ปราศจากความกลัว นั่นคือเวลาที่พวกเขากำลังประมาท"
เพราะไม่กลัวถึงกล้าทำ เพราะไม่กลัวอะไรเลยถึงได้ไม่คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ และก็เพราะไม่กลัวความผิดพลาดนี่ละ คนเราถึงได้ก้าวพลาดบนเส้นทางชีวิต
จะยังไงเสียไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องอะไร ก็ควรคิดให้ดีก่อนทั้งนั้น มันเป็นพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์ชนิดอื่น ต่อให้ตัดสินใจพลาดพลั้งอย่างน้อยความผิดพลาดนั้นมันก็เกิดจากการไตรตรองแล้ว มันต่างจากความผิดพลาดที่เกิดจากการทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดนะ
ส่วนที่บอกเพราะมัวแต่กลัวถึงพลาดโน่นนี่ แน่ใจแล้วหรือว่าความสำเร็จ จากการละทิ้งความกลัวครั้งนั้นไม่ได้เกิดเพราะ "โชคช่วย"
น่าลองค่ะ จะทำแน่นอน
ตอนนี้ก็ยังเขียนไดอารี่ เรื่อยๆนะคะ แต่ตอนมอปลาย แล้วก็ ปี1 ปี2 เนี่ยเขียนเยอะหน่อย พอกลับไปอ่านแร้าว รู้เลยว่าตอนนั้น ความคิดเราเด็กจริงๆ ฮ่าๆๆ
ขอบคุณมากครับ ผมจะลองไปทำตาม
ทั้งหมดที่ว่านี้เคยทำคือเขียนไดอารี่ไว้ปีหนึ่ง มาอ่านย้อนหลังแล้วสุดยอดมากครับ แต่ส่วนมากจะลงรายละเอียดเฉพาะเรื่องทุกข์ใจ เลยอยากเตือนว่าควรพรรณนาความสุขไว้บ้างนะครับ สำหรับคนที่อยากเขียน เพราะอ่านเจอแต่เรื่องทุกข์แล้ว บางครั้งผมก็ตกอยู่ในอาการ fail ไปพักนึงเลยล่ะครับ
อีกเรื่องก็จดหมายที่จะส่งกลับมาหาเราในภายหลัง อันนี้ืขำๆ แต่ก็ทำให้ได้ย้อนคิดดีครับ คิดว่าน่าจะลองทำเรื่อยๆแล้วล่ะ ตอนนี้
มีหลายข้อน่าทำมากเลยค่ะ >_<
ชอบแบบ เขียนไอเดีย เขียนไดอารี่ เก็บเงินทอน (จริงๆตอนนี้เก็บอยู่แต่ก็เอาพวกเหรียญสิบเหรียญห้าออกมาใช้เกือบทุกครั้ง เลยได้แต่เหรียญบาท) แล้วก็เขียนจดหมายหาตัวเอง *O* (แต่ไม่รู้ว่าอีกห้าปีจะยังอยู่หรือเปล่านี่สิ)
เป็นข้อคิดที่ดีมากเลยคะ สุดยอดดดด ขอบคุณมากกกกก