ตามติด 1 วันชีวิตการทำงาน "สัตวแพทย์" อาชีพที่ทุ่มเททุกนาทีให้ "สัตว์"

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และสกู๊ปพิเศษ A day in life ที่จะพาน้องๆ ไปสัมผัสชีวิตจริงของอาชีพในฝัน วันนี้มาเจอกันเป็นครั้งที่สองแล้ว สำหรับฟีดแบ็คตอนแรก(นักการทูต)บอกเลยว่าชื่นใจมากๆ ดังนั้นเลยรีบคลอดตอนสองออกมาด่วนๆ อย่าลืมติดตามกันเรื่อยๆ นะ ^^

สำหรับอาชีพที่นำมาฝากในตอนที่สองนั้น มีหลายคนขอมาเยอะค่ะว่า อยากให้นำ เสนอของสายวิทย์สุขภาพบ้าง โอเค จัดให้! แต่ไม่ใช่สุขภาพมนุษย์นะ เพราะเป็นสุขภาพ ของสัตว์ค่ะ! ใบ้กันขนาดนี้คงรู้กันแล้วว่า วันนี้ A day in life จะไปตามติดอาชีพอะไร....

วันนี้เราเดินทางมายังคลินิกรักษาสัตว์แห่งหนึ่ง มีนัดกับ "หมอต้น" สัตวแพทย์สุดหล่อประจำคลินิกนี้ค่ะ มามะ มาขอเกาะติดชีวิต 1 วันหน่อยนะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเจอหมอต้นกันเลย!!

ธีรภาพ มุสิกานนท์ (ต้น)


ปริญญาตรี : คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ปัจจุบัน : สัตวแพทย์ประจำคลินิก
เอกชนแห่งหนึ่ง

เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้มาเรียนสัตวแพทย์ หมอต้นเล่าว่า ย้อนไปประมาณ สิบกว่าปีก่อน ช่วงนั้นรัฐบาลมีโครงการให้นักเรียนมัธยมไปฝึกงานตามที่ต่างๆ หมอต้นเองก็สนใจและได้ไปฝึกงานที่สวนสัตว์ดุสิตในช่วงปิดเทอม หน้าที่ตอนนั้นคือช่วยปรับปรุงกรงสัตว์ ช่วยประชาสัมพันธ์และเป็นไกด์พาผู้เข้าชมเที่ยวสวนสัตว์ ทำให้ได้เห็นและคลุกคลีกับการทำงานของสัตวแพทย์ จึงรู้สึกว่าเป็นงานที่สนุก ท้าทาย ได้ช่วยเหลือสัตว์หลากชนิด สุดท้ายก็ได้มาเรียนที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมหิดลอย่างที่ตั้งใจไว้
 

การเรียนในคณะนี้ใช้เวลาทั้งหมด 6 ปี ที่สำคัญคือ นิสิตนักศึกษาทุกคนต้องเรียนสัตว์ ทุกประเภท ไม่มีแบ่งแยกหรือเลือกวิชาเอก 


     ไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการฝึกงานโดยวิชาที่จะได้ฝึกงานเพื่อเก็บหน่วยกิตนั้น เริ่มในตอนปี 3 ส่วนมากจะได้ไปฟาร์มแถวราชบุรีหรือชลบุรี ส่วนตอนปี 6 นั้นได้ฝึกงานแบบจริงจังตลอดทั้งปี ทั้งหมด 8 ฐาน ฐานละ 1 เดือน เช่น ฝึกสุกร ฝึกไก่ ฝึกสัตว์น้ำ ฝึกสัตว์ป่า ฝึกม้า ฝึกขึ้นประจำในโรงพยาบาล เป็นต้น

  และหลังจากเรียนจบ ก็จะได้รับใบประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์จากแพทยสภา(ไม่ต้องสอบ) แต่แว่วว่าผู้ที่จะเรียนจบในปีหน้า จะเป็นรุ่นแรกที่เริ่มมีการสอบใบประกอบแล้ว เพราะมีสถาบันที่เปิดสอนสัตวแพทยศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องมีการดูแลควบคุมคุณภาพของสัตวแพทย์ที่เรียนจบมา สำหรับใบประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์นั้นมีอายุ 5 ปี เงื่อนไขในการต่ออายุใบประกอบคือจะต้องเก็บคะแนนให้ครบ 100 แต้ม จากการไปอบรมเพิ่มเติมหรือไปสัมมนาวิชาการต่างๆ

สำหรับเส้นทางหลังจากเรียนจบ แน่นอนว่าคนส่วนมากก็เลือกเป็นสัตวแพทย์สัตว์เล็ก โดยมากมักไปประจำตามโรงพยาบาลต่างๆ ก่อน เงินเดือนเริ่มที่ 25,000-30,000 บาท หรือได้เงินตามเปอร์เซ็นต์ของเคสที่รักษา และเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ก็อาจจะเริ่มเปิดคลินิกเองก็เป็นได้ ซึ่งจำเป็นต้องมีความรู้ทางธุรกิจเพิ่มเติมด้วย หมอต้นก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็เป็นสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาล แต่เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นก็เลือกมาประจำที่คลินิกตลอดทั้งวัน

อย่างที่บอกไปว่า การเรียนสัตวแพทยศาสตร์นั้นไม่มีการแบ่งแยกวิชาเอก ทุกคน เรียนเหมือนกันหมด ดังนั้นหลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ใครอยากเพิ่มพูนความรู้ต่อ ทางด้านไหนหรืออยากเชี่ยวชาญสัตว์ประเภทไหนโดยเฉพาะ ก็ต้องขวนขวายหาเรียนเอง เพราะปัจจุบันนี้ "ยังไม่มีการเรียนต่อเฉพาะทางด้านสัตวแพทยศาสตร์" (ไม่เหมือนหมอหรือหมอฟัน) โดยมักเป็นการเทคคอร์ส-ฝึกงานแล้วจะได้ประกาศนียบัตร กลายเป็นสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ แต่ไม่ใช่สัตวแพทย์เฉพาะทางอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด


     อย่างไรก็ตาม ในอนาคตกำลังจะมีวิทยาลัยวิชาชีพสัตวแพทย์ชำนาญการ มี 5 สาขา คือ พยาธิวิทยา เวชศาสตร์ระบบสืบพันธุ์ ศัลยศาสตร์ อายุรศาสตร์ และสัตวแพทย์สาธารณสุข

คลินิกของหมอต้นเปิดประมาณ 10 โมงเช้า ดังนั้นหมอต้นจะมาถึงที่นี่ก่อนเวลาคลินิกเปิด สักเล็กน้อย เพื่อมาเตรียมตัวรับเคสต่างๆ ที่มัก มีนัดไว้ วันนี้ก็เช่นกันค่ะ เปิดคลินิกปุ๊บ ยังคุย กับหมอต้นได้ไม่กี่คำ เคสรายแรกก็มาแล้วจ้า เป็นน้องแมว 2 ตัวที่ป่วยเป็นโรคไต จึงต้องมา ตรวจและให้น้ำเกลือทุกๆ สัปดาห์ต่อเนื่องมา เป็นปีๆ แล้ว

    ซึ่งหมอต้นเล่าว่่า แต่ก่อนนั้น สัตว์ที่มารับการรักษาบ่อยมากที่สุดคือสุนัข แต่ช่วง 2-3 ปีนี้ คนนิยมเลี้ยงแมวเยอะมากขึ้น ทำให้แมวก็เริ่มตีตื้นขึ้นมา สัตว์แปลกๆ ก็มีเหมือนกันนะ เช่น เม่นแคระ ชูการ์ไรเดอร์ ซึ่งทุกครั้งที่มีสัตว์ที่ไม่คุ้นเคยมา หมอต้นก็จะได้ประยุกต์ความรู้ใช้ทุกครั้ง อย่างเม่นแคระก็เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนสุนัข เวลารักษาก็อ้างอิงกับโมเดลของสุนัขนี่แหละ

และส่วนมากก็จะมาด้วยอาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น ถูกกัด เป็นหวัด ท้องเสีย ถ้าผ่าตัด ก็จะเป็นการทำหมันหรือผ่าตัดเนื้องอกออก แต่หากว่าป่วยด้วยโรคหนักๆ หมอต้นจะแนะนำให้ส่งต่อไปทางโรงพยาบาลสัตว์ เพราะที่นั่นจะมีการแบ่งแผนกอย่างชัดเจน เช่น แผนกฉุกเฉิน แผนกอายุรกรรม แผนกศัลยกรรม แผนกคลินิกเฉพาะทางโรคต่างๆ และมีสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคนั้นจริงๆ คอยรักษาอยู่

เวลามีเคสเข้ามา หมอต้นก็จะต้องตรวจ สัตว์และซักประวัติจากเจ้าของ จากนั้นก็ ต้องวางแผนการรักษาเพื่อจะได้แจ้งค่าใช้ จ่ายเบื้องต้นแก่เจ้าของให้ทราบว่าสะดวก จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจำนวนนี้มั้ย หากแพงเกินไปสำหรับเจ้าของ ก็อาจจะปรับ เปลี่ยนวิธีการ ต้องมีแผนการรักษาและยาให้เจ้าของเลือกว่าสะดวกแบบไหน

ระหว่างให้น้ำเกลือน้องแมว ก็มีเมสเซน เจอร์จากบริษัทแล็บที่ตรวจเลือดสัตว์มาเก็บ เงินค่าทำแล็บค่ะ เพราะเวลาหมอต้นเจาะ เลือดสัตว์เพื่อตรวจหาโรค ก็จะส่งให้ห้อง แล็บนี้ไปตรวจแล้วนำผลเลือดกลับมาส่ง และทางแล็บก็จะส่งพนักงานมาเก็บเงิน ทุกๆ 3 เดือน

หรือบางวันอาจเป็นเมสเซนเจอร์จากบริษัทยาก็มาเก็บเงินแบบนี้เหมือนกัน เรียกได้ว่า นอกจากจะต้องรักษาสัตว์แล้ว สัตวแพทย์ยังต้องดูแลเรื่องเวชภัณฑ์ ยา วัคซีน และของใช้ในคลินิกด้วย หากมีของอะไรใกล้หมด จะได้สั่งของเข้ามาเพิ่มเพื่อให้พร้อมใช้ตลอดเวลา บางครั้งก็มีนัดคุยกับผู้แทนของบริษัทเวชภัณฑ์ ยา หรืออาหารสัตว์บ้างเหมือนกัน

หลังจากให้น้ำเกลือน้องแมวทั้ง 2 ตัวเสร็จ ไม่หมดเท่านั้นค่ะ เพราะคุณป้าเจ้าของน้องแมวทั้ง 2 ตัว ได้เชิญหมอต้นให้ไปที่บ้าน เพื่อฉีดวัคซีนน้องหมาอีก 3 ตัว (คุณป้าเลี้ยงสัตว์ไว้เยอะมากๆ อะ) นี่ก็คืออีกหน้าที่ของสัตวแพทย์ที่ในบางวันจะต้องออกไปรักษาสัตว์ข้างนอกด้วย ส่วนมากก็จะเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่จนไม่สามารถพามาคลินิกได้นั่นเอง แล้วคือแดดร้อนมาก อูยยยย งานสัตวแพทย์นี่ต้องบึกบึนไม่น้อยนะ!

เสร็จแล้ว หมอต้นก็กลับเข้ามาที่คลินิก โอ้วววว คนไข้มานั่งรอเต็มเลยจ้าาาา ฮอต จริงอะไรจริง ซึ่งหมอต้นก็ทยอยตรวจเรื่อยๆ จนครบ หรือไม่บางวันก็เป็นเคสที่ต้องผ่าตัด หมอต้นจะนัดผ่าตัดในวันธรรมดา เพราะวันเสาร์-อาทิตย์นั้นคนไข้เยอะมากกกกก จนอาจจัดสรรเวลาไม่ลงตัว

จนช่วงเย็น วันนี้หมอต้นขอปิดคลินิกเร็วนิดนึงเพราะ มีนัดถ่ายงานกับเว็บไซต์ dogilike.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับคนรักสุนัข หมอต้นเป็นสัตวแพทย์ประจำเว็บนี้ค่ะ มีหน้าที่เขียนบทความเกี่ยวกับสุนัขและคอยให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสมาชิกเว็บที่เข้ามา สอบถามเกี่ยวกับอาการป่วยต่างๆ ใครอยากอ่านผลงานของหมอต้น ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ ที่นี่ เลย

สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นสัตวแพทย์ ลองสำรวจตัวเองว่าพอจะมีคุณสมบัติประมาณ นี้มั้ย

ไม่ถึงกับต้องรักสัตว์มากหรือชอบสัตว์ทุกชนิด แต่ต้องไม่รังเกียจสัตว์ ตอนตรวจรักษาอาจมีทั้งฉี่ อึ เลือด หนอง ต้องรับมือให้ได้

เป็นคนอดทน ลุยๆ เพราะบางทีเราต้องเป็นฝ่ายออกไปหาสัตว์ข้างนอก เพราะสัตว์ป่วยก็มาหาเราไม่ได้

ช่างสังเกต เก็บข้อมูล และเป็นนักวิเคราะห์ที่ดี เพราะสัตว์พูดกับเราไม่ได้ เราต้องสังเกตและเก็บข้อมูลโดยการสอบถามจากเจ้าของ

เป็นนักประยุกต์ เพราะสัตว์มีหลากหลายชนิด ขนาดตัวตั้งแต่เท่าฝ่ามือไปจนถึงตัวใหญ่กว่าเรา เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ อาจไม่ได้ผลิตมาจำเพาะกับสัตว์ทุกชนิด เราต้องมีทักษะในการประยุกต์สิ่งของรอบตัวเพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับใช้กับสัตว์นั้นๆ ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย

เป็นนักวางแผน แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี บางครั้งเราต้องวางแผนการรักษาล่วงหน้าไว้หลายๆ step จะได้ใช้อธิบายกับเจ้าของสัตว์ได้อย่างเข้าใจ เพราะนอกจากจะรับมือกับสัตว์แล้ว ในบางครั้งก็ต้องรับมือกับเจ้าของสัตว์ด้วย เรียกว่าไม่ได้รักษาแค่ตัวสัตว์ แต่ต้องรักษาใจเจ้าของด้วย

ใฝ่รู้ตลอดเวลา การเป็นสัตวแพทย์ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต เพราะวิวัฒนาการการรักษานั้นมีการพัฒนาตลอดเวลา ไม่งั้นเราจะตามคนอื่นไม่ทัน

สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชนอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เงินเดือนเริ่มที่ 25,000-30,000 บาท หรือแล้วแต่ตกลงกับเจ้าของสถานพยาบาล 

รับราชการ เช่น กรมปศุสัตว์ กระทรวง สาธารณสุข ซึ่งมีการรับสัตวแพทย์เข้าไปประจำตามหน่วยงานนั้นๆ

เซลส์ประจำบริษัทยาหรืออาหารสัตว์ เงินเดือนดี แต่ค่าคอมมิชชั่นหรือส่วนแบ่งจากยอดขายนั้นดียิ่งกว่า

นักวิชาการตามบริษัทต่างๆ เช่น บริษัทยา บริษัทอาหารสัตว์

เป็นยังไงบ้างคะ A day in life of Veterinarian เป็นอาชีพที่แม้แต่ตัวพี่เอง(และคนรักสัตว์ทุกคน)ก็อยากรู้มานานมากๆ แล้วว่าหน้าที่งานวันๆ หนึ่งของสัตวแพทย์นั้นทำอะไรบ้าง ทางเว็บไซต์ Dek-D.com ต้องขอขอบคุณหมอต้นที่ให้เกียรติมาสัมภาษณ์และให้ทีมงานไปตามติดชีวิต 1 วันเต็มๆ ส่วน A day in life ตอนต่อไป จะพาไปตามติด 1 วันของอาชีพอะไร ก็ต้องติดตามหรือรีเควสท์มาได้เลย

หมดเขตร่วมสนุก 31 มี.ค. **สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสั่งซื้อหนังสือ “รู้ใจหมา” และ “รู้ใจแมว” จากสำนักพิมพ์ springbooks ได้แล้ววันนี้ในราคาพิเศษ ที่ร้านนายอินทร์และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ

ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัล  Sunny.Day.W17@gmail.com, pang977@gmail.com,  jasiraya@gmail.com ทางทีมงานจะติดต่อไปทางอีเมลค่ะ

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

JingJing Member 27 มี.ค. 58 23:43 น. 46

เราเป็นคนหนึ่งที่เลือกเข้าเรียนคณะสัตวแพทยศาสตร์ ถึงแม้ มหาลัยจะไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่เราก็ไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เลือกเดินในเส้นทางที่เรารัก ตอนนี้เรากำลังอยู่ ปี 2 เริ่มเรียนหนักมากขึ้น เข้าวิชาคณะมากขึ้น บอกเลย อาจจะเรียนหนักกว่า หมอคนด้วยซ้ำ เพราะเราไม่ได้เรียนแต่ หมา แมวเท่านั้น แต่เป็นสัตว์เทียบทุกชนิดเลย ลองคิดดูดิ ว่าจะเยอะแค่ไหน สัตว์แต่ละชนิดก็มีกระดูก กับกล้ามเนื้อ หรือตำแหน่งของอวัยวะที่แตกต่างกัน เหนื่อยสุดๆ เรื่องที่สนุกก็ต้องตอนที่ลงฟาร์มที่คณะ ทั้งฟาร์มสุกร ฟาร์มแพะแกะ ฟาร์มไก่ ฟาร์มโคนมโคเนื้อ ได้เลี้ยงโค รีดนม ทำคลอด ฉีดยา 555 ประสบการณ์ล้วนๆๆ ได้เยอะมาก อีกอย่างก็ต้องสัตว์น้ำ ต้องทำกระชังปลาเอง เลี้ยงกบ เลี้ยงกุ้งทะเล เลี้ยงปลาการ์ตูน กิจกรรมเยอะมาก ยิ่งตอนออกค่าย ไปฉีดยาโคกระบือ สัตว์ปีก สุนัขและแมว รู้สึกดีมากเลยที่ได้ทำ ไปทำความสะอาดวัด ทำความสะอาดโรงเรียน ทาสีรั้วเป็นอะไรที่ จินตนาการล้วนๆๆ 5555 แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าเลือกเดินทางนี้แล้วก็ต้องไปให้สุดทาง อิอิ ขอบคุณที่รับฟังนะคะ ตั้งใจ

3
กำลังโหลด
ฮิจินะ Member 26 มี.ค. 58 14:02 น. 3

อยากเป็นแต่เป็นไม่ได้ 55555 พอดีไม่ใช่พวกอดทนอะไรได้ง่ายๆ ^ ^lil

แต่ไปขอนักโบราณคดีได้ไหมคะ ^w^

0
กำลังโหลด
today-is-goodday Member 26 มี.ค. 58 16:42 น. 7

ความรู้สึก

อยากเป็นสัตวแพทย์ขึ้นมากเลยค่ะ  เราตั้งเป้าไว้ตั้งนานแล้ว  ปีนี้แหละที่ฉันต้องฝ่าฟัน!!

สัตวแพทย์เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนะคะ   เพราะคนเลี้ยงสัตว์บางที่ก็เลี้ยงให้อาหารเฉยๆ

ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการดูแลเท่าไหร่  รู้อีกทีก็ป่วยแย่แล้ว  

บางคนเลี้ยงโดยไม่รู้เกี่ยวกับสัตว์นั้นๆเลย ทำให้นานไปเลี้ยงไม่ไหวก็เอาไปปล่อย

แล้วการรักษาเราว่าค่อนข้างจะยากมาก  ดูจากที่คุณหมอบอก  ทุกวันนี้มีสัตว์เลี้ยงใหม่ๆเยอะ

พันธุ์แปลกๆไม่เหมือนกันตั้งแต่โครงสร้างร่างกายแล้ว  การรักษาก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย

คนส่วนมาเห็นชื่อก็คิดแล้วว่า  หมอหมา  ไม่ได้ให้ความสนใจใส่ใจเท่าไหร่

เนื้อหาบทความนี้อธิบายได้ดีเลยค่ะสำหรับวันๆหนึ่งของสัตวแพทย์ประจำคลีนิก

แล้วก็ภาระหน้าที่อย่างละเอียดเลย  เราได้รู้มากขึ้นว่าสัตวแพทย์ไม่ได้ทำแค่รักษาสัตว์ในห้อง

แต่ต้องจัดการยา  รักษานอกสถานที่  ฯลฯ  ช่วยให้อยากเป็นเข้าไปอีกค่ะ

เหมือนได้ใกล้ชิดได้รู้จักอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝันเข้าไปอีกนิดนึง  

ชอบหัวข้อคุณสมบัติมากค่ะ  เราอ่านแล้วย้อนดูตัวเองเลย  บางข้อก็โอเคผ่าน...สบาย

แต่ข้อยากๆก็ต้องลองปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้แล้วล่ะค่ะ  แหะๆ  สู้สุดชีวิตเด็กม.6ปี58ค่ะ!!

  ว้าว     Sunny.Day.W17@gmail.com

0
กำลังโหลด
Palm 29 มี.ค. 58 21:03 น. 55
ส่วนตัวเเล้วเป็นคนรักสัตว์มากค่ะ จนเพื่อนๆคุณครูและครอบครัวแนะนำให้เรียนสัตวแพทย์ แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจเพราะเคยค้นหาวิธีการเรียนพอคร่าวๆไม่รู้จะทำใจได้มั้ยถ้าต้องไปผ่าเพื่อดูการเต้นของหัวใจของสัตว์ แต่หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ทำให้รู้สึกดีขึ้นกับการเป็นสัตวแพทย์ได้เห็นชีวิตประจำวันของหมอต้นรู้สึกเป็นะไรที่มีคุณค่ามากและปลุกกำลังใจขึ้นมาอีกครั้งนึง ตอนนี้ก็กำลังจะขึ้นม. 6 แล้วไม่แน่สัตวแพทย์คนใหม่ของไทยอาจจะเป็นหนูก็ได้ ใครจะไปรู้ รักเลย
0
กำลังโหลด
Dotajin Member 31 มี.ค. 58 17:09 น. 59

มีความรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า ทุกอาชีพไม่ได้สบายแม้แต่สัตวแพทย์เองก็ด้วย  ดังนั้นคนที่อดทนเท่านั้นถึงจะทำงานแบบนี้ได้ เราต้องอดทนและขยันให้มากขึ้นเพื่ออนาคตของเรา #ประเด็นหมอหล่อ

oranit1999@live.com

0
กำลังโหลด

78 ความคิดเห็น

nutthanoon Member 26 มี.ค. 58 11:24 น. 1

เป็นบทความที่ดีมากๆคะ เพราะหนูอยากแอดเข้าสัตวแพทพอดีเลย ตอนนี้หนูกำลังรอฟังคะแนนแกทแพทรอบ2อยู่คะ จะแอดเข้ามหิดลเหมือนพี่เลย หนูชอบบทความนี้มากเลยเพราะมันทำให้ได้รู้อะไรหลายๆอย่างเลยคะ เยี่ยม หนูเข้าดูเว็บ doggilike ตลอดเลย ชอบมากๆๆรักเลย

0
กำลังโหลด
tangmo36 Member 26 มี.ค. 58 13:52 น. 2

ชอบมากๆเลยค่ะ เพราะเราอยากเป็นสัตวแพทย์ตอนนี้จะขึ้นม.4แล้วจะตั้งใจเรียนให้มากขึ้นอีก อยากเรียนในคณะที่ตั้งใจไว้ สัตวแพทย์ต้องมีความอดทนสูงกับการทำงานจากที่อ่านมาในหลายๆบทความ และต้องมีใจรักในงานนี้จริงๆเพราะว่าวิชาที่เราได้เรียนไปมันจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต อยากให้มีความสุขกับงานที่เราได้เลือกทำ อาจจะไม่ได้สบายเหมือนกับงานอื่นๆแต่เมื่อเราได้ทำงานที่เรารักก็จะมีความสุขไปกับมันค่ะ E-mail : Suwimon_tongpunchung@outlook.com

0
กำลังโหลด
ฮิจินะ Member 26 มี.ค. 58 14:02 น. 3

อยากเป็นแต่เป็นไม่ได้ 55555 พอดีไม่ใช่พวกอดทนอะไรได้ง่ายๆ ^ ^lil

แต่ไปขอนักโบราณคดีได้ไหมคะ ^w^

0
กำลังโหลด
Kindhen Member 26 มี.ค. 58 15:03 น. 4

ความรู้สึกหลังจากอ่าน A day in life of Veterinarian นะคะ หนูรู้สึกมั่นใจ ภูมิใจและพร้อมที่จะเลือกเส้นทางชีวิตที่จะอุทิศทุกๆนาทีให้กับสัตว์ต่างๆค่ะ(หนูตั้งใจจะแอดสัตวแพทย์ค่ะ) หนูเคยได้ยินคำพูดที่ว่า "สัตว์ต่างๆอยู่กับเราแค่บางช่วงเวลาของชีวิตเรา แต่เวลาทั้งชีวิตของสัตว์ตัวหนึ่งๆอยู่กับมนุษย์เราทั้งหมด" ทำให้หนูเริ่มค้นหาตัวเอง ทำงานอาสาช่วยสุนัขจรจัดบ้างแล้วก็ได้รู้ว่าหนูไม่ได้ชอบสัตว์เฉพาะตอนที่พวกเค้าน่ารัก แข็งแรงเท่านั้นแต่หนูชอบสัตว์ทุกสภาพและสามารถคลุกคลี รวมทั้งรักษาพวกเค้าได้ทั้งชีวิต บทความนี้จึงทำให้หนูมั่นใจและทำให้เป้าหมายในชีวิตของหนูชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ  เย้ยิ้มเย้

E-mail:pheneas-ferb111@outlook.com

0
กำลังโหลด
sesshomarusama Member 26 มี.ค. 58 15:53 น. 5

ความรู้สึกหลังจากที่ได้อ่าน ก็รู้สึกว่า สัตวแพทย์นี่ดีอย่างที่คิดไว้เลยนะ เราอยากเป็นสัตวแพทย์ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เพราะชอบอยู่กับสัตว์มากๆ ตอนแรกก็ชอบหมาแมว แต่พอโตมาก็ชอบหมดทุกชนิด โตขึ้นตั้งเป้าหมายว่าจะช่วยชีวิตสัตว์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ มีประโยคหนึ่งในเฟซบุคที่ทำให้เรารู้สึกฮึดขึ้นมาได้ "ถ้าคุณช่วยชีวิตสุนัขตัวหนึ่ง โลกของคุณอาจไม่เปลี่ยนแปลง แต่โลกของสุนัขตัวนั้นจะเปลี่ยนไปตลอดกาล" ขอขอบคุณสำหรับบทความดีๆค่ะเยี่ยม
พี่คะหนูโพสต์เมลล์ไม่ได้ T.T (su-opanda ...แบนไรอ๊า)......เอางี้ละกัน sushi(ที)opanda@gmail.com ตรง(ที)คือ t นะคะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
today-is-goodday Member 26 มี.ค. 58 16:42 น. 7

ความรู้สึก

อยากเป็นสัตวแพทย์ขึ้นมากเลยค่ะ  เราตั้งเป้าไว้ตั้งนานแล้ว  ปีนี้แหละที่ฉันต้องฝ่าฟัน!!

สัตวแพทย์เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนะคะ   เพราะคนเลี้ยงสัตว์บางที่ก็เลี้ยงให้อาหารเฉยๆ

ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการดูแลเท่าไหร่  รู้อีกทีก็ป่วยแย่แล้ว  

บางคนเลี้ยงโดยไม่รู้เกี่ยวกับสัตว์นั้นๆเลย ทำให้นานไปเลี้ยงไม่ไหวก็เอาไปปล่อย

แล้วการรักษาเราว่าค่อนข้างจะยากมาก  ดูจากที่คุณหมอบอก  ทุกวันนี้มีสัตว์เลี้ยงใหม่ๆเยอะ

พันธุ์แปลกๆไม่เหมือนกันตั้งแต่โครงสร้างร่างกายแล้ว  การรักษาก็ต้องพัฒนาตามไปด้วย

คนส่วนมาเห็นชื่อก็คิดแล้วว่า  หมอหมา  ไม่ได้ให้ความสนใจใส่ใจเท่าไหร่

เนื้อหาบทความนี้อธิบายได้ดีเลยค่ะสำหรับวันๆหนึ่งของสัตวแพทย์ประจำคลีนิก

แล้วก็ภาระหน้าที่อย่างละเอียดเลย  เราได้รู้มากขึ้นว่าสัตวแพทย์ไม่ได้ทำแค่รักษาสัตว์ในห้อง

แต่ต้องจัดการยา  รักษานอกสถานที่  ฯลฯ  ช่วยให้อยากเป็นเข้าไปอีกค่ะ

เหมือนได้ใกล้ชิดได้รู้จักอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝันเข้าไปอีกนิดนึง  

ชอบหัวข้อคุณสมบัติมากค่ะ  เราอ่านแล้วย้อนดูตัวเองเลย  บางข้อก็โอเคผ่าน...สบาย

แต่ข้อยากๆก็ต้องลองปรับตัวตั้งแต่ตอนนี้แล้วล่ะค่ะ  แหะๆ  สู้สุดชีวิตเด็กม.6ปี58ค่ะ!!

  ว้าว     Sunny.Day.W17@gmail.com

0
กำลังโหลด
คุณมินิแมวน้อย 26 มี.ค. 58 16:59 น. 8
ความรู้สึกที่อ่านA day in life of Veterinarianจบแล้ว หนูอยากเข้าคณะสัตวแพทย์มากๆ รู้สึกว่าสัตวแพทย์เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจมากเพราะการรักษาสัตว์ก็สำคัญเท่าๆกับการรักษาคนเพราะทุกชีวิตมีคุณค่ามาก ชีวิตวันๆ หนึ่งของสัตวแพทย์เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากต้องรักษาอาการของสัตว์และต้องรักษาจิตใจของเจ้าของอีกด้วย ได้รู้อีกว่าสัตวแพทย์นั้นไม่ได้แค่รักษาสัตว์ตามคลินิกรือโรงพยาบาลแต่ยังประกอบอาชีพอื่นๆได้อีกด้วย และการเรียนคณะสัตวแพทย์ยากและต้องอดทนแต่หนูรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ท้าทายดีและจะดีมากๆถ้าเราสามารถรักษาสัตว์ให้เขาได้มีชีวิตที่มีความสุขต่อไป nooneeyan_pangram@hotmail.com
0
กำลังโหลด
prince_keddar Member 26 มี.ค. 58 17:25 น. 9

ตอนนี้หนูกำลังรอผลสัมภาษณ์สัตวแพทย์ของม.มหิดลเหมือนกัน ตัวหนูตอนแรกหนูก็ลังเลว่าจะเรียนดีมั้ย มันใช่ตัวหนูรึเปล่า จบไปหนูจะมีความสุขมั้ย หนูถามตัวเองอยู่ตลอดแต่ก็ตอบไม่ได้ จนหนูมาอ่านบทความนี้ ทำให้หนูค้นพบตัวเองค่ะ ว่านี่คือตัวหนู นี่คือสิ่งที่หนูอยากเป็นอยากทำจริงๆ หนูอ่านบทความไปก็ยิ้มไป นึกภาพตัวเองไปยืนตรงจุดนั้นเหมือนพี่หมอ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ หนูจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ ปล.ตื่นเต้นกับผลสอบสัมภาษณ์มาก

1
กำลังโหลด
FBNDY Member 26 มี.ค. 58 17:34 น. 10

รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เลือกอาชีพนี้เป็นอาชีพในอนาคต ทำให้มีกำลังใจและความอยากที่จะเข้ามากขึ้นสิบเท่าจากปกติก็มากอยู่แล้ว5555 พออ่านยิ่งทำให้มั่นใจเลยว่าทางนี้แหละคือทางของเรา คือทุกสิ่งทุกอย่างที่บงบอกความเป็นตัวเรา สัตว์เปรียบเสมือนเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวจึงอยากจะดูแลรักษาให้อยู่กับเราไปนานๆและทำให้สัตว์มีความสุขไม่ต้องทรมาน

ขอบคุณนะคะสำหรับบทความดีๆแบบนี้ เย้ nid_nontinee@hotmail.com

0
กำลังโหลด
GEJA~SUJU Member 26 มี.ค. 58 18:23 น. 11

หนูคิดไว้ว่าจะแอดสัตวแพทย์ค่ะแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าตกลงจะเลือกดีมั้ย จบมางานเป็นอย่างไร

แต่ตอนนี้หนูคิดว่าอยากเป็นสัตวแพทย์มากๆเลยค่ะ เพราะสัตว์ไม่สามารถบอกเราได้ว่าไม่สบายเพราะเป็นอะไรหรือมีอาการอย่างไร

คนที่จะเป็นสัตวแพทย์ได้จึงต้องมีความละเอียดรอบคอบและช่างสังเกตุมากๆเลยเพราะต้องเก็บข้อมูลจากเจ้าของสัตว์

หลังจากอ่านบทความนี้หนูก็พึ่งรู้ว่าโรงพยาบาลสัตว์มีแบ่งแผนกเหมือนกับโรงพยาบาลของคนด้วย ยิ่งทำให้หนูรู้สึกว่าชีวิตสัตว์ก็สำคัญมากเช่นกันค่ะ

0
กำลังโหลด
Kim'Pangpuay Member 26 มี.ค. 58 18:56 น. 12

หนูชอบสัตว์มากๆเลยคะ อนาคตหนูเคยคิดที่จะเรียนสัตวแพทย์ แต่เนื่องจากมีหลายๆปัญหาเข้ามาไม่ว่าจะ ญาติ แม่ ยาย ไม่ค่อยอยากให้ทำงานชนิดนี้สักเท่าไร เสียใจ 

แต่ความรู้สึกหลังจากที่หนูได้อ่าน หนูกลับชอบมากกว่าเดิมอีกคะ เพราะได้ช่วยสัตว์ที่ไม่สามารถสื่อสารกับเราได้โดยตรง แต่อาจจะทางอ้อม แบบซึม ประมาณนี้ -- )  
หนูชอบการได้ช่วยเหลือสัตว์ให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง และประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ที่เลี้ยงน้อยมากกกกกกก กสิบล้านตัว เพราะส่วนใหญ่ซื้อมาเพราะ น่ารักอ่า อยากเลี้ยง แต่กลับไม่ได้ศึกษาวิธีเลี้ยงให้ถูกวิธี การที่ออกไปตรวจสัตว์ตามชุมชนเป็นการเปิดโอกาศให้แก่ชาวบ้านที่เค้าไม่มีเวลา หรือ ไม่รู้มาก่อน และเป็นการทำจิตอาสาเล็กไปด้วย >< 

ถ้าใครชอบสัตว์ หนูแนะนำ รายการดีจาก มหาวิทยาลัยมหิดล นั่นคือ Animal Speak
พี่หมออ้อย น่ารักมากใจดีให้ความรู้เยอะ น้องคนดีก็น่ารักชื่นชมเลยใจรักสัตว์มาก 
มีฉายช่อง PBS ด้วยน้า หรือจะดูในยูทูปก็ได้ https://www.youtube.com/channel/UCfaj2PbuQHpJEtXsc0_6aIA

เขิลจุง สนุกมากความรู้สึกของสัตวแพทย์ส่วนใหญ่ออกแนวคล้ายรายการนี้ชอบมากดูทุกตอนเลย 

E-mail : pang977@gmail.com

0
กำลังโหลด
lovecaramel Member 26 มี.ค. 58 19:14 น. 13

ประทับใจ เพราะทั้งเหนื่อย แล้วต้องละเอียด ตั้งใจมาก การที่รักษาสัตว์นั้นต้องใส่ใจมาก แถมให้ความรู้ในเวบอีก ดีมากเลยค่ะ

veity1@hotmail.com

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
★ Kiwi ! vintage !! Member 26 มี.ค. 58 19:49 น. 15

หลังจากอ่านบทความนี้ทำให้รู้สึกรักในอาชีพนี้และมีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น เพราะตอนนี้กำลังเรียนสัตวแพทย์ปี 1 อยู่ค่ะ ท้ออยู่หลายๆครั้งเพราะก็เรียนยาก เพื่อนในคณะก็เก่งๆทั้งนั้น แต่พอได้อ่านบทความนี้ก็ทำให้รู้สึกอยากทำอาชีพนี้มากๆ เหมือนกระตุ้นตัวเอง เตือนตัวเองให้ขยัน ให้นึกได้ว่าทำไมเราถึงเลือกเรียนคณะนี้ค่ะ earnsinyoo@gmail.com

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
MIND&KEY Member 26 มี.ค. 58 19:55 น. 17

รู้สึกภูมิใจและมีกำลังใจในการเรียนในคณะนี้ต่อไปค่ะ 

หมอสัตว์ถึงแม้จะไม่ค่อยมีคนยกย่องเหมือนหมอคน

แต่พวกเราก็ภูมิใจที่ได้เรียนในสายนี้ เรียนเพื่อไปใช้รักษาสัตว์ให้อยู่เป็นเพื่อนมนุษย์บนโลกนี้อย่างมีความสุขค่ะ

ปล.หนูเรียนปี1อยู่ที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เหมือนพี่หมอต้นเลย #VSMU16

0
กำลังโหลด
Phattarajidtra Prabwarin Member 26 มี.ค. 58 20:15 น. 18

รู้สึกภูมิใจที่ได้รักษาสัตว์โลกด้วยกัน ทำให้อยากเป็นสัตว์แพทย์ อยากดูแลสัตว์โลก หมอสัตว์ไม่ค่อยมีคนยกย่องเท่าหมอคน แต่ก็มีบางคนที่ยังต้องการหมอสัตว์อย่างเรา :)เยี่ยม

0
กำลังโหลด
สุรัตนา เสติ 26 มี.ค. 58 20:44 น. 19
ความคิดตอนนี้ก็อยากเรียนสัตวแพทย์อยู่แล้วค่ะ เพราะว่าเป็นคนที่ชอบสัตว์มากๆ พอมาเจอบทความของเด็กดีก็ยิ่งรู้สึกรักในวิชาชีพสัตวแพทย์เข้าไปอีก การเป็นสัตวแพทย์ไม่เห็นจะต้องอายใคร ถึงแม้จะไม่ได้เท่าสายแพทย์ แต่ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็จะมีความสุขในการทำ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดค่ะเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม
0
กำลังโหลด
Tunsuda :) 26 มี.ค. 58 21:19 น. 20
พออ่านแล้วรู้สึกว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะเรียนสัตวแพทย์ เพราะตอนนี้ดูแลสุนัขที่มหาวิทยาลัอยู่ห้าตัว เป็นตัวเมียสาม ตัวผู้สอง ตัวเมียสามตัวทีลูก ตัวละห้าถึงหกตัว ตอนนี้ต้องดูแลเด็กๆประมาณยี่สิบตัว แต่ไม่เหนื่อยเลย มีความสุขที่ครั้งที่เดินผ่านตรงที่ที่พวกมันอยู่จะพูดอะไรไม่ได้เพราะถ้ามันมาหาจะไม่มีอะไรให้กิน หรือแม้แต่ตัวผู้ที่เค้าว่าดู แต่ตอนนี้เป็นเหมือนลูกลูกสมุน 5555 ถ้าเมื่อสี่ปีที่แล้วเรียนสัตวแพย์คงจะดูแลพวกมันได้ดีกว่านี้ แต่ในบทความนี้ที่ชอบมากคือ คำที่ว่า "ไม่ได้รักษาแค่ตัวสัตว์ แต่ต้องรักษาใจเจ้าของด้วย" เพราะมันตรงกับมาก ถึงแม้สุนัขจรจัดที่เราไม่ใช่เจ้าของ ไม่ได้ดูแลมันได้อย่างเต็มตัว แค่มันเปนแผล เรายังเครียดแทบแย่ และตอนนี้แม่หมาหนึ่งตัวเป็นมะเร็ง ถ้าเราเป็นสัตวแพทย์ หรือกำลังเรียนสัตวแพทย์ คงจะดูแลมันได้ดี และบทความนี้ทำให้เราเข้าใจการทำงานของอาชีพนี้มากขึ้น ถ้ามีไทม์แมชชีนคงดี เราจะได้ทำสิ่งดีๆให้หมาแมวที่เจอ ได้มากกว่านี้ ได้ดูแลมัน รักษามันได้ ไม่ใช่แค่เพียงให้อาหาร หรือมองมันด้วยความสงสาร
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด