ดูเหมือนข่าวดังในช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่รัฐบาลอเมริกาประกาศรับรองให้กลุ่มเพศทางเลือกได้แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากการเรียกร้องสิทธินี้มาอย่างยาวนาน (และหลายคนก็คงร่วมแสดงความยินดีด้วยการเปลี่ยนรูปประจำตัวเป็นสีรุ้งเรียบร้อย)
น้องๆ ชาวเด็กดีคงพอรู้มาบ้างว่าก่อนหน้านี้เพศทางเลือกไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในสังคมนัก ยิ่งย้อนอดีตไปไกลๆ บางประเทศ บางพื้นที่ถึงกับออกกฎหมายจับกุมคนกลุ่มนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่ก็มีหลายคนอยากช่วยให้สังคมเข้าใจเพศทางเลือกมากขึ้น นักเขียนก็เป็นหนึ่งในนั้น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีนักเขียนหลายคนที่ใส่ประเด็นนี้ลงไปในงานของตน ไม่ว่าตัวเองจะเป็นเกย์หรือไม่เป็นก็ตาม แต่รู้ไหมคะว่าเส้นทางสายนี้มันเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย
มากเสียจนทำให้นักเขียนชื่อดังคนหนึ่งต้องไปนอนอยู่ในคุกสองปีเต็ม
มาค่อยๆ ไล่เรียงประวัติศาสตร์เพศทางเลือกในนิยายกันค่ะ
ยุคกรีกโบราณ
จุดเริ่มต้นของเพศทางเลือกในงานเขียนน่าจะย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่คนยังเล่าเรื่องด้วยปากเปล่า ตำนานเทพกรีกที่เรารู้จักกันดีนี่แหละค่ะ ถ้าศึกษากันดีๆ จะพบว่าเทพเจ้ากรีกชายหลายคนก็ได้เสียกับชายด้วยกันอยู่ไม่น้อย เช่น อพอลโล กับเจ้าชายไฮยาซินธ์ของสปาร์ตา, เทพเจ้าซูสกับแกนิมีด, หรือแม้แต่อะคิลลิสกับเพโตรคลัสก็ยังชวนให้สงสัยว่ารักกันปานจะกลืนขนาดนี้คิดอะไรเกินเพื่อนหรือเปล่า
เรื่องเล่ามาแบบนี้มีใครว่าอะไรไหม? ก็ไม่มีค่ะ
ยุคกรีกโบราณนั้นการมีความรักกับเพศเดียวกันและมีเพศสัมพันธ์นั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่มันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เอาง่ายๆ ว่า ถ้าชายกับชายจะมีอะไรกัน ฝ่ายรุกต้องเป็นผู้ใหญ่แล้ว อายุมากกว่า ศักดิ์สูงกว่าเท่านั้น ถ้าอายุมากกว่าแล้วมาเป็นรับจะถือว่าลดคุณค่าของตัวเองไปเป็นผู้หญิงเลยทีเดียว ส่วนหญิงหญิงนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก
ยุคศาสนาและการเมือง
เมื่อมาถึงยุคที่ศาสนาคริสต์เติบโต ก็เริ่มมีการตีความคัมภีร์ต่างๆ ว่ามองเรื่องรสนิยมทางเพศยังไงดี ในตอนแรกนั้นชาวคริสต์ยังคงยึดความเชื่อเดิมจากชาวกรีก นั่นคือยอมรับรักร่วมเพศในระดับหนึ่ง แต่มีการตีความไบเบิ้ลอีกแบบ นั่นคือ การร่วมเพศมีเพื่อให้เกิดทายาทเท่านั้น ดังนั้นการร่วมเพศทางอื่นจึงถือเป็นบาป ความเชื่อแบบนี้กลับเป็นที่นิยมและกลายเป็นความเชื่อติดมาจนถึงปัจจุบัน
งานวรรณกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคกลางจนถึงยุคก่อนโลกาภิวัฒน์ ส่วนใหญ่จึงไม่เขียนถึงเรื่องรักร่วมเพศเลย เพราะกลัวโดนประณาม ยิ่งมาในยุคหลังๆ ที่มีกฎหมายบ้านเมืองแล้วบางประเทศ เช่น อังกฤษ ถึงขั้นมีการจับกุมคนกลุ่มนี้เลยด้วยซ้ำ (อย่างกรณีของอลัน ทัวริ่ง ใน Imitation Game)
แต่ก็มีนักเขียนส่วนน้อยที่ยังคงยืนหยัด ไม่หวั่นเกรงใดๆ บางคนเขียนงานออกมาแบบคลุมเครือ แต่พอให้เดาออกว่านี่เกย์แน่ๆ เลย บางคนก็เขียนออกมาชัดเจนจนโดนจับก็มี
เคสที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นนักเขียนชื่อดังระดับโลกอย่างออสการ์ ไวลด์ ผู้เขียนวรรณกรรมคลาสสิค The Picture of Dorian Gray นอกจากงานของเขาจะมีตัวละครที่เป็นพวกรักร่วมเพศด้วยแล้ว ตัวเขาเองก็ยังถูกจับได้ว่ามีกุ๊กกิ๊กกับผู้ชายด้วยกันอีก นี่เป็นข้อความที่เขาพูดถึงการจับกุมในวันนั้น
"13 พฤศจิกายน 1895 ผมถูกส่งมาที่นี่จากลอนดอน ตั้งแต่บ่ายสองถึงบ่ายสองครึ่ง ผมต้องยืนอยู่กลางชานชาลาที่แยกแคลปแฮม สวมชุดนักโทษ ใส่กุญแจมือ เพื่อให้คนทั้งโลกมองเห็น ผมถูกลากออกมาจากเตียงในโรงพยาบาลโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เมื่อผู้คนเห็นผม พวกเขาหัวเราะ รถไฟแต่ละขบวนเหมือนขนผู้ชมเข้ามา คงไม่มีอะไรเกินไปกว่าความรื่นรมย์ของพวกเขาอีกแล้ว เว้นเสียแต่...เมื่อพวกเขารู้ว่าผมเป็นใคร ทันทีที่พวกเขารู้ เสียงหัวเราะก็ยิ่งมากกว่าเดิม กว่าครึ่งชั่วโมงที่ผมยืนอยู่ตรงนั้น โอบล้อมด้วยสายฝนสีเทาของเดือนพฤศจิกายนและกลุ่มคนที่เย้ยหยันผมเอง
เป็นปีหลังจากเหตุการณ์นั้น ผมร้องไห้ทุกวัน ทุกช่วงเวลาเดิม"
ออสการ์ ไวลด์ถูกจับกุมขณะรับการรักษาที่โรงพยาบาล และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี
จะเห็นว่าไม่ใช่แค่ด้วยเหตุผลทางศาสนา ในทางโลก ก็ยังมีกฎหมายออกมาต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศเช่นเดียวกัน
ยุคปัจจุบัน
พอเข้าสู่ปลายศตวรรษที่ 20 สังคมเปิดกว้างมากขึ้น คนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น เพศทางเลือกจึงเริ่มลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง หลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มยกเลิกกฎหมายปิดปากกลุ่มรักร่วมเพศ แต่ก็ยังไม่ถึงกับสนับสนุนมากนัก อย่างไรก็ดี นักเขียนน้อยใหญ่หน้าใหม่หน้าเก่าจึงเริ่มแสดงออกถึงการยอมรับเพศทางเลือกด้วยการสร้างตัวละครที่เป็นรักร่วมเพศบ้าง แม้ส่วนใหญ่จะยังเป็นแค่ตัวประกอบอยู่ แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ยกตัวอย่างจากวรรณกรรมที่เรารู้จักกันดี แฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้ในนิยายจะไม่มีการเกริ่นหรือแสดงออกอย่างชัดเจนว่าดัมเบิลดอร์เป็นเกย์ แต่เจ เค โรว์ลิ่งก็ประกาศเองเลยว่าดัมเบิลดอร์เคยรักเพื่อนวัยเด็กอย่างพ่อมดกรินเดลวัลด์ผู้ชั่วร้าย เพื่อไม่ให้ผู้กำกับหนังเข้าใจผิดแล้วใส่บทแปลกๆ ให้ดัมเบิลดอร์
นิวท์ ตัวละครรองจากซีรี่ส์ที่กำลังมาแรงขณะนี้ The Maze Runner คนเขียนก็ให้สัมภาษณ์ว่าถ้าคนอ่านอยากให้นิวท์เป็นเกย์ เขาก็เป็น ขึ้นอยู่กับคนอ่านเอง อีกทั้งในทวิตเตอร์ เจมส์ แดชเนอร์ยังกล่าวเป็นนัยๆ ว่าอาจมีเด็กในทุ่งสักคนที่เป็นเกย์ก็ได้
เรนลี่ย์ กับลอรัส ในซีรี่ส์สุดฮิต A Song of Ice and Fire หรือ Game of Thrones ก็เป็นตัวละครรองที่เป็นเพศทางเลือก (ในนิยายไม่ชัดเจนเท่าในซีรี่ส์) และในเรื่องนี้ยังน่าสนใจตรงที่วางบทให้ตัวละครอย่างลอรัส ไทเรลล์ถูกจับกุมโดยกลุ่มสแปร์โรว์ กลุ่มที่ยึดมั่นในพระเจ้าอย่างสุดโต่ง ไม่ยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ระหว่างสายเลือดเดียวกัน หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์เพื่อความบันเทิงอย่างการเปิดซ่อง เรียกได้ว่าเป็นภาพสะท้อนความเชื่อเดิมในยุคกลางที่ต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศด้วยการจับกุม ทรมาน หรือแม้แต่ฆ่าให้ตาย
วรรณกรรมที่โดดเด่นที่สุดในการนำเสนอเพศทางเลือกโดยให้เป็นตัวละครหลักเลยคือ Brokeback Mountain (แอนนี่ พรูซ์) เรื่องนี้เจาะธีมรักร่วมเพศโดยเฉพาะ ความรักระหว่างแจ็คกับเอนนิสที่ต่างฝ่ายต่างก็มีครอบครัวของตนเอง แต่กลับมารักกันได้ นอกจากผู้เขียนจะไม่โดนจับกุมแบบออสการ์ ไวลด์ งานของเธอยังได้ทำเป็นหนังฮอลลีวู้ดขายดีอีกด้วย
ในไทยล่ะเป็นอย่างไรบ้าง
ในไทยเองกระแสนิยายเพศทางเลือกก็ถือว่าเติบโตขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย จากที่แต่ก่อนมีสำนักพิมพ์ตีพิมพ์นิยายวายแค่ไม่กี่แห่ง และส่วนใหญ่เป็นสำนักพิมพ์เล็กๆ เช่น 2Beloved, Nabu, Hermits ตอนนี้สำนักพิมพ์ใหญ่ก็เริ่มหันมาจับตลาดนิยายวาย ทั้ง MeeDees Publishing, บงกช หรือ Happy Banana มีนักเขียนวัยรุ่นหลายคนหันมาเขียนนิยายเพศทางเลือกมากขึ้น (ส่วนใหญ่เป็นนักเขียนหญิง) และแม้แต่นิยายทั่วๆ ไปก็ยังถูก 'จิ้น' ให้วายกันเองจนได้
แม้ว่าในบ้านเรา กระแสนิยายเพศทางเลือกจะเขียนในเชิงให้ความบันเทิงเหมือนเป็นนิยายรักทั่วไป มากกว่าจะเขียนในเชิงสะท้อนสังคม แต่ก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นสังคมให้เห็นว่าเพศทางเลือกไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ทุกคนอยู่ร่วมกันได้แค่เพียงเปิดใจ
และนี่คือเส้นทางสายรุ้งของนักเขียนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอเมริกาตอนนี้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าความพยายามของทุกคน ไม่สูญเปล่าเลยค่ะ
#lovewins
ขอบคุณข้อมูลจาก
gaystarnews.com
gay-art-history.org
wikipedia.org
mic.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก
franceslawley.weebly.com / famousauthors.org / Warner Bros. Pictures / HBO
Twentieth Century Fox / Focus Features / wikipedia.org
สำนักพิมพ์ MeeDees Publishing / สำนักพิมพ์ Bongkoch Publishing
31 ความคิดเห็น
นิวท์อิสเกย์ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก //สครีมลั่นท้องทุ่งด้วยความปลื้มปริ่ม
นิวท์!! นิวท์ของเรา! กรี๊ดดดดด จะฟินหรือจะกรีดร้องดีเนี่ย สาววายสับสน!
...ฮืออ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเป็นเชอรี่แล้วไปชอบนิวท์ก็ได้!
นิวท์เป็นเกย์! โอ้พระเจ้า! ถึงว่าทำไมดูนิดหนมกับโทมัสได้เวลาปิดซอยฉลองแล้วสิ >_<
ส่วนใหญ่ เวลาหนุ่มๆกรีกๆจะปะฉะดะ โอโบ้ะจามะ บลาๆที มักจะเป็นศิษย์อาจารย์ด้วยนะ
บางทีนะ ที่ว่ากรีกนิยมกล้วยเล็ก ก็เพราะงี้ด้วย(กล้วยใหญ่เขาว่าป่าเถื่อน)
นิวส์ที่รักของฉัน
เราเข้าใจว่าเขาเป็นคนรักเพื่อนและคิดถึงเข้าใจผู้อื่น
ไม่น่าเลย
เศร้าใจยิ่งนัก
งานนี้ต้องกลับไปอ่านและดูใหม่อีกรอบ
OMG!! นิวท์!!! เราก็เพิ่งมารู้ เพราะเราดูแบบหนังไม่ได้อ่านนิยาย รู้งี้ รีบไปร้าน se-ed เลยดีกว่า!!
ป.ล.เราแอบจิ้น นิวท์กับมินโฮ (แปลกกว่าเพื่อน 555)
นิวท์เป็นเกย์!! นี่เป็นความจริงที่ทำให้ฟินที่สุดเท่าที่เคยเจอมา... ถ้าเป็นแบบนี้ โดวายที่เคยจิ้นกันฟินๆบางส่วนก็อาจจะเป็นเรื่องจริงในทุ่งสินะคะ(ฮา)
ปล.พูดถึงกฎหมายรักร่วมเพศแล้วนึกถึงเรื่อง The Immitation Game เรื่องดราม่า สามี(ในมโน)ของเราอย่างพี่เบนก็เล่นดราม่า ทำเอาเรามานั่งคิดมากเรื่องกฎหมายรักร่วมเพศยิ่งกว่าคะแนนสอบที่ต้องเผชิญในวันรุ่งขึ้น(ฮา)
พี่เบนเล่นดีมากกกกกกก