7 ปี บนเส้นทางนักเขียน และชีวิตที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ของ "กะรัต"
สวัสดีค่ะชาวเด็กดี ถึงเวลาพบปะพูดคุยกับเหล่านักเขียนเด็กดีอีกแล้วค่ะ รอบนี้พี่อรขอแนะนำให้น้องๆ ได้รู้จักอย่างเป็นทางการกับ "กะรัต" นักเขียนเจ้าของผลงาน "หนึ่งหทัยมังกร" ไหนใครจับจองไปประดับบนชั้นหนังสือกันบ้างแล้วคะ สำหรับคุณกะรัต การทำงานเขียนของเธอเริ่มต้นจากติดลบ เคยถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธถึง 5 สำนักพิมพ์ เคยหยุดเขียนไปเสียเฉยๆ เพราะรู้สึกพลาดหวัง หมดกำลังใจ แต่อะไรที่ทำให้เธอเลือกกลับมาสร้างงานอีกครั้ง จนสุดท้ายผลงานก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์รอเอาไปทำเป็นละคร พี่อรอยากให้น้องๆ ได้อ่านจากบทสัมภาษณ์ที่เธอเลือกถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมาที่นี่ ตรงนี้ค่ะ
.jpg)
(จากซ้าย) กะรัต กับ บก.แครบ
เพราะเป็นการพูดคุยครั้งแรก ช่วยแนะนำตัวเองให้นักเขียนนักอ่านชาวเด็กดีรู้จักหน่อยค่ะ เป็นยังไงมายังไงถึงได้มาเป็นนักเขียนคะ
กะรัต: สวัสดีค่ะ นักเขียนนักอ่านชาวเด็กดีทุกคน "กะรัต" นะคะ กะรัตเริ่มลงนิยายในเว็บเด็กดีครั้งแรกช่วงเดือนสิงหาคมปี 51 ตอนนี้ก็ครบเจ็ดปีแล้วค่ะ
จำได้ว่าช่วงเวลานั้นหอบความฝันมาที่เว็บเด็กดีแบบยิ่งใหญ่มาก นิยายที่ฉันเขียนจะต้องมีคนอ่านเยอะๆ ได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม เรียกว่าความฝันสวยหรูสุดๆ แต่แล้วก็ต้องเก็บนิยายเรื่องแรกเข้ากรุใส่รหัสลับไว้ เพราะไม่มีคนอ่านเท่าไหร่ T__T ตอนนั้นถึงกับหยุดพักเรื่องเขียนไปเลยค่ะ และก่อนจะกลับมาเริ่มเขียนนิยายอย่างจริงจังอีกครั้ง กะรัตได้อ่านนิยายจากห้องสมุดประชาชนสองเรื่อง พันหนึ่งเม็ดทราย ของ ฯคีตกาล กับงานเขียนของ จตุรดา เรื่อง ลำนำแห่งห้วงธารา อีกทั้งช่วงเวลานั้น นิยายชุดมากกว่ารักของสำนักพิมพ์แจ่มใสเพิ่งเปิดตลาดสดๆ ร้อนๆ กะรัตมีโอกาสได้อ่านหนึ่งเล่ม อืม... มันน่ารักดีเนาะ ^__^ แล้วไหนๆ เราก็ชอบดูหนัง ดูละครจีน บ้าดารานักร้องสัญชาติจีนมาแต่เล็กแต่น้อย ชอบภาพวาดผู้ชายผมยาวหล่อๆ ตามเว็บ จึงเกิดความรู้สึกว่าเราน่าจะลองดูหน่อยเป็นไร ลองเขียนแนวจีนโบราณผสมผสานแนวพาฝันเจ้าหญิงเจ้าชาย ผลงานนิยายเรื่อง "บัลลังก์เสน่หา" จึงเกิดขึ้นค่ะ
.jpg)
.jpg)
บัลลังก์เสน่หามีโอกาสขึ้นแนะนำนักเขียนไฮไลท์และได้ตีพิมพ์เล่มแรกในปี 53 กับสำนักพิมพ์คูลแคท (ช่วงนั้นมีสี่สำนักพิมพ์ติดต่อมาพร้อมๆ กัน ขณะเขียนได้ครึ่งเรื่อง ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต) การทำงานร่วมกับสนพ. ทำให้เรารู้จุดบกพร่องมากมายที่ต้องแก้ไข ขอบคุณสำนักพิมพ์คูลแคทที่ให้คำแนะนำและตัดสายสะดือแจ้งเกิดให้กะรัตบนเส้นทางนี้ ^_^
หลังจากตีพิมพ์ “บัลลังก์เสน่หา: จากหนึ่งคำมั่น” ไปเมื่อปี 53 ก็ถึงคราวตีพิมพ์ “บัลลังก์เสน่หา: ตราบสิ้นนิรันดร์” ปี 54 ในนามปากกา วิรมย์รดา ส่งลูกรักถึงฝั่งเรียบร้อยแล้วกะรัตก็ยังมุ่งมั่นกับการเขียนแนวจีนโบราณเรื่อง “ขวัญข้าเอย” ทว่าหนนี้ไม่เป็นดังหวังหลังจากร่อนต้นฉบับไปสี่สำนักพิมพ์ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่หันเหไปเขียนนิยายโรมานซ์ร้อนแรงในปี 55 สำนักพิมพ์ติดต่อขอต้นฉบับ “ทาสสวาทเงาเสน่หา” นามปากกา ลนาริน ก็เลยได้ตีพิมพ์และในเวลาคาบเกี่ยวกัน ขวัญข้าเอย ก็ถูกมือนุ่มๆ ของพี่บก.แครบ (ดวงกมล บุญรอด) หยิบขึ้นมาทำเล่มในชื่อ “บุพเพเล่ห์จันทร์” ใช้นามปากกากะรัตลักษณ์ ใต้ชายคาสำนักพิมพ์อรุณ
ปกผลงาน บัลลังก์เสน่หา และบุพเพเล่ห์จันทร์
ตอนที่เขียนทาสสวาทฯ กะรัตเขียนนิยายรักไทยร่วมสมัยอีกเรื่องร่วมด้วย หวังจะใช้กระแสนิยายโรมานซ์เรื่องแรกผลักดันตัวเอง แต่ผลคือเรื่องนี้ไม่ผ่านพิจารณา ได้รับคำตอบตรงๆ บ้าง ถูกดองต้นฉบับโดยไร้คำตอบบ้าง รวมแล้วก็ห้าสำนักพิมพ์ โอยๆๆ จากนักเขียนที่มีสำนักพิมพ์เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง เหตุไฉนครานี้ถึงผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ได้แต่คร่ำครวญ... เจ็บไปเจ็บมาทุกวัน ก็เลยหมด หมดกำลังจะเสียใจไปกว่านี้ (เพลงบ่งบอกอายุมาก)
ยอมรับความจริงแล้วฮึดสิฮึด... ตัดสินใจกลับมาเขียนนิยายแนวจีนเมืองสมมุติต่อ ทำให้ ปี 57 - 58 นี้กะรัตมีผลงานออกติดๆ กันสี่เล่มค่ะ คือ ดวงใจรักจ้าวยุทธ์ ยอดพธูจอมทัพ หนึ่งหทัยมังกร และรักลุ้นวุ่นหวาน (โปรเจคพิเศษเขียนร่วมกับพี่มด อุมาริการ์ จากเรื่องรักคุณคำเดียว และพี่ษา ทักษิณาจากเรื่อง รักหวานบ้านขนม) ที่ดีใจคูณสองก็คือนิยายชุด หวานจับจิต รักจับใจ ช่องสามได้ซื้อลิขสิทธิ์รอทำเป็นละคร
ปกสวยๆ นิยายแนวจีนผลงานของคุณกะรัตเขาค่ะ
ได้มาพูดคุยกันในคอลัมน์พบปะพูดคุยเป็นครั้งแรก รู้สึกยังไงบ้าง
กะรัต: ตื่นเต้นสุดๆ ค่า ^__^ แล้วก็เกร็งมากด้วย การได้รับความสนใจจากเว็บลงนิยายออนไลน์ระดับประเทศเป็นเรื่องที่กะรัตไม่เคยคาดคิดมาก่อนค่ะ
"หนึ่งหทัยมังกร" เด่นกว่านิยายแนวจีนเรื่องก่อนๆ ของคุณกะรัตยังไง
กะรัต: หลังจากได้รับคำแนะนำจากหลากหลายคนอ่าน ก็พบว่าคนอ่านอยากได้อะไรที่มากกว่าเรื่องราวรักใคร่ อยากเห็นพระนางแสดงออกถึงความมีของดีในตัวเองชัดเจนขึ้น กะรัตจึงเริ่มปรับเนื้อหาและกระจายบทให้ตัวละครอื่นๆ เริ่มหาการหางานให้พระนางทำบ้าง ถึงแม้จะไม่ค่อยมากมายเท่าไหร่ อีกอย่างที่กะรัตรู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีขึ้นก็คือสำนวนไม่กระโดดค่ะ ดวงใจรักจ้าวยุทธ์นั้นเพราะทิ้งช่วงร้างมือจากแนวจีนไปพักใหญ่พอกลับมาเขียนเกิดการต่อไม่ติด ตัวนักเขียนเองมองไม่ออกหรอกค่ะ จนกระทั่งได้รับคำวิจารณ์ในหลายแง่มุมจากคนอ่าน ก็นำมาปรับปรุงในเล่มต่อๆ มา งานเขียนแต่ละเล่มจึงเป็นการสู้กับตัวเองล้วนๆ ว่าจะมีการพัฒนาขึ้นบ้างหรือเปล่า เพราะเมื่อคนอ่านรู้สึกผิดหวังกับผลงานเรา มันก็ทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเองเพิ่มเป็นสองเท่าอ่ะนะ ^__^
ถ้าพูดถึงนิยายแนวจีน คุณกะรัตนึกถึงอะไร
กะรัต: นึกถึงไอ้หนุ่มผมยาว 555 เป็นอันดับแรกที่นึกถึงจริงๆ ค่ะ เพราะชอบภาพวาดหนุ่มจีนผมยาว องค์ชายฐานะสูงศักดิ์ ที่นึกถึงรองลงมาก็คือเรื่องราวความรักต่างชนชั้น การศึกสงครามประวัติศาสตร์แว่นแคว้นต่างๆ ที่เคยมีอยู่จริง ที่คิดถึงอันดับท้ายก็คงเป็นเรื่องราวการแก้แค้นแก่งแย่งความเป็นใหญ่ในยุทธภพ กะรัตไม่ชอบการฆ่าฟันกันด้วยพลังยุทธ์อ่ะนะ
คิดว่าอาชีพนักเขียนให้อะไรกับคุณกะรัตบ้าง
กะรัต: ที่เข้ามาเว็บเด็กดีแรกๆ ก็คือแค่อยากเขียน อยากให้มีคนอ่านนิยายที่เราเขียนเหมือนอย่างที่เราอ่านงานของคนอื่นบ้าง วงการนักเขียนเปิดกว้างกว่าสมัยก่อน เมื่อมีโอกาสก็น่าจะลองดู แต่หลังจากงานได้ตีพิมพ์เป็นเรื่องเป็นราวก็เริ่มมุ่งหวังจะเป็นนักเขียนที่สามารถแปลงต้นฉบับเป็นเงินสำรองเลี้ยงชีพได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งกะรัตเองก็ถือว่ายังใช้คำว่านักเขียนอาชีพไม่เต็มตัวนัก ยังถือเป็นมือสมัครเล่นอยู่ นอกจากนั้นการเข้ามาอยู่ในแวดวงนักเขียนทำให้กะรัตรู้จักเพื่อนมากขึ้น แตกต่างจากหลายปีก่อนที่ทำงานอยู่แต่ในครัว ไม่มีสังคม ไม่รู้จักเทคโนโลยี ไม่รู้จักโลกออนไลน์ใดๆ ทั้งสิ้น
ในการเขียนงาน นักเขียนส่วนใหญ่มักมีจุดมุ่งหมายให้กับงานของตัวเอง บางคนเน้นให้ความรู้ บางคนให้ข้อคิด บางคนก็ให้ความบันเทิง แล้วสำหรับงานของคุณกะรัตล่ะคะ มักเติมแต่งส่วนไหน หรือให้ความสำคัญกับอะไรก่อนเป็นอันดับแรก
กะรัต: กะรัตเน้นสุขนิยมในตอนจบค่ะ ในเมื่อตัวเองรับความกดดันไม่ค่อยได้ อึดอัดทุกครั้งกับการอ่านนิยายดราม่าก็เลยหลบเลี่ยงจะเขียนแนวนี้ นอกจากให้ความบันเทิง อ่านแล้วเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย อิ่มเอมกับความสุขความรักของพระนาง ในงานเขียนชิ้นนั้นต้องไม่มีส่วนส่งเสริมหรือนำเสนอด้านศีลธรรมในแง่กลับผิดเป็นถูก กะรัตระมัดระวังในเรื่องนี้มากขึ้นหลังจากเคยเขียนงานแนวโรมานซ์ที่พระเอกข่มเหงรังแกนางเอกด้วยการคุกคามทางเพศ
ส่วนนิยายแนวจีนโบราณนั้นกะรัตเน้นการสอดแทรกวัฒนธรรมวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยโบราณเข้ามาเพื่อเพิ่มกลิ่นอายให้ใกล้เคียงกับงานแปลจากนักเขียนต้นตำรับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังเป็นอย่างสูงว่านิยายที่เขียนจะสามารถเกิดความเนียนให้คนอ่านยอมรับได้ว่าเราเขียนแนวจีนโบราณนะ แม้หลายครั้งหลายหนมีกลิ่นของความเป็นไทยร่วมด้วยก็ตาม
ส่วนนิยายแนวจีนโบราณนั้นกะรัตเน้นการสอดแทรกวัฒนธรรมวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยโบราณเข้ามาเพื่อเพิ่มกลิ่นอายให้ใกล้เคียงกับงานแปลจากนักเขียนต้นตำรับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังเป็นอย่างสูงว่านิยายที่เขียนจะสามารถเกิดความเนียนให้คนอ่านยอมรับได้ว่าเราเขียนแนวจีนโบราณนะ แม้หลายครั้งหลายหนมีกลิ่นของความเป็นไทยร่วมด้วยก็ตาม
นักเขียนส่วนใหญ่มักเจอกับปัญหาแตกต่างกันออกไป แล้วปัญหาที่พบบ่อยของคุณกะรัตคืออะไร มีวิธีจัดการปัญหานั้นยังไง
กะรัต: อาการหมดไฟค่ะ หลังจากเขียนงานจบหนึ่งชิ้น ส่งลูกรักเข้าสู่ระบบสำนักพิมพ์เป็นที่เรียบร้อยก็จะเข้าสู่ภาวะหยุดนิ่ง หนึ่งเดือน... สองเดือน เหมือนพลังงานถูกใช้ไปจนหมด เมื่อความขี้เกียจเข้าครอบงำ ความฝืดเคืองทางการเงินจึงเริ่มมาเยือน -*- ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกนับถือนักเขียนที่เขียนงานเป็นอาชีพไม่หยุดมือ ไม่ปล่อยเวลาอันมีค่าไปกับเฟซบุ๊กและพันทิป (เอิ๊กส์) วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือมองหน้าหลานๆ ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วรีบสั่งตัวเองให้ลงมือเขียนงานชิ้นใหม่ ด้วยความรู้สึกไม่เคร่งเครียดจนเกินไปค่ะ เพราะถ้าเครียดจะเกิดภาวะเมาตัวอักษรในเวิร์ด วิงเวียน มึนๆ อึนๆ จะอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง (เข้าสู่โหมดชราภาพ)
ฝากอะไรถึงน้องนักอ่าน และนัก (อยาก) เขียน ของเด็กดีเป็นการปิดท้ายสักหน่อยค่ะ
กะรัต: เริ่มต้นเขียนในเรื่องราวที่ชอบด้วยความสุขนะคะ ถ้าอยากก้าวไปบนเส้นทางนักเขียนอย่างยั่งยืน ถึงขั้นยึดเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม หรือแค่อยากเขียนให้มีคนติดตามอ่าน ต้องอย่าลืมพัฒนางานตัวเอง ลองอ่านงานของนักเขียนท่านอื่นเพื่อศึกษากลวิธีการสร้างพล็อต การถ่ายทอดจินตนาการที่แตกต่างหลายๆ แนว เปิดใจรับฟังคำติชม คำแนะนำของนักอ่านและบก. เพื่อใช้ปรับปรุงงาน ถ้ามีทุนทรัพย์มีเวลาก็เข้าร่วมการอบรมงานเขียนจากนักเขียนชั้นครูหรือการอบรมของสำนักพิมพ์ต่างๆ ร่วมด้วยก็ได้
ตอนนี้กะรัตก็ยังอยู่ในขั้นตอนพยายามที่จะก้าวไปบนเส้นทางนักเขียนอย่างยั่งยืน ความมีวินัยในการทำงานแม้จะวันละนิดวันละหน่อยก็ยังดีกว่าหยุดนิ่งนานๆ เพราะเมื่อไหร่ที่หยุด รับรองสนิมเกาะเคาะออกยากเชียวค่ะ ^__^
ความมีวินัยในการเขียนงานเป็นสิ่งที่นักเขียนทุกคนพึงมี และนี่คืออีกหนึ่งนักเขียนตัวอย่าง ที่แม้จะเคยมีช่วงเวลาผิดหวังจากการถูกปฏิเสธผลงาน แต่ก็ไม่ยอมแพ้ เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักที่จะพัฒนาตัวเอง ปรับปรุงในจุดที่อ่อน และพร้อมสร้างจุดแข็งให้กับผลงาน จนวันนี้แม้เธอจะบอกว่าเธอยังไม่ใช่นักเขียนอาชีพเต็มตัว แต่สำหรับเราเธอคือหนึ่งในนักเขียนที่ได้ขึ้นทำเนียบนักเขียนเด็กดีแล้วค่ะ
เช่นเคยค่ะ มาเล่นเกมตอบคำถามเพื่อลุ้นรับหนังสือดีๆ ไปอ่านกันดีกว่า
รอบนี้เพียงแค่น้องๆ โพสต์ประโยคเด็ดจากนิยายแนวจีน เรื่องไหนก็ได้
ผลงานของนักเขียนท่านไหนก็ได้ ลงในคอมเมนต์บทความ
ผู้โชคดีจากการสุ่ม 3 ท่าน จะได้รับหนังสือเรื่อง "หนึ่งหทัยมังกร"
ผลงานล่าสุดของ "กะรัต" ไปอ่านกันถึงบ้าน
รอบนี้เพียงแค่น้องๆ โพสต์ประโยคเด็ดจากนิยายแนวจีน เรื่องไหนก็ได้
ผลงานของนักเขียนท่านไหนก็ได้ ลงในคอมเมนต์บทความ
ผู้โชคดีจากการสุ่ม 3 ท่าน จะได้รับหนังสือเรื่อง "หนึ่งหทัยมังกร"
ผลงานล่าสุดของ "กะรัต" ไปอ่านกันถึงบ้าน
.png)
แล้วมาร่วมสนุกกันเยอะๆ นะคะ
#อยากอ่านมาก #อยากแจกมาก
(หมดเขตรับของรางวัล ในวันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม 2558)
#อยากอ่านมาก #อยากแจกมาก
ประกาศผู้โชคดีได้รับรางวัล "หนึ่งหทัยมังกร" ได้แก่
1. นริส
2. Packkyamalone
3. กาแฟครีม
สำหรับผู้ได้รับรางวัลกรุณาส่ง ชื่อ-นามสกุล (นามแฝง) พร้อมที่อยู่ในการจัดส่ง
ระบุว่าได้รับรางวัลหนังสือ "หนึ่งหทัยมังกร"
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ทางทีมงานจะจัดส่งรางวัลไปให้อ่านถึงที่บ้านเลยค่ะ ^ ^
ระบุว่าได้รับรางวัลหนังสือ "หนึ่งหทัยมังกร"
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ทางทีมงานจะจัดส่งรางวัลไปให้อ่านถึงที่บ้านเลยค่ะ ^ ^
(หมดเขตรับของรางวัล ในวันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม 2558)
พี่อร
^_______________^
19 ความคิดเห็น
"ผู้ที่มีเกียรติ คือผู้ที่ให้เกียรติคนอื่น"
ขงเบ้ง
เราชอบสามก๊กค่ะ เป็นนวนิยายที่เชื่อว่าหลายๆคนชอบอ่าน เพราะในนั้นมีคติคำสอนดีๆซ่อนอยู่ ที่สำคัญคือสอนให้เราเป็นคนดี รักชาติ รักพี่น้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราว่าสำคัญมากๆกับคนในปัจจุบันค่ะ
"หัวใจทั้งสองดวงนี้จะไม่ต้องเหน็บหนาวเปลี่ยวเหงาอีกต่อไป เพราะสองหัวใจนั้นต่างจะเป็นบ้านของกันและกัน นับจากวันนี้ไป"
ชอบประโยคนี้มาก เพราะอ่านแล้วชอบความหมาย และให้ความรู้สึกอบอุ่น
เป็นอีกเรื่องที่เราชอบมากค่ะ "บัลลังก์เสน่หา-จากหนึ่งคำมั่น"
"หากไม่สามารถละทิ้งเรื่องราววัตถุทั้งหมด จดจ่ออยู่กับดาบโดยเฉพาะ ต่อให้ท่านฝึกเพลงดาบอีกร้อยปี ก็ไม่อาจบรรลุถึงจุดสุดยอดของดาบได้"
คำกล่าวของ "ดาบสวรรค์ซ่งเซวีย" จากมังกรคู่สู้สิบทิศเล่ม 9 ครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นที่มาร่วมสนุกกันนะคะ
ป.ล. ขออภัยที่กะรัตพิมพ์ตกหล่น ผลงานของคุณจตุรดาเรื่อง "ลำนำแห่งห้วงธารา" ค่ะ
มีวาสนาอยู่ไกลได้รู้จัก ไร้วาสนาอยู่ใกล้ยังไม่พบ
จากเรื่องดาบมังกรหยกค่ะ
" ขุนเขามิลึกเกิน ทะเลมิลึกพอ ขอแค่มุ่งมั่น " : โจโฉ สามก๊กค่ะ
ชอบประโยคนี้มากค่ะเพราะเป็นประโยคที่ให้กำลังใจเราตลอดเลย ^^
#อยากอ่านมาก
"อันธรรมดาเป็นชายชาติทหาร ถ้าไม่รู้คะเนการฤกษ์บนแลฤกษ์ต่ำ ก็มิได้เรียกว่ามีสติปัญญา"ของขงเบ้งค่าา อ่านแล้วแบบ..โดนใจข้าพเจ้ายิ่งนัก!!
“มันอายุไม่ถึงสามสิบปี ก็ได้อวยยศเป็นเจ้าเป็นยอดขุนศึกที่ไร้ผู้ต่อต้าน ชีวิตที่สมบูรณ์พูนสุข ภรรยาที่นุ่มนวลเอาใจ ยังมีทารกที่กำลังจะลืมตาดูโลก โชควาสนาอยู่ใกล้กับมันถึงเพียงนั้น แต่ขณะที่มันยื่นมือออกไป ทุกประการล้วนแตกดับไป กลับเกี่ยวกระชากผู้คนจนหลั่งโลหิตชุ่มโชก” ------ ยุทธการล่าบัลลังก์ ------ จิ่วถู เขียน / น.นพรัตน์ แปล
" กาลเวลาหมุนเวียนผันผ่าน หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนเเปลง ทว่าเขาจะขอเชื่อมั่นในหัวใจอันงดงามของเธอตลอดไป "จากเรื่องหน้ากากลวง ของเจี๋ยเกิ่ง
(พระเอกใส่หน้ากากอัปลักษณ์เพื่อลองใจคนอื่นๆซึ่งใครๆก็ล้วนรังเกียจ มีเพียงนางเอกเท่านั้นที่มองข้ามความน่าเกียจเเละสัมผัสได้ถึงความดีงามที่ซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกนั้น >>>ประทับใจความรักแบบนี้มาก รักที่บริสุทธิ์ รักที่มาจากใจจริงๆ ถ้าเรามีใครสักคนที่รักเราในเเบบที่เป็นตัวเราจริงๆเชื่อว่าเราคงจะถนอมเขาคนนั้นเเละความรักในครั้งนี้อย่างดีที่สุด)
ประกาศรายชื่อผู้โชคดีแล้วนะคะ ใครได้รับรางวัลครั้งนี้รีบติดต่อมาน้าพี่อรรอส่งให้อยู่ ตอนนี้หนังสืออยู่ในมือทีมงานแล้วค่ะ พร้อมส่งทันที!
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นที่มาร่วมสนุกกันนะคะ