เส้นทางสู่ความสำเร็จ กว่าจะเป็นนักเขียนพันล้าน 'เจ. เค. โรวลิ่ง'


 

เส้นทางสู่ความสำเร็จ
กว่าจะเป็นนักเขียนพันล้าน "J.K.Rowling"


 

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ถ้าพูดถึงนิยายแฟนตาซีขวัญใจชาวโลกคงหนีไม่พ้น “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ผลงานจากปลายปากกาของเจ.เค.โรว์ลิ่ง ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแฮร์รี่และผองเพื่อนก็ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเรา

แน่นอนว่าเจ.เค.โรว์ลิ่งไม่เพียงแค่ทำให้คนหันมารักการอ่านมากขึ้น แต่เธอยังเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนรุ่นใหม่ได้สร้างสรรค์ผลงานดีๆ เพื่อโลก ถ้าจะยกให้เจ.เค.โรว์ลิ่งเป็นไอดอลของใครหลายคนก็คงไม่แปลกเลยค่ะ

แต่น้องๆ รู้มั้ยคะว่ากว่าที่เจ.เค. จะมาถึงจุดนี้ได้ เธอผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งความเครียด ความทุกข์ หรือแม้แต่โรคซึมเศร้าเรียกได้ว่ากว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอจะเป็นนักเขียนพันล้านผู้โด่งดัง มันไม่ใช่ง่ายๆ เลยค่ะ

ซึ่งในวันนี้พี่น้ำผึ้งขอหยิบยกเรื่องราวของเจ.เค.โรว์ลิ่งมาเล่าให้น้องๆ ฟัง เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ที่กำลังเดินอยู่บนถนนนักเขียนค่ะ เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาเลยดีกว่าค่ะ

 


(via: insider.com)

 

กว่าจะเป็นเจ.เค.โรว์ลิ่ง

เจ.เค.โรว์ลิ่ง หรือโจแอนน์ โรว์ลิ่ง เป็นนักเขียนชาวบริติช เธอเกิดทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ในเมืองที่เป็นชายแดนระหว่างอังกฤษและเวลส์ อาศัยอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และน้องสาว

เจ.เค. โรว์ลิ่งเล่าให้ฟังว่า เธอเขียนหนังสือเล่มแรกตอนอายุ ขวบ เป็นเรื่องเกี่ยวกับกระต่าย เธอเลยตั้งชื่อมันว่า “Rabbit” ตอนนั้นแม่ของเธอชื่นชมผลงานของเธอมากๆ เธอก็เลยได้แต่ยืนมองและคิดว่า “ถ้างั้นก็ขอให้ได้ตีพิมพ์!” น่าเอ็นดูมากๆ เลยค่ะ

ช่วงที่เธอเป็นวัยรุ่น ก็ใช่ว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีนะ ตรงกันข้าม ช่วงวัยรุ่นของเธอนับว่าเป็นวัยว้าวุ่นเลยค่ะ เธอไม่ค่อยจะมีความสุขสักเท่าไหร่นัก เธอเปิดเผยต่อ “The New Yorker” ว่าแม่ของเธอต่อสู้กับโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis) มาเป็น 10 ปีแล้ว มันทำให้เธอทุกข์ใจมากๆ นอกจากนี้เธอยังไม่ลงรอยกับพ่อเท่าไหร่นักด้วย

 


บ้านเกิดของโรว์ลิ่งใน Church Cottage เมือง Tutshill ประเทศอังกฤษ
(via: businessinsider.com)


 

กำเนิดแฮร์รี่ พอตเตอร์

หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 1990 ขณะที่โจแอนน์ โรว์ลิ่งกำลังนั่งอยู่ในรถไฟที่มุ่งหน้าจากเมืองแมนเชสเตอร์ไปยังลอนดอน อยู่ๆ ตัวละครอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์รอน วีสลี่ย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ก็ผุดขึ้นมาในหัว ไอเดียนั้นไม่ได้มาจากไหนเลยนอกจากการที่เธอเห็น... ผ้ากันเปื้อน

สำหรับผู้โดยสารคนอื่น การเดินทางด้วยรถไฟอาจเป็นอะไรที่แสนจะธรรมดา ก็แค่การเดินทางที่ทำให้ถึงจุดหมาย แต่สำหรับโจแอนน์ มันไม่ใช่แค่การเดินทางธรรมดา แต่มันคือการเดินทางที่แสนวิเศษ เธอเห็นภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกับการเดินทางไปสู่การผจญภัยอันยิ่งใหญ่ ตอนนั้นเธอไม่คิดเลยว่าเด็กผู้ชายคนนี้แหละคือบุคคลที่คนทั้งโลกตกหลุมรัก เธอรีบกลับไปบ้านและรีบจดไอเดียนั้นลงในกระดาษทันที

เธอยังคงจินตนาการต่อไปถึงโลกที่เต็มไปด้วยพ่อมดแม่มด โรงเรียนสอนผู้วิเศษอย่างฮอกวอตส์ คุกอาซคาบันที่เต็มไปด้วยตัวละครต่างๆ ทั้งหมดนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในหัวของเธอ เวลานั้นเองเธอได้เริ่มต้นสร้างโลกเวทมนตร์ด้วยการเขียนนิยายเรื่อง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Philosopher’s Stone) อันเป็นภาคแรกของนิยายชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์

 


ภาพถ่ายของเจ.เค.โรว์ลิ่งและสถานีรถไฟคิงส์ครอสในปี 1999
(via: stylist.co.uk)

 

สูญเสียแม่เหมือนดั่งหัวใจแตกสลาย

ถ้าให้พูดกันตามจริง เจ.เค.โรว์ลิ่งค่อยๆ พัฒนานิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ขณะที่เธออาศัยอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์กับแม่ของเธอ แต่แล้วหลังจากที่เธอเพิ่งเริ่มเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้แค่ เดือน โชคชะตาดันเล่นตลกให้เธอสูญเสียแม่ของเธอในปี 1991 ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุ 25 ปีเองค่ะ แน่นอนว่าเธอยิ่งกว่าใจสลายอีก… นั่นจึงเป็นสาเหตุที่แฮร์รี่ พอตเตอร์สูญเสียพ่อแม่ไงล่ะ เพราะในชีวิตจริง เจ.เค.เองก็เสียแม่ไป

จะว่าไปแล้วเพราะการสูญเสียแม่นี่แหละที่ทำให้หนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ขับเคลื่อนมาได้จนจบ เจ.เค.โรว์ลิ่งกล่าวกับสำนักงานข่าว Telegraph ในปี 2006 ว่า หนังสือของฉันเกี่ยวกับความตายเป็นส่วนใหญ่" ซึ่งพี่ก็เห็นด้วยนะคะ เพราะมันไม่ใช่แค่แฮร์รี่ที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ของเขา แต่โวลเดอร์มอร์เองก็ถูกครอบงำด้วยความคิดที่อยากเป็นอมตะเช่นกัน เรื่องเป็นเรื่องตายล้วนๆ เลย

นอกจากนี้เธอยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า “ฉันเข้าใจมากๆ เลยว่าทำไมโวลเดอร์มอร์ถึงอยากเอาชนะความตาย เพราะความตายมันน่ากลัวไงล่ะ”

 


(via: pinterest.com)

 

เหตุการณ์ยิ่งแย่เมื่อชีวิตครอบครัวล้มเหลว 
และเธอพยายามฆ่าตัวตาย

ดูเหมือนว่าชีวิตของเจ.เค.โรว์ลิ่งจะโรยด้วยหนามกุหลาบ หลังจากที่เธอสูญเสียแม่ได้ไม่นาน เธอย้ายไปอยู่ประเทศโปรตุเกสและทำงานเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ ต่อมาในปี 1992 เธอเดทกับนักข่าวชาวโปรตุเกส จอร์จ อารันเตส ก่อนตั้งท้องและย้ายไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ร่วมกันกับแม่ของอารันเตส ซึ่งมีเพียงแค่ ห้องนอนเท่านั้น

หลังจากนั้นไม่นานเธอจึงแต่งงานกับอารันเตสอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม ปี 1992 และคลอดลูกสาวที่ชื่อว่า “เจสสิกา” ในเดือนกรกฎาคม ปี 1993 แต่อนิจจาชีวิตแต่งงานของเธอไม่ได้ยืนยาวนัก เพราะ 13 เดือนหลังจากนั้นเธอได้หย่ากับเขาและย้ายไปอยู่ในเมืองเอดินเบิร์ก ประเทศสก็อตแลนด์ พร้อมลูกสาวของเธอ รวมทั้งนิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่มีเพียงแค่ บทในตอนนั้น
 


โจแอนน์ โรว์ลิ่งและจอร์จ อารันตัส รวมทั้งเจสสิกา ลูกสาวของเธอ 
รูปนี้ถูกถ่ายขึ้นในปี 1993
(via: stylist.co.uk)

 

เจ.เค.โรว์ลิ่งอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่คับแคบกับลูกสาว ตกอยู่ในสภาพคนไร้งานและหมดตัว เธออยู่รอดเพราะเงินจากรัฐบาล ความเครียดที่สะสมทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เธอยอมรับว่าเธอคิดจะฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง โชคยังดีเธอได้คลายเครียดด้วยการเขียน “แฮร์รี่ พอตเตอร์” หลังจากลูกสาวหลับ โดยเธอมักจะมานั่งเขียนนิยายในร้านคาเฟ่เล็กๆ ชื่อ “The Elephant House” ส่วนลูกสาวตัวน้อยจะอยู่ไหนไม่ได้เลยนอกจากในรถเข็นเด็กข้างๆ เธอ

เพราะโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้นนี่แหละค่ะ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างผู้คุมวิญญาณ สิ่งมีชีวิตที่คอยดูดกลืนความสุขของผู้คุมออกมา พวกมันปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน

นี่คือบทเรียนสำคัญหนึ่งในชีวิตของเธอ ซึ่งเธอได้ใช้มันในการสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเห็นได้จากการที่เธอกล่าวสุนทรพจน์ในงานวันรับปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า “ชีวิตแต่งงานฉันพังไม่เป็นท่า ฉันตกงาน เลี้ยงลูกคนเดียว แล้วก็จนที่สุดในอังกฤษ ยังดีนะที่ฉันมีที่ซุกหัวนอน... โดยมาตรฐานคนทั่วไปแล้ว ฉันนี่แหละเป็นคนที่ล้มเหลวที่สุด”

 

มีชีวิตรอดเพราะสวัสดิการรัฐ

ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการต้องเช่าอพาร์ตเมนต์และพึ่งพาเงินของรัฐบาลอีกแล้ว เจ.เค.โรว์ลิ่งใช้เงินของรัฐในการเลี้ยงดูลูกสาวของเธอ เธอรู้สึกอับอาย ยากจน และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แม้สถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน แต่เธอก็ยังเข็มแข็งต่อไปเพื่อลูกสาวของเธอ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ในร้านคาเฟ่เล็กๆ


 

ต่อสู้ถึง 5 ปีกว่าเธอจะเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มแรกจบ

เชื่อหรือไม่ แต่ตลอดระยะเวลา ปีที่เธอเขียนนิยาย “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์” เธอยังคงศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเอง เจ.เค.โรว์ลิ่งหลงใหลในงานเขียนของเธอมาก เธอไม่ได้ให้ความสำคัญแค่ตัวละครหลัก แต่เธอยังให้ความสำคัญกับตัวละครอื่นๆ ด้วย พูดเลยว่าเธอเขียนชื่อบ้านและพลังวิเศษของนักเรียนทุกคนในฮอกวอตส์เลยค่ะ

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ความล้มเหลวที่เธอเผชิญมาทั้งหมดมันทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และหลังจากที่เธออดทนและทุ่มเทให้กับงานเขียนของเธอเป็นอย่างหนัก แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ก็เสร็จสิ้นในปีที่ 5

 


จุดเริ่มต้นของแฮร์รี่ พอตเตอร์
(via: stylist.co.uk)

 

ถูกปฏิเสธถึง 12 ครั้ง!

ในปี 1995 เจ.เค.โรว์ลิ่งเริ่มต่อสู้อีกครั้ง เธอได้รีไรท์บทที่ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ถึง 15 ครั้งด้วยกัน!! เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่นิยายตัวเองจะได้ตีพิมพ์ แถมเธอยังถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธด้วยเหตุผลประมาณว่า “หนังสือมันอ่านยากเกินไปสำหรับเด็ก” หรือ “หนังสือยาวไป” บ้างก็ว่า “เด็กๆ ไม่สนใจหรอกน่า” ถ้านับรวมๆ แล้วจะพบว่าต้นฉบับของเจ.เค.โรว์ลิ่งไม่ผ่านถึง 12 ครั้ง ตอนนั้นเธอผิดหวังและไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี

 

ในที่สุดความฝันก็เป็นจริง

อ่านจนถึงบรรทัดนี้ หลายคนคงพอเดากันได้ใช่มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น ถูกต้องแล้วค่ะ เพราะในปี 1997 หลังจากที่เธอส่งต้นฉบับไปยังสำนักพิมพ์บลูมส์เบอรี่เป็นครั้งที่ 13 ทางกองบ.ก.ก็บอกว่าต้นฉบับของเธอผ่านและขอให้เธอเปลี่ยนนามปากกาใหม่ เนื่องจากเด็กผู้ชายไม่นิยมอ่านนิยายที่เขียนด้วยผู้หญิงเท่าไรนัก ดังนั้นเธอจึงเพิ่มตัว ลงไปในนามปากกาของเธอ โดย มาจาก Kathleen ชื่อยายของเธอเองค่ะ ซึ่งเจ.เค.ก็ได้ขายลิขสิทธิ์ให้สำนักพิมพ์บลูมส์เบอรี่ไปในราคา 4,000 เหรียญสหรัฐในสมัยนั้น

แน่นอนว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ขายดิบขายดีมาก ผลิตเพิ่มแทบไม่ทัน ที่สำคัญยังได้รับรางวัล the British Book Award for Children’s Book ด้วยค่ะ ชื่อเสียงโด่งดังไปจนถึงอเมริกาเลยค่ะ เพราะหลังจากนั้นในปี 1998 สำนักพิมพ์ Scholastic Inc. ของสหรัฐอเมริกาได้ขอซื้อลิขสิทธิ์ด้วยราคา 105,000 เหรียญสหรัฐ และนี่แหละค่ะคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์โด่งดังไปทั่วโลก

 


เจ.เค.โรว์ลิ่งกับผลงานเล่มแรกของเธอที่ได้รับการตีพิมพ์ ภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นในปี 1997
(via: stylist.co.uk)


 

จากคนตกงานสู่การเป็นนักเขียนพันล้าน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นอกจากงานเขียนจะต้องดีแล้ว ดวงยังต้องดีอีกด้วยค่ะ ยังไงก็สมกับความเหน็ดเหนื่อยที่เจ.เค.ผ่านมรสุมมามากมาย เพราะงานเขียนของเธอทั้ง ภาคนั้นมียอดขายมากกว่า 450 ล้านเล่ม!! ต่อมาวอร์เนอร์บราเธอร์ได้ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์สองภาคแรกในราคา 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เรียกได้ว่าเปลี่ยนชีวิตเจ.เค.จากคนเดินบนดินให้กลายเป็นบินแบบนางฟ้าเลยค่ะ

หลังจากนั้นในปี 2011 ฟอร์บส์คาดว่าเจ.เค.โรว์ลิ่งมีทรัพย์สินรวมกันแล้วประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่เธอก็ต้องหลุดออกจากโผรายชื่อมหาเศรษฐีระดับพันล้านของโลก (The World's Billionaires) หลังจากได้รับรายงานว่าเธอบริจาคทรัพย์สินส่วนหนึ่งเพื่อการกุศล แต่ถึงอย่างนั้นเจ.เค.โรว์ลิ่งยังคงอยู่ในรายชื่อคนดังที่ทรงอิทธิพลที่สุด รวมทั้งเป็นนักเขียนชื่อดังระดับโลก

เธอได้เขียนลงบนเว็บไซต์ของเธอไว้ว่า “ฉันยังจำความรูสึกที่ต้องกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีเงินเพียงพอหรือไม่ที่จะต้องเสียค่าใช้จ่าย จริงๆ แล้วการไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้ว่านับเป็นความหรูหราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแล้วล่ะถ้าให้พี่เดา คงเป็นเพราะความจนที่เธอเคยเจอแน่นอนถึงทำให้เธอหันมาทำการกุศล เธอรับรู้ถึงชีวิตที่ยากลำบากและเธอไม่อยากให้ใครๆ ต้องมาเผชิญแบบเธอ โอ้โห ช่างเป็นคนที่ประเสริฐโดยแท้ทรู


 

เจ.เค.โรว์ลิ่ง สอนอะไรเราบ้าง



(via: tumblr)

 

อย่าให้ความล้มเหลวมาหยุดเรา


“It is impossible to live without failing at something,
unless you live so cautiously that you might as well not have lived at all
– in which case, you fail by default.” — J.K. Rowling


ถ้าเกิดว่าน้องๆ คนไหนที่ส่งต้นฉบับแล้วไม่ผ่านสักที หรือใครที่กำลังทำอะไรสักอย่างอยู่แล้วพังไม่เป็นท่า สอบทีไรก็ตกอยู่ตลอด ท้อใจแล้วจ้า พี่น้ำผึ้งบอกเลยว่าให้เรียนรู้จากเจ.เค.ค่ะ อย่าให้ความล้มเหลวมาหยุดเรา อย่ายอมแพ้ สู้ต่อไป ส่งต้นฉบับต่อไป ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือต่อไป มันต้องมีวันที่เป็นของเราแน่นอน

 


(via: twitter)
 

ทำตามแพชชั่นและอย่าล้มเลิกในความฝัน


Rock bottom, became the solid foundation
on which I rebuilt my life. – J. K. Rowling


เจ.เค.โรว์ลิ่งสูญเสียแม่ ชีวิตรักเธอพังไม่เป็นท่า เธอกลายเป็นคนตกงานและเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ทุกอย่างมันดูเลวร้ายมากๆ เธอเกือบฆ่าตัวตาย เธอเป็นโรคซึมเศร้า แต่เธอคงไม่มีวันที่เป็นดั่งนางพญาอย่างวันนี้ถ้าเธอหยุดเดินตามความฝัน ถ้าเธอท้อและทิ้งความฝันของเธอ แม้ในวันที่ทุกข์ใจและเจอมรสุมถาโถม เธอยังคงตั้งหน้าตั้งตาเขียนนิยายต่อไป

เอาเข้าจริงๆ เธอสามารถสมัครงานเป็นครูสอนภาษาก็ได้นะ แต่ไม่ค่ะ... เธอเลือกที่จะลงทุนกับความฝันและแพชชั่นในการเป็น “นักเขียน” จนในที่สุดการทำตามแพชชั่นก็ทำให้เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีและนักเขียนชื่อดังระดับโลก

น้องๆ คะ เอาอย่างเจ.เค.ไว้นะคะ มีเป้าหมาย ต้องพุ่งหาเป้าหมายค่ะ นั่งอยู่เฉยๆ เป้าหมายไม่มาหาเราหรอกนะคะ จริงมั้ย? ;)

 


(via: youtube)
 

ความสำเร็จไม่ได้ใช้เวลาแค่คืนเดียว


Anything’s possible if you’ve got enough nerve. – J. K. Rowling
 

คนสมัยนี้ใจร้อน ชอบให้ตัวเองประสบความสำเร็จเร็วๆ แต่ในความเป็นจริง ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ นะคะ ดูอย่างเจ.เคสิ กว่าจะประสบความสำเร็จได้ เธอใช้เวลาถึง ปีในการเขียนนิยายเล่มแรกให้จบ แถมยังโดนปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ท้ายสุดแล้วเธอก็ทำความฝันของเธอได้สำเร็จ

ที่พี่อยากจะบอกก็คือ ความฝันและความปรารถนาของเราไม่ได้สำเร็จง่ายๆ เหมือนหลับตานึกฝันเอา แต่มันต้องใช้ความอดทนและความเพียรพยายามมหาศาลกว่าจะสำเร็จค่ะ เพราะฉะนั้นน้องๆ อย่าล้มเลิกความฝันง่ายๆ นะคะ

 


(via : stylist.co.uk)

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเจ.เค.โรว์ลิ่งเป็นคนที่มีความพยายามมากๆ เลยค่ะ ต่อให้เจอเรื่องเลวร้ายขนาดไหนหรือนิยายไม่เคยผ่านต้นฉบับ เธอก็ไม่เคยท้อถอย เธอเปลี่ยนความล้มเหลวมาเป็นชัยชนะ ถ้าเกิดว่า เจ.เค.โรว์ลิ่งท้อใจและทิ้งความฝันในครั้งที่ 12 โดยไม่ยอมส่งต้นฉบับครั้งที่ 13 บอกเลยว่าก็คงไม่มีเจ.เค.โรว์ลิ่งในวันนี้ ซึ่งพี่น้ำผึ้งก็อยากให้น้องๆ จดจำไว้เป็นแบบอย่างนะคะ ท้อได้แต่อย่าถอยค่ะ 

สำหรับวันนี้ ก่อนจากกันพี่ก็ขอปิดท้ายด้วยกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ จากเจ.เค.โรว์ลิ่งเป็นคลิปวิดีโอค่ะ ซึ่งจะเป็นคลิปอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากสุนทรพจน์ที่เธอกล่าวในวันงานรับปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดค่ะ ซึ่งพี่ก็หวังว่าบทความนี้และวิดีโอที่น้องๆ กำลังจะได้ชมจะช่วยเป็นพลังใจให้แก่น้องๆ ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนไม่มากก็น้อยนะคะ 
 

Clip

J.K. Rowling Speaks at Harvard Commencement



พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.newyorker.com/magazine/2012/10/01/mugglemarch?currentPage=all
https://www.jkrowling.com/about/
http://www.telegraph.co.uk/news/uknews/1507438/There-would-be-so-much-to-tell-her....html
http://edition.cnn.com/2008/SHOWBIZ/03/23/rowling.depressed/index.html
https://www.ted.com/talks/jk_rowling_the_fringe_benefits_of_failure
http://www.businessinsider.com/jk-rowling-is-no-longer-a-billionaire-booted-off-forbes-list-2012-3
https://www.forbes.com/profile/jk-rowling/
https://www.forbes.com/sites/natalierobehmed/2014/09/08/the-worlds-top-earning-authors-veronica-roth-john-green-and-gillian-flynn-join-ranking/#34af52e22944

 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

SailorVfan / หลงอักษร Member 30 ส.ค. 60 21:35 น. 1

เหมือนจะเคยอ่านมาบ้างแล้ว...แต่อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกทึ่งได้ทุกครั้ง


เราว่านักเขียนเป็นหนึ่งในอาชีพที่เราต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากที่สุด จะสุข จะเศร้า จะอะไรก็ต้องเขียนถ้ายังมีความฝันและยังมีโลกแห่งจินตนาการของตัวเองอยู่...แน่นอนว่า ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต มีขึ้น ย่อมมีลง...มรสุมชีวิตมักจะมาโดยไม่ทันตั้งตัวเสมอ ถ้าเราสู้กับมันได้ ทุกอย่างก็โอเค แต่ถ้ายอมแพ้ ทุกอย่างก็จะพังครืน เหลือแต่ความฝันที่จะเป็นนักเขียนให้ได้...นั่นก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าแต่ละคนจะทำอย่างไรกับชีวิต


เส้นทางพิชิตความฝันมักจะมีขวากหนามเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปจนถึงฝั่งได้ไหม

1
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

SailorVfan / หลงอักษร Member 30 ส.ค. 60 21:35 น. 1

เหมือนจะเคยอ่านมาบ้างแล้ว...แต่อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกทึ่งได้ทุกครั้ง


เราว่านักเขียนเป็นหนึ่งในอาชีพที่เราต้องใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากที่สุด จะสุข จะเศร้า จะอะไรก็ต้องเขียนถ้ายังมีความฝันและยังมีโลกแห่งจินตนาการของตัวเองอยู่...แน่นอนว่า ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต มีขึ้น ย่อมมีลง...มรสุมชีวิตมักจะมาโดยไม่ทันตั้งตัวเสมอ ถ้าเราสู้กับมันได้ ทุกอย่างก็โอเค แต่ถ้ายอมแพ้ ทุกอย่างก็จะพังครืน เหลือแต่ความฝันที่จะเป็นนักเขียนให้ได้...นั่นก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าแต่ละคนจะทำอย่างไรกับชีวิต


เส้นทางพิชิตความฝันมักจะมีขวากหนามเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะฝ่าฟันอุปสรรคนั้นไปจนถึงฝั่งได้ไหม

1
กำลังโหลด
Shadow_J Member 5 ต.ค. 63 15:44 น. 2

หาบทความเกี่ยวกับความเป็นมาของตัว K ในนามปากกาของ J.K.Rowling มาเจอที่่ Dek-D ที่มีบทความน่าสนใจให้อ่านเป็นประจำ


ขอบคุณทีมงานสำหรับบทความดีๆ ครับ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด