ลมหายใจสุดท้ายของท่านนบีมูฮัมหมัด
ลมหายใจสุดท้ายของท่านร่อซูลุลลอฮ์...
ดวงอาทิตย์เริ่มสูงขื้น แต่ประตูบ้านของท่านรอซูลุลลอฮ์ยังคงปิดอยู่ ท่านร่อซูลุลลอฮ์กำลังนอนด้วยความอ่อนเพลียซึ่งสังเกตุได้จากคิ้วของท่าน ที่นอนของท่านซึ่งเป็นเสื่อที่ทำจากก้านใบอินทผลัมก็เริ่มเปียกด้วยเหงื่อที่ไหลออกมาจากร่างของท่าน ในขณะนั้นก็ได้มีเสียงเรียกจากนอกประตูบ้าน "ฉันเข้าไปได้มั๊ย" แต่ท่านหญิงฟาติมะห์ก็ไม่ยินยอมให้เข้ามา "ต้องขอมาอัฟด้วย พ่อของฉันกำลังป่วย" ท่านหญิงฟาติมะห์ได้กล่าวพร้อมกับปิดประตูและกลับมาอยู่เคียงข้างท่านร่อซูลุลลอฮ์ตามเดิม ซึ่งท่านร่อซูลก็ได้ลืมตาและถามท่านหญิงฟาติมะห์ว่า "ใครมาหรอ ลูก?" ท่านหญิงฟาติมะห์ก็ได้กล่าวตอบอย่างอ่อนโยนแก่ท่านร่อซูล "ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะท่านพ่อ และรู้สึกว่าฉันเพิ่งจะเคยเห็นนี่ล่ะ" ท่านร่อซูลจึงได้จ้องมองหน้าบุตรีของท่านด้วยแววตาแห่งความห่วงใยเหมือนกับจะไม่ได้มองหน้าของบุตรีของท่านอีกต่อไปแล้ว และท่านร่อซูลก็ได้กล่าวกับท่านหญิงฟาติมะห์ว่า "ลูกรู้มั๊ย..ชายผู้นั้น ความจริงแล้ว เขาคือผู้ที่จะมาลบล้างความสุขอันชั่วคราวทั้งหลาย เขาคือผู้ที่จะพรัดพรากจากการพบกันในดุนยา เขาคือ ท่านมลาอิกัลเมาต์นั่นเอง" ท่านหญิงฟาติมะห์ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ ทันใดนั้นมลาอิกัลเมาต์ก็ได้เข้ามาใกล้ชิดตัวของท่านร่อซูลุลลอฮ์ แต่ท่านร่อซูลก็ได้ถาม มลาอิกัลเมาต์ว่า "ทำไม ญิบรีลไม่มาด้วยล่ะ?" หลังจากนั้นมลาอิกัต ญิลรีลก็ได้ถูกเชิญมาด้วย ซึ่งความจริงแล้ว มลาอิกัตญิบรีลเตรียมพร้อมก่อนหน้านี้แล้วเพื่อที่จะรับวิญญานของผู้ที่เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮ์
ท่านร่อซูลได้ถามญิบรีลด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย "ญิบรีล.. ได้โปรดบอกฉันหน่อยว่า ฉันมีสิทธิอะไรบ้างเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักต์ของอัลลอฮ์" ญิบรีลก็จึงได้ตอบว่า "บรรดาประตูในฟาฟ้าทั้งหลายก็จะถูกเปิดออก บรรดามลาอิกัตทั้งหลายกำลังเฝ้าคอยดวงวิญญานของท่าน สวรรค์ทั้งหมดได้ถูกเปิดกว้างเพื่อรอคอยการมาของท่าน" คำตอบของญิบรีลก็ไม่ได้ทำให้ท่าร่อซูลหมดความกังวลแต่อย่างใด ญิบรีลก็จึงได้ถามท่านร่อซูลุลลอฮ์ว่า "โอ้ท่านร่อซุลุลลอฮ์ ท่านยังไม่รู้สึกสบายใจกับข่าวนั้นหรือ?" ท่านร่อซูลก็จึงได้ถามญิบรีลอีกว่า "แล้วอุมัตของฉันล่ะ พวกเขาจะมีชะตากรรมอย่างไรบ้าง?" ญิบรีลก็ได้ตอบว่า "ท่านไม่ต้องห่วงหรอก โอ้ร่อซูลุลลอฮ์ ฉันได้ยินอัลลอฮ์ทรงตรัสแก่ฉันว่า "ข้าห้ามมิให้ผู้ใดเข้าสวรรค์ ยกเว้นอุมัตของมูฮำมัดเท่านั้นที่จะเข้าไปได้" เวลาก็ใกล้เข้ามาเต็มที มลาอิกัตอิสรออีลทำหน้าที่ดึงวิญญานของท่านร่อซูลุลลอฮ์ด้วยความนิ่มนวล ทันใดนั้นร่างของร่อซูลุลลอฮ์ก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา และท่านร่อซูลก็ได้พูดกับญิบรีลด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา "โอ้ญิบรีล ช่างเจ็บปวดเหลือเกินขณะวิญญานจะออกจากร่าง (ซะการ่อตุลเมาต์) " ท่านหญิงฟาติมะห์ถึงกับหลับตา ท่านอาลีซึ่งอยู่เคียงข้างในเวลานั้นก็ก้มหน้าลง ญิบรีลก็ได้ผินหน้าออกไป ทันใดนั้น.. ท่านร่อซูลก็ได้เอ่ยกับญิบรีลอีกว่า "หน้าของฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรอ จึงทำให้ท่านถึงกับต้องผินหน้าออกไป โอ้ญิบรีล?" ญิบรีลก้ได้ตอบกับท่านร่อซูลว่า "จะมีใครกล้ามองใบหน้าของผู้ที่เป็นรักยิ่งของอัลลอฮ์ ซึ่งกำลังถูกดึงวิญญานออกด้วยความเจ็บปวด" ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดอันแสนทรมานของท่านร่อซูลุลลอฮ์ "โอ้อัลลอฮ์ ความตายนี่ช่างเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน ขอให้ความเจ็บปวดนี้ให้ถูกกับฉันคนเดียว อย่าให้อุมัตของฉันต้องเจ็บปวดแบบนี้เลย" จากนั้น ร่างของร่อซูลุลลอฮ์ ก็เริ่มเย็นลง เท้าและมือก็หยุดนิ่ง หน้าอกของท่านร่อซูลก็หยุดการเคลื่อนไหว ริมฝีปากของท่านขยับเหมือนกับจะกระซิบบอกอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นท่านอาลีก็ได้เอาหูเข้าไปชิดเพื่อฟังท่านร่อซูล ซึ่งได้สั่งเสียไว้ว่า "จงรักษาการละหมาดและดูแลรักษาบรรดาผู้ที่อ่อนแอในหมู่พวกเท่าน" ด้านนอกประตู ก็ได้ยินเสียงโห่ร้อง เหล่าบรรดาซอฮาบะห์ต่างได้กอดกันด้วยน้ำตานองหน้า ท่านหญิงฟาติมะห์ก็ได้เอามือปิดหน้า และท่านอาลีก็ได้เอาหูเข้ามาใกล้ชิดกับริมฝีปากของท่านร่อซูลุลลอฮ์อีกครั้ง และคำพูดสุดท้ายที่ออกจากปากของท่านร่อซูลุลลอฮ์ในเวลานั้นก็คื
อ "อุมมาตี อุมมาตี อุมมาตี.. ประชาชาติของฉัน ประชาชาติของฉัน ประชาชาติของฉัน"
8 ความคิดเห็น
เพียงแค่อยากให้รับรู้ว่า นบีมูฮัมหมัดรักพวกเรามากนะ
ประชาชาติของท่าน
พวกเราทั้งหลายจงหมั่นทำอามั้ลให้มากๆนะ ท่านนบีทำเพื่อพวกเราถึงเพียงนี้ ภูมิใจที่เกิดมาเป็นมุสลิม
ผมเองไม่ทราบคับว่ามีมุสลิมคนไหนที่ทำร้ายสุนัข แต่อิสลามสอนให้เราเมตตาแม้กระทั่งกับสัตว์
ดังฮาดิษนึงทีว่า  "มีสตรีโสเภณีคนหนึ่งตักน้ำให้สุนัขตัวหนึ่งดื่ม อันเนื่องจากสุนัขตัวนั้นหิวแต่ไม่สามารถดื่มน้ำในบ่อน้ำนั้นได้ นางจึงให้รองเท้าของนางตักน้ำให้มันดื่ม ท่านนบี(ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)จึงกล่าวว่า การกระทำข้างต้นนางได้รับสวรรค์เป็นสิ่งตอบแทน"
จากหะดีษข้างต้นระบุไว้นั้น แสดงให้เห็นว่าอิสลามต้องมีความเมตตาต่อสัตว์ ใครฆ่าสุนัขอันนี้ก็บาปเช่นกัน เพราะแม้มนุษย์จะสูงส่งเพียงใดก็ไม่ได้หมายความว่าให้เราไปเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตที่ด้อยกว่าเรานะคับ
Assalamualaikum ถูกต้องค่ะ ทุกชีวิตมาจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครมีสิทธิ์ทำร้ายใคร นอกเสียจากสิ่งนั้นจะได้รับการอนูมัติ จากพระองค์ .....Jazakallah ..... สำหรับชีวประวัติ ของท่านนบีมุฮัมมัด (ซล) บทความดีๆที่ควรนำมาเผยแพร่ ....
วันอังคาร ที่ 18 กันยายน 2555
ร่วมประท้วง หน้าสถานทูตอเมริกา
เพียงเท่านี้ เราก็รู้แล้วว่า ท่านรักพวกเรามุสลิมมากแค่ไหน :(
เวลาก็ใกล้เข้ามาเต็มที มลาอิกัตอิสรออีลทำหน้าที่ดึงวิญญานของท่านร่อซูลุลลอฮ์ด้วยความนิ่มนวล
เขียนผิดหรือเปล่าครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?