Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ตะัลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

           วัดที่ผมจะได้นำเสนอในครั้งนี้ เป็นอีกวัดที่มีความสำคัญ และหลายๆ ท่านน่าจะรู้จักกันดี เป็นหนึ่งในวัดที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ นั่นคือ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

          วัดนี้เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่เดิมชื่อว่าวัดแหลม และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ มีการสถาปนาใหม่ในรัชกาลที่ ๕ ซึ่ง วัดเบญจมบพิตร ก็หมายถึง วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ เป็นวัดที่สวยงามมากวัดหนึ่ง










 

สัญลักษณ์ของวัดนี้เลยคือ พระอุโบสถ น่าจะคุ้นตากันนะ เพราะอยู่ในเหรียญห้าบาทที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน พระอุโบสถนี้ออกแบบโดย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศนานุวัดติวงศ์ นายช่างใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (เป็นผู้พระราชนิพนธ์เพลงสรรเสริญพระบารมีด้วย) พระอุโบสถนี้ทำจากหินอ่อนนำเข้าจากประเทศอิตาลี ชาวต่างชาติรู้จักในนาม Marble Temple พูดถึงเรื่องหินอ่อนที่นำมาสร้างพระอุโบสถ เคยมีนักเรียนเอาไปใช้ในการโต้วาทีด้วย คือมันเป็นหัวข้อ ของไทยกับของต่างชาติ อันไหนดีกว่้ากัน ฝ่ายค้านที่จะต้องมองว่าของต่างชาติดีกว่า ก็จะมีการพูดถึงว่า ขนาดพระอุโบสถของวัดเบญจมบพิตรยังต้องสร้างจากหินอ่อนที่นำเข้าจากอิตาลีเลย ประมาณนั้น

พระพุทธชินราชจำลอง พระประธานในพระอุโบสถ รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จำลองมาจากพิษณุโลก




สิงห์ที่หน้าพระอุึโบสถ












ระเบียงคดด้านหลังพระอุโบสถ เป็นที่รวบรวมพระพุทธรูปแบบต่างๆ กว่า ๕๒ องค์ ในภาพนี่เป็นพระยืนแบบญี่ปุ่น

พระที่นั่งทรงผนวช ซึ่งรัชกาลที่ ๕ เคยประทับเมื่อครั้งทรงผนวช แต่มีการรื้อมาจากพระบรมมหาราชวัง มาสร้างใหม่ในวัดเบญจมบพิตรนี้

ศาลาสี่สมเด็จ มีการเก็บกลองที่เรียกกันว่า กลองอืด เอาไำว้ ที่ว่าสี่สมเด็จนั่นหมายถึง พระราชโอรสและพระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และสมเด็จพระเทพศิรินทรา พระบรมราชินี ได้แก่
๑.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
๒.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์
๓.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าชายจาตุรนต์รัศมีฯ กรมพระจักรพรรดิพงศ์
๔.สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าชายภาณุรังษีสว่างวงศ์ฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช


        เนื่องจากผมมีข้อมูลและภาพของวัดนี้น้อย จึงจะขอนำอีกวัดมาเสริมด้วยนั่นคือ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

        วัดนี้เป็นวัดเก่ามาตั้งแต่สมัยอยุธยา และในสมัยรัชกาลที่ ๑ ได้ทรงเ้ปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วัดมหาธาตุ ส่วนสร้อยนามของวัดคือ ยุวราชรังสฤษฎิ์ มาเพิ่มในสมัยรัชกาลที่ ๕ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร (สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกของไทย ทรงเป็นพระปิตุลา หรือลุง ของในหลวงรัชกาลที่ ๘-๙) วัดนี้อยู่ใกล้ๆ กับสนามหลวงและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์



พระอุโบสถ



พระศรีสรรเพชญ์ พระประธานในพระอุโบสถ



พระมณฑปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ



พระปรางค์

พระราชานุสาวรีย์ของ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (บุญมา) ที่หน้าวัด ทรงเป็นพระอนุชา (น้องชาย) ของรัชกาลที่ ๑



ผมได้ไปในช่วงที่มีการตั้งพระบรมรูปของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ซึ่งพระบรมรูปนี้จะนำไปประดิษฐานที่วัดไทยกุสินารา ประเทศอินเดีย

ในวัดมหาธาตุ ยังมีอาคารปฏิบัติธรรมเบญจมราชวรานุสรณ์ ซึ่งมีการประดิษฐานพระัราชานุสาวรีย์ของ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ไว้ด้วย ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ถ้าพระองค์ไม่เสด็จทิวงคตไปเสียก่อน ก็จะได้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๖

    จริงๆ ในบริเวณวัดมหาธาตุ ยังมีอีกส่วนสำคัญคือ อาคารถาวรวัตถุ หรือตึกแดง ซึ่งเป็นหอสมุดแห่งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ แต่เสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายภาพมา ถ้าวันไหนผมมีโอกาสได้ถ่ายภาพ ก็จะเอามาลงเพิ่มให้

เดินจากวัดมหาธาตุไปหน่อย ก็จะถึงโรงละครแห่งชาติ ซึ่งมีพระราชานุสาวรีย์ของ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว หลายท่านอาจจะสงสัยว่า พระองค์ทรงเป็นรัชกาลที่เท่าไร? ทำไมในรายพระนามของ ๙ รัชกาลแห่งราชวงศ์จักรีถึงไม่เคยมี จริงๆ แล้วพระองค์ทรงเป็นพระอนุชาของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัีว รัชกาลที่ ๔ เมื่อรัชกาลที่ ๔ เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ทรงเห็นว่าพระชะตาของพระอนุชาพระองค์นี้แรงนัก และทรงมีพระปรีชาสามารถหลากหลาย จึงสถาปนาให้มีพระยศเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ เท่ากับว่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพระมหากษัตริย์ุถึงสองพระองค์ จะเรียกว่าทรงเป็น รัชกาลที่ ๔ พระองค์ที่ ๒ ก็ได้ ในสนธิสัญญาฉบับภาษาอังกฤษก็เขียนถึงพระองค์ไว้ว่า The Second King  คาดว่าที่ทรงพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้อยู่หัว ก็เพราะพระนามเดิมของพระองค์คือ เจ้าฟ้าชายจุฑามณี ซึ่งคำว่า จุฑามณี หมายถึง ปิ่น

  จบแล้วครับ สำหรับวัดเบญจมบพิตร และวัดมหาธาตุ

กระทู้อื่นๆ ในหมวดนี้

ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดสุทัศนเทพวราราม
ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดบวรนิเวศวิหาร
ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดสระเกศ
ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดราชนัดดาราม และ วัดเทพธิดาราม
ตะลุยวัดในกรุงเทพฯ ตอน วัดราชบพิธ และ วัดราชประดิษฐ์



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2556 / 22:51
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2556 / 22:51

แสดงความคิดเห็น