Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ชีวิตพี่ว๊าก ในสายตาของเพื่อนร่วมรุ่น

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอเล่าเรื่องพี่ว๊ากมั่ง
ที่จริงเราก็ไม่เห็นด้วยกับการมีการว๊ากในห้องเชียร์นะ
แต่ยังไงก็อยากจะนำเสนอแง่มุมหนึ่งของพี่ว๊ากมาให้ดูกันบ้าง

เรื่องยาวไปหน่อย
ถ้าใครจะอ่านเพื่อความบันเทิง ก็อ่านไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน
ถ้าใครจะรีบเข้าประเด็น ก็ข้ามไปช่วงสีน้ำเงินด้านท้ายได้เลย



หลังจากที่ได้จบปีการศึกษานึงมาก็ถึงฤดูกาลรับน้องครั้งใหม่อีกครั้งแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นกฎหรือเปล่า ที่รุ่นพี่จะต้องมอบหมายหน้าที่การรับน้องให้กับเด็กปีหนึ่งในปีที่แล้วซึ่งเป็นปีสองในปีนี้
จำเป็นที่จะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดกิจกรรมนี้ด้วยตนเองอีกครั้ง

รุ่นพี่บางคนอาจจะช่วยเหลือบ้าง แต่ก็เป็นเพียงฝ่ายสนับสนุน เรื่องหลัก ๆ ล้วนแต่ให้รุ่นใหม่ดูแลทั้งสิ้น
ตั้งแต่การเป็นพิธีกรเดี่ยวไมโคโฟนคอยควบคุมงานสั่งการน้อง ๆ อยู่ที่ด้านหน้า
จะเป็นมือกลองคนเล่นดนตรี ต่างก็ต้องรับการฝึกสอนอย่างเข้มงวด (แถมถูกบังคับไว้ว่าห้ามเกรดตกด้วย ไม่งั้นไม่ให้เป็น)
หน่วยพยาบาล ก็มีบ้างที่รุ่นพี่จะมาดูแล
แต่กลุ่มหนึ่งที่เห็นจะน่าสนใจที่สุดก็คือกลุ่ม "ว๊ากเกอร์" หรือพี่ว๊าก ของรุ่นน้องหลาย ๆ คน



โดยดั้งเดิม พี่ว๊ากไม่ได้โหดมาตั้งแต่เกิด ทุกคนก็ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เล่นหัวปล่อยมุกฮากันตามประสาเพื่อนสนิทธรรมดา
แต่เมื่อมาเป็นพี่ว๊ากแล้วบางสิ่งก็ต้องเปลี่ยนไป จากเดิมที่หน้าตาเกลี้ยงเกลา ก็ต้องเริ่มไว้หนวดเคราตั้งแต่ปิดเทอม
จากเดิมที่เคยกินข้าวร่วมกันทุกพักเที่ยง ก็ต้องแยกตัวไปกินกันเองเฉพาะกลุ่มว๊ากเกอร์
ทุกค่ำคืนที่เคยออกไปร้านเกมเล่นวินนิ่ง เล่นดอทเอ ก็ไม่สามารถไปเล่นกับใครได้
เดิมที่คุยสังสรรค์เฮฮา ปล่อยมุกออกมาทุกสองวิ ก็ทำไม่ได้ ต้องทำหน้าขรึมตลอดราวกับคนเก็บกด
จากเดิมที่เคยสดใสร่าเริงเป็นกันเองกับเพื่อนฝูงหรือรุ่นพี่ ก็ไม่มีอีกต่อไป
พวกเขาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นว๊ากเกอร์

และมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ตอนอยู่ที่ห้องเชียร์ เพื่อความแนบเนียนพวกเขาจะต้องทำเช่นนี้ไปจนกว่าห้องเชียร์จะจบ

ก่อนจะเข้ามา พวกเขาจะเริ่มส่งสัญญาณก่อน ให้รุ่นพี่ทำกิจกรรมห้องเชียร์หลักได้รับรู้
(ไม่รู้ว่าเหมือนกันไหม แต่คณะของเราจะมีห้องเชียร์สนุกสนานตามปรกติ ส่วนหลังจากนั้นก็จะมีพี่ว๊ากต่อ)
บ้างอาจจะโวยวาย บ้างอาจจะให้รุ่นพี่บางกลุ่มรีบปลีกตัวออกมา บ้างก็ปิดไฟทำให้มืดเพื่อทำการเตือน

เมื่อเข้ามาแล้วต้องห้ามขำ แม้จะเกิดเรื่องที่ฮาแค่ไหน ต้องทำเสียงเข้มตลอด โคตรจะทรมานรู้ไหม ?
พูดผิดไม่ได้ เพราะมันทำให้ไม่น่าเชื่อถือ หากเกิดเหตุพี่ว๊ากคนอื่นต้องรีบโวยวายเพื่อแก้ผ้าเอาหน้ารอดให้
พี่ว๊ากจะต้องไม่แตะตัวเด็กเด็ดขาด เพราะอาจจะเข้าใจผิดโดนคิดว่าทำร้ายร่างกายเขาได้
เฟรชชี่ที่เกิดปัญหาผิดปรกติ ล้มชัก ตาตั้ง หายใจไม่ออก พี่ว๊ากไม่เคยสักครั้งที่จะปล่อยเลย
แม้เขาจะดูเย็นชาไม่สนใจอะไรมาก แต่ก็จะรีบให้หน่วยพยาบาลรีบมาช่วยเหลือโดยทันที
จะทำกิจกรรมอะไรโหด ๆ ก็จะถามความสมัครใจทุกครั้ง (ถึงรุ่นน้องจะไม่กล้าปฏิเสธก็เหอะ)
ถ้าใครเป็นโรคประจำตัวอะไรก็จะรีบถาม แล้วให้รุ่นพี่คนอื่นพาออกไปนอกบริเวณ

แม้จะพูดจาโหด ๆ กระโชกโฮกฮาก แต่สิ่งที่สั่งให้แนะนำมันก็ขัดกับท่าทางและการกระทำ
บอกว่าให้ใส่เสื้อให้เรียบร้อยถูกกฎระเบียบบ้างล่ะ บอกให้เคารพรุ่นพี่ทุกครั้งที่เจอบ้างล่ะ
บอกให้พาเพื่อนมาให้ครบบ้างล่ะ ให้โดนทำโทษแทนเพื่อนที่ทำผิดบ้างล่ะ
มันดูแปลก ๆ ขัดกับท่าทางที่น่าจะเป็นคนเลวของพวกเขาใช่ไหม ?


แต่สุดท้ายเรื่องก็ถูกเฉลย ทุกคนปรับความเข้าใจกันได้เมื่อปิดห้องเชียร์
วันนี้มักจะถูกเว้นไว้ให้เผยตัวตนที่แท้จริงของพี่ว๊ากได้เผยความติ๊งต๊องของพวกเขาได้เต็มเหนี่ยวสักที !



แล้วการว๊ากจำเป็นไหม ?

ไม่รู้สิ แต่บางคนหากไม่สยบด้วยความกลัว พวกเขาก็จะยังกล้าฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของคณะของรุ่นพี่ได้อยู่ดี
การที่จะให้เด็กใหม่มาเยอะ ๆ นอกจากจะชักชวนด้วยความสนุกแล้ว มันเป็นไปได้ไหมที่จะมีคนเข้ามาก หากไม่ขู่ด้วยความกลัว
ถ้าประสิทธิผลของห้องเชียร์คือการให้รุ่นน้องเข้ามาให้มากที่สุดเพื่อที่จะสั่งสอนแนะนำ หรือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในคณะ
การว๊ากอาจจะจำเป็น

ถ้าหากเมื่อใดบรรดาที่รุ่นพี่ทั้งหลายแน่ใจได้แล้วว่า แม้ไม่มีการว๊ากคนก็ยังสามารถมาได้มากเหมือนเดิม
รุ่นน้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอันเหมาะสมของคณะได้ ให้ความเคารพรุ่นพี่อย่างสมควร
และทุกคนเต็มที่กับกิจกรรมทุกอย่าง เมื่อนั้นการว๊ากก็จะหมดไปอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น ก็ให้จงคิดว่าเรื่องการว๊ากเป็นเรื่องขำ ๆ แล้วเล่นตามเกมของเขาไปซะ
และเมื่อใดได้เป็นรุ่นพี่เขาแล้วถ้ายังคิดว่าไม่ชอบไม่เหมาะสมว่าการว๊ากเป็นเรื่องที่สมควรมีอยู่ ก็ยกเลิกมันไปก็แล้วกัน




ข้อดีของการว๊าก
- เป็นวิธีการหนึ่งในการทำให้รุ่นน้องมีจิตสำนึกด้วยการใช้ไม้แข็ง พร้อมกับไม้อ่อนของกลุ่มห้องเชียร์ปรกติ
- เป็นวิธีที่ทำให้รุ่นน้องมากันเกือบครบ (ด้วยความกลัว)
- สร้างสถานการณ์จำลองให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ (ด้วยการลงโทษร่วมกัน)
- สร้างความอดทน (อันนี้ขอค้าน สร้างไม่ได้จริงหรอก)

ข้อเสียของการว๊าก
- สร้างค่านิยมที่ไม่ดี เรื่องการเชื่อฟังรุ่นพี่โดยไม่สนความถูกต้อง
- อาจจะทำให้คนที่มีโรคประจำตัว เกิดอาการกำเริบขึ้นมาได้ (แต่ปรกติต้องแยกตัวออกมาก่อน)
- ทำให้รุ่นน้องรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี (ถึงหลายคนจะรู้ว่าเตี๊ยมมาก่อนก็เหอะ)


แก้ไขคำผิดเล็กน้อย



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 21 มิถุนายน 2553 / 23:40

PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...

แสดงความคิดเห็น

180 ความคิดเห็น

-นักฆ่าแห่งเมืองคาซิโอเรียท- 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:30 น. 1

ตอนเราอยู่ปี 1 กลัว พี่ว๊ากมากกกกกก ถึงมากที่สุด...

เรียกว่าแทบไม่กล้าเฉียดรัศมีเลยล่ะ  5555

บรรยากาศการเข้าว๊าก ของพี่แต่ล่ะทีเนี้ยะ..... ไม่กล้าพูดกันซักเอะ (ขนาดพี่ว๊าก....แกให้พูด ให้เถียง ได้นะนั้น 5555)
(ก้อเล่นพี่ๆ  ท่านหาคนที่ดุ และทำหน้านิ่งขนาดนั้นมานี้หว่า.....โอ๊ยยย พูดแล้วยังกลัว -_____-ll )


แต่กลัวไม่ใช่เกลียดนะ....

ความรู้สึกตอนปี 1 ตอนแรกๆ อาจจะใช่...

เพราะเรายังไม่รู้อะไร ไม่เข้าใจอะไร....
ยังไม่รู้จักรุ่นพี่ ไม่รู้จักเพื่อนๆ....

อันนี้ขอเล่าแบบไม่ปิดบังเลย....

คำว่าเพื่อนแท้ กับคำว่า เพื่อนที่เอาตัวรอด แค่คนเดียว
น้องๆ จะรู้จัก และรู้ซึ้งตอนนี้แหละครับ....
คนไหน พึ่งพาได้ คนไหนเห็นแก่ตัว คนไหนมีความกล้าที่จะเผชิญ....

คำว่าพี่ว๊าก ไม่ได้สร้างขึ้นมาให้รุ่นน้องศรัทธาหรือเคารพรุ่นพี่เท่านั้น...

แต่ยังทำให้น้องๆ เรียนรู้ คน อีกต่างหาก...


เป็นสิ่งที่น้องๆ จะได้เรียนรู้ และพัฒนาประสบการณ์ของตัวเองเพื่อให้จัดการกับเรื่องราวในอนาคต....


พี่ว๊าก.... มีไว้ทำไม.....
น้องๆ ต้องค่อยๆ ค้นหาด้วยตัวเอง...แล้วจะค้นพบคำตอบ....
และคำตอบของแต่ละคน ย่อมแตกต่างกัน...

อาจมีทั้งดีและไม่ดี...

ยังไงก้อลองค้นหาคำตอบอย่างช้าๆ ค่อยๆ วิเคราะห์ด้วยเหตุและผลนะครับ

ปล. พอแหละ ขี้เกียจพิมพ์

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553 / 00:40
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553 / 00:45
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553 / 00:51


PS.  ไม่แคร์ใคร!!!!
0
อิค*คิว!ZanG 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:36 น. 2

ผมไม่เคยแคร์
ผมไม่ชอบ
แล้วผมจะไม่เป็นพี่ว๊าก
เพราะผมสงสารน้อง


PS.  ขอบคุณ อาจารย์อุ๊ ที่ทำให้เด็กไม่เอาหนังสือ กลายเป็นว่าที่วิศวกรตามฝันได้ ขอบคุณจริงๆคับ
0
champ 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:41 น. 3

เปิดรับสมัครบุคคลากรจำนวนมาก

กระจายสื่อ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านเน็ต

ทั้ง Part-time และ Full-time

รายได้ประมาณ 500 บาท/วัน



สนใจติดต่อ คุณแชมป์

โทร 086-371-1751, 082-551-7411

กรุณาจดรหัสติดต่อกับเจ้าหน้าที่ **SP69374**

(จะรู้ได้ว่ามาติดต่องานส่วนใด)

รายละเอียด : ต้องการพนักงานบริษัท Part-time/ Full-time สามารถเลือกเวลาทำงาน หรือรับงานกลับไปทำที่บ้านได้ โดยเปิดรับในส่วนต่างๆ ดังนี ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และฝ่ายสื่อโฆษณา

เอกสารที่ต้องเตรียม :

1. สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 1 ฉบับ

2. รูปถ่าย ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 1 ใบ

3. สำเนาบัญชีหน้าแรกธนาคาร จำนวน 1 ฉบับ ( สามารถใช้ได้ทุกธนาคาร ยกเว้น ธนาคาร ออมสิน และ ธกส.)

คุณสมบัติ :

1.&nbsp &nbsp &nbsp เพศชาย - หญิง (อายุ 18 ปีขึ้นไป )

2.&nbsp &nbsp &nbsp สามารถใช้งานโปรแกรมพื้นฐาน และอินเตอร์เน็ตได้ (เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์บริษัท) - สามารถรับ-ส่งอีเมล์ได้

3.&nbsp &nbsp &nbsp มีทัศนะคติดี พร้อมเรียนรู้ มีมนุษยสัมพันธ์ดี จริงจังในการทำงาน

**หมายเหตุ : ต้องมาสมัครด้วยตนเองเท่านั้น**

การเดินทาง&nbsp  :

-&nbsp โดยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีสุทธิสาร ออกประตู3 เดินมาทางซ้ายมือประมาณ 200 เมตร

- โดยรถประจำทางสาย 73ก., 136, 137, 179, 185, 206, 514, 517, 528, 529





หรือสมัครเพื่อทำการคัดเลือก
โดยฝากประวัติ ชื่อ อายุ จังหวัด และเบอร์โทรศัพท์ ติดต่อกลับได้ที่&nbsp &nbsp 

กรุณา copy

https://spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dHl6aUFqUEVjN0lXSVZRbEF3YTltSkE6MA

เพื่อไปใส่ในหน้าเว็บใหม่



สัมภาษณ์แล้วทราบผลทันที บุคคลใดที่สามารถเริ่มงานได้ทันทีจะพิจารณาเป็นพิเศษ !!!!

กรุณาแต่งกายสุภาพ โทรนัดเวลาในการสัมภาษณ์ก่อนล่วงหน้า 1วัน

0
...... 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:42 น. 4

โดนใจจังเลยครับ

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยผ่านห้องเชียร์มา

โดดมาแล้วทุกรูปแบบ ห้องอะไรที่มีไว้สำหรับคนที่โดดเชียร์ ก็เข้ามาหมดแล้ว

เพราะคนเราต่างพ่อต่างแม่กัน ต้องมีคนที่ดี คนที่เปรี้ยว เกเรบ้างตามธรรมดาของคนเรา

ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่สนิทกับเพื่อน รู้จักกับเพื่อนๆ รู้ท่าแท้ของคน

ต่างคนต่างเรียนไม่ช่วยเหลือกัน เรียนไม่รอดหรอกครับ

ปล.แง่มุมความคิดหนึ่งจากคนที่ก็ไม่เข้าใจว่าว๊ากทำไม ต้องเจอกับตัวเองบอกไปแบบนี้ก็ไม่รู้หรอก

0
ซ่อนนาม 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:42 น. 5

#2
แล้วไม่มีเพื่อนที่เป็นว๊ากเกอร์เหรอ ?
คิดไงกับเขาบ้าง ?
และเขาคิดไงกับการกระทำของเขา ?


PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...
0
DarkSideSystem 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:56 น. 7

สำหรับผมแล้ว

ว๊ากเกอร์ที่ดี มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีการควบคุมรุ่นน้อง
บางทีไม่จำเป็นต้องโหด หรืออารมณ์เสีย หรือหาเรื่องใส่น้อง
ถ้าน้องเข้าใจในสิ่งที่เราทำ และเคารพรุ่นพี่ก็ไม่ตะโกนกรอกหน้าน้องหรอก
ถ้าอยากให้คนเราทำอะไร ใจต้องมากก่อน บังคับไปใจก็ไม่อยากทำ แต่ต้องฝืนทำอยู่ดี

อีกอย่างหนึ่ง
คิดดูสิ ในขณะที่เราบอกให้คนอื่นแต่งตัวให้เรียบร้อย
แล้วตัวเองไว้หนวดไว้เครา   น้องจะเชื่อถือได้อย่างไร 


PS.  การให้เป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ก่อให้เกิดความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ
0
อิค*คิว!ZanG 21 มิ.ย. 53 เวลา 23:57 น. 8
คห.5
1.มี
2.เฉยๆ
3.สิทธิของเค้าห้ามไม่ได้
ผมไม่ชอบก้สิทธิของผม
เราจะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันละกัน
คนอยากสานก้สานต่อไป
คนไม่ชอบก้อยู่เฉยๆ
คอยให้กำลังใจรุ่นน้องคับ

PS.  ขอบคุณ อาจารย์อุ๊ ที่ทำให้เด็กไม่เอาหนังสือ กลายเป็นว่าที่วิศวกรตามฝันได้ ขอบคุณจริงๆคับ
0
ซ่อนนาม 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:02 น. 9

#7
มันไม่มีกฎห้ามในการไว้หนวดเคราไม่ใช่เหรอ ?

ที่บอกว่าใส่ให้เรียบร้อยในที่นี้หมายถึงใส่ให้ถูกตามกฎตามระเบียบ
ผู้หญิงใส่กระโปรง ผู้ชายใส่เสื้อกางเกงให้เรียบร้อย ไม่หิ้วแตะมาเรียน


PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...
0
-นักฆ่าแห่งเมืองคาซิโอเรียท- 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:22 น. 10

เจ้าของกระทู้กับอิคคิวน่ะ หยุด!!

น่าจะทำให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ให้รุ่นพี่เล่าประสบการ์ณ์เก่าๆให้น้องๆฟังมากกว่านะ

------

ดิท

โอเค คห. ล่างเข้าใจแล้ว

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553 / 00:30


PS.  ไม่แคร์ใคร!!!!
0
ซ่อนนาม 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:23 น. 11

#10
เอ่อ... เราหมดประเด็นกับรายนั้นแล้วนะ
ที่ถามใน #9 เราพูดกับ #7 ต่างหาก


PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...
0
ซ่อนนาม 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:26 น. 12

จะว่าไป
เรื่องการปฏิบัติตัวของพี่ว๊าก

ที่จริงกลุ่มนั้นโดยปรกติก็ใส่แตะมาเรียน หรือโดดเรียนบ่อย ๆ เหมือนกัน
แต่พอมาเป็นพี่ว๊าก ก็ใส่เสื้อเรียบร้อย ใส่หุ้มส้นมาเรียน เข้าเรียนครบ ไม่เคยโดดสักครั้ง
เวลานั่งเรียนก็แยกกลุ่มไปแยกกลุ่มไปอยู่กันเองหลังห้อง ไม่แอบหลับเวลาเรียน ตั้งหน้าตั้งตาเรียนทั้งชั่วโมง

พอหมดฤดูพีว๊ากก็ทำแบบเดิมต่อ...ก็ดีเหมือนกัน
ทุ่มเมสุด ๆ เพื่อการเป็นพี่ว๊าก แม้จะขัดกับนิสัยของตนเองก็ตาม


PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...
0
อิค*คิว!ZanG 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:35 น. 13

#12
เป็นพี่ว๊ากหรอ
ทำไมถึงเป็น

ไม่ได้หาเรื่อง อยากรู้
คิดต่างได้ อย่าได้ว่ากัน


PS.  ขอบคุณ อาจารย์อุ๊ ที่ทำให้เด็กไม่เอาหนังสือ กลายเป็นว่าที่วิศวกรตามฝันได้ ขอบคุณจริงๆคับ
0
---Tomodachi--- 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:45 น. 14
ไม่มีเพื่อนเป็นว้ากเกอร์

เพราะที่ U ห้ามมีและไม่เคยมีเพราะเป็น U นานาชาติ

แต่เคยศึกษาเกี่ยวกับระบบ SOTUS ตอนไปเรียนครอสสั้นๆช่วงปิดเทอมที่ฝรั่งเศส

เลยรู้ว่าระบบนี้ทำไมที่นั่นถึงยกเลิก

และทำไมชาวต่างชาติถึงมองระบบนี้ว่าล้าสมัย
0
ซ่อนนาม 22 มิ.ย. 53 เวลา 00:59 น. 15

#13
มีคนหนึ่งเคยบอก
เพราะเท่ห์... เอากับมันสิ

ส่วนคนอื่นไม่รู้นะ

แต่ที่แน่ ๆ คนที่เป็นว๊ากเกอร์ทุกคนในช่วงนั้นก็สามารถประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องได้ทุกคน



#14
ช่วยอธิบายมุมมองของระบบโซตัสในต่างชาติด้วยจ้า
(รวมถึงรายละเอียดวิธีการและกิจกรรมที่กระทำด้วย)
จะได้มีข้อมูลประดับความรู้เพิ่ม

อย่าไล่ไปหาในกุลเกิลนะ
เพราะคนที่รู้จริงน่าจะสามารถสรุปความในประเด็นสำคัญให้คนอื่นรู้ได้มากกว่าคนที่ไม่รู้จริงแล้วก็อปต่อ ๆ กันให้คนอื่นดู


PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...
0
Goddess Madoka 22 มิ.ย. 53 เวลา 01:15 น. 16
แป่ว เรียนเอกชนอ่า

ไม่เห็นมีพี่ว้ากเลย

เห็นแต่ สตาฟ

((สตาฟโดนน้องด่า อิดอก เป็นพ่อกรูหรอ สั่งกรูจัง))

ฮา

ก็เข้าใจอ่านะ สังคมเอกชน มันมีแต่ลูกคุณหนู คุณนายเรียน

ไม่ได้มาอวดว่าเรียนเอกชน แค่มาถ่ายทอดให้ฟังว่า บางมหาลัย ก็ไม่มีนะ พี่ว้าก เนี่ย

เพราะ ถ้าเกิดมี เด็กปี1 เป็นอะไรไป คุณหญิง คุณชาย

จะยกขบวนรถเบนซ์ บีเอ็ม มาถล่มอธิการบดีตายซะก่อน

((เห็นมีคนถามว่าเรียนที่ไหน เราเรียนที่ ม.กรุงเทพ จ้ะ))


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 24 มิถุนายน 2553 / 23:24
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 24 มิถุนายน 2553 / 23:29

PS.  ไม่เสวนากับ จัณฑาลสันดานอัปรีย์และลูกกะหรี่ชนบท ค่ะ ด้วยความเคารพอย่างสูงนะคะ อิสัส
0
ตากล้องส่องสาว 22 มิ.ย. 53 เวลา 08:27 น. 17

มหาลัยนี้ไม่มีว๊าก...ไม่ใช่เพราะมหาลัยนี้คุณหนู ตุ๊ด กระเทย ทนไม่ได้กับอะไรโหดๆ(ตรงกันข้าม มหาลัยนี้มีตั้งแต่ระดับไพร่ลากแตะมาเรียน ยันลูกขุนศักดินามีอันจะกินขับบีเอ็มมาเรียน เปิดกว้างมากจนเรียกได้ว่ามีแทบทุกชนชั้น)

แต่เพราะพวกเขาเคารพในสิ่งที่เรียกว่า ' สิทธิและความเสมอภาค '...สิทธิของเค้าที่จะไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหง ซึ่งมาพร้อมกับหน้าที่ของเขา คือการแสวงหาความรู้ในมหาวิทยาลัยและการทำกิจกรรมเพื่อมวลชน เช่น ออกค่ายอาสา  ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไป เพราะไม่มีว๊าก ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง จึงไม่ต้องกลัวว่าอธิการบดีของเราจะโดนของหนักจากบุพการีทั้งหลาย

มหาลัยที่นี้ไม่มีว๊าก น้องก็ไหว้พี่ และไหว้ด้วยใจไม่ใช่ไหว้ด้วยความกลัว...มหาลัยเราเข้ามาถึงก็Take กันอย่างดี ชีทมีเอามาให้ จะสอบก็มาบอกมาติว บางคนกระเป๋าหนักพาไปเลี้ยงข้าว พาไปเที่ยวก็มี  ดังนั้นมีหรือที่มีรุ่นน้องคนไหนจะไม่ไหว้รุ่นพี่(ถึงแม้มหาลัยเราจะไม่มีรุ่นพี่ มีแต่คำว่า ' เพื่อนใหม่ ' ก็ตาม แต่เค้าก็ไหว้)

แถมมหาลัยนี้ก็รักกัน รุ่นนึงไม่มีแตก(นอกจากปัญหาส่วนบุคคลที่ต้องเคลียร์กันตัวต่อตัว ซึ่งมหาลัยไหนก็มีทั้งนั้น) แถมทำงานใหญ่ๆระดับงานบอลประเพณีมาไม่รู้กี่ครั้ง ถ้าคุณดูก็คงรู้ว่ามันไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะหาคนเยอะๆ มาcooperation ทำงานใหญ่ๆร่วมกันอย่างงานบอลได้

มหาลัยนี้ไม่มีพี่ว๊าก แต่คนที่จบออกไปก็หางานได้ดีพอๆ(หรือบางสาขาอาจบอกว่า ' ดีกว่า ' )กับสถาบันที่ว๊ากเลยทีเดียว มหาลัยนี้ผลิตคนไปขึ้นตำแหน่งสำคัญๆก็เยอะ อย่าว่าอะไรเลยนะ...ไปเป็นนายกก็หลายคนอยู่นะ

เล่ามาก็เยอะหวังว่าคงทราบกันว่ามหาลัยอะไรนะ
ผมก็แค่เอามาเล่าให้ฟังเฉยๆ...ผมไม่บังคับให้เชื่อว่าการว๊ากและSOTUS เป็นประเพณีด้านลบ เช่นเดียวกับที่ผมก็หวังว่าคุณจะไม่บังคับให้ผมเชื่อว่าการว๊ากคือประเพณีที่ดีงามที่ต้องสืบต่อไป

ก่อนจากไป การว๊ากเป็นประเพณีเมื่อสองสามร้อยปีก่อนของพวกมหาลัยชั้นนำในยุโรป เช่น แคมบริจซ์ ออคฟอร์ด ซึ่งต่อมาเค้าเลิกใช้กันไปแล้ว ผมเลยตั้งคำถามเล่นๆว่า ' ดีใจไหม? ที่ประเทศไทย ใช้ประเพณีที่เมื่อสองสามร้อยปีก่อนชาติอื่นเค้าใช้กัน? ดีใจไหมที่เราเอาของเก่าของเค้ามาใช้ ในขณะที่เค้าไปหาสิ่งใหม่ๆแล้ว)

ปล. คำถามข้างบนไม่จำเป็นต้องตอบผม ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรผมไม่บังคับ

ปล2. ไม่เกรียน ไม่แถ คุยกันด้วยเหตุผล คห.ไหน(หรือNon mem)คนไหนเกรียนใส่ ผมจะถือว่ามันเป็นแค่ลมตดเน่าๆก็แล้วกันนะ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 22 มิถุนายน 2553 / 08:40

0
TeamTANIC 22 มิ.ย. 53 เวลา 10:03 น. 18

อาจจะดูคนละเรื่อง แต่ก็คล้ายๆกัน

อาจารย์ที่ผมรักมากที่สุด คืออาจารย์ที่กระทั่งวันแรก จนถึงวันสุดท้าย จู้จี้จุกจิก ไม่เคยยิ้มแย้ม ไม่เคยรับมุก ไม่เคยเล่นกับเด็กๆเลย อะไรนิดอะไรหน่อยอาจาารย์คนนี้ก็จะดุใส่พวกเราตลอด บางเรื่องเราคิดว่าไม่ผิด แต่อาจารย์ก็จะมาดุใส่เราตลอด ผมเองก็ไม่ชอบหรอก เรียกได้ว่าไม่ชอบมากๆๆ จนขั้นอัคติเลย จนวันนึงผมทนไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันอัดอั้นอยู่ภายในระเบิดออกมาไม่เหลือ  ผมระเบิดใส่อาจารย์ ซึ่ง ณ.ตอนนั้นผมคิดว่าผมทำในสิ่งที่ถูกแล้ว เพราะบางเรื่องผมเองไม่ได้ผิดเลย แต่ทำไมต้องมาดุใส่เราด้วย ผมไม่กล้ามองหน้าเดินผ่านหรือสวัสดีอาจารย์อีกเลยต่อจากนั้น ส่วนอาจารย์ก็มองผมแบบอากาศธาตุ หรือไม่เห็นผมมีตัวตนอีกเลย..  วันสุดท้ายของการเรียน (ปัจฉิม ม.๓ นั่นแหละ) ช่วงที่มีการกราบและบอกลาอาจารย์ ผมตัดสินใจเข้าไปกราบอาจารย์ ผมเห็นอาจารย์ร้องไห้ แล้วบอกกับพวกเราในห้อง รวมถึงผมด้วยว่า ครูไม่เคยคิดเลย ว่าสิ่งที่ครูต้องการจะมอบให้เด็ก จะไปทำร้ายเด็ก คนเราไม่ว่าจะอยู่ในจุดที่สูงสุดของชีวิต หรืออยู่ในจุดที่ต่ำสุดของชีวิต สิ่งที่สำคัญคือต้องมีสติ คิดและไตร่ตรองก่อนที่จะทำ บางสิ่งบางอาจจะมองว่าดูเล็กน้อย เรื่องบางเรื่องอาจจะมองว่าอึดอัดไร้สาระ แต่เราไม่มีทางรู้ ว่าวันนึงเราอาจจะเจออะไรที่ร้ายแรงกว่า.. เราจะได้รับมือได้

แต่เมื่อมาถึงวันนี้ อะไรหลายๆอย่างที่อาจารย์เคยพูด เคยเตือน เล็กๆน้อยจู้จี้จุกจิก ณ ตอนนี้ผมเจอมาเกือบทุกอย่าง จากเด็กคนนึงที่มีความอดทนน้อย มองโลกในแง่ลบตลอด แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจารย์สอนพวกเรามา ผมรู้สึกว่ามันมีค่ามากๆ  มันอาจจะไม่เห็น ณ.ตอนนั้นหรอก แต่มันเหมือนตอนไม้ต้นเล็กๆ ที่ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้ววันนึงเราก็จะรู้..ว่าสิ่งนั้นมันมีค่ามากมายจริงๆๆ..เพราะบางอย่างเราจะรู้ค่าเมื่อเสียมันไปแล้วว






ปล.ผมเองยังไม่เคยโดนรับน้องเลย ผมก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไง เอาเป็นว่าซักวันเวลาจะทำให้เรารู้ว่า เรื่องเหล่านั้นสอนเราได้มากแค่ไหน






0
---Tomodachi--- 22 มิ.ย. 53 เวลา 10:09 น. 19

จองความเห็นเอาไว้ก่อน

เดี๋ยวกลับมาอธิบายให้ฟัง

พอดีตื่นมาเห็น

แล้วต้องไปเรียนแล้ว

0
ซ่อนนาม 22 มิ.ย. 53 เวลา 10:57 น. 20

#17
เผอิญมหาลัยที่กระทู้นี้เล่า
ก็มหาลัยที่คุณว่าด้วยเหมือนกัน


PS.  ความรักทำให้คนตาบอด แปลว่าคนมีความรักไม่ใช้ลูกตาแล้วล่ะสิ? งั้นขอ...
0