Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สถิติการนับถือศาสนาและไม่มีศาสนาของคนทั้งโลก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


จำนวนประชากรในโลกมีประมาณ 6,000 ล้านคน (จำนวนผู้ชายน้อยกว่าจำนวนผู้หญิงเล็กน้อย)
ประชากรประมาณ 3,900 ล้านคนนับถือศาสนาใหญ่ที่เชื่อว่ามีพระเจ้า

แบ่งเป็น
1. จำนวน 2,000 ล้านคนนับถือศาสนาคริสต์ (ศาสนาพระเจ้าองค์เดียว)
2. จำนวน 1,300 ล้านคนนับถือศาสนาอิสลาม (ศาสนาพระเจ้าองค์เดียว)
3. จำนวน 600 ล้านคนนับถือศาสนาฮินดู (ศาสนาพระเจ้าหลายองค์)
3. ประชากรประมาณ 390 ล้านคนนับถือพระพุทธศาสนา (รวมทุกนิกายทั้งหินยานแบบไทย พม่า ลาว ศรีลังกา และมหายานแบบจีน ญี่ปุ่น ธิเบต เวียดนาม...)
4. ประชากรที่เหลืออีกประมาณ 1,700 ล้านคน ส่วนหนึ่งนับถือศาสนาเล็กๆเฉพาะกลุ่มบ้าง (บางศาสนาเชื่อพระเจ้า บางศาสนาไม่เชื่อพระเจ้า), อีกส่วนหนึ่งไม่มีศาสนาที่ชัดเจน ในจำนวนที่ไม่ถือศาสนาที่ชัดเจนนี้เป็นพวกนับถือเหตุผลตามหลักปรัชญาของนัก คิดสายต่างๆ บ้าง ถือหลักยึดตนเองบ้าง นับถือเหตุผลและศักยภาพของวิทยาศาสตร์และหลักความคิดแบบสมัยใหม่บ้าง นับถือเทพนับถือผีต่างๆซึ่งรวมถึงวิญญาณของวีรบุรุษต่างๆบ้าง นับถือวัฏฏจักรของธรรมชาติบ้าง นับถือไสยศาสตร์บ้าง กระจายกันไปในส่วนต่างๆของโลก.

ส่วนตัวเราเองก็ไม่เชื่อเรื่่องการเวียนว่ายตายเกิด
แต่เราก็นำหลักคำสอนในการปฏิบัติตัวมาใช้ เราเชื่อว่าทุกศาสนาต้องการให้คนเป็นคนดี
และมีที่ยึดเหนียวจิตใจ เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติ
ศาสนาสำหรับคนไทย เป็นอะไรที่ได้มาตั้งแต่เกิดในสติบัคร
ไม่ได้มาเพราะความศรัทธาจากใจภายในจริงๆ เหมือนคนสมัยก่อนๆ
เลยทำให้คนส่วนใหญ่ไหว้พระเพราะหวังบุญ ชาติหน้าสวยชาติหน้ารวยอะไรก็ว่าไป
และเดี๋ยวนี้ศาสนาได้ถูกบิดเบือนไปเพื่อการแสวงหาผลกำไรซะแล้ว

เลยทำให้เราค่อนข้างหมดศรัทธา และเชื่อในตัวเอง
ไม่มีความเชื่อในเรื่องใดๆ ภูตผีปีศาจ ถึงแม้มือจะยังไหว้สิ่งศักดิ์สิทธ์
แต่ในใจรู้สึกเฉยๆ เลยตัดสินใจเป็นคนไม่มีศาสนา ดีกว่ารู้สึกผิดต่อใจตัวเอง
ถึงแม้สูติบัตร บัตรปปช.จะบอกว่าคนพุทธก็ตาม
หลังจากที่ได้พยายามหาตัวเอง หาความหมายของศาสนามานานจนสับสนชีวิต


ที่มาพูดนี่ เพื่อให้ทุกคนเห็นมุมมองของคนๆนึง
ไม่ได้จะมาบิดเบือนเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ใครใดๆ



PS.  Luv U CNBlue 사랑해 이정신 ♥

แสดงความคิดเห็น

16 ความคิดเห็น

skyocean 23 มี.ค. 55 เวลา 17:46 น. 2
ถือหลักยึดตนเอง นับถือเหตุผลและศักยภาพของวิทยาศาสตร์และหลักความคิดแบบสมัยใหม่

เพราะมีความมั่นใจในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่จำเป็นต้องเพิ่งเครื่องเตือนใจ ไม่จำเป็นต้องหวังในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องรอฤกษ์ หรือรอโชค รอวันรอคืน

ถ้าเอาแต่รอ เอาแต่หวัง แล้วเมื่อไหร่จำสำเร็จจะได้มันมา แล้วเมื่อไหร่จะถึงปลายทาง

หวังด้วยตัวเอง ทำด้วยตัวเอง เชื่อในตัวเอง และรับฟังคนรอบข้างบ้างสักเล็กน้อย สร้างโชคให้ตนเอง สร้างโอกาสให้ตนเอง ทำด้วยตนเอง ไม่รออะไรที่มันไม่เป็นรูปธรรม....

นั้นแหละ ผม...และคนอื่นๆอีก ที่มักจะทำอะไรได้เร็วและเห็นผลได้ดีกว่า
0
สาวกพระพุทธ 23 มี.ค. 55 เวลา 18:27 น. 3

เป็นผม ผมเชื่อเรื่อง เวียนว่าย ตายเกิด นรก สวรรค์
แต่ผมเอะใจอย่างนึงคือ ตรงคนนับถือพุทธ ทั้ง 2 นิกายเนี่ย มีแค่ 390 ล้านคนเองหรอ?
ผมไม่เข้าใจ คือมันมีประเทศจีนด้วยอ่ะ คนจีนมีเป็นพันกว่าล้านคน
แล้วมันทำไมมีแค่ 300 กว่าล้าน เองอ่ะ
มีใครช่วยหาคำตอบให้ผมได้บ้าง? งง?

0
ddd 23 มี.ค. 55 เวลา 18:51 น. 4

ทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี แตกต่างกัน แต่อาจเป็นดีไม่เหมือนกัน

0
Hann 23 มี.ค. 55 เวลา 19:08 น. 5

คห3 เราเดาว่าเพราะคนจีนไม่ได้นับถือพุทธทุกคนรึเปล่า เพื่อนของเพื่อนเราหลายคนนับถือคริสต์ และเราเคยดูในทีวีว่าจีนเค้านับถือขงจื้อกันก็เยอะนะ เต๋าก็มี

0
DGrzzzz 23 มี.ค. 55 เวลา 19:12 น. 6

คห.3 เราว่า
1.เค้าอาจจะไม่นับถือศาสนาใดๆ
2.เค้าอาจจะนับถือแบบวัฒนธรรมจีน ซึ่งไม่ใช่พุทธศาสนา (ประเภทลัทธิเต๋า ขงขื๊อ ฯลฯ)อันนี้เยอะ
3.แม้จำนวนประชากรจะเยอะ แต่อาจจะไม่ได้นับถือศาสนาพุทธทั้งหมด อะไรงี้อ่ะ
เราว่ามันก็ดูน้อยๆ นะ =0=
4.บางคนที่เรารู้จัก เค้าแบบเหมือนไม่ได้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งอ่ะ เค้าได้เรื่อยๆ เช่น ไปไหว้พระ ไปวัด แต่ในขณะเดียวกันวันอาทิตย์ก็มาโบสถ์ (อันนี้เจอจริงๆ หลายคนด้วย)เพราะส่วนมาก คนที่เรารู้จักเค้าเชื่อในวิทยาศาสตร์กันอ่ะ ในบัตรประชาชนนับถือศาสนานี้ แต่ตัวจริงๆ เค้าก็เฉยๆ ไม่ได้นับถือศาสนาใด

แต่อย่างครอบครัวเรา ซึ่งเป็นคนจีนแท้ๆ ยังนับถือต่างกันเลย
เมื่อก่อนคุณตาซึ่งอพยพมาจากจีนก็นับถือพระจีน ประมาณนี้อ่ะ
พอมาอยู่เมืองไทย แม่เราก็มานับถือพุทธ แต่เรานับถือคริสต์ = ='

ปล. นี่เป็นแค่ คหสต. นะ เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คือเราแค่ลองคาดเดาอ่ะนะ
ถ้าผิดพลาดก็ขออภัยนะ =/\=

0
hhhh 23 มี.ค. 55 เวลา 19:45 น. 7

ตอบ คห3

ตอนที่ประเทศจีนเค้าเริ่มนับถือศาสนา คริสต์ กันมากขึ้นคะ เยอะมากด้วย ^^//แอบดีใจ>w<

เราเป็นคนไทยคนหนึ่งที่นับถือศาสนา คริสต์ !!^^

ก็ค่ายๆ คห บน นั้นแหละคะ

0
universe 23 มี.ค. 55 เวลา 20:11 น. 8

 ทำไม จขกท  ถึงไม่เชื่ออ่ะ  ขนาดนักวิทยาศาสตร์ในอดีตอย่าง อัลเบิร์ต  ยังเชื่อเลยอ่ะ  อย่าไม่เชื่อเลยนะ  เพราะว่าถ้า จขกท ตายไป จะไม่มีโอกาสได้เปลี่ยนคำพูดอีกต่อไป

0
Nocebo-[D] 23 มี.ค. 55 เวลา 20:26 น. 9

ไอน์สไตน์ ไม่ได้นับถือพุทธ ไม่ใช่เหรอ
แต่เค้าพูดประมาณว่า ศาสนาที่น่าจะไปกันได้กับวิทยาศาสตร์คือ ศาสนาพุทธ
อย่างอริยสัจสี่ก็คล้ายๆ วิธีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
หรือไม่ให้เชื่อ จนกว่าจะศึกษาด้วยตัวเองแล้ว อ่ะ

0
SNSD SONE 23 มี.ค. 55 เวลา 23:14 น. 10

ว้าวศาสนาคริสต์เยอะสุด อิอิ เราเป็นคริสต์คาทอลิกจ้าาา ><

เรื่องศาสนาเนี่ยเป็นเรื่อละเอียดอ่อนมากเลยนะ คือแบบเราไม่กล้าพูดไรมากเดี๋ยวมีเรื่อง 555+
ไปละ ฟิ้วววว -*-


PS.  私はあなたを愛しています。
0
ไฮบาระ 24 มี.ค. 55 เวลา 14:25 น. 11

จขกท ลองศึกษาศาสนาอื่นดูไหม อ่านจะเจออะไรที่ดีกว่าก็ได้นะ

ปล ไม่ได้มาชักชวนอะไรใดๆ แค่แนะนำเฉย

0
Heart War...~ 26 มี.ค. 55 เวลา 14:43 น. 12

 ยังไงก็เถอะ เรานับถือในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครจะคิดยังไงก็ช่าง
เราเป็นชาวพุทธ ^^


PS.  ฮะ!! ว่าไงนะ ไม่ได้ยิน!!
0
magired 30 มี.ค. 55 เวลา 00:52 น. 13

 จะบอกว่าทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดีนะ(ซึ่งก็เเล้วเเต่ความเชื่อ = =)ก็จริงอยู่นะคะว่าพระพุทธศาสนา(ของตรงประเด็นไปที่ศาสนาที่หนูนับถืออยู่ส่วนศาสนาอื่นหนูไม่ค่อยทราบ)ไม่เข้าพวกตามหลักวิทยาศาสตร์นะคะที่จะกล่าวมานี้หมายถึงคห.2 เห็นความคิดของคุณเเล้วมันจี้ดดดดด จริงๆค่ะมันก็เพราะวิทยาศาสตร์(ไม่ใช่สิเราชอบวิทย์นะ)หรือพวกเทคโนโลยีไม่ใช่เหรอทำให้มนุษย์เห็นเเก่ตัว โลกเราน่ะยิ่งพัฒนามากเท่าไหร่มนุษย์ก็ยิ่งเห็นเเก่ตัวมากเท่านั้นเดี๋ยวนี้น่ะหาคนจริงใจจริงๆไม่ค่อยเจอหรอกค่ะ(ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนหนู)เเต่หนูก็ไม่ได้บอกว่าหนูดีนะคะเเต่หนูจะบอกว่าไม่รู้ว่าคำว่าโกรธมันเป็นยังไงไอโลภน่ะโอเคทุกคนมีอยู่เเล้วล่ะรึคุณไม่มี?ส่วนหลงน่ะหนูมีเพราะหนูมีคนที่ชอบอยู่คนนึงเเต่โกรธนี่สิจะบอกว่าหนูโกรธไม่เป็นนะเเต่ถ้าโมโหน่ะเเค่ระบายกับสิ่งของอะไรซะอย่างเเต่ทุ่มหรือขว้างเเค่หนึ่งครั้งก็พอใจเเล้ว(ตอนที่ใครไม่อยู่ว่าเเต่......มาเรื่องนี้ได้ไง?)เเล้วก็หนูคิดว่าศาสนะทุกศาสนะมีที่มาค่ะ

0
Kan 31 มี.ค. 55 เวลา 19:02 น. 14

พระพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งกฎแห่งกรรมว่าสัตว์ทุกชีวิตเคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วนบางชาติเกิดเป็นเทพบางชาติเกิดเป็นพรหมบางชาติเป็นมนุษย์บางชาติเป็นสัตว์เดรัจฉานบางชาติเกิดเป็นเปรตบางชาติเกิดเป็นอสุรกายบางชาติต้องเกิดเป็นสัตว์นรกต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้เหตุการณ์ทุกอย่างที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ไม่มีคำว่าโชคหรือบังเอิญทุกอย่างเป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้นเมื่อเรายังต้องเกิดอีกสิ่งที่จะตามมาด้วยคือความแก่ความเจ็บความตายและความทุกข์กายทุกข์ใจฉะนั้นวิธีที่จะรอดพ้นจากความแก่ความเจ็บความตายและความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงได้ก็มีอยู่เพียงวิธีเดียวเท่านั้นนั่นก็คือการไม่เกิดอีกเป้าหมายสูงสุดคือเจริญวิปัสสนาภาวนาสมาธิจนบรรลุเข้าถึงพระธรรมะภายในเข้าสู่มรรคผลนิพพานตัดกระแสธรรมชาติให้ขาดสะบั้นลงได้

0
ศรัทธาหนึ่งเดียว 28 ม.ค. 56 เวลา 04:46 น. 15

ชาวพุทธมีมากว่านั้นแน่นอนครับ อย่างเช่นประเทศจีนปัจจุบันก็มีมากกว่า 300 ล้านแน่นอนโดยเฉพาะด้านจีนทางใต้ครับ รวมทั้งไทยอีกราวๆ 54 ล้าน พม่า 40 กว่าล้าน ยังไม่รวมไปถึงญี่ปุ่น (ถึงญี่ปุ่นจะถูกมองว่าเป็นประเทศที่ไม่มีศาสนา) แต่ก็มีชาวพุทธอาศัยอยู่หลายล้านคน เอเชียตะวันตก/ออก เฉียงใต้มีชาวพุทธมากหลายล้านคน มากกว่า 300 ล้านแน่ๆ ผมได้ศึกษาสถิติมาจากหลายแห่งหลายที่สืบค้นแล้วครับ ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลใหม่ๆกันทั้งนั้น.......ผมเป็นชาวพุทธ ศรัทธายิ่ง และไม่ได้ศรัทธาเพียงผิวเผินหรือศรัทธาลวง เพราะผมได้เข้าไปศึกษาพุทธมามากเกินกว่าจะเรียกว่านับถือเพียงแค่มีในสูติบัตร ครับ.

0
ดิษฐพล ตั้งมั่น 12 มี.ค. 58 เวลา 09:27 น. 17

มีเพชรแท้อยู่เพียงหนึ่งที่ไปจนถึงจุดที่สุดแห่งชีวิตและจิตใจ(จบ เสร็จกิจ พ้นทุกข์) ของในหลายๆศาสนาบนโลก ลองศึกษา พิสูจน์ ปฏิบัติตามค้นหาด้ยตนเอง (แล้วแต่กรรมในปัจจุบันที่กระทำ และกรรมที่สะสมบุญวาสนามา)
ขอให้มีความสุข พ้นทุกข์พ้นร้อนกันทุกคน

1
พมสว... 4 ธ.ค. 60 เวลา 13:15 น. 17-1

ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว...ความจริงคือโลกนี้กำลังพัฒนาการไปสู่...ความเสื่อมทรามที่รออยู่ปลายทาง...มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าที่จะช่วยเหลือตัวเองได้...เพราะทุกคนก็ไม่ต่างกัน..คือเป็นแค่คนบาปเท่านั้น..ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย...จึงไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้เช่นกัน....ไม่ว่าทำดีทำชั่ว...ทุกอย่างถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด และชัดเจน...รอวันพิพากษาอย่างเที่ยงธรรม...มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้จึงเหมือนกับนักโทษที่รอวันลงโทษ...เท่านั้นครับ....เพราะแต่ละคนก็มีความถนัดทำความดี และความบาปแตกต่างกันไป ตามความถนัดส่วนตัว ..ซึ่งไม่มีใครเหมือนใครเลย....ดังนั้นเรากำลังอยู่บนโลกแห่งความเสี่อมทรามด้านจิตใจ และจิตวิญญาณ...ด้านวัตถุอาจดูกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว...เราถูกเร่งให้รีบบริโภคสิ่งต่าง ๆ บนโลกนี้ แบบ..แย่งชิง...กอบโกย...และเห็นแก่ตัว...อย่าหลงเลย...ใครมีหูจงฟังเถิด...

0