Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว (สปอย) Anime Spring 2013 ท้ายซีซั่นแห่งหายนะและความเจ็บปวด

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


 

                สวัสดีครับ นี่คือการรีวิวอนิเมะซีซั่นนี้  ซึ่งเป็นการรีวิวที่ผมเขียนด้วยความเจ็บปวด ความผิดหวัง ความแค้นใจ อะไรหลายๆ อย่าง  ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้

                ในช่วงนี้มังงะดังหลายเรื่องก็จบๆ ไปแต่ส่วนใหญ่จะไม่ถูกใจคนอายุ 30 ปีอย่างผมเลยพับผ่า

         นอกจากนี้นิเมะซีซั่นนี้ หากใครไม่ดูอนิเมะ หรือตามข่าวสาร ในช่วงซีซั่นนี้มีข่าวอะไรเรื่องใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระแสไททัน แอนติ้งเกาหลี กระแสด่ายับขอมดำดิน สงครามระรานกองอวย ไปจนถึงดราม่าเผาที่ดังไปทั่ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลทำให้ผมการดูอนิเมะซีซั่นนี้ด้วยอารมณ์รู้สึกเหนื่อยใจ ดูแล้วใจสั่น หันวิถีสู่ด้านมืดแทน (มันก็หาเรื่องเข้าสู่ด้านมืดตลอด)

                ด้วยเหตุนี้ผมจึงเขียนรีวิวอนิเมะซีซั่นนี้ผสมกับการบ่นๆ ด้วย ใครที่อ่านไม่รู้เรื่องขออภัย มา ณ ที่นี้น่ะครับ (ฮ่า)

                ภาพรวมของอนิเมะในซีซั่นนี้พูดตรงตรงว่ามีหลายเรื่องสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก อารมณ์ด้านลบกลบอนิเมะดีๆ ไปเสียหมด และซีซั่นนี้ผมก็ไม่มีอนิเมะดีในดวงใจเหมือนซีซั่นแรกสักเรื่อง (แต่ถ้าตัวละครประทับใจก็มีอย่าง คูโกะ กับคาน่อน) ไม่ใช่ว่าไม่มีอนิเมะดีๆเพียงแต่ไม่มีอนิเมะฮาเร็มสมบูรณ์แบบที่สามารถดูหลายรอบไม่มีเบื่อสนองความต้องการของผมต่างหาก

                เอาเถอะ ต่อไปนี่เป็นการรีวิวอนิเมะ Anime Spring 2013  แบบบ่นๆ ของคนวัย 30 ปี (โสดสนิท) และพบกันใหม่ในซีซั่นหน้า (ที่ซีซั่นหน้าเต็มไปด้วยสาวน้อยซุปเปอร์ฮีโร่ โมเอะ สาวน้อยเวทมนต์ และฮาเร็มซีรีย์ภาคต่อที่ผมไม่ดู --)

ช่วงต้นซีซั่น http://www.dek-d.com/board/view/2734995/

 

อนิเมะที่ผมดูซีซั่นนี้

1.Haiyore! Nyaruko-san W

2.Date A Live

3.Devil Survivor 2 The Animation

4.Shingeki no Kyojin

5.Namiuchigiwa no Muromi-san

6.Photo Kano

7.Kakumeiki Valvrave

8.Hentai Ouji to Warawanai Neko

9.Suisei no Gargantia

10.จอมมารตกอับ

          

แสดงความคิดเห็น

47 ความคิดเห็น

cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 12:07 น. 1

 

Kakumeiki Valvrave

 

เรื่องย่อ เรื่องของ “โทคิชิมะ ฮารุโตะ” ขับหุ่นยนต์สู้กับดรอเชียร์เพื่อปกป้องเพื่อนพ้อง และฮาเร็ม (ปีกคู่) ของเขา...

                คงไม่มีอนิเมะใดในซีซั่นนี้ที่ผมติดตามด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ชอบ เกลียด เกลียดมาก และโครตเกลียดสุดๆ แบบนี้มาก่อน  

                เป็นอนิเมะที่หลายคนเกลียดชังในตอนแรก!! เป็นอนิเมะเริ่มต้นตอนแรกมีแต่คนเกลียดชัง ด่าเยอะ สาเหตุที่เกลียดก็มีมากมาย เป็นต้น พล็อตคล้ายกัมดั้ม (ใครไม่เชื่อดูกัมดั้มภาคแรก สงคราม 1 ปีเลยเหมือนมากตั้งแต่กตอนแรก ไปจนถึงการไปบนโลก) , คนเขียนบทที่ทำ Guilty Crown จบได้อย่างน่าผิดหวัง, จุดจับผิดต่างๆ ของเรื่อง, ความหงุดหงิดตัวละครที่หลายคนต่างมีนิสัยน่ารังเกียจเห็นแก่ตัว โง่เขลา ยิ่งยโส ทั้งเกรียนทั้งติ่งครบถ้วน ไม่แปลกที่คนที่ดูจะอดหมั่นไส้ตัวละครหลายตัว (แต่เรื่องนี้ผมชอบติ่งผมทองน่ะน่ารักดี) จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่หลายคนด่าเรื่องนี้เยอะมาก

                น่าเสียดาย ความจริงอนิเมะเรื่องนี้สอดแทรกข้อคิดดีๆ ไว้ค่อนข้างเยอะ แต่อนิจจาความเกลียดชัง ความอวย ทำให้กลบด้านดีๆ ของอนิเมะเรื่องนี้ไปหมด

นอกจากนี้อนิเมะเรื่องนีก็เป็นอีกเรื่องที่มีหลายคนคาดเดาต่างๆ นาๆ (ส่วนใหญ่จะเดาไม่ถูกทั้งหมด)  และปล่อยสปอยเยอะมากมีทั้งจริงและหลอก และหากเชื่อแบบหลอกนั้นถึงขั้นวีดแตกเลยทีเดียว

                ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู (แต่กรูจะดูมีอะไรหรือเปล่าว่ะ!!) คำถามต่อมา ในเมื่อเป็นอนิเมะที่หลายคนเกลียด ตั้งกระทู้ด่าทุกอาทิตย์ในช่วงอนิเมะตอนใหม่มา ญี่ปุ่นเรตติ้งความชอบต่ำ อารมณ์หลากหลายค่อนไปทางเกลียด  แต่ทำไมยังมีหลายคนติดตามอยู่ เหตุผลง่ายๆ ก็คือเรื่องนี้มีจุดที่น่าติดตามเยอะและวางอย่างชาญฉลาดเลยทีเดียว โอเคฉากต่อสู้หุ่นยนตร์มันๆ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่สำคัญคืออยู่ที่เนื้อเรื่องกับตัวละครมากกว่า เริ่มจาก เนื้อเรื่องจะดำเนินไปทางไหน ตอนใกล้จบของแต่ละตอนมักมีจุดที่น่าติดตามตอนต่อไปให้คนดูตื่นเต้นตลอด, การไม่เปิดเผยว่าใครขับหุ่นแต่ละตัวบ้าง (ฉลาดจริงๆ), ทำไมหุ่นของพระเอกต้องโมเอะ, ฉาก 200 ปีให้คาดเดาต่างๆ นาๆ, ใครคือนางเอก, ตัวละครหลักคนไหนจะตายเป็นวิญญาณ  นอกเหนือตัวละครพระเอก ซากิและโซโกะแล้วก็มีตัวละครอีกมากมายที่มีสีสันไม่แพ้กัน โดยตัวละครที่ผมชอบก็มีเยอะ อย่างรุ่นพี่ผมเหลืองที่เริ่มแอบชอบพระเอกที่ผมเชื่อว่าน่าจะมีบทอนาคต หรือฮิกกี้สีแดงคล้ำก็น่ารักได้ใจ (เธอเป็นอะไรกับเด็กเยอรมันพังคีย์บอร์ดนั้นน่ะ) ที่ต่างมีนิสัยที่หลากหลาย หลายมิติทำให้เนื้อหาน่าติดตามขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนติดตามแม้จะเกลียดชังก็ตาม และตอนหลังกลายเป็นชื่นชมว่าเนื้อหาน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งซะงั้น

เรื่องนี้ซากิเป็นนางเอก ก็เป็นอนิเมะอีกเรื่องที่เกิดสงครามกองอวยขึ้นระหว่างโชโกะเพื่อนสมัยเด็กพระเอกกับซากิผู้มาแทรกกลางหัวใจของพระเอกในตอนหลัง ซึ่งเนื้อหาค่อนไปทาง “เรื่องนี้ซากิเป็นนางเอก” มากกว่า เพราะบทบาทของซากิโดดเด่น (ยิ่งเป็นตอนที่ 10) อีก  อย่างไรก็ตามตามความคิดของผมเรื่องนี้ไม่มีใครเป็นนางเอกแน่นอน และขอฟันธงมาที่นี่คือ “ปีกคู่” ไปเลย

                ตอนที่ 10 กล้วยยยยยยยยยย  ยอมรับเลยว่าผมเกลียดตอนที่ 10-11 ของการ์ตูนเรื่องนี้มาก ตอนแรกๆ ผมรู้สึกด้านบวกกับการ์ตูนเรื่องนี้ท่ามกลางความเกลียดชังของหลายคน แต่มันน่าติดตามจริง หากแต่ตอนที่ 10 ทำให้ผมเกลียด ไม่ได้เกลียดตัวละคร แต่ผมเกลียดบทที่ทำออกมา เกลียดฉากเอากันในการ์ตูนสว่าง เกลียดคนอื่นว่าฉากนี้ฟิน มันฟินตรงไหน เป็นการร่วมรักที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ชวนอึดอัดเป็นบ้า หากจะฟินมันก็คงเป็นการประกาศว่า “เรื่องนี้ซากิเป็นนางเอก” พระเอกจำเป็นต้องรักกับซากิ หากไม่รักซากิ เท่ากับว่าพระเอกทุเรศทันที

                ยอมรับตามตรงว่าผมแอบเกลียดซากิเหมือนกัน พฤติกรรมของเธอเหมือนนางเอกอิจฉาละครไทยที่มอมพระเอกและร่วมรักบนเตียง แล้วบอกให้พระเอกรับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตามในตอนที่ 12 ซากิได้เบรกความรู้สึกเกลียดชีงผมเอาไว้ ด้วยการไม่รับรักพระเอก และให้พระเอกเข้าสู่รูทโซโกะอีกครั้ง

                ซากิทำแบบนี้เพื่ออะไร? เธอรักพระเอก? แต่ทำไมไม่รับรักพระเอก? เธออิจฉาโซโกะ อยากทำลายความสัมพันธ์ของโชโกะกับพระเอก? สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ซากิเป็นตัวละครหนึ่งที่มีมิติ หลายคนอวยมาก

                โซโกะขอมดำดิน!!? โชโกะน่าจะเป็นตัวละครประจำซีรีย์ที่มีหลายคนระรานมากที่สุด โอคความจริงพระเอกเรื่องนี้ก็มีหลายคนด่าเยอะเช่นกันที่พฤติกรรมค่อนข้างน่าอึดอัด แต่กระนั้นพระเอกก็มีความเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่ แต่สำหรับโซโกะหลายคนระรานว่า ตายตั้งแต่ตอนแรกน่ะดีแล้ว ไม่น่ารอดเลย บทน้อยชัดๆ

                ใครว่าโซโกะบทน้อย!?  เรื่องนี้โซโกะมีบทเยอะกว่าที่คิด เพียงแต่บทของเธอค่อนไปทางดราม่าน่าสงสาร ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเลือกเป็นผู้นำที่เต็มไปด้วยปัญหา - คนที่แอบชอบก็อิ๊บกับคนอื่น (มีสิทธิโดนทำลายธงด้วย)  และพฤติกรรมของเธอนั้นบางครั้งก็ทำให้ผมปวดหัวเหมือนกัน (เช่น ร้องเพลงตอนดราม่ากัน) แต่อย่างไรก็ตามโซโกะก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีตลอด พยายามแบกรับปัญหาด้วยตนเองคนเดียว พยายามยิ้มทั้งๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวัง แม้ตอนนี้จะไม่มีฉากซึ้งๆ อะไรกับพระเอก (จนทำให้หลายคนไม่มองโซโกะเป็นนางเอกสักเท่าไหร่) ซ้ำยังเป็นตัวละครที่หลายคนคาดหมายว่าจะตายด้วยซ้ำ แต่ผมเชื่อว่าเธอไม่ตายแน่นอน (และหากเธอตายผมก็ไม่มีแรงจูงใจจะดูการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย) และผมเชื่อว่าซีซั่นหน้าโซโกะจะมีบทบาทที่น่าตกใจไม่แพ้ตัวละครเพื่อนสมัยเด็กในอดีตแน่นอน

Kakumeiki Valvrave เป็นอนิเมะที่หลายคนติดตาม แต่อย่าดูจับผิดอะไรมากนัก หากปล่อยใจเรื่องนี้ก็สนุก ได้อารมณ์หลากหลาย แถมตอนท้ายซีซั่น ก็ทำออกมาชวนติดตามเข้าไปอีก เอ็งแน่จริงน้ำยาล้างจาน

0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 12:13 น. 2

 

Date A Live

 

                เรื่องย่อ เรื่องของพระเอก “ชิโด้” ที่พยายามจีบเหล่าสาวจากต่างมิติให้เข้ากรุฮาเร็ม (ซึ่งไม่รู้หลายคนจะตั้งกองอวยเข้าวินทำมะเขืออะไรเนื้อหาจบฮาเร็มเห็นๆ )

                หลังดูจนจบทั้ง 12 ตอน (ยังมี OVA อีกหนึ่งตอน) อารมณ์ของผมค่อนข้างหลากหลาย ในหลายตอนที่ผ่านมา บางตอนทำจบห้วนๆ บางตอนก็สนุก บางตอนก็ผิดหวัง ความรู้สึกค่อนข้างหลากหลาย อารมณ์คละกับสนุกและเฉยๆ มีทั้งชอบและไม่ชอบ อารมณ์พาไปไม่อยากดูภาค 2 ต่อ

เอาข้อเสียก่อน เป็นอนิเมะที่ทำขึ้นเพื่อโฆษณานิยาย ซึ่งที่ผ่านมาไลท์โนเวลที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นอนิเมะก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน หากแต่สำหรับ Date A Live ค่อนข้างทางผิดหวังสำหรับใครหลายคน เพราะตัดรายละเอียดค่อนข้างมาก หากใครอ่านนิยายไลท์โนเวล (หรืออ่านเรื่องย่อสปอยด์มาก่อน) จะรู้เลยว่าไลท์โนเวลตัดฉากเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นมุกตลกในเรื่อง (ขอบอกว่ามุกตลกเรื่องนี้เล่นกับนิสัยตัวละครเก่งมากๆ) รายละเอียดต่างๆ  ถูกตัดออก อารมณ์ที่ได้เลยไม่ต่อเนื่อง ความรู้สึกอารมณ์ร่วมหดหาย  ดูแล้วเหมือนเรื่องไปไวมาก หลายคนบ่นเยอะ เช่น ฉากจูบซิโดกับโทวกะไม่ฟิน (สุดยอด) หรือรูทโยชิโนะน้อยไปสองมาตรฐาน เสียงคุรุมิปวดไข่  ฯลฯ  

                อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่วัตถุประสงค์ในการโปรโมตนิยายนี้ถือว่าสอบผ่าน เพราะหลายคนที่ไม่ได้อ่านไลท์โนเวลเรื่องนี้ แล้วมาดูอนิเมะเรื่องนี้ คงมีความรู้สึกอยากซื้อไลท์โนเวลมาดูเป็นที่แน่แท้ ยอมรับเลยว่าตอนแรกผมไม่ชอบอนิเมะเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะทุนเดิมไม่ชอบแนวแบบนี้สักเท่าไหร่ (ฮาเร็มก็จริง แต่มันมีธีมของแฟนตาซีไซไฟกู้โลกสูงมากและมีสิทธิสูงที่พระเอกจะมีพลังต่อสู้ซึ่งรสนิยมผมไม่ถูกกับแนวแบบนี้สักเท่าไหร่) แต่หลังจากได้ได้ดูรูทของโทวกะจบ (ช่วงตอน 1-3) ก็พบว่าเรื่องนี้อวยตัวละครได้น่าอวยมาก โทวกะเดเระแตกน่ารักกว่านิยาย โยชิโนะน่ารัก คุรุมิยันเดเระ โคโตริน้องสาวจ๋า (ทำลายมาตราฐานน้องสาวหมดตรงที่มีหน้าอกเยอะน่ะหนู) นี้ขนาดเนื้อหาไปเร็วน่ะยังอวยตัวละครได้ขนาดนี้ หากเนื้อหาเก็บรายละเอียดขนาดไหน ซึ่งยอมรับเลยว่าอนิเมะเรื่องนี้อวยตัวละครได้น่ารัก น่าอวยจริงๆ ชนิดว่าหากผมเป็นชิโดผมก็ไม่ปล่อยให้สาวๆ เหล่านี้ต้องร้องไห้ หรือทุกข์ใจเด็ดขาดและผมไม่สามารถเลือกอวยคนใดคนหนึ่งได้

                จุดที่ชอบคือคำพูดของชิโด้ที่ปักธงสาว อย่างตอนพูดกับโทวกะนั้นชิโด้พูดว่า “ใครจะไปสนเรื่องพรรค์นั้นเล่า....!! AST เรอะ!? มนุษย์คนอื่นเรอะ!? โทกะ! ถ้ะพวกนั้นยืนยันจะปฏิเสธเธอล่ะก็! ตัวฉัน! จะยอมรับเธอให้มากยิ่งกว่าที่พวกนั้นปฏิเสธเอง!

                หรือตอนที่ชิโด้พูดกับโยชิโนะ “โยชิโนะต่อไปนี้ไม่ต้องพึ่งแต่โยชินปกป้องเธออีกต่อไปแล้ว เพราะฉันนี้แหละจะปกป้องเธอเอง!!

                และชิโด้พูดกับโคโตริ “จะมีพี่ชายคนไหนที่ไม่เชื่อคำพูดของน้องสาว ต่อให้พี่ชายจะเหมือนมนุษย์คนอื่นก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นน้องสาวของฉัน!!

ขอบอกว่าผมโครตซาบซ่าฮาเร็มนี้มาก นี่แหละความสุดยอดของฮาเร็ม

                ข้อคิดสำหรับเรื่องนี้คือการพูดคุยนั้นย่อมเป็นวิธีการแก้ปัญหาดีกว่าการใช้ความรุนแรงเสมอ การใช้ความรุนแรงโดยไม่พูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ดีเลย เราสู้โดยไม่รู้จักฝ่ายตราข้ามด้วยซ้ำ พัฒนาอาวุธเสียงบเป็นล้านเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม สู้กันไปสู้กันมาด้วยความแค้นไม่มีวันจบสิ้น ผิดกับชิโด้และพรรคพวกที่ใช้วิธีสันติ ใช้ความอ่อนโยนสยบความรุนแรง การทุ่มสุดตัวทำให้เขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ต้องเสียงบประมาณมากมาย (สละชีวิตส่วนตัวชิโด้คนเดียว กับงบเลี้ยงสาว) ถ้าคนบนโลกเราเป็นอย่างชิโด้ที่ให้ความสำคัญกับจิตใจคนอื่นแล้ว โลกเราคงสงบสุขกว่าที่เป็นอยู่แน่แท้

                สรุปเป็นอนิเมะโฆษณาไลท์โนเวล ใครที่กำลังเสี้ยนรอไลท์โนเวลเล่มต่อ ก็ดูได้ แต่การเล่าเรื่องตัดรายละเอียดพอสมควร

                ปล, เรื่องนี้มีซีซั่น 2 ผมกำลังมีความคิดว่าไม่อยากตามต่อแล้วล่ะ ไม่ค่อยมีแรงอยากจะดูเลย หลังจากเห็นซิโด้ถือดาบปล่อยพลัง แล้วหมดแรงชอบกล (รสนิยมผม ผมไม่ชอบแนวฮาเร็มที่พระเอกมีพลังต่อสู้)

0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 12:22 น. 3
 

Devil Survivor 2 The Animation

 

                เรื่องย่อ เป็นเรื่องของพระเอกชื่อฮิบิกิที่จู่ๆ ได้กลายเป็นผู้กอบกู้โลก จากการบุกรุกของศัตรูใน 7 วัน

                เป็นอนิเมะนอกสายตาที่ดีเกินคาดสำหรับผมน่ะครับ แม้ว่าอนิเมะที่สร้างจากเกมส่วนใหญ่มักจะไม่สนุกก็เถอะ แต่เรื่องนี้ก็จูงใจผมดูจนจบได้ และทำให้ผมอยากเล่นเกมขึ้นมา (และพอเล่นเกมก็สนุกจริงๆ ได้ความรู้เกี่ยวกับเทพและสัตว์ประหลาดแฟนตาซีเยอะเลยน่ะครับ)

                เอาข้อเสียก่อน ใครที่เล่นเกมมาก็คงรู้อยู่แล้วว่าอนิเมะเรื่องนี้ตัดรายละเอียดมากๆ ใครที่เล่นเกม DS (ภาคใหม่ลง PSP เสริมเนื้อหาใหม่ลงไป) จะพบว่าอนิเมะตั้งแต่เนื้อหา ไปจนถึงรายละเอียดของตัวละคร (รูทตัวละคร) ลดทอนอย่างน่าใจหาย ฉากต่อสู้กับบอสก็ตัดลงจบในตอนเดียว (แถมออกไม่กี่นาที)  

ดังนั้น อนิเมะนี้ก็มีวัตถุประสงค์ทำขึ้นเพื่อโฆษณาเกมนี้มากกว่า (โฆษณาภาค PSP เพราะภาค DS มีก่อนนานแล้ว)

                อย่างไรก็ตาม ข้อดีของอนิเมะเรื่องนี้คือมันจูงใจให้หลายคนดูครับ และทำให้หลายคนหันอยากเล่นเกม  เพราะมันมีจุดน่าติดตามหลายอย่าง โดยเฉพาะ “จะเกิดอะไรขึ้นในตอนต่อไป และใครจะตาย” ซึ่งแตกต่างในเกมครับที่เราสามารถทำให้ตัวละครทั้งหมดในเกมรอดชีวิตได้จนถึงเจอลาสต์บอส แต่ในอนิเมะเรื่องนี้ไม่ดำเนินเนื้อหาตามเกม แต่เป็นการเขียนขึ้นมาใหม่หมด โอเคเรื่องหายนะโลก 7 วัน สู้กับศัตรู 7 ตัวอยู่ แต่เนื่องจากอนิเมะตอนมันน้อย มีแค่ 13 ตอน (ความจริงน่าจะทำเป็น 26 ตอนด้วยซ้ำ) ดังนั้นเลยดัดแปลงเสียใหม่ สร้างเนื้อหาที่ฉีกจากเกมเสียใหม่ ซึ่งเนื้อหาที่ว่าก็น่าติดตามพอใช้ครับ

                สิ่งที่ไม่เหมือนในเกมก็เยอะครับ เยอะมาก เอาง่ายๆ คือการตายของตัวละคร ซึ่งแตกต่างจากเกมโดยสิ้นเชิง ซึ่งมีข้อดีอย่างคือเป็นการตัดบทตัวละครอย่างเนียน (ตัวละครหลักในเรื่องนี้มีเยอะครับ) และก็แอบลุ้นอีกตัวละครไหนบ้างที่ตาย กลายเป็นน่าติดตามอย่างไม่น่าเชื่อ

                นอกจากนี้สิ่งที่สุดยอดของเรื่องนี้คือเรื่องนี้จิ้นกันมันมาก จิ้นวาย จิ้นแบบชายหญิง ยิ่งตอนสุดท้ายสู้กันเพื่อแย่งพระเอกจิ้นสุดๆ พระเอกแคะ ตัวละครหญิงก็น่ารักมากแม้บทของพวกเธอจะน้อยไปนิด อย่าง ไอริน้องสะดือสวยน่ารักได้ใจฉากตอนเธอกำลังจะตายนี้ผมแทบใจหายไปเลยทีเดียว (ดีที่เธอตายตอนช่วงท้ายๆ) และฉากพระเอกปักธงอิโอะก็ทำได้ฟินสุดยอดมาก

สิ่งที่ขอชมคือฉากต่อสู้ในเรื่องครับที่ทำออกมาได้อลังการและมีอารมณ์ร่วมมากๆ แม้ช่วงกลางเรื่องจะทำมักง่ายไปหน่อยก็เถอะ แต่โดยรวมก็มันดี ระบบการต่อสู้ไม่ได้ใส่ความเป็นเกมอย่างน่าเกลียด ใช้พลังจิตใจแทน ซึ่งทำได้ดีระดับหนึ่งทีเดียว

                ใครที่ดูอนิเมะเรื่องนี้คงจะมีคำถามว่าเหตุใดตัวละครทุกคนทั้งๆ ที่รู้อนาคตตนเองว่าจะตายเมื่อไหร่ เวลาไหน เหตุใดพวกเขาถึงต้องสู้ ตรงจุดนี้คล้ายๆ กับตำนานแร็คนาร็อคก็เป็นศึกระหว่างเทพและสัตว์ประหลาดสู้กันจนโลกล่มสลาย พวกเทพนั้นต่างมีญาติพิเศษรู้ว่าตนจะตายเมื่อไหร่ เวลาไหน ตายเพราะอะไรพวกเขาก็ยังสู้ สาเหตุที่สู้ก็คือพวกเขาคิดว่าหากสู้แล้วพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนโชคชะตา แม้ว่าผลสุดท้ายพวกเขาก็ตายอยู่ดี แต่พวกเขาก็ไม่เสียใจ เพราะเขาได้ตายอย่างสมศักดิ์ศรี ตายอย่างมีภาคภูมิ กลายเป็นวีรกรรมความกล้าหาญให้โลกตะลึง

                ในตอนจุดฮิบิกิได้ขอพรกับพระเจ้าเพื่อให้โลกกลับมาเหมือนเดิม ไม่ได้ขอพรให้ตนได้โลกใหม่ หรือเป็นพระเจ้าอะไรทั้งนั้น จะมีประโยชน์อะไรกับโลกใหม่ที่มีแต่เขาคนเดียว เพราะฮิบิกิมองเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตตนเอง ที่ผ่านมาเขาอยู่ได้เพราะเพื่อนให้กำลังใจ เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเป็นอย่างทุกวันนี้

รู้สึกเสียดายตอนจบนิดหน่อย อยากให้พวกพระเอกจำเรื่องราว 7 วันที่ประสบมากหน่อย จะจบฟินกว่านี้มาก (แต่ผมเดาตอนจบถูกน่ะ)

สรุปเป็นอนิเมะนอกสายตา แม้จะมีจุดตำหนิหลายเรื่อง แต่ก็ทำได้น่าติดตาม และจบอย่างประทับใจ (ปนกับเสียดาย) แนะนำให้หลายคนเล่นเกมนี้ครับ มีฉากจบเยอะมาก และได้ความรู้เรื่องเทพ, อสูร และสัตว์ประหลาดในตำนานทั่วโลกมากมาย (คุ้นๆ บ้านเราก็พญานาคครับ)

0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 12:27 น. 4

 

Shingeki no Kyojin

 

                เรื่องย่อ เรื่องของเอเลนและพรรคพวกต่อสู้กับไททันร่างกายขนาดยักษ์ และเอเลนสามารถแปลงเป็นไททันที่สามารถใช้ท่ากวยตุ๊ดไข่ได้

                ผ่าพิภพไททัน ก็ถือว่าอนิเมะที่ดังที่สุดในซีซั่นนี้ (จนตอนนี้มีบางคนเอียนเพราะไปไหนก็มีแต่ไททัน เหมือนอะไรก็เมสซี เมลซีนั้นแหละ) ด้วยเนื้อหาแฟนตาซี ฉากต่อสู้ที่รวดเร็วและรุนแรง (ความเมพของตัวละครบางคน)  เรื่องปวดตับ (ขอพูดว่าผมไม่เห็นปวดตับ ปวดไข่ตรงไหน ผมว่าเรื่องนี้โทนการตายตัวละครออกจะสนุกสะใจมากกว่า) ทำให้เป็นอนิเมะที่หลายคนติดตาม นอกจากนี้ก็มีการล้อเลียนไม่ว่าจะเป็นรูป เพลง โดจินซิกเพคจงเจริญ ไปจนถึงจิ้นวาย จิ้นคู่รักกันอุตลุต

                อย่างไรก็ตาม สำหรับผมแล้วอนิเมะเรื่องนี้ผมตามบ้างไม่ตามบ้าง ส่วนมากดูฉากที่ชอบไปมาซ้ำๆ (ฉากมิคาสะกอดเอเลนและร้องไห้, ฉากมิคาสะออก, ฉากมิคาสะสู้กับไททัน ...สรุปเอ็งอวยมิคาสะนี้หว่า)

                สำหรับภาพรวมอนิเมะจนถึงตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นอนิเมะที่สุดยอดแห่งปีตามความคิดของผมน่ะ  อย่างแรกคือเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่สร้างจากมังงะ ซึ่งก็ผมติดตามังงะมานานก่อนอนิเมะจะออกแล้ว ทำให้ลดความน่าติดตามลงไปมาก (เพราะรู้อยู่แล้วและไม่ต้องลุ้นอะไร) ทำให้ดูบ้างไม่ดูบ้าง ส่วนมากก็ดูฉากที่อยากจะดูมากกว่า (ไม่เหมือนTo-Love-Ru นี้มันมีฉากอยากดู อยากเสี้ยนทุกตอน ผมลุ้นยิ่งกว่าไททันอีกน่ะเออ) อีกทั้งมีฉากเสริมที่ไม่มีในมังงะอีก แต่อารมณ์ของฉากเสริมที่ว่าทำให้เนื้อหายืดๆ ลดความมันไปเยอะ (เมื่อไหร่จะได้บู๊ซะทีว่ะประมาณนี้แหละ) กลายเป็นว่าตอนนี้เนื้อหาไปไม่ถึงไหน

สิ่งที่ชมคือตัวละครในอนิเมะน่ารักกว่าในมังงะเยอะครับ ในมังงะนี้ดูไม่ออกหรอกว่าใครชายหรือหญิง อย่างยัยแว่นโอตากุไททันนี้ตอนแรกผมก็นึกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ มิคาสะนี้ดูยังไงผู้ชายจ๋าเลยแต่พอเป็นอนิเมะแล้วมิคาสะน่ารักขึ้นเยอะ ซิคแพคก็ซิคแพคเถอะ ดูเรื่องนี้เพราะรักมิคาสะน่ะเนี้ย

ดูเหมือนทีมงานไททันจะบ่นเหมือนกันว่าแรงงานไม่พอ ทำให้ผลงานที่ออกมามีจุดเผาค่อนข้างมาก ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่พอดีมีคนรู้จักบอกว่าไททันเผาโครตๆ เผาที่ว่าก็คือภาพนิ่ง ภาพนิ่งเยอะมาก ที่นี้แหละผมเห็นชัดเลยว่าตอนหลังๆ ภาพนิ่งเพียบเลย  

แปลกอยู่อย่างตอนผมดูในมังงะนี้ได้อารมณ์ความสิ้นหวังดีน่ะ แต่พอดูอนิเมะแล้ว เจอภาพอลังการ สวยๆ เข้าไป ทำไมผมไม่รู้สึกถึงความสิ้นหวังเลย แม้แต่ตัวละครโดนกัด โดนฉีกร่าง ผมหัวเราะด้วยความบ้าคลั่งชอบใจ แทนที่จะปวดตับเหมือนหลายคนว่าซะงั้น เพราะภาพออกมาสวย

ส่วนคนที่ไม่ได้อวยเรื่องนี้ บอกว่าเนื้อหาค่อนข้างหลวมๆ อันนี้ก็แล้วแต่คนครับ เพราะว่าคนเขียนมังงะเรื่องนี้ตอนเขียนอายุ 20 ปี เอง และไม่ได้คิดด้วยว่าเรื่องนี้จะดัง พอดังและสนใจขึ้นมาก็เป็นอย่างที่เห็น  ส่วนด้านการวางบทนั้นผมเชื่อว่าคนเขียนคงคิดไว้แล้ว ไม่มีออกทะเลแน่นอน

สรุปเป็นอนิเมะที่ดูได้เรื่อยๆ จุดเผาเยอะ เพลงเปิดเพราะดี จบข่าว

                ปล.เชื่อว่าอนิเมะเรื่องนี้จะจบช่วงสู้กับไททันตัวเมีย)

0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 13:39 น. 5

 

Photo Kano

 

เรื่องย่อ พระเอกชื่อมาเอดะ ทัตสึยะได้รับกล้องจากพ่อของเขา ตอนแรกเขาก็แค่ถ่ายรูปเล่น แต่กลายเป็นว่าเขากลับได้รู้จักสาวๆ หลายคน และตอนสุดท้ายเขาก็ได้รูทน้องสาว

Photo Kano เป็นอนิเมะที่ดัดแปลงจากเกมจีบสาว ซึ่งดำเนินเรื่องเหมือนอาม่าฆ่าหมี (Amagami) คือตอนแรกๆ แนะนำตัวละครรวมๆ ก่อน ที่จะแยกรูทของแต่ละคน เพื่อให้คนดูเลือกดูคนที่ชอบ คนที่อวยตามใจชอบ

ดังนั้นผมเลือกที่จะดูสองรูทครับ รูทคนแรกคือสาวซอฟท์บอล ซึ่งคาแร็คเตอร์นิสัยของเธอมีความเป็นเพื่อนสมัยเด็กกว่าเพื่อนสมัยเด็กตัวจริงของเรื่องอีก (สรุปคือชอบตัวละครสาวๆ ที่ร่าเริงแจ่มใสว่างั้นเถอะ) อย่างไรก็ตามผมกลับชอบตอนสุดท้ายของอนิเมะเรื่องนี้มากกว่าครับ นั้นคือรูทลับ นางเอกของเรื่องที่แท้จริง “คาน่อน” (ชื่อเรื่องก็บอกแล้วโฟโต้ คาน่อ (น) จะให้ชื่อโฟโต้ ประธานแว่นเรอะครับ!!)

                แม้ตอนจบของเรื่องจะไม่ใช่การรวมรูท (แต่ผมเชื่อว่าน่าจะมี OVA รวมรูท กับสาวเพื่อนชมรมแน่นอนครับ) อย่างที่ผมหวังไว้ แต่ผมกลับมีความสุขกับตอนนี้น่ะ หลายคนบอกว่าเป็นตอนจบ True Ending ที่ตอนสุดท้ายพระเอกไม่ได้ใครเลย เลยไปซบอกน้องสาวแทน แต่ผมไม่คิดอย่างนั้นน่ะ ผมคิดไปว่าแม้สุดท้ายพระเอกจะผ่านผู้หญิงหลายคน หลายตอน สุดท้ายสุดที่พระเอกได้รู้ว่าน้องสาวเป็นคนที่เป็นครอบครัวเดียวกัน นั้นรักเขาไม่แพ้สาวๆ ที่พระเอกเจอ (ยิ่งกว่ามิยะน้องสาวอาม่าฆ่าหมีอีกน่ะครับ)

                สำหรับเนื้อหาตอนสุดท้าย เนื้อหาก็ค้ำคอร์โครตๆ (จนใจผมละลายก็ว่าได้) ประมาณว่าวันหนึ่งพระเอกเริ่มมีความคิดกับคาน่อนว่าตอนนี้เขาไม่ได้มองคาน่อนเป็นน้องสาวของเขาอีกต่อไป หากแต่มองคาน่อนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยิ่งเขาขอน้องสาวเป็นแบบกล้องมากขึ้นเรื่อย เขาเริ่มหึ่งห่วงน้องสาว งอนน้องสาวที่คุยกับชายคนอื่น  (เป็นไม่กี่เรื่องที่น้องสาวต้องไปง้อพระเอกน่ะฮ่า) จากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความทรงจำกันและกัน ก่อนที่พระเอกจะพูดกับคาน่อนว่า “เธอเป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกสำหรับเขา” และคาน่อนก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน ตอนจบเป็นวันที่คาน่อนสำเร็จการศึกษามัธยมปลายและเธอก็โผเข้ากอดพี่ชายเป็นอันจบอนิเมะโฟโต้คาน่อ (น) เอาไว้แต่เพียงเท่านั้น

                Photo Kano เป็นอนิเมะที่ดำเนินเรื่องเหมือนอาม่าฆ่าหมี หากแต่ด้วยจำนวนตอนที่จำกัด เพียง 12 ตอน ทำให้รูทของแต่ละคนไม่ได้เก็บรายละเอียดมากนัก เพราะรูทจองแต่ละคนมีความยาวเพียงตอนเดียวเท่านั้น (จะมีแต่เพื่อนสมัยเด็กเท่านั้นแหละที่ยาวกว่าใครเพื่อน) การดำเนินเรื่องหลักๆ ของแต่ละรูทคล้ายๆ กัน คือพระเอกรู้จักสาว ถ่ายรูป ไปทะเล ฟังปมสาวๆ นิดหน่อย และเป็นคู่รักกันในตอนท้าย จนเหมือนเรื่องไปเร็วมาก

                นอกจากนี้ก็ยังมีจุดเผาหลายจุด หน้าตาตัวละครบิดเบี้ยว ตอนถ่ายรูปใช้ภาค 3D เหมือนในเกม (แต่ช่วงหลังเนิ่มเนียบขึ้นหน่อยๆ แล้ว)

                โทนเนื้อหารูทอาจจะเรียบๆ ไม่หวือหวา เพราะเนื้อหามันจำกัด อย่างไรก็ตามพระเอกเรื่องนี้ไม่หมั่นไส้เหมือนพระเอกอาม่าฆ่าหมีน่ะ แม้พระเอกไม่ได้ทุ่มสุดตัวมากมายปักธงสาวๆ ก็ตาม แต่ก็ทำออกมาชอบในระดับหนึ่ง (แม้จะไม่ชอบทั้งหมดก็ตาม)

                สรุป เป็นอนิเมะรักสูงชมพูแยกรูทที่ไม่หวืดหวา แต่เป็นรักแบบราบเรียบ ทำขึ้นเพื่อโฆษณาเกมมากกว่า (และดูเหมือนประสบความสำเร็จระดับหนึ่งด้วย เพราะจนถึงตอนนี้ราคาตัวเกมไม่ลดลงเลยแม้เกมจะออกมานพอหนึ่งแล้วก็ตาม)

 

0
Doggiebiz 30 มิ.ย. 56 เวลา 15:22 น. 7

แปะที่ดร็อป/ดองค้างไว้ก่อนก็แล้วกัน

ดร็อป/ค้างไว้

1. Photo Kano - บอกตามตรงเลยว่าผมดูไม่จบครับ  ขนาดผมดูข้ามแล้วตรงดิ่งไปดูเนื้อเรื่องช่วงประธานนักเรียนผมยังหลับปุ๋ยเลยครับ  สรุปคือไม่ใช่แนวเรื่องที่ผมชอบ  บ๊ายบาย

2. Suisei no Gargantia - ในบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรนักเวลาที่เลิกติดตามเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรอกครับ  สำหรับผมเรื่องการ์กันเทียร์เป็นอนิเมะที่ดีเรื่องหนึ่ง  คุณภาพคับแก้ว เนื้อหาน่าสนใจ  คาแร็คเตอร์ก็น่ารัก  เพียงแต่พอผมดูตอนที่ 5 กับตอนที่ 6 ไปแล้วผมไม่มีอารมณ์ดูตอนต่อไปเลยล่ะครับ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม  จะว่าเมาชุดว่ายน้ำหรือระบำพุงก็ไม่ใช่   แค่อยู่ ๆ มันก็ไม่คลิกกับรสนิยมผมซะงั้น แต่คิดว่าคงจะกลับมาดูเรื่องนี้ต่อจนจบในอนาคตเหมือนกับที่ผมเพิ่งดูเรื่อง Another จบมาได้ไม่นาน

3. Shingeki no Kyojin - หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า ไททัน  หนึ่งในอนิเมอภิมหาอวยในดวงใจของหลาย ๆ คนประจำซีซั่น  แต่สำหรับผมแล้วเรื่องนี้ก็ไม่อาจหนีคำสาป "อนิเมะที่เคยอ่านแบบมังหงะต้นฉบับมาก่อน" ได้ครับ  สำหรับผมแล้วไม่ว่าอนิเมะมันจะทำดีแค่ไหน  เลิศล้ำประการใด  แต่หากผมเคยอ่านแบบมังหงะมาแล้วมีสิทธิ์สูงมากที่ผมจะขี้เกียจตามดูแบบอนิเม  ก็แหม... ทั้งเนื้อหาและปริศนาหลาย ๆ อย่างก็รู้จากอ่านมังหงะมาก่อนแล้วอ่ะ  ผลเลยคือขี้เกียจดูไปซะงั้น  แถมรู้สึกว่าแบบอนิเมจะยืดบางฉากที่น่าเบื่อเสียด้วยนี่

4. Dansai Banri no Crime Edge - อนิเมอีกหนึ่งเรื่องที่ติดคำสาปแบบเดียวกับไททันเป๊ะ  เพียงแต่ว่าพอดูแบบอนิเมแล้วพบว่าการเล่าเรื่องมันช่างเห่ยระเบิดอะไรเช่นนี้  ตอนอ่านแบบมังหงะดูไม่ออกหรอก  แต่พอมาเป็นแบบอนิเมแล้วข้อเสียทั้งหลายแหล่มันเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ  ผมเลยดร็อปหลังจากดูตอน 3 ไปในที่สุด

5. Hentai Ouji to Warawanai Neko - แม้แต่เซอร์วิสหน้าท้องกับต้นขาก็ไม่อาจรั้งให้ผมดูเรื่องนี้จนจบซีซั่นได้ครับ  ตอนดูแล้วก็รู้สึกว่าเนื้อหาเร่งยังไงก็ไม่รู้  แต่จริง ๆ แล้วจังหวะมันก็ตามมาตรฐานของอนิเมที่ดัดแปลงจากไลท์โนเวลนั่นล่ะครับ  แถมบางช่วงดูแล้วไม่เข้าใจอีกต่างหาก  จะว่าอนิเมทำลวก ๆ ก็ไม่ใช่  แต่จะว่าเรามันงั่งตามเนื้อหาไม่ทันมันก็ไม่เชิง  จะดูแต่สะดือของน้องหมาน้องแมวมันก็กระไรอยู่  สรุปเลยเลิกตามมันซะเลย


0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 15:57 น. 8

 

Haiyore! Nyaruko-san W

 

เรื่องย่อ เป็นเรื่องของเด็กมัธยมปลายของ "ยาซากะ มาฮิโระ" ที่ต้องรับมือ 3 มนุษย์ต่างดาวเนียวรุโกะ, คูโกะ และฮันตะ ซึ่งทั้งหมดเป็นเทพมารจากงานประพันธ์ของเอช. พี. เลิฟคราฟท์ที่เต็มไปด้วยความรั่วและล้อเลียน

ก็เป็นอนิเมะที่ดำเนินมาถึงซีซั่นที่ 2  แล้ว ซึ่งผมก็หวังว่าจะดีเหมือนภาคแรกๆ ก่อน แต่กลายเป็นว่าหลังจากดูมาหลายตอน ความรู้สึกไม่เหมือนภาคแรก พลังความน่าสนใจน้อยกว่า อาจเป็นเพราะภาคนี้ตัวละครตัวหลักใหม่ไม่ค่อยมี (มีแต่พี่สาวคูโกะแถมไม่ได้อยู่ฮาเร็มมาฮิโระอีก) ทำให้ความน่าติดตามลดลงไปอย่างมาก (ภาคแรกที่ตัวละครใหม่ออกมาเรื่อยๆ เลยน่าตื่นตาตื่นใจและจดจ่อค่อนข้างเยอะ) นอกจากนี้เนื้อหาโดยรวมวนเวียนกับการปราบมนุษย์ต่างดาวที่รุกรานโลกด้วยเหตุผลปัญญาอ่อน กับอีเวนท์ไปเที่ยวกันเถอะที่ดูซ้ำๆ

อย่างไรก็ตาม อนิเมะซีซั่น 2 เรื่องนี้ก็ยังมีอะไรน่าสนใจ น่าติดตามอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น และอีเวนท์หลักคือการปักธงคูโกะที่ทำให้คูโกะมาอยู่ฮาเร็มของมาฮิโระอย่างเป็นทางการ (พร้อมกับเปิดตัวสาวไบคนใหม่ในวงการเมะอีกต่างหาก)

ที่ผ่านมานี้หลายคนมักบอกว่ามาฮิโระเกย์ ตุ๊ด สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะที่ผ่านมามาฮิโระไม่ได้แสดงความเป็นพระเอกฮาเร็มสักเท่าไหร่ พระเอกไม่จำเป็นต้องเข้ารูทเพราะ เนียวรุโกะนั้นรุกอยู่แล้ว แต่มาภาคนี้ได้เห็นพระเอกแสดงฮาเร็มนั้นคือการแกล้งแสดงเป็นแฟนของคูโกะ แม้แค่แกล้งกลายเป็นว่ามาฮิโระได้ปักธงกลางใจคูโกะไปแล้ว

ทางด้านเนียวรุโกะกลายเป็นนางเอกน่ารำคาญสำหรับอนิเมะในช่วงนี้อีกแล้ว แถมฉากนั่งคร่อมมาฮิโระเรียกเรตติ้ง แต่กลายเป็นเรตติ้งตกซะงั้น กลับกันคูโกะที่มาแบบนิ่งๆ กลับน่ารักอย่างบอกไม่ถูก (ในนิยายบรรยายว่ามาฮิโระมองคูโกะเหมือนเด็กที่ต้องการดูแล และพิษภัยน้อยกว่าเนียวรุโกะ แต่เนียวรุโกะทั้งโหดร้าย ป่าเถื่อน รุกมากไปทำให้มาฮิโระวางตัวอะไรไม่ถูก)

ทางด้านมุกตลกล้อเลียนยังคงเหมือนเดิม บางทีอาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ มีทั้งรู้แบบทันที และไม่รู้เลย บางมุกก็ใหม่ บางมุกก็ดักแก่ และหากรู้ขึ้นมากก็ฮ่า และได้ความรู้เกี่ยวกับอนิเมะรุ่นพ่อรุ่นแม่ดี มันกล้าเล่นกล้าทำ แม้มุกไรเตอร์เยอะมากก็เถอะ

ส่วนตัวละครหลักๆ เสียดายบางคนบทนร้อยไปนิด ไม่ว่าจะเป็นฮัตต้า หรือคุเรย์ที่น่าจะเปิดเป็นฮษเร็มมาฮิโระได้แล้ว แต่ยังคงค้างคาต่อไป (ซึ่งหากมีซีซั่นสองอาจได้เห็นรูทคุเรย์ก็ได้ ) และตัวละครซัตตะคุงที่ทำให้ผมตกใจว่าเป็นตัวเมีย และเป็นสาวน้อยโมเอะ มีมี๊น่ารักสิ้นดี (ที่จริงรู้มาตั้งนานแล้วละ แต่พึ่งรู้ว่าน่ารักขนาดนี้)

ส่วนตัวอยากมีภาค 3 ต่อ ซึ่งภาคสามเจ๊แมงมุมซึ่งเป็นหนึ่งในฮาเร็มของมาฮิโระน่าจะมาแล้วล่ะ (มาอยู่บ้านมาฮิโระอีกราย) ตัวละครนี้เจ๋งน่ะเออ

สรุป แม้ว่าซีซั่น 2 จะสู้ภาคแรกไม่ได้ แต่กระนั้นก็ใช่ว่าเรื่องนี้จะไม่สนุกแต่อย่างใด คนที่ตามมาแต่ภาคแรกสามารถดูจนจบเรื่องได้

0
the Mystery of the dark 30 มิ.ย. 56 เวลา 16:19 น. 10

เห็นด้วยคะ devil survivor 2 the animation เป็นอนิเมะนอกสายตาที่ดีเกินคาดจริงๆ เเต่โดนกระเเสอนิเมะส่วนใหญ่กลบเเทบจะมิดเลยทีเดียว ส่วนตัวเเล้วชอบเพลงปิดมาก

0
ลอยลม 30 มิ.ย. 56 เวลา 17:12 น. 11
Valvrave นี่หลายคนดูถูก ด่ากันก็เยอะ แต่พอจบซีซั่นทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
อยากดูภาคต่อไวๆ กันทุกคน
0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 17:15 น. 12

น้องแมวยิ้มยากนี้แม้โดนกระแสแอนตี้เกาเหลามาป่วน แต่ยอดขายไม่เลวร้าย คงมีซีซั่น 2 แน่นอน แต่ว่าอย่าให้ JS มามั่วตอนจบเองแบบยัย 0 เด็ดขาด

0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 17:38 น. 13

 

Namiuchigiwa no Muromi-san

 

ทาคุโร่ เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่เจอนางเงือกมุโรมิที่นิสัยเกรียนเทพ (เกรียนเป็นล้านปี) แล้วยังพาเพื่อนๆ ที่ล้วนเป็นสัตว์ในตำนานอีกหลายชีวิตมาร่วมป่วนด้วย

เงือกเกรียน อนิเมะยาวประมาณ 12 นาที (รวมเพลงเปิดและปิด) ก็เป็นอนิเมะที่ผมดูแล้วหลากหลายดีครับ คือมีทั้งตอนที่ชอบ และตอนที่ไม่ชอบ

เอาที่ชอบก่อน ก็เป็นการ์ตูนตลกกับแกล้มขั้นเวลาดีครับ แม้มุกตลกจะไม่ฮ่ามาก มันเป็นมุกทำลายตรรกะของคนที่พบเห็นบ่อย อย่างเช่น เงือกต้องอ่อนหวานน่ารักสิ แต่มาเรื่องนี้เงือกแอบแก่ เกรียน นิสัยไม่น่ารักเลย หรือกัปปะมันต้องผอมเหมือนผีตายซากสิ แต่เรื่องนี้บึกอย่างโหด  แต่ด้วยความที่ตัวละครส่วนใหญ่เป็นสัตว์ลึกลับ ทำให้น่าสนใจขึ้น

ในเรื่องนี้ผมชอบเยติครับ ตัวอะไรก็ไม่รู้น่ารัก เห็นแล้วอยากจับใบหูแบบมุโรมิด้วยซ้ำ อีกทั้งภาพสบายตา

ส่วนข้อเสียนั้นค่อนข้างเยอะเหมือนกัน อย่างแรกคือตัวการ์ตูนไม่ค่อยให้พระเอกเป็นจุดศูนย์กลางและตัวตบมุกสักเท่าไหร่ (เป็นก็จริงแต่ออกมาไม่กี่ฉากในช่วงหลังๆ) บางตอนก็เมานมสุดๆ (ตอนที่ 11) เห็นนมย้อยของเงือกผมทองนี้สุดๆ ไปเลย ดูจนเมานมไปข้าง บางตอนก็เหมือนจะเผาๆ มุกเหมือนซ้ำ ดำเนินเรื่องเร่งไปหน่อย

อย่างไรก็ตามหากบวกลบคูณหารแล้ว การ์ตูนเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ดูสนุกพอใช้ ที่ทำให้ผมสามารถดูจนจบเรื่องได้   

0
Doggiebiz 30 มิ.ย. 56 เวลา 17:47 น. 14

 

1. Haiyore! Nyaruko-san W
 

ภาคต่อของอนิเม Parody ของเหล่า Outer Gods สุดโด่งดังที่นาน ๆ ครั้ง xebec จะไม่วาดตัวละครสาว ๆ ท้วมสักที  ซึ่งภาคนี้ก็เปิดตัวด้วยเพลงเปิดที่ล้างสมองเช่นเคย  ซึ่งในตอนแรกผมค่อนข้างตื่นเต้นกับเนียรุโกะภาคใหม่มากเลยครับเพราะเป็นตอนแรกที่ทำออกมาได้ดีมาก  มุกตลกยิงรัวอย่างกับปืนกล  มีแป้กบ้าง โดนบ้าง  แต่มันก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและพลังที่คอยผลักคนดูให้ดูต่อไปเรื่อย ๆ ทว่าช่างน่าเสียดายที่พลังดังกล่าวเริ่มลดถดถอยลงไปเรื่อย ๆ  มุกที่ยิงออกมาก็เริ่มจะแป้กมากกว่าฮา  จนสุดท้ายเสน่ห์ในตอนแรกก็จืดสนิทอย่างสิ้นเชิงเมื่อถึงตอนล่าสุด  มุกความบ้าของเนียรุโกะเหมือนจะไม่อาจฉุดรั้งโชว์ไว้ได้เหมือนช่วงแรก  กระนั้นก็ใช่ว่าผมจะไม่ชอบเรื่องนี้ไปหมดเสียเลย  อย่างน้อยบทของคูโกะก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี  น่าอวย  ขนาดผมอยู่กองอวยฮาสเทอร์ยังอดที่จะชื่นชมความน่ารักของคูโกะไม่ได้  ส่วนหนึ่งต้องชมนักพากษ์ด้วยที่สามารถดึงเสน่ห์ของคูโกะออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม

 

สรุปคือเรื่องนี้สูญเสีย energy ในตอนแรกไปเยอะครับ  เรียกได้ว่าเป็นพวกม้าตีนต้นก็ได้  แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดตกม้าตายตอนจบเสียทีเดียว  เอาเป็นว่าวันจันทร์นี้ผมคงดูตอนสุดท้ายจนจบแน่นอนครับ


 

2. RDG: Red Data Girl
 

สำหรับเรื่องนี้ผมเคยได้รีวิวไปแล้วในบางส่วนตอนรีวิวไลท์โนเวลใหม่  ตอนแรกผมค่อนข้างชอบเรื่องนี้นะ  ถึงในบางจุดจะดูไม่รู้เรื่องบ้าง  แต่มันก็ยังน่าสนใจพอที่จะทำให้ติดตามตอนต่อไปได้ บวกกับคุณภาพงานของ P.A. Work ที่เรียกว่าภาพฉากหลังงามปิ๊ง  ตัวละครโมเอะ สวยหล่อไปหมด  ทว่าหลังจากได้อ่านนิยายแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าอนิเมทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย  นิยายเนื้อหาอ่านง่าย  สามารถโยงเรื่องราวและจุดประสงค์ของตัวละครได้อย่างชัดเจน  หากแต่แบบอนิเมทำออกมาดูไม่ค่อยรู้เรื่อง  เหมือนตัดแปะเอาฉากของนิยายมาต่อ ๆ กันโดยไม่คิดจะให้คนที่ไม่เคยอ่านนิยายรู้เรื่อง  แถมตอนจบก็เหมือนจะไม่จบอีกต่างหาก  มีเพียงลักษณะหงิม ๆ ของนางเอกอิสุมิโกะนี่ล่ะที่อนิเมลอกแบบออกมาจากนิยายได้อย่างครบถ้วน

 

สรุปคืออ่านนิยายดีกว่าครับ  แล้วค่อยไปดูแบบอนิเม  เพราะแบบนิยายดีกว่าเยอะ  ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายแล้วดูรู้เรื่องเหมือน Shinsekai Yori เสียหน่อย

0
Doggiebiz 30 มิ.ย. 56 เวลา 17:55 น. 15

3. Date A Live

ผมเคยบอกแล้วครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมซึนเดเระ  ปากก็บ่นบ้างแขวะบ้างเรื่องความเห่ยของเนื้อหาที่ดูเหมือนจะเป็นอนิเมฮาเร็มไร้ความสร้างสรรค์  แต่ตากับหูกลับนั่งติดตามดูมันทุกสัปดาห์เลยล่ะ  และแล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น... หลังจากดูตอนที่ 7 ไปผมก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันสนุกขึ้นมาจริง ๆ ซะงั้น !

 

พอได้ดูเนื้อหาของคุรุมิก็เข้าใจเลยทันทีว่าทำไหมหลาย ๆ คนถึงอวยยัยสาวยันตาสองสีเหลือเกิน  สำหรับผมแล้วไม่ได้อวยเธอหรอกครับ  แต่ชอบที่ว่าเธอทำให้เนื้อหามันน่าสนใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  หลังจากตอนที่ 7 ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ ครับ  อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น  ชิโด้จะปักธงคุรุมิได้ไหม ? แล้วจะจัดการกับปัญหาความยันของเธอได้อย่างไร ?  เป็นความรู้สึกที่สนุกกับเนื้อหาอย่างจริงใจเลยล่ะเพราะก่อนหน้านั้นเหมือนกับสักแต่ดูให้มันครบ ๆ ไปแค่นั้น

 

นอกจากนี้ผมต้องขอชมคนออกแบบคาแร็คเตอร์ดไซน์ของเรื่องนี้จริง ๆ ครับ  เพราะออกแบบคาแร็ตเตอร์ได้มีเสน่ห์มาก  ออกแบบชุดคอสตูมดูมีรสนิยม  ถึงจะออกเป็นแนวแฟนตาซีแต่ก็ดูค่อนข้างมีเสน่ห์  ไม่ได้รู้สึกเฝือหรือรู้สึกว่ามันเวอร์หมดสวย  ทั้งโทวกะ โยชิโน่ คุรุมิ รวมไปถึงโคโทริออกแบบทั้งตัวคาแร็คเตอร์และชุดได้สวยงามมาก  และต้องขอชม AIC ที่สามารถดึงเอาความน่ารักของภาพประกอบออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ยอดเยี่ยม (ถึงแม้ฉากบู๊จะไม่ค่อยเจ๋งก็เหอะ)  ยิ่งโทวกะทำออกมาได้น่ารักยิ่งกว่าแบบไลท์โนเวลอีก (โดยเฉพาะฉากหม่ำแหลก)  ยิ่งฉากตอนไปสระว่ายน้ำเห็นได้ชัดเลยว่าแทบไม่มีเผาสักฉาก  อนาโตมีของสาว ๆ ในชุดว่ายน้ำวาดออกมาได้ชวนโฮกมาก  เห็นแล้วของขึ้นเลย

 

สรุปแล้วเรื่องนี้สอบผ่านในแง่บรรลุวัตถุประสงค์ครับ  ถึงหลายคนจะบ่นว่าแบบอนิเมทำออกมาสู้แบบไลท์โนเวลไม่ได้ก็เหอะ  แต่มันก็สำเร็จในแง่ที่ทำให้คนที่ไม่เคยอ่านแบบไลท์โนเวลมก่อนตัดสินใจซื้อ  อย่างผมนี่ในตอนแรกไม่คิดจะซื้อไลท์โนเวลเรื่องนี้ด้วยซ้ำ  แต่ในที่สุดเล่มหนึ่งมันก็มากองอยู่ข้างหัวเตียงของผมจนได้

 

อ้อ.... หากถามว่าผมอยู่กองอวยฝ่ายไหน  คงต้องตอบว่าอยู่กองอวยน้องสาวทวินเทลครับ ! ตอนอิฟรีตออกมานี่ขโมยซีนสุด ๆ เลยล่ะ



 


4. Aiura

อนิเมสั้น ๆ ประมาณไม่ถึง 5 นาที  แถมเพลงเปิดเพลงปิดก็กินเวลาเนื้อหาไปเกือบครึ่งตอนแล้ว  แต่ต้องของชมเชยว่านี่เป็นอนิเมแนวห้านาทีเรื่องแรกที่ผมติดตามต่อจนจบซีซั่นครับ !  เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมาก  อารมณ์แนว Slice of Life ธรรมดาทั่วไป  มุกก็ไม่ได้บั่นทอนปัญญาหรือเวอร์อะไรหนักหนา  คิดซะว่าเป็น K-on เวอร์ชั่นห้านาทีก็แล้วกัน  แต่ที่ทำให้เรื่องนี้พิเศษคือคุณภาพของอนิเมชั่นครับ... แดม ต้นขาสาว ๆ น่ากินมาก


0
Doggiebiz 30 มิ.ย. 56 เวลา 18:02 น. 17

 

5. To Aru Kagaku no Railgun
 

เรื่องเรลกันเป็นหนึ่งไม่กี่เรื่องที่สามารถแหกคำสาป "อนิเมะที่เคยอ่านแบบมังหงะต้นฉบับมาก่อน" ได้ครับ  เพราะผมเคยอ่านแบบมังหงะที่เนื้อหาไปค่อนข้างไกลแล้ว  แต่ตอนนี้ผมก็ยังติดตามอนิเมเรลกันที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับมังหงะอยู่ดี  ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะคุณภาพของตัวงานอนิเมชั่นและการกำกับที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม  สมแล้วกับเป็นทีมเทพของ J.C. Staff ที่เคยทำเรลกันภาคแรก,  Ano Natsu, Ano Hana, Toradora!  

 

แต่ถึงกระนั้นผลของคำสาปเองก็ไม่ได้หายไปหมดเสียทีเดียว  สิ่งที่ที่ผมรู้สึกคือเรื่องเรลกันจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกเวลาผมจะดูอนิเมของวันครับ  มันมีความรู้สึกขี้เกียจจะดูติดค้างอยู่  แถมการที่ทีมสร้างตัดสินใจยืดเนื้อหาบางจุดก็ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกอยากติดตามมีมากขึ้นสักเท่าไหร่ (แต่ก็อาจจะดีกว่า filler เนื้อหาออริแบบภาคแรกก็ได้นะ) แต่อย่างไรเสียผมก็ยังคิดว่าเรื่องเรลกันเป็นอนิเมคุณภาพดีอีกเรื่องประจำซีซั่นครับ  เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังจากภาคแรกเลย


 


6. Kakumeiki Valvrave

สำหรับผมแล้วเรื่องวาลเวรฟ หรือ วาลเรป นั้นเริ่มต้นได้ไม่ค่อยดีครับ  ผมเป็นคนหนึ่งที่ทั้งล้อเลียนและหยามหยาบกับความจำเจของเรื่องนี้ครับ  มันเป็นเรื่องที่แทบไม่มีความเป็นตัวของตัวของตัวเองเลย  หากให้บรรยายความรู้สึกแล้วก็คล้ายกับเอาเรื่อง Gundam Seed มาเขย่าผสมกับ Code Geass แล้วปรุงรสด้วยนาซีอวกาศ  แวมไพร์  และสารเคมี WTF ก็ออกมาเป็นวาลเวรฟ หรือวาลเรปที่เราดูกันนี่เอง  เพราะอย่างนั้นหลังจากดูตอนแรกจบผมจึงดองค้างเรื่องนี้ไว้พักใหญ่จนเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่ 7 ครับ  จนกระทั้งผมได้เห็นภาพของสาวแว่นผู้น่ารักลอยละล่องในอวกาศอย่างงดงามเท่านั้นล่ะ  มันจุดประกายความสนใจในเรื่องนี้อีกครั้ง

 

หลังจากนั้นผมก็มาราธอนดูรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลยครับ  อย่างหนึ่งที่ผมเรียนรู้คือไม่ควรจะดูเรื่องนี้ด้วยสายตาจ้องจับผิด  เพราะวาลเวรฟนั้นเต็มไปด้วยทั้งช่องโหว่ด้านโลจิกของเนื้อหา  โลจิกของความเป็นจริง และโลจิกการกระทำของตัวละครต่าง ๆ หากเรียกตามภาษาฝรั่งแล้วเขาเรียกแนวนี้ว่า Train Wreck ครับ  คือเปรียบเสมือนกับขบวนรถไฟที่คว่ำนั่นเอง  ทว่ามันเป็นรถไฟคว่ำที่สนุกเป็นบ้าเลยล่ะ !

 

คำแนะนำของผมคือจงอย่าไปสนเหตุผลอะไรกับเรื่องนี้มากครับ  เรื่องนี้คนดูควรจะยอมรับในสิ่งที่มันเป็น  อย่าไปสงสัยเลยว่า L-elf ใช้เวลาห้านาทีในการวางระเบิดทั้งฟลอร์ + ติดตั้งมิสไซล์ + ถล่มทั้งกองยานได้อย่างไร  อย่าไปสนเลยว่าทำไมต้นหนของกัปตันฝ่ายดรอเซียต้องเป็นคุณพี่สาวอกอึ๋ม  อย่าไปสนใจว่าทำไมจู่ ๆ วาเวรฟหมายเลข 6 ถึงโผล่ต่อหน้าอากิระพี่จ๋าได้  อย่าไปสนว่าทำไมต้องทำ MV ระหว่างสงคราม ฯลฯ  กรุณาเลิกคาดเดาเนื้อหาต่อไปเพราะคุณไม่มีวันจะเดาได้  เลิกคาดหวังความสมจริงเพราะมันไม่มีทางหาเจอ  และเลิกคาดหวังความเป็นออริจินัลเพราะเรื่องนี้ตั้งใจจะยัดทุกอย่างเท่าที่เรื่องอื่นเคยทำแล้วเข้ามายำให้เละตุ้มเปะ  ทว่าสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถคาดหวังได้คือความบันเทิงขั้นบริสุทธิ์ที่ทำให้คนดูได้แต่อ้าปากค้างร้อง WTF แทบทุกตอนไม่เว้นแม้กระทั่งตอนจบครับ  จุดแข็งของเรื่องนี้คือมันสามารถทำให้คนดูสนใจได้ตลอด  ไม่ว่าจะในแง่ดีหรือไม่ดีก็ตาม

 

อนึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แฟนอวยอวยกันได้โหดมากครับ  เพราะถึงกับแช่งตัวละครที่เป็นคู่แข่งความรักให้ตาย ๆ ไปด้วยซ้ำ  สงสัยเพราะเป็นแนวสงครามล่ะมั้งเลยสามารถคาดหวังให้อีกฝ่ายตายตามท้องเรื่องได้อย่างไม่เสียอารมณ์  อีกทั้งยังมีการตั้งฉายาให้กับเหล่าตัวละครหญิงหลักทั้งสองอย่างสนุกสนาน  ตั้งแต่ยายขอมดำดินโชวโกะก็ดี  แมงมุมเขียวซากิ  บิทช์ซากิ  สำหรับผมแล้วอวยซากิครับ  แต่ก็ไม่อยากให้โชโกะตายหรอก  ส่วนโชโกะเองก็มัวแต่หาเรื่องปักธงตายให้ตัวเองไม่รู้กี่ธงแล้ว  ซากิมี Plot Armor จากฉากอนาคตแล้วนะเฟ้ย  ขอมดำดินเองก็อย่าเที่ยวปักธงตายให้ตัวเองมากกว่านี่เซ่ !     


0
cammy 30 มิ.ย. 56 เวลา 18:23 น. 18


 เร็นโบโคจิ อากิระ

ละครน่าอวยประจำซีซั่น ดันเป้นตัวละครม้ามืด ที่เหมือนไม่บท ฮิกกี้ผมแดงม่วง ชอบตรงประโยค "พี่จ๋า" (ส่วนพี่ก็ห่วงน้องสาวเหลือเกิน) และการระเบิดอารมณ์โมโหทุบคีย์บอร์ดดุจเด็กเยอรมันโมโหโกธาในยูทูป น้ำเสียงแสดงถึงความเคียดแค้น เกลียดชัง เก็บกด แหบๆ พอๆ กับสาวทวินเทลโรบอตติก แต่กระนั้นก็เป็นตัวละครที่เกลียดไม่ลง เห็นแล้วอยากเป็นเพื่อนด้วย น่าสงสาร อยากปกป้อง อีกทั้งแรงขับของเธอที่ทำให้หมดสิ้นความเป็นมนุษย์ไม่ใช่เพราะคนที่รักตายแล้วเครียดแค้น แต่เป็นการปกป้องเพื่อนคนแรกของเธอ  แถมสกิลหุ่นของเธอเทพมากที่สามารถทำให้เครื่องจักรทุกชนิดปั่นป่วนได้เพียงแค่เคาะเท่านั้น ดีไม่ดีบทของเธอซีซั่นหน้าจะกลายเป็นสิ่งที่หลายคนไม่คิดได้ (เพราะเธอขึ้นตรงกับโชโกะ หากโชโกะเป็นสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ละก็ ,,,)
 
คนอื่นๆ ที่ชอบ น้องหมา (Hentai Ouji to Warawanai Neko) , คาน่อน (Photo Kano, คูโกะ และเยติ (ไม่มีนางเอกสักคน)
0
Doggiebiz 30 มิ.ย. 56 เวลา 19:12 น. 19

 

7. Oreimo SS2

ผมไม่อยากจะคอมเม้นท์อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ  เอาเป็นว่าตัดเรื่องนิยายไปก่อนก็แล้วกัน  สำหรับน้องสาวไม่น่ารักภาคสองนั้นเปลี่ยนสตูดิโอทำใหม่  จาก AIC Build เป็น A-1 ซึ่งบอกตามตรงเลยครับว่าทำออกมาสู้ภาคแรกไม่ได้เลย  คาแร็คเตอร์ในภาคแรกยังดูมีความต่อเนื่องในแง่ลักษณะนิสัย  มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด  พอมาภาคสองนั้นนิสัยตัวละครกลับดูโดด ๆ เคียวสุเกะก็หื่นออกนอกหน้าน้อง ๆ อารารากิเลย  การแบ่งตอนอวยตัวละครในช่วงแรกทำออกมาได้ไม่ค่อยไม่ค่อยดี  แถมตรรกะโลจิกของตัวละครดูพิลึก ๆ เกือบระดับเดียวกับวาเวรฟเลยด้วยซ้ำ  คุณภาพอนิเมชั่นเองก็มีแอบเผาบ้าง  ตัวละครตาโตหน้าเล็กบ้าง  ถึงมันจะไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก  แต่ผมว่าทำออกมาด้อยกว่าภาคแรกมาก  ค่อนข้างผิดหวังเลยทีเดียว  ถ้าออกดีวีดีก็คงจะไม่เก็บแล้วล่ะ

 

ส่วนประเด็นเรื่องเอานิยายไปฝังหลังจากดูตอนล่าสุดผมคงไม่ฝังแล้วครับ  แล้วจะยังซื้อตามเก็บต่อด้วย  แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันสนุกหรอกครับ... แต่เป็นการอ่านเนื้อเรื่องเพื่อที่จะได้เอาไปปกป้องตัวละครที่ผมอวยที่สุดต่างหาก  ตอนนี้ย่าแว่นกลายเป็นตัวละครที่คนดูเกลียดที่สุดแทนคิริโนะไปแล้วเพียงเพราะฉากเพียงฉากเดียว (ดาเมะ)  ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก  ดังนั้นผมจึงจะยังติดตามต่อเพื่อพิจารณาแก้ต่างให้กับย่าแว่นมานามิครับ  จะได้ไปเถียงไปเกรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง (ฮา)

 






(รูปจิ๊กมาจากกระทู้สักกระทู้ในบอร์ดพันทิพย์)

8. Namiuchigiwa no Muromi-san

เงือกเกรียนมุโรมิเป็นอีกเรื่องที่ผมไม่คาดว่าจะชอบประจำซีซั่นครับ  เป็นเซอร์ไพรซ์เลยก็ว่าได้  เป็นการ์ตูนยาวสิบสองนาทีที่ยิงมุกแหลกตั้งแต่ op ยันเครดิตคนทำขึ้น  มุกนั้นส่วนใหญ่เป็นมุกเน้นความเกรียนและความเสื่อมเป็นหลัก  แป้กบ้างฮาบ้างแล้วแต่รสนิยม  แต่สำหรับผมแล้วค่อนข้างโดนเสียเป็นส่วนใหญ่  มุกตลกมีตั้งแต่มุกลวนลามทางเพศ (โดยเงือกเกรียนกับเงือกตัวอื่น) บีบคั้นนมอย่างกับคั้นน้ำเต้าหู้บ้าง  บีบกระดูกซี่โครงโลมาที่เป็นมิตรจนแตกบ้าง  หรือทำการทารุณกรรมสัตว์น้ำหลายชนิดอย่างไร้ปราณีบ้าง  แต่มันก็ไม่ได้มีเฉพาะมุกเสื่อมไร้สาระอย่างเดียวนะ  มีทั้งการให้ความรู้ด้านวิวัฒนาการเอย  ความรู้เรื่องเทพปกรณัม  สัตว์ลึกลับ  วงจรชีวิตสัตว์โลก และอื่น ๆ อีกมากที่ทำให้ผมขำได้ทุกตอน  ขนาดบางตอนที่ดูก็รู้ว่าเผาก็ยังขำเลย 

 

สรุปแล้วเงือกเกรียนสนุกกว่าที่ผมคิดครับ  และเพราะไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันมากเลยยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุกยิ่งขึ้นไปอีก




0
Doggiebiz 30 มิ.ย. 56 เวลา 19:41 น. 20

ผมว่าส่วนใหญ๋ที่คนไม่ค่อยดูเพราะเลย "2" ตามหลังชื่อนี่ล่ะครับ (รวมถึงผมด้วย แต่ก็รู้ล่ะว่ามันไม่ใช่ภาคสองแต่ประการใด เหอ ๆ)

0