Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

พ่อมีเมียน้อย และไม่เคยให้เงินใช้ซักบาทเดียว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ยืม Log In มาระบาย เนื้อหาจะยาวมาก แต่ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะคะ

รู้แน่ชัดว่าพ่อมีเมียน้อยตอน ม.1 เราสอบเข้า รร.ชื่อดังของจังหวัดได้ พ่อมามอบตัวเรา พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว พ่อแม่ลูก เราเป็นลูกคนเดียว ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากวันนั้น พ่อไม่กลับบ้าน

ก่อนหน้านั้น พ่อรับราชการเป็นทหารเงินเดือนแค่ หมื่นต้นๆ ที่บ้านก็เลยซื้อรถกระบะ มาขายผลไม้ตามตลาดนัด ต่อมาแม่ก็เริ่มขายขนมหวานบ้าง หมูย่างบ้าง ส้มตำไก่ทอด เปิดร้านหน้าบ้านบ้าง เพราะบ้านเป็นบ้านหลวง ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำไฟก็หักในเงินเดือนพ่อ ค่ารักษาพยาบาลก็เบิกจ่ายได้ตามสิทธิ์ข้าราชการ แต่แม่ทำงานขายนั่นนี่ตลอด ไม่ได้อยู่เฉยๆเป็นคุณนาย แต่พอ ป5 แม่ก็มาขายหมูย่างข้าวเหนียวตอนเช้าอย่างเดียว ตอนสายๆก็ไปเป็นแม่บ้าน โดยไม่ได้บอกว่า ทำไมบ้านเราจึงเลิกรับผลไม้ ไปขายที่ตลาด และพอ ป6 ไม่รู้รถกระบะหายไปไหน เหลือแต่มอเตอร์ไซค์ 

มารู้ทีหลังว่า พ่อเอารถไปขาย เอาเงินไปเที่ยวผู้หญิง

พ่อรับราชการนานขึ้น แม้ยศไม่สูง แต่เงินเดือนก้ขึ้นถึง 18000 แม่เราก็ยัง ขายหมูย่างข้าวเหนียวตอนเช้า พอเรียน ม1 ได้ 3 เดือน เริ่มสังเกตเห็นแม่กินข้าวน้อยลง ทำใจเข้มแข็งถามแม่ว่าเป็นอะไร แม่ถามว่า ไม่บอกหรอก ตั้งใจเรียนไปเถอะ เลยยืนยันกับแม่ว่า บอกมาเถอะ รับได้ รู้แล้วว่าพ่อมีเมียน้อย แม่เลยบอกว่า พ่อเอ็งไม่ให้เงินแม่มาจุนเจือใช้จ่ายในบ้าน ตั้งแต่เอ็งเรียน ป5 แล้ว ตอนไปมอบตัว จ่ายค่าอะไรๆ ทั้งเงินไป รร. ทั้งเงินค่าใช้จ่ายในบ้าน แม่หามาจากการขายหมูย่างข้าวเหนียว และตอนนี้เงินเก็บก็กำลังลดลง แม่กลัวเงินไม่พอ

จบ ม1 เทอมแรก แม่หยุดขายหมูย่าง เพราะขายไม่ดีรายได้ไม่พอ เลยไปเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงานทำความสะอาด พ่อไม่เคยเอาเงินมาให้ และไม่เคยกลับบ้านเลย ยกเว้นจะมาแค่ตอนประชุมผู้ปกครอง กับตอนประกาศผลสอบ เพื่อมาถามว่า สอบได้ที่เท่าไหร่

ที่ รร. ยิ่งเป็นลูกข้าราชการ ยิ่งไม่ให้กู้ และไม่ให้ทุน แม้จะบอกเหตุผลว่า พ่อมีเมียน้อย ไม่ส่งเงินมาให้ใช้เลย แม่หาเงินคนเดียวลำบากมาก หรืออาจะเป็นเพราะเราเป็นลูกคนเดียว ก็เลยไม่เคยได้รับพิจารณาให้เงินช่วยเหลือ

โชคยังดีที่เรียนใช้ได้หน่อย มีทุนการศึกษาจากสังกัดทหารที่พ่อทำงานอยู่ มีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนเรียนดี แม่ก็เอาใบเกรดไปยื่น ได้เงินมา 1500 ก็เก็บใส่ธนาคารไว้ แม่ไม่เคยเอาเงินตรงนั้นมาใช้

เวลาจะสอบอะไรที่ต้องเสียค่าสมัครสอบ แม่ไม่เคยบ่นเลยว่าราคาเท่าไหร่ แม่แค่ถามว่า จะเอาไปจ่ายเมื่อไหร่ ไม่รู้แม่เอาเงินมาจากไหน แต่แม่ก็เอาให้ วันหนึ่งพ่อมาบ้าน เราก็ขอเงินไป รร. จำได้เลยว่า พ่อพูดว่า ไปเอาที่แม่สิ เราก็เลยยิ่งเข้าใจว่าพ่อไม่คิดจะให้เงินเรากับแม่เลย

พอจบ ม1 พ่อเราเปลี่ยนเมียน้อยคนใหม่ เพื่อนบ้านมาบอก เรากับแม่ก็ไม่ได้สนใจ แต่เมียน้อยคนนี้อายุแค่ 17 พ่อไม่เคยกลับบ้าน และไม่เคยถามถึงความเป็นอยู่ของแม่กับเรา ดีหน่อยที่เราอยู่บ้านหลวง บ้านฟรี ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ต่อมาพ่อก็เปลี่ยนเมียน้อยอีกคน คราวนี้เป็นเมียน้อยแบบในละคร คือตามราวีแม่เรา แม่เราไปสมัครเป็นแคดดี้ เดินลากถุงกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ ตากแดดทั้งวัน เพื่อแลกกับเงินไม่กี่ร้อย เมียน้อยก็ใช้ให้ญาติๆ ขับมอเตอร์ไซค์ ไม่มีป้ายทะเบียน ใส่หมวกกันน๊อคอันใหญ่ๆ เหมือนจะมายิงใคร แต่ก็แค่มาพบกับแม่ที่สนามกอล์ฟ เพื่อบอกแม่ว่า ให้เลิก(หย่า)กับพ่อเราซะ วนเวียนมาแบบนั้น 2-3 ครั้ง จนแม่ต้องแจ้ง สห. (สารวัตรทหาร) เพราะกลัว และต้องไปแจ้งความไว้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและลูก แม่บอกกับพ่อ แต่พ่อปฏิเสธที่จะรับรู้ หรือช่วยเหลืออะไร


นระหว่างนั้น เรากำลังขอให้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยเหลือเรื่องกู้ยืม กยศ. หรือทุนการศึกษาอะไรก็ได้ แต่โดนปฏิเสธตลอด เนื่องจากพ่อแม่เรายังไม่ได้หย่า และเราเป็นลูกข้าราชการ มีสิทธิ์เบิกได้ อีกทั้งยังเป็นลูกคนเดียว .... ทั้งๆที่พ่อเราไม่เคยสนใจเราเลย


พอขึ้น ม2 พ่อเริ่มมีเมียน้อยมากขึ้นจนเราขี้เกียจฟังชาวบ้านที่เอามาเล่า แต่ที่แย่ที่สุดคือ พ่อกู้เงินได้ 1 ล้าน ตามอัตตราการกู้ของข้าราชการประจำในตอนนั้น เงินที่ได้มา พ่อไม่ให้เรากับแม่เลยซักบาท ที่ผ่านมา ไม่ให้ แม่ก็ไม่เคยขอ แต่ครั้งนั้น แม่ขอ 20000 สองหมื่น พ่อไม่ให้ แม่ไปขอร้อง ผู้หมวด ชื่อ ผู้หมวดเมย์ ขอให้ช่วยพูดกับพ่อให้หน่อย เพราะพ่อยศน้อยกว่า แม่บอกว่าไม่ได้จะเอาเงินไปทำอะไร จะเอามาให้เราเรียน แต่ผู้หมวดเมย์ก็ปฏิเสธที่จะช่วย ทั้งๆที่การกู้ในครั้งนั้น ต้องใช้ลายเซ็นของคู่สมรสตามใบทะเบียนสมรส ลายเซ็นของแม่น่ะเซ็นง่ายๆ และพ่อก็ปลอมลายเซ็นนั้นไป โดยที่แม่ไม่ได้รู้เรื่องการกู้เลย มารู้ก็ตอนที่มีคนมาบอกว่า พ่อกู้เงินล้าน 

พ่อเอาเงินไปซื้อบ้านชั้นเดียว ไม่รู้ราคา แต่เปิดร้านอาหาร คาราโอเกะ กับเมียน้อยคนใหม่ พ่อพาเมียน้อยมาออกงานสโมสรทหารด้วย ตอนนั้นเราขึ้น ม3 แล้ว และพ่อก็ยังมีเมีย ที่เป็นแม่ม่ายเศรษฐีนี อยู่ยะลา แต่แม่ม้ายคนนี้ดีนะ คือไม่มายุ่งวุ่นวายกับเราและแม่เลยซักครั้ง แม่ม้ายคนนี้ซื้อกระบะ Izusu D-Max ให้พ่อ 1 คัน และให้พ่อไปหาบ้างบางครั้งเท่านั้น ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด อันนี้คนรอบข้างก็เล่ามาอีกที 

พ่อเปิดร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ จากเงินที่กู้ไป พร้อมอยู่กับเมียน้อยอีกคน และมีรถกระบะขับ เชิดหน้าชูตาออกงานสังคม แม่เราก็เป็นแคดดี้สนามกอล์ฟ มีแค่ ฮอนด้าเวฟ 1 คัน เก่าๆ ส่วนเราก็เรียน ม3 ไม่เคยได้เจอหน้าพ่อเลย ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเงิน สิ่งของ คำพูด หรือ อะไรเลยซักอย่างเดียว นานๆทีพ่อถึงจะมา แต่ก็แค่มาธุระ มาเอาของใช้ส่วนตัว และมาถามตอนที่เราสอบเสร็จ


** เพิ่มเติม **

ตอนเปิดเทอม ขึ้น ม3 วันแรก ยังไม่รู้ว่าพ่อมีรถกระบะแล้ว หรือเปล่า ตอนนั้นพ่อขับมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าเก่าๆ ที่เสียงท่อดังๆ แบบที่ได้ยินแต่ไกลและจำได้เลยว่าถ้าได้ยินเสียงนี้ คือพ่อขี่มอเตอร์ไซค์มา ไม่ได้รอเสียงนี้ให้แวะเข้ามาบ้านนะคะ แต่มันหลอนมาก คือพอได้ยินเสียงรถคันนี้แล้วรู้สึกวิตกกังวล เหมือนจะเป็นบ้า เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าเราอยู่กับแม่แค่ 2 คนก็สบายตัวดีแล้ว ไม่ต้องกลับมา จะกลับมาทำไม แต่พ่อก็ขี่มอเตอร์ไซค์เสียงดังๆคันนั้นแวะมาที่บ้านบ้าง แม่กับเราไม่อยากให้มากเลย พอเวลาได้ยินเสียงก็จะตื่นตระหนก นอนไม่หลับ หวาดระแวง จนจะเป็นโรคจิตกันทั้งคู่ เพราะพ่อนึกจะมาก็มา บางทีมาตอนเช้าบ้าง กลางวันบ้าง เย็นบ้าง ไม่มาเลยเป็นเดือนเต็มๆก็มี แต่บางทีนึกจะมากลางคืนตี 2 มาเคาะประตูดังๆ เราได้ยินเสียงรถมาแต่ไกลล่ะ ไม่ต้องรอเคาะประตูเราก็ตื่นก่อนอยู่แล้ว เรากับแม่ก็หวาดระแวง ไม่รู้เมามารึเปล่า จะทำร้ายเรามั้ย เครียด นอนไม่หลับ บางคืนเสียงรถใครไม่รู้ดังๆหน่อยก็พากันสะดุ้งตื่น เป็นอย่างนี้เกือบทั้งเทอม 1 จนจะบ้ากันทั้งคู่ แถมตอนนั้น ม3 ด้วยนะ จะสอบเข้า ม4 แต่ดีมันเป็นแค่เทอม 1 พอสอบเสร็จรู้แน่ชัดว่าพ่อมีรถกระบะแล้ว เทอม 2 พ่อก็ไม่กลับบ้านอีกเลย เรากับแม่ รู้สึกโล่ง และสบายใจมาก เหมือนยกภูเขาออกจากออกเลยตอนนั้น

** จบเพิ่มเติม **


เราสอบเข้า ม4 ได้ รร. ชื่อดังแห่งหนึ่ง วันมอบตัว พ่อไม่ได้เอารถกระบะมาใช้ แต่ก็พาเรากับแม่นั่งซ้อน มอเตอร์ไซค์ 3 คน ไป รร.นั้น เป็นระยะทาง 50 กิโล จากบ้าน เรากับแม่ไม่เคยถามเรื่องรถกระบะ และที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายต่างๆแม้แต่เงินเติมน้ำมันรถ พ่อก็ไม่จ่าย วันนั้นแม่จ่ายเงินให้เราคนเดียว รวมถึงเงินค่าหอพัก ของโรงเรียนด้วย ดีที่เป็นหอใน คือหออยู่ในโรงเรียนเลย ค่าใช้จ่ายรวมไปแล้วในค่าเทอม จึงไม่แพงมากนัก แต่เป็นเงินที่แม่หามาจากการเดินกอล์ฟทั้งหมด

หลังจากขึ้น ม4 พ่อกับเราก็ห่างกันมากกว่าเดิมอีก พ่อมาประชุมผู้ปกครองแค่ 2 ครั้ง คือ ม4 กับ 5 เราต้องเรียนอย่างหนัก และรักษาเกรด เพราะขอทุนเรียนด้วย เงินไม่พอก็ต้องช่วยงานอาจารย์ เสาร์ขอาทิตย์ อาจารย์จ้างไปไหนก็ไป ถือว่าช่วง ม.ปลาย ยังมีบุญที่ได้ทุนบ้าง ยังมีคนเข้าใจบ้างว่า ถึงเป็นลูกข้าราชการ แต่พ่อไม่ให้เงินเลยแบบนี้ก็มีอยู่ในโลก

ตั้งแต่แม่ทำงานสนามกอล์ฟ แม่ก็ได้รู้จักคนใหญ่คนโต มียศสูงๆมากมาย หลายคนบอกแม่ว่า เสียดายนะ พ่อเป็นคนทำงานดี แต่ไม่น่ามีนิสัยเสียแบบนี้ ไม่งั้นอนาคตททางการงานไปไกลกว่านี้แล้ว เพราะจะมีการพิจารณาเลื่อนยศ แต่ก็ดูจากพฤติกรรมหลายๆด้านด้วย แม่เริ่มขอความช่วยเหลือจากนายทหารเหล่านั้น อธิบายและเล่าให้พวกเขาฟังว่าตอนนี้ แม่กับเราอยู่อย่างไร เป็นอย่างไร นายทหารเหล่านั้นเห็นใจ จึงบังคับให้พ่อแบ่งเงินเดือนมาให้เรากับแม่ด้วย ทำให้พ่อต้องจำใจเอาบัตร ATM มาไว้กับแม่เรา สิ้นเดือนเงินออก แม่ก็ไปกด

แต่ชีวิตมันไม่ง่ายอย่างนั้น อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้พ่อกู้เงินล้าน ต่อมากู้ยิบย่อยอีกมาก ทำให้เงินแต่ละเดือนหลังหักค่าน้ำค่าไฟแล้ว เหลือแค่ 2390 บาท .... เรายังจำตัวเลขได้ดี และยังมีการกูฉุกเฉินที่กู้ได้ครั้งละ 20000 สองหมื่น โดยที่ไม่ต้องใช้ลายเซ็นจากคู่สมรส พ่อก็กู้เรียบ บางเดือนแม่ได้เงินจาก ATM แค่ 1000 สลับกันไปไม่เคยได้เกิน 2000 บาท แต่แม่ก็ไม่ได้บ่น หรือพูดอะไรกับพ่อ แม่บอกเราว่า ได้แค่นี้ยังดีกว่าเมื่อก่อนนะ เมื่อก่อนซักบาทเดียวก็ไม่ได้เลย .... แต่มันก็ได้เงินจำนวนนั้นแค่ 1 ปี เพราะพ่อก็กู้ยิบย่อยอีก บางเดือนก็ไม่มีเงินเหลือใน ATM

เพราะพอขึ้น ม5 พ่อก็กู้เงินอีกครั้ง น่าจะ 5 แสนถ้าจำไม่ผิด และโกหกแม่ว่าย่าป่วย ต้องใช้ผ่าตัด แม่ก็ลงลายเซ็นไป เพราะการกู้เยอะๆนี่ต้องได้รับการยินยอม รับรู้ จากคู่สมรสด้วย หลังจากกู้ไป คราวนี้แม่พูดเลยว่าขอ 2 แสน ถามว่าได้มั้ย ? ไม่ได้เหมือนเดิมค่ะ แถมที่บอกว่าย่าป่วยก็คือโกหก แม่ไปเยี่ยมย่าและเล่าให้ย่าฟังเรื่องพ่อ เล่ามาตั้งแต่เราเรียน ม1 จน ม5 ย่าก็ยังไม่เชื่อ คนต่างจังหวัดมักคิดว่า "ลูกเป็นนาย(รับราชการ) ใครได้ไปสบายทั้งชาติ" ย่าไม่เคยเชื่อแม่ว่าพ่อเป็นคนแบบนั้น 

ที่ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่แม่ไปเยี่ยมย่า และพบว่าย่าไม่ได้ป่วย แม่กลับมาที่บ้าน พ่อดันขับรถพาเมียน้อยคนใหม่ไปให้ย่าดูซะอีก หยามกันไปเลยมั้ยล่ะ ?


ต่อมาไม่นาน ย่ากลับล้มป่วยขึ้นมาจริงๆ และพ่อก็ไม่ได้ไปเยี่ยม ป่วยหนักประมาณ 1 ปี เราเรียน ม6 เทอมแรก ย่าก็เสีย เราไม่รู้สึกผูกพันเลย เราไม่ได้ไปงานศพ แม่เราไปงานศพ บอกว่าเราติดสอบมาไม่ได้ แต่จริงๆแล้ว พ่อพาเมียน้อยคนไหนไม่รู้ ไปที่งานศพย่า กะว่าวันนั้นจะได้เป็นเจ้าภาพ แต่แม่ไปกับนายทหาร และทหารอีก 4 คน ไปในฐานะภรรายาตามกฎหมาย ไปเป็นเจ้าภาพ พ่อเลยต้องพาเมียน้อยไปซ่อนแอบไว้ตามบ้านญาติ มีญาติฝั่งย่า ที่ไม่ชอบเมียน้อย มาบอกแม่ว่า "เขาพากันมา จะให้เป็นเจ้าภาพ แต่เธอมาซะก่อน เขาเลยพากันไปแอบซ่อนไว้ที่บ้านคนอื่น"


ต่อมาแม่ก็เก็บเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ เรากำลังสอบ Ent. จะจบ ม6 อยู่แล้ว แม่จะคุยกับพ่อ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานมาก แม่ก็ฝากเพื่อนร่วมงานพ่อไปบอกพ่อให้หน่อยว่าจะคุยเรื่องลูกขึ้นมหา'ลัย ผ่านไปเกือบอาทิตย์ พ่อถึงแวะเข้ามาที่บ้าน แม่ปรึกษาเรื่องที่เราจะเข้ามหา'ลัย แต่ดูเหมือนพ่อไม่ได้สนใจฟังเลย บอกแต่ว่า มันจะเรียนอะไรก็เรียน แม่ถามเรื่องค่าเล่าเรียน พ่อบอกว่า ก็ส่งไปสิ พอได้ยินแบบนั้น แม่เลยไม่พูดต่อ

เราสอบเข้า มหา'ลัย อาจารย์ก็ช่วยเรื่องประวัติการศึกษา ประวัติครอบครัว แต่เราได้ทุนจากโรงเรียน ตอนเข้ามหา'ลัย เราจะกู้ กยศ. แต่การพิจารณากู้ไม่ผ่าน เนื่องจากเป็นลูกข้าราชการ และเป็นลูกคนเดียว เราก็ทำใจยอมรับ เพราะตอนสอบเข้ามา เราก็ติด แต่ไม่ใช่ติดในลำดับที่ได้ทุน เราก็เข้าใจ ถามแม่ว่า แม่ส่งไหวมั้ย เพราะเรียนไกล ต้องเช่าหอ แม่ก็บอกแค่ว่า เรียนไปเถอะ ส่งได้

แต่เราคิดว่าแม่ส่งไม่ไหวแน่ เพราะติด มหา'ลัยในกรุงเทพ และด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา เราไม่มั่นใจเรื่องการกู้เรียน และไม่มั่นใจว่าจะขอทุนได้เลย เราเลยไม่เสี่ยง ตอนนั้นเราอาจจะตัดสินใจพลาด บางคนบอกเราว่า เข้าไปเรียนเหอะแล้วไปเล่าปัญหาให้อาจารย์ฟัง ขอทุนสิ กู้เรียนสิ ทำนองนี้มามาก แต่บอกตรงๆเราไม่มั่นใจเลย ว่าเราจะมีเงินเรียน

ปัจจุบัน ตอนนี้พ่อได้เลื่อนยศเงินเดือนขึ้นมาเป็น 20000 แล้วนะ จาก 18000 แต่พ่อก็ไม่เคยถามเรื่องการเรียน หรือเรื่องอะไรที่เราจำเป็นต้องใช้เงินเลย บัตร ATM ที่อยู่กับแม่กดเงินมาได้แค่ 3000 เศษไป 20 - 30 บาท ก็เอาเงินนั้นมาส่งให้เราตอนนี้ เท่ากับว่าแม่ไม่ได้ใช้เงินพ่อซักบาทเดียว

สุดท้ายเราเลยไม่ไปมอบตัว ไม่อยากเสียค่าเดินทาง ไป-กลับ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ต้องเดินทางไปกรุงเทพ เราอาจจะสมองน้อย คิดไม่ถึงเรื่องโอกาสทางการเงินด้านการศึกษา แต่ตอนนั้น เราเสียดายเงินที่ต้องใช้ในการเดินทางไปสอบสัมภาษณ์ ไปมอบตัว มาก และเราไม่ได้เรียนเก่งขนาดสอบได้ 1 ใน 10 ลำดับแรกเพื่อหวังกับทุน เราเลยไม่เรียนในคณะที่สอบได้ และบอกแม่ว่า หนูจะเรียนราม ฯ

เราเดินทางมากรุงเทพ สมัครเรียนรามฯ และหางานทำ ไม่เคยได้เข้าเรียน ซื้อหนังสือมาอ่านและไปสอบ ตอนนี้เรียน ปี2 แล้วค่ะ แม่ส่งเงินให้เดือนละ 3000 ที่เหลือก็หาเอาเอง กินน้อย เดินเที่ยวห้าง คือเดินจริงๆ เดินเฉยๆ ตากแอร์ แต่ไม่มีเงินซื้ออะไร อยากซื้ออยากได้นั่นนี่ แต่งบน้อยเหลือเกิน ทำงานเซเว่นค่ะ เงินเดือนก็พอจ่ายค่าห้องได้

และพ่อก็ไม่เคยถามแม่เลยว่า ลูกเรียนมหา'ลัยอะไร เรียนที่ไหน อยู่ยังไง

ตอนเข้าสมัครรามฯ ใหม่ๆ ไม่รู้ว่าว่าเมียน้อยคนปัจจุบันของพ่อ มีสามี มีลูกแล้ว ลูกโตกว่าเราหน่อย ประมาณ 22 ก็มีลูกแล้วด้วยนะ พ่อก็เปิดร้านลาบ ส้มตำ ขายกันไป หาเงินมาได้ก็เอาไปใช้ทางนู้น เมียน้อยกินเหล้าเบียร์เก่ง พ่อก็พาไปออกงานสังสรรค์ แต่เค้าคงไม่เข้าใจอยู่อย่าง ว่ารถกระบะที่พ่อมีเป็นของเศรษฐีนียะลา เค้าเลยโทรไปตามราวี เจ้าของรถกระบะที่อยู่ยะลา จนเค้ามาเอารถกระบะคืนไป ทำให้พ่อไม่มีรถขับ และดูเหมือนสถานะทางการเงินของพ่อแย่ลงๆเรื่อยๆ พ่อกลับมาหาแม่ แค่กลับมาช่วงกลางวัน ตอนแม่อยู่ที่สนามกอล์ฟนะคะ กลับมาขอเงิน ทีละ 1 - 2 พัน เงินไม่มีก็มาขอแม่อนแรกๆ แม่ให้ไปเพราะโกหกว่า รถเสีย รถชน อันนั้น อันนี้ โกหกว่าตัวเองเป็นมะเร็งก็ด้วย คือโกหกเพื่อขอเงินแม่ แม่ก็ให้ หลังๆมาแม่ก็ไม่ให้ บอกว่าต้องส่งเราเรียน ร้านอาหารที่เคยเปิด ก็เหมือนจะไม่ได้ขาย เพราะถ้าขายคงมีเงินใช้ เราเดาเอานะ

เวลามาขอเงินแม่ แม่บอกว่าไม่มี ก็จะทำหน้าไม่ดีใส่ แม่ก็โทรมาเล่าให้เราฟัง แต่พ่อไม่เคยถามถึงเราซักครั้ง จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่

** ตั้งแต่เกิดมา เราจะมีรูปถ่ายคู่กับพ่อมากที่สุด แม่เราจะมีหน้าที่อย่างเดียวคือให้นม ส่วนเรื่องอาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนข้าว ซักผ้าอึผ้าฉี่ พ่อจะทำให้หมด ตอนเด็กๆ เราไปเล่นรถถัง รถปืนใหญ่ ที่โรงจอดรถทหารตลอด พ่อไม่เคยให้เราห่างตัว และมักจะพาเราไปอวดเพื่อนๆพ่อเสมอ เหมือนจะเห่อเรามาก พ่อมักจะให้รางวัลเราเวลาเราสอบได้ที่ดีๆ และพาเราไปเที่ยวโลตัส ขี่มอเตอร์ไซค์ไป ตอนที่ยังไม่มีรถกระบะ ที่บ้านเรามีเงินพอสมควร และพ่อจะพาเราไปเที่ยวบ่อยๆ เราไม่เคยชอบแม่เลย เพราะแม่ดุมาก แต่พ่อจะตามใจเรา เราเลยรักพ่อมาก 

แต่พอพ่อมีตังค์ซื้อรถกระบะ และพ่อเริ่มค้าขาย เริ่มทำธุรกิจอย่างอื่นไปด้วย พ่อก็เริ่มเปลี่ยนไป และเราก็เริ่มโตขึ้น ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม และเรากับแม่ก็ต้องรับมือกับมัน **

- ทุกวันนี้แม่ยังเป็นแคดดี้เดินลากถุงกอล์ฟอยู่ในสนามกอล์ฟที่จังหวัดนั้น
- ครอบครัวเรามีแค่ ยาย แม่ และเรา 3 คน (ไม่นับพ่อแล้ว)
- พ่อไม่เคยถามถึงเราจนทุกวันนี้ แต่ยังมาขอเงินแม่อยู่บ้าง
- แม่ไม่เคยขอเงินพ่อ และไม่เคยกู้เงินเลย ปัจจุบันแม่ไม่เป็นหนี้ใครทั้งนั้น
- ยายก็ไม่เป็นหนี้ มีที่นา ทำนา บ้านเรามีข้าวกินฟรี ไม่ต้องซื้อ
- แม่กับพ่อไม่ได้หย่ากัน และเรากับแม่ยังใช้นามสกุลพ่ออยู่
- ถ้าพ่อเป็นอะไรไป เงินปันผลน่าจะเป็นของเรา เพราะใบระบุผลรายได้ข้าราชการ พ่อเขียนชื่อเราไว้ อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ แม่เลยยังไม่หย่า รอพ่อเกษียณ อีก 8 ปี ข้างหน้า

- เรายังหวังให้พ่อกลับมาเป็นบางครั้ง แต่แม่เราไม่หวังเลย
- ทุกวันนี้เรายังทำใจไม่ได้ และเจอหน้าพ่อครั้งล่าสุดเมื่อปีใหม่ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยจริงๆนานเกือบ 5 ปี

เรากับพ่อไม่ได้พูดอะไรกันนอกจาก สวัสดีค่ะ และเราไม่หลงเหลือความรู้สึกว่า ต้องการพ่ออีกแล้ว แม้แต่เบอร์โทร พ่อก็ไม่มีเบอร์เรา และเราก็ไม่มีเบอร์พ่อเช่นกัน

เรากลายเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง รักแรงเกลียดแรง ก้าวร้าว และมีปัญหาตอนช่วง ม.ปลาย แม้ตอนนี้จะผ่าน ม.ปลาย มาแล้ว แต่เรายังต้องพยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นกว่านี้ ทั้งๆที่ต้องฝ่าฟันข้อจำกัดหลายๆอย่าง 

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

188 ความคิดเห็น

ชมดชดช้อย 26 ก.พ. 57 เวลา 23:21 น. 4

สู้ ๆ นะครับ ^ ^ 

ผมเรียน Pree - degree ที่รามอยู่ฮะ > < อยากให้พี่ติวให้จัง เพราะเท่าที่อ่านมา พี่เรียนเก่งมากนะ * 0 *

#ผิดประเด็น ขอโทษครับ = =

ช่วงกลางวันพี่ก็ลองหางานทำสิฮะ พอกลางคืนก็อ่านหนังสือ ได้เงินด้วย - 0 - พวกงานร้านอาหารแถว ๆ ม. นั่นแหละครับ ลองหาดู 

พี่ลองเข้าฟังบรรยายบางคาบก็ดีนะ เผื่อจุดไหนไม่เข้าใจ เพราะรามมันต้องเสียค่าหน่วยกิต ค่าลงทะเบียนด้วยนี่ ถ้าสอบไม่ผ่านก็ลงใหม่เสียตังเพิ่มอีก = = ; 

นี่ผมตั้งใจจะพูดอะไรกัน ? = [] =

เอาเป็นว่าสู้ ๆ นะครับพี่ ^  ^ มีอะไรไม่สบายใจหรืออยากบ่นก็ส่งข้อความมาหาผมก็ได้ฮะ !

ปอ.ลอ.ลิง อยากได้พี่เป็นติวเตอร์จัง - 0 - #โดนตบ





0
kolid 27 ก.พ. 57 เวลา 01:29 น. 5

เรียนรามเหมือนกัน จะปีห้าแล้ว55+
มีปัญหาเรื่องเงินเลยเรียนที่นี่ ทำงานไปเรียนไป
แต่ว่าครอบครัวอบอุ่นดี
มีปัญหาสุขภาพของคนในครอบครัวบ้าง(ก็ไม่บ้างเท่าไหร่55+)
เอาหน่า นะ คิดซะว่าเป็นประสบการณ์...

บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าเราผ่านมันไปได้มันจะสอนเราได้มาก
สู้ ๆ นะ จขกท. อีกหน่อย จขกท.เรียนจบ ก็สบายขึ้นแล้ว มีเงินดูแลแม่ได้เลยนะ

สู้ ๆ นะ เราก็สู้เหมือนกัน

ส่วนงานกลางคืนที่ คห.บนแนะนำ ถ้าไม่หลงแสงสีก็ทำไป แต่ถ้าสังคมมันพาไปบอกเลยจบเห่ เพราะเคยทำมา เละเทะมากมาย สังคมในนั้น มีแต่สิ่งไม่ดียั่วยุ
แถมเช้ามาไปเรียนไม่ค่อยจะไหว เพราะเลิกดึก บางทีเลิกเช้า ห่าจิกยังไม่ได้นอนต้องไปเรียน 555+


0
รามาวด่ี 27 ก.พ. 57 เวลา 13:45 น. 6

สู้ๆนะคะ
อดทนอีกนิดเดียวก็จะเรียนจบแล้ว
ตั้งใจเรียนมากๆนะคะ
ครอบครัวเราก็เคยมีปัญหากับพ่อเหมือนกัน
เพราะพ่อปลอมลายเซ็นแม่ไปกู้เงินที่อื่น(และแอบคบคนอื่นด้วย)
ทำให้แม่เป็นหนี้อยู่หลายล้าน แต่ตอนนี้ฐานะการเงิน
ก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ
สำหรับเราที่มีปัญหาครอบครัวมาก่อน
ขอบอกเลยว่าอย่าไปสนใจพ่อคุณเลยค่ะ
ปล่อยเขาไปเลย เขาอยากจะทำอะไรก็เรื่องของเขา
บอกแม่ด้วยนะคะว่าถ้าเขามาขอเงิน ไม่ต้องให้
เพราะทางเราก็ต้องใช้ ทางนั้นไม่ให้มา แล้วยังมาขอทางนี้อีก

สู้ๆค่ะ ค.ห.นี้อาจแปลกไปหน่อย แต่อยากให้ทำตามจริงๆ

0
Kytara 27 ก.พ. 57 เวลา 14:08 น. 7

สู้สู้นะคะ เจ้าของกระทู้ เป็นกำลังใจให้

แต่อยากแนะนำว่าให้คุณแม่ของเจ้าของกระทู้ฟ้องหย่าเถอะค่ะ
จะได้เรียนค่าเลี้ยงดูได้ ในเมื่อเค้าไม่สนใจเรา ทำกับเราได้ขนาดนี้

0
zzzz 27 ก.พ. 57 เวลา 14:27 น. 8

สู้ๆค่ะ อย่าท้อใจ ขอให้คิดว่า ไม่ใช่แค่พี่คนเดียวค่ะ ที่เจอเรื่องแบบนี้

คิดแค่ว่า เราจะต้องสบาย เราจะดูแลแม่

ขอให้พี่เจอแต่เรื่องดีๆนะค่ะ สู้ๆ :Dตั้งใจ

0
asfasffsa 27 ก.พ. 57 เวลา 15:42 น. 11

ไม่อยากโตแล้วเป็นแบบพ่อของคุณเลยครับ ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นนะ เง้ออ
แต่ยังไงก็เอาใจช่วยครับ อ่านแล้วจะร้องไห้เยี่ยม

0
สรวงสุดาหม่อมแปง 27 ก.พ. 57 เวลา 16:32 น. 12

อยากกอดเจ้าของกระทู้มากๆ.. ขอให้เจ้าของกะทู้เข้มแข็งแล้วตั้งใจเรียนนะ เพื่อแม่คุณ อีกนิดเดียว แม่คุณจะหายเหนื่อยแล้ว ที่เค้าทนทุกวันนี้เพราะคุณคนเดียว เราจะบอกในฐานะที่เราเคยผ่านตรงนั้นมาก่อนนะ

ชีวิตเรา ก็คล้ายๆเจ้าของกระทู้ พ่อรับราชการแม่ค้าขาย เราเป็นลูกคนเดียว แต่เราโชคดีตรงที่พ่อเราแค่พลาดกับนังผู้หญิงคนนั้นคนเดียวแล้วมันก็คือสิ่งที่ทำให้พ่อเสียใจต่อครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้ พ่อเราเคยไปประจำที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเราอยู่จังหวัดตาก แล้วไปมีชู้ช่วงนั้นผู้หญิงคนนั้นเมื่อก่อนเป็นครูที่ รร. ในกำแพงเพชร สมมติว่าชื่อ สรวงสุดา หม่อมแปง สามีนางเป็นเพื่อนพ่อเรา สมมติว่าชื่อ วุฒิพงศ์ หม่อมแปง แต่ตอนนี้สามีนางตายแล้วนางจึงมายุ่งพ่อเรา รึอาจจะก่อนสามีนาง สามีก่อนนางก็ไปแย่งเค้ามา ขนาดเค้ามีลูกชายสองคน นางยังแย่งมาได้โดยมีลูกกับสามีชาวบ้าน สมมติชื่อ สรวงสุดาหม่อมแปง นางคงคิดว่า กันพ่อฉัน มีฉันเป็นลูกแค่คนเดียวทำไมจะทำไม่ได้ แต่น่าสมเพส สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรทั้งนั้น
หลังจากที่นางมีลูกกับพ่อฉัน แต่พ่อฉันไม่ยินดีกับเด็กนรกคนนี้ พ่อกับพูดว่า ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะลงใต้ไปหาผู้ชาย แล้วเราก็ทราบมาว่า ผญ คนนี้ก็ผ่านผู้ชายมาทั้งค่ายทหาร เข้าไปชงเหล้าชงเบียร์ถึงที่ นางก็ย้ายมาอยู่จังหวัดเราโดยที่เรากับแม่ไม่เคยระแคะระคาย สอบติดมหาลัยใน กทม แม่เราอยู่ที่ ตจว.คนเดียว นางก็ตามหาแม่เรา คือแม่เราขายของ สรวงสุดาหม่อมแปงมันก็ให้แม่มันมาขายของชนิดเดียวกันใกล้ๆแม่เรา แม่เราก็ส่งสัยเหมือนกันว่า ทำไม ผญ คนนี้ชอบมองแม่แบบอาฆาต ซึ่งแม่ก็ไม่คิดอะไร เพราะไม่คิดว่าพ่อจะไปมีชู้!!
จนหลายๆอย่าง พ่อเปลี่ยนไป เมื่อก่อนครอบครัวเราอบอุ่นมาก เรียกได้ว่ามีกินมีใช้ เราก็ทำตัวดี ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย แม่เริ่มเจอเบอ ผญคนนี้ในมือถือพ่อ แล้วก็โทไป คือแม่เราฉลาดพูด นางเลยเล่าว่าเปนชู้จิง แต่ไม่บอกว่าตัวเองใคร นางบากว่า พ่อเราไม่อย่ากับแม่แน่นอน เพราะเค้ารักครอบครัวมากแต่พลาดกับนังคนนี้จริงๆ (คือเรามารู้ว่า หน้าตานางอุบาทมาก คือต้องอ่อยสุดๆๆ ถึงจะมีคนเอา ) จนสุดท้าย เราจ้างนักสือจนได้มาว่ามันอยุไม่ไกลจากบ้านเรา ตอนแรกเราเกลียดมันมากที่มาทำลายครอบครัว แต่ตอนนี้กลับสมเพส ต้องเข้าใจจริงๆ หน้าตาไม่ดี คงไม่มีใครอยากได้เปนเมียจริงๆ ทุกวันนี้พ่อเราก็อยู่กับแม่เราสองคนทำไร่ทำสวนตามประสาตายาย มีความสุขมาก เพราะหลังจากที่เราจับได้ แม่เราโกรธมาก แทบจะเลิกกัน แต่พ่อไม่ยอมเลิกเอง เค้าเปลี่ยนตัวขึ้นเยอะมาก ทำกับข้าวให้แม่เรา ทำนู่นทำนี่ ผิดกับตอนที่แม่เรายังจับนังชู้ไม่ได้ เค้าชอบขึ้นเสียง สารพัด คือ มีมีเนื้อที่ยาวกว่านี้แต่ขี้เกียดพิมจิงๆ เพราะทำงานอยู่ 555

เราอยากบอกเจ้าของกะทู้ว่า ให้เข้มแข็ง เป็นกำลังใจให้แม่ รักแม่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เค้าเก่งมากเลยนะที่เกบเรื่องนี้ไว้กับตัว ตอนแม่เราเอง วันแรกที่รู้ เค้าหมดสติต้องเข้า รพ เราหัวใจแทบสลายเลย แต่ตอนนี้เค้าเข้มแข้งมาก ตอนนี้ก็เป็นเวลาของนางผู้หญฺงคนนั้นที่ต้องชดใช้ เรานี่ละเจ้ากรรมนายเวรมัน จะจองมัน ทั้งลูกมัน

0
mimimora 27 ก.พ. 57 เวลา 16:55 น. 13

สู้ๆนะคะ อนาคตข้างหน้าจะต้องโชคดีแน่นอนเลยค่ะ
เอาใจช่วย จขกท นะคะ อีกไม่กี่ปีก็จบแล้ว สู้ๆค่า สู้สู้

0
babykiss 27 ก.พ. 57 เวลา 17:17 น. 14

หนูอ่านแล้ว หนูชื่นชมในตัวพี่และแม่ของพี่นะ พี่กับแม่เข้มแข็งมาก หนูจะเอาใจช่วยให้พี่เรียนจบไวๆนะคะ และหนูเชื่อด้วยว่าพี่ต้องทำได้แน่ สู้ๆนะคะสู้สู้

0
i-TooD_meuk 27 ก.พ. 57 เวลา 18:28 น. 18

อยากบอกว่า จขกท.สู้ๆนะคะ ชีวิตคนเรายังต้องเดินต่อ
ยังไงเราก็ยังมีแม่มียายเนอะ

0
Felinonajang 27 ก.พ. 57 เวลา 18:40 น. 19

สะเทือนใจอะ
เราไม่รู้จะพูดอะไรหรือให้กำลังใจยังไงเลย
เราไม่เคยเจอปัญหานี้กับครอบครัวเราเอง
แต่คนรอบข้างที่เรารัก เขากำลังประสบอยู่แต่ก็ไม่มีใครร้ายแรงเท่าจขกท.เลย
อย่างน้อยพ่อๆเหล่านั้นก็ยังส่งเสียดูแลลูก

จขกท.สู้ๆนะค่ะ
จขกท.ลองหางานจากพวกบริษัทต่างๆก็ได้นะ มันจะแบบมีรับ Part-Time ลองดูลักษณะงานว่าเราสามารถทำได้ไหม เงินเท่าไร ลองดูนะค่ะ คนสู้ชีวิตแบบจขกท.มีที่ยืน มีงานทำแน่ๆ สู้ๆนะค่ะ

0