Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

สุดช็อก!! ยักยอกเงิน ม.เทคโนลาดกระบัง คนในรวมหัว ผจก.แบงก์โกง 1.6 พันล้าน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ช็อกวงการมหาวิทยาลัย “โกง 1.6 พันล้าน” ยักยอกเงินสดๆ จากบัญชีกลางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เรื่องแดงเพราะฝ่ายการเงินนำแคชเชียร์เช็คไปเบิก แต่ติดสปริงเด้งดึ๋ง คาดคนในผู้มีอำนาจกับธนาคารรวมหัวโกง ล่าสุด ผจก.แบงก์ ต้องสงสัยล่องหนกว่าสัปดาห์แล้ว ส่วน “คนใน” ปฏิเสธวุ่นอ้างลายเซ็นปลอม

เหตุผลหลักของการยึดอำนาจทุกครั้ง ก็คือ การทุจริต - คอร์รัปชัน ดูเหมือนว่าสังคมไทยจะวนเวียนกับปัญหานี้จนกลายเป็นเรื่องชินชาที่คนไทยต้องพบเห็นกันเป็นประจำ ในช่วงรัฐบาล “คนดี” นอกจากกิจกรรมคืนความสุขในรูปแบบต่างๆแล้ว ยังมีการรณรงค์ต้านคนโกงในทุกรูปแบบ โดยล่าสุด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) มีช่วงหนึ่ง “ป๋าเปรม” ขอให้คนไทยร่วมกันต่อต้านคนโกงอย่างเต็มที่...ไม่ต้องยกมือไหว้คนโกงชาติ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม กับให้ปลูกฝังให้เกลียดคนโกงชาติบ้านเมือง

ขณะที่ทุกฝ่ายเล็งเห็นปัญหา และให้ความสำคัญต่อต้านการคดโกงชาติเกิดความไม่ชอบมาพากลในแวดวงการศึกษาอย่างน่าตื่นตะลึง เพราะมีมูลค่าความเสียหายเป็นเงินสดๆ ในบัญชีธนาคารถึง 1,600 ล้านบาท

แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยรายละเอียดกับทีมข่าวอาชญากรรม ASTV ผู้จัดการ ว่า ราว 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกสภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้รับแจ้งเรื่องสำคัญว่ามีการตรวจสอบพบว่าเงินกองกลางของมหาวิทยาลัยจำนวน 3,000 ล้านบาท ถูกยักยอกหายไปจากบัญชีถึง 1,600 ล้านบาท และจากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่ามีเจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย ร่วมกับพนักงานธนาคารเบิกจ่ายอย่างไม่ถูกต้อง

สำหรับรายละเอียดในเรื่องนี้มีรายงานว่าช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยต้องการนำเงินมาใช้ตามโครงการที่ผ่านการอนุมัติจึงให้แผนกการเงินทำแคชเชียร์เช็คจำนวน 100 ล้านบาท ไปเบิกที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังสาขาที่ฝากเงินใกล้กับสถาบันฯ แต่ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธจ่ายเงิน โดยอ้างว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชีไม่เพียงพอกับจำนวนที่เบิก เจ้าหน้าที่การเงินของมหาวิทยาลัยจึงรีบนำเรื่องแจ้งต่อผู้บริหารและทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ก็พบว่าเงินสดจำนวน 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบัญชีกลางของมหาวิทยาลัยถูกซอยไปหลายสิบบัญชี ส่วนเงินทั้งหมดเมื่อรวบรวมแล้วยังเหลืออยู่ราว 1,400 ล้านบาท ส่วนที่หายไปนั้นเชื่อว่าถูกยักยอกไปอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวระบุด้วยว่า “ตัวการ” ที่ร่วมกระทำผิดในส่วนของธนาคารนั้น หลังเกิดเรื่องพนักงานระดับ ผจก.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาหนึ่งที่รับเงินได้หายตัวไปกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยทั้งระดับล่าง และผู้บริหารยังคงทำงานกันตามปกติ แต่เมื่อมีการสอบถามต่างปฏิเสธ อ้างว่าเป็นลายเซ็นปลอม และโยนความผิดไปยังพนักงานธนาคารและเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ระดับบริหารของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ต่างทราบกันโดยทั่วแล้ว คาดว่าจะมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในเร็ววันนี้

สำหรับการยักยอกเงินในแวดวงศึกษาครั้งมโหฬารนี้ คาดว่ามีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี โดยระดับบริหารที่มีอำนาจได้ซอยบัญชีจำนวนมาก เพื่อยากต่อการตรวจสอบ และเมื่อมีการประชุมสภาฯก็จะใช้เอกสารการเงินที่เขียนขึ้นเอง โดยมีรายละเอียดจากธนาคารบ้างเพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีใครติดใจสงสัยกระทั่งเกิดกรณีเช็คเด้งเรื่องต่างๆ จึงแดงขึ้นมา

ก่อนหน้าช่วงปลายปี 2556 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกสภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เป็นประธานประชุมสภา สจล. ลงมติ 9 - 4 ให้ถอดถอน นายถวิล พึ่งมา อธิการบดีมหาวิทยาลัย หลังคณะกรรมการสอบสวนพบว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการแก้ผลการเรียนให้กับลูกตัวเองรวม 8 วิชา และยังจัดหลักสูตรพิเศษให้กับนักการเมืองโดยเพิ่มดีกรีวุฒิการศึกษาปริญญาเอก มีการเปิดรับเป็นกรณีพิเศษในภาคการศึกษาที่ 2 รวม 48 คนส่วนใหญ่เป็น ส.ส. และอดีต ส.ส. จากพรรคเพื่อไทย เช่น นายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ นายศราวุธ เพชรพนมพร อดีต ส.ส.อุดรธานี ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ นายองอาจ และ นายอรรถพล วงษ์ประยูร อดีต ส.ส.สระบุรี เป็นต้น และแต่งตั้ง ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์
รองอธิการบดี รักษาการแทน

เผื่อใครไม่รู้ว่าค่าเทอมไปไหน
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000146386

แสดงความคิดเห็น

4 ความคิดเห็น

อดีตลาดกระบัง 22 ธ.ค. 57 เวลา 14:15 น. 1

ผู้บริหารสุดเฉื่อยกรณีโกง 1.6 พันล้าน มทจ.ลาดกระบัง แฉปล่อยทุจริตปีกว่า พอเรื่องแดงยังเป่าสาก พบ 3 ฝ่ายสุมหัววางแผนทุจริตกว่าปีเศษ ทยอยสูบเงินฝากกว่าเรื่องจะแดง 3 พันล้านบาทหายไปกว่าครึ่ง เชื่อ ระดับบริหารร่วมฝ่ายการเงิน - ผจก.ธนาคาร หวังรวยทางลัด พิลึกรู้มานานแต่เพิกเฉยทุกฝ่ายทำเป็นธุระไม่ใช่ คาดในอนาคตมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

กรณีทุจริตครั้งมโหฬารในแวดวงการศึกษาโดยขบวนการยักยอกเงินบัญชีกลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นจำนวนถึง 1.6 พันล้านบาทและคาดว่าจะเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของมหาวิทยาลัยบางคนรวมทั้งระดับบริหาร ร่วมมือกับพนักงานธนาคารตามที่ทีมข่าวอาชญากรรม astv ผู้จัดการนำเสนอไปนั้นมีรายงานความคืบหน้าว่าการทุจริตส่งท้ายปีเก่าจนช็อกสังคมไทยนั้นมีการวางแผนกันเป็นอย่างดีสังเกตจากเงินส่วนกลางของมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งมีทั้งหมด 3 พันล้านบาทนั้นถูกซอยไปกว่า 10 บัญชีและมีตัวเลขเบิกจ่ายค่อนข้างสับสนทั้งนี้เชื่อว่าเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของขบวนการยักยอกนั่นเอง

รายงานแจ้งว่านอกจากการแยกซอยบัญชีเพื่อถ่วงเวลาการตรวจสอบแล้ววิธีการโกงยังอาศัยระยะเวลาเพื่อตบตาคณะกรรมการตรวจสอบด้วย กล่าวคือในแต่ละบัญชีจะถูกทยอยเบิกครั้งละไม่มากซึ่งใช้เวลาประมาณปีเศษจนมียอดสะสมถึง 1.6 พันล้านบาทและเมื่อมีการนำแคชเชียร์เช็คไปขึ้นกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา เรื่องราวต่างๆ จึงแดงขึ้น

สำหรับกลุ่มผู้ต้องสงสัยร่วมหัวกันโกงเงินกองกลางมหาวิทยาลัยฯ นั้นคาดว่าจะมีด้วยกัน 3 ฝ่ายคือ 1.ฝ่ายผู้บริหารบางคนที่มีอำนาจลงนามเบิกจ่าย 2.เจ้าหน้าที่การเงินของมหาวิทยาลัย และ 3.ฝ่ายธนาคารที่รับฝากเงิน ซึ่งขณะนี้พนักงานระดับ ผจก.รู้ตัวหลบหนีไปก่อนแล้ว

มีรายงานด้วยว่าการทุจริตในรั้วมหาวิทยาลัยครั้งนี้มีข่าวระแคะระคายมานานหลายเดือนแล้วซึ่งในการประชุมสภาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในแต่ละครั้งก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเสมอแต่มีขบวนการใช้วิธีหักล้างด้วยการนำเอกสารบัญชีที่ตกแต่งขึ้นมาเองอ้างกับที่ประชุม อย่างไรก็ตามแม้จะมีหลายคนสงสัยในพฤติกรรมดังกล่าวแต่ระดับบริหารกลับนิ่งเฉย ไม่มีใครคิดดำเนินการตรวจสอบอย่างแท้จริง ไม่ว่าตรวจค้นหลักฐานเพื่อนำมาแจ้งต่อพนักงานสอบสวน หรือกระทั่งนำสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นมาบอกกล่าวกับสื่อมวลชน กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องทุจริตในองค์กรแทนที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งช่วยกันปัดกวาดกลับเพิกเฉยไปหมด

“แม้แต่วันนี้หากสื่อผู้จัดการออนไลน์ ไม่นำเรื่องมาตีแผ่ก็ไม่อาจหวังได้ว่าผู้ใหญ่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้จะจัดการอะไรได้และหวังว่าเมื่อผ่านเรื่องนี้ไปแล้วผู้ใหญ่ที่เห็นความสำคัญของสถาบัน จะต้องผ่าตัด เปลี่ยนแปลงไม่ให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นแดนสนธยาอีกต่อไป” แหล่งข่าวระดับสูงแสดงความเห็น
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000146718&Html=1&#Comment
ใครจะเรียนปึรึกษาเราได้นะ เราเคยเรียนมาก่อน 555555
0
อดีตลาดกระบัง 22 ธ.ค. 57 เวลา 18:12 น. 2

ASTVผู้จัดการ - สจล. ออกแถลงการณ์ ฉ.1 แจงกรณีมีข่าวเงินกองกลางหายจากบัญชี 1.6 พันล้านบาท ระบุพบเงินหายตั้งแต่ปี 55 พร้อมประสานพนักงานสอบสวนเข้ามาตรวจสอบคาดรู้ตัวคนทำผิด เร็วๆ นี้ ยันไม่กระทบการทำงาน ด้าน “ถวิล” ลั่นพร้อมให้ข้อมูล เรียกร้อง ป.ป.ช.- สตง. มาตรวจสอบ เชื่อคนในมีเอี่ยวกับธนาคาร ยันตอนนั่งเก้าอี้อธิการฯไม่พบสิ่งผิดปกติ ส่วนรักษาการอธิการบดี “โมไนย” ไม่สามารถติดต่อได้
ตามที่ ASTVผู้จัดการ ได้นำเสนอข่าวกรณีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มีการตรวจสอบพบเงินกองกลางของ สจล. จำนวน 3,000 ล้านบาท หายไปจากบัญชีถึง 1,600 ล้านบาท และจากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่า มีเจ้าหน้าที่การเงิน หรือผู้บริหารระดับสูงของ สจล. ร่วมกับพนักงานเบิกจ่ายไม่ถูกต้อง ทั้งพบว่าบัญชีกลางของ สจล. ถูกเปิดบัญชีแยกออกจำนวนหลายสิบบัญชี โดยขณะนี้ สจล. เหลือเงินทั้งหมดประมาณ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนของธนาคารยังพบว่าภายหลังเกิดเหตุมีพนักงานระดับผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาหนึ่งที่เป็นผู้รับเงินได้หายตัวไปกว่า 1 สัปดาห์แล้วนั้น


ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (22 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สจล. ออกแถลงการณ์เรื่อง ข่าวความผิดปกติทางการเงินของ สจล. ฉบับที่ 1 ระบุว่า ตามที่สื่อต่างๆ ได้มีการเผยแพร่ข่าวกรณีมีความผิดทางการเงินของ สจล. นั้น ทางสถาบันฯโดยผู้บริหารชุดปัจจุบันซึ่งเป็นผู้รักษาการ ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการแทนอธิการบดี ได้พบความผิดปกติของบัญชีเงินฝากธนาคารของสถาบันฯ เมื่อต้นเดือน ธ.ค. 2557 จึงได้ทำการตรวจสอบบัญชีเงินฝากทั้งหมดของสถาบันฯ และพบว่า มีเงินฝากในบัญชีธนาคารบางบัญชีได้ถูกถอนออกอย่างผิดปกติ ตั้งแต่ปลายปี 2555 จึงได้รายงานต่อสภาสถาบันฯ และมอบหมายให้คณะทำงานเข้ามาตรวจสอบกรณีดังกล่าวในทันที ซึ่งทางสถาบันฯได้ร้องขอให้พนักงานสอบสวนเข้ามาทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทำผิดแล้ว และเชื่อว่าจะทราบผู้กระทำผิดในเร็วๆ นี้ ส่วนจำนวนเงินที่เสียหายนั้น อยู่ในระหว่างการตรวจสอบเพื่อความถูกต้องต่อไป ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและการดำเนินงานตามปกติของสถาบันฯแต่อย่างใด จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ด้าน นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. เปิดเผยว่า เมื่อครั้งที่ตนเข้ามารับตำแหน่งอธิการบดี สจล. เดือน ส.ค. 2555 และออกจากตำแหน่งในเดือน พ.ย. 2556 โดยระหว่างนั้นก็ไม่ได้สังเกตพบความผิดปกติในเรื่องการเบิกจ่ายเงิน ทั้งนี้ โดยปกติเมื่อมีการเปลี่ยนตำแหน่งอธิการบดี ทุกครั้งก็จะต้องมีการเปลี่ยนลายเซ็นผู้เบิกจ่ายมาเป็นอธิการบดีคนใหม่ และการเบิกจ่ายในแต่ละครั้งจะต้องมีผู้เซ็นอนุมัติ 3 คน ได้แก่ อธิการบดี รองอธิการบดี และหัวหน้าฝ่ายการเงิน ส่วนกรณีที่สถาบันฯ เปิดบัญชีหลายบัญชีนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะหลังจากที่ สจล. ออกนอกระบบ โดยปกติมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบต้องบริหารจัดการบัญชีเพื่อให้เกิดรายได้และประโยชน์สูงสุด ดังนั้น หากธนาคารใดให้ดอกเบี้ยสูง ก็จะมีการโยกเงินไปฝากยังธนาคารดังกล่าว ซึ่งปกติก็จะมีการเปลี่ยนธนาคารทุก 3 เดือน 6 เดือน

0
อดีตลาดกระบัง 22 ธ.ค. 57 เวลา 18:13 น. 3

ตร.กองปราบ ขอหมายจับ ผอ.ส่วนการคลังสถาบันเทคโนฯพระจอมเกล้าลาดกระบัง รวมหัว ผจก.ธนาคารกรุงศรี สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ โกงเงินกว่า 1 พันล้าน หลังพบว่ามีการทำบัญชีธนาคารปลอม และทยอยถอนเงินในบัญชีเกลี้ยงตั้งแต่ปี 55

วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รักษาราชการแทน ผกก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แจ้งความพนักงานสอบสวนให้สืบสวนจับกุมผู้ที่ยักยอกเงินของสถาบัน รวมกว่า 1,000 ล้านบาทว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก รศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.บก.ป.เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำการทุจริต โดยเบื้องต้นพบว่าเงินได้สูญหายไปจากบัญชีธนาคาร รวม 80 ล้านบาท ก่อนจะมีการตรวจสอบในรายละเอียด กระทั่งพบว่ามียอดเงินสูญหายไปกว่า 1,000 ล้านบาท

พ.ต.อ.จิรภพ กล่าวว่า ขณะนี้ทาง พ.ต.ท.พงษ์ไสว ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้วในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 , 264 , 265 และ 268 ประกอบมาตรา 83 โดยพบว่าหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงผู้กระทำความผิดอย่างน้อย2 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับในคดีนี้ ประกอบด้วย น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผอ.ส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง และนายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์

ด้านแหล่งข่าวระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.อำพร ได้เสนอว่าเงินกองกลางของสถาบันฯ ที่ฝากไว้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง นั้น ได้รับดอกเบี้ยน้อย ยอดเงินฝากไม่งอกเงย จึงทำเรื่องขออนุมัติถอนเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็คนำเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ซึ่งมีนายทรงกลด เป็นผู้จัดการสาขา จำนวน 50 ล้านบาท

แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวต่อว่าวันถัดมาก็ถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขานิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง จำนวน 30 ล้านบาท ซื้อแคชเชียร์เช็ค นำเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ ด้วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 80 ล้านบาท แต่ต่อมายอดเงินทั้งหมดถูกอ้างว่าได้นำไปฝากไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาห้างบิ๊กซี สุวินทวงศ์ ซึ่งภายหลังกลับพบว่ามีการทำบัญชีธนาคารปลอม และยอดเงินทั้งหมดถูกถอนออกไปหมดแล้ว

แหล่งข่าวระบุอีกว่าต่อมาทางนายเผ่าภัค ศิริสุข รักษาราชการแทนอธิการบดีสถาบันฯ ได้พบข้อพิรุธเกี่ยวกับเงินกองกลางของสถาบันฯ ที่มีการฝากไว้ในบัญชีธนาคารดังกล่าว จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบ จึงพบว่าไม่มีการนำเงินเข้าบัญชีธนาคารแต่อย่างใด ส่วนรายการยอดเงินในบัญชี เป็นเพียงรายการปลอมที่ทำขึ้นเพื่อหลอกลวงว่าเงินยังมีอยู่ในบัญชีธนาคารเท่านั้น

แหล่งข่าวรายนี้ ระบุด้วยว่า เมื่อมีการตรวจสอบพบการทุจริตเกิดขึ้น ทางสถาบันดังกล่าว จึงตรวจสอบเงินกองกลางที่ฝากไว้ในบัญชีธนาคารต่างๆ ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบัน จึงพบว่ามีการยักยอกเงินไปแล้วรวมทั้งสิ้น 1,075,037,702 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายอย่างมากต่อสถาบันฯ จึงมีการมอบอำนาจทนายความเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด และทางพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 2 ราย ดังกล่าว

0