เชื่อว่าช่วงนี้ ชาว Dek-D น่าจะรับรู้ถึงความแปรปรวนของสภาพอากาศ จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้มีข่าวเรื่องการเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม เช่น อากาศร้อนจัด หรือภาวะโลกเดือด ซึ่งสาเหตุนอกจากเรื่องของการเกิดภาวะโลกร้อนแล้ว ยังมาจากการเกิดปรากฏการณ์ ‘เอลนีโญ (El Niño)’ และ ‘ลานีญา(La Niña)’ อีกด้วย
คอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ ในวันนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา รวมถึงผลกระทบที่โลกเราจะได้รับจากปรากฏการณ์เหล่านี้กันค่ะ เพราะทั้งสองปรากฏการณ์นี้เคยถูกนำไปออกเป็นข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาแล้ว และหลังจากทำความรู้จักแล้ว ก็อย่าลืมลองมาทดสอบความรู้ ทำข้อสอบเก่าเข้ามหาลัยจริงๆ ข้างล่างกันด้วยนะคะ
Note :
- เอลนีโญ-ลานีญา มีจุดกำเนิดมาจากภาษาสเปน โดย ‘เอลนีโญ (El Niño)’ หมายถึง ‘เด็กผู้ชาย’ ส่วน ‘ลานีญา (La Niña)’ หมายถึง ‘เด็กผู้หญิง’
- ลมสินค้า (Trade winds) มักจะพัดจากตะวันออกไปตะวันตก และความร้อนจากดวงอาทิตย์จะค่อย ๆ ทำให้น้ำอุ่นขึ้นขณะที่เคลื่อนไปในทิศทางดังกล่าว ซึ่งในสมัยก่อนจะใช้กระแสลมนี้ในการติดต่อซื้อขายสินค้า จึงมีอีกชื่อเรียกว่า ‘ลมสินค้า’
- ทวีปอเมริกาใต้ มี 13 ประเทศ ได้แก่ กายอานา, โคลอมเบีย, ชิลี, ซูรินาเม, ตรินิแดดและโตเบโก, บราซิล, โบลิเวีย, ปารากวัย, เปรู, เวเนซุเอลา, อาร์เจนตินา, อุรุกวัย และเอกวาดอร
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มี 11 ประเทศ ได้แก่ ไทย, บรูไนดารุสซาลาม, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, ลาว, มาเลเซีย, พม่า, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, เวียดนาม และติมอร์-เลสเต
เอลนีโญ-ลานีญา เป็นเรื่องของ "ลม" และ "น้ำ"
เอลนีโญและลานีญา เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรการหมุนเวียนของกระแสลมและกระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งทั้งสองปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกระแสลมและกระแสน้ำในมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลง
ก่อนที่จะไปดูว่าทั้งสองปรากฏการณ์นี้เกิดความผิดปกติอะไร เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า มหาสมุทรแปซิฟิกในสภาวะปกติเป็นอย่างไร โดยปกติแล้วกระแสลมจะพัดจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าให้เข้าใจง่ายๆ และเห็นภาพชัดขึ้นก็คือ กระแสลมจะพัดจากทวีปอเมริกาใต้มายังแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย
ซึ่งในทวีปอเมริกาใต้จะมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ดังนั้น เวลาที่ลมพัดมาอีกฝั่งพวกความเย็นและความชุ่มชื้นต่างๆ รวมถึงกระแสน้ำอุ่นบนผิวน้ำทะเลก็จะถูกพัดมาด้วย ทำให้เกิดฝนตกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย ซึ่งในสมัยก่อนจะใช้กระแสลมนี้ในการติดต่อซื้อขายสินค้า จึงถูกเรียกว่า ‘ลมสินค้า’ หรือ 'ลมค้า (Trade winds)' นั่นเองค่ะ
ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño)
สำหรับปรากฏการณ์เอลนีโญ เกิดจากสภาวะผิดปกติของกระแสลมสินค้า จากเดิมที่มันควรจะพัดจากทวีปอเมริกาใต้ไปฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ดันพัดไปไม่ถึง เนื่องจากกระแสลมมีกำลังอ่อนลง บวกกับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลมีความร้อนสูงกว่าปกติ ทำให้กระแสน้ำอุ่น และความเย็น ความชื้นต่างๆ ที่มันควรจะพัดมาอีกฝั่ง ไหลย้อนกลับไปยังทวีปอเมริกาใต้แทน ส่งผลให้ทางฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย ฝนตกน้อยลง และเกิดความแห้งแล้ง แต่ชายฝั่งของทวีปอเมริกาใต้กลับมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น
ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
- อุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส อาจทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก เกิดความแห้งแล้ง ไฟป่า รวมถึงการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง
- พายุไซโคลนรุนแรงขึ้น แม้เอลนีโญอาจทำให้เกิดพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกน้อยลง แต่กลับตรงกันข้ามในมหาสมุทรแปซิฟิก เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้นสามารถก่อให้เกิดพายุไซโคลนที่รุนแรงได้
- ปะการังฟอกขาว เมื่อน้ำทะเลมีความร้อนมากเกินไป ปะการังจะคายสาหร่ายที่อาศัยอยู่ออกมา ซึ่งมันมีหน้าที่ให้สีและพลังงานแก่ปะการัง ทำให้เปลี่ยนเป็นสีขาว โดยปกติมันจะฟื้นตัวได้ถ้าอุณหภูมิเย็นลง แต่การฟอกขาวก็มีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ปะการังอดอาหารและตายได้
- น้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาละลายเร็วกว่าเดิม จากผลวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งศึกษาน้ำแข็งที่ทวีปแอนตาร์กติกา พบว่า เอลนีโญช่วยเร่งให้น้ำแข็งแอนตาร์กติกาละลายเร็วขึ้นได้ ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นตามไปด้วย
ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña)
ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกได้ว่า เป็นขั้วตรงข้ามของเอลนีโญเลยค่ะ การพัดของกระแสลมสินค้ายังคงพัดจากด้านตะวันออกไปยังด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกตามเดิม แต่กระแสลมมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ทำให้กระแสน้ำอุ่น รวมถึงความเย็น ความชื้น ไหลไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น จากเดิมที่ฝนมันควรจะตกแบบพอประมาณในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย กลับกลายเป็นว่าฝนตกหนักมากกว่าปกติ แต่ในทางตรงกันข้ามก็เกิดภาวะแห้งแล้งตามแนวชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้ด้วยเช่นกัน
เอลนีโญ-ลานีญา เกิด 1 ครั้ง ใช้เวลานานแค่ไหน?
เอาเป็นว่าถ้าให้จำง่ายๆ สำหรับชาวไทยแล้วก็คือ เอลนีโญจะทำให้เกิดภัยแล้ง ส่วนลานีญาจะทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จนอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ ทั้งสองปรากฏการณ์นี้อยู่คู่กับโลกของเรามานานนับพันปี แถมระยะเวลาการเกิดในแต่ละครั้งก็เริ่มนานขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเอลนีโญจะเกิดเฉลี่ยทุกๆ 5-6 ปี และกินระยะเวลายาวนานไปถึง 12-18 เดือน ส่วนลานีญาจะเกิดขึ้นทุกๆ 2-3 ปี การเกิดแต่ละครั้งจะกินเวลาราว 9-12 เดือน ที่สำคัญทั้งสองปรากฏการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน แต่จะเกิดขึ้นสลับกันไป
เชื้อเพลิงชั้นดีที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ก็คือ ‘ภาวะโลกร้อน’ ที่ส่งผลให้สภาพอากาศโลกแปรปรวน (Climate Change) ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตัดไม้ทำลายป่า ฯลฯ
ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา
ทั้งสองปรากฏการณ์นี้ก่อให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศของโลก และอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกอย่างรุนแรง เช่น การเกิดพายุ ภัยแล้ง ไฟป่า หรือน้ำท่วม ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของทั้งสัตว์ทะเลและมนุษย์ โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่ยังคงพึ่งพาทรัพยากรทางทะเลเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้หลัก
ทั้งนี้ ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา สังเกตได้จากอุณหภูมิภายในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจเกิดสภาพอากาศแปรปรวนในบางพื้นที่ เช่น ในบริเวณที่เคยมีฝนตกชุกอาจต้องเผชิญกับความแห้งแล้งฉับพลัน หรือในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำฝนอาจเผชิญกับพายุฝนรุนแรง เป็นต้น
สำหรับปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา เคยถูกนำมาออกเป็น ข้อสอบ O-NET วิชาสังคม ในปี 2562 ซึ่งเป็นข้อสอบแบบตอบ 2 คำตอบ โดยมีโจทย์ดังนี้
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับปรากฏการณ์เอลนีโญในพื้นที่ต่างๆ ของโลก (ตอบ 2 คำตอบ)
1. ปริมาณปลาบริเวณชายฝั่งของประเทศเปรูมี จำนวนลดลงมาก
2. บริเวณชายฝั่งของประเทศเอกวาดอร์มีอุณหภูมิผิวน้ำเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าปกติ
3. ประเทศอินโดนีเซียเกิดความแห้งแล้งมาก จนเกิดไฟป่าและภาวะมลพิษทางอากาศ
4. ประเทศไทยประสบกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน
5. ลมค้าตะวันออกบริเวณศูนย์สูตรมีกำลังแรงขึ้นทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำบริเวณชายฝั่งออสเตรเลียมีอุณหภูมิลดลง
น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่า คำตอบข้อไหนบ้างที่ไม่ใช่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ลองคอมเมนต์คุยกันด้านล่างได้เลยค่ะ
ข้อมูลจาก : https://ngthai.com/science/26980/elnino-lanina/ https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=3312&lang=TH https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/389-tsi-how-elnino-effects-thai-investment https://www.thaipbs.or.th/now/content/199 https://www.facebook.com/socialbycat/photos/a.282252359389271/792561251691710/?type=3 รูปภาพจาก :https://thecolumn.ahacentre.org/insight/vol-66-getting-to-know-el-nino-la-nina/
0 ความคิดเห็น