สงสัยค่ะ ทำไมนิยายแฟนตาซีต้องมีหลายภาคหลายตอน
ตั้งกระทู้ใหม่
ซึ่งนิยายเรามันมีไม่ถึงห้าสิบตอนด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้เรายังควรจะเรียกว่าตัวเองเขียนนิยายแฟนตาซีรึเปล่า?
จำเป็นต้องมีหลายๆภาคด้วยเหรอค่ะ?
แฟนตาซีแบบเล่มเดียวจบได้ไหม?
แล้วนิยายแฟนตาซีที่มีไม่ถึงห้าสิบตอนมันน้อยเกินไปรึเปล่า? แต่พล็อตเรื่องเรามันก็ไม่ได้ยาวขนาดนั้นด้วยสิ (-*-') แอบกลุ้มใจนิดๆ แต่ก็จะยังเขียนนิยายต่อไป
22 ความคิดเห็น
มันน่าจะชัดอยู่แล้วนี่คะว่างานเขียนของเราเราก็ย่อมกำหนดได้สิ ประเภทของงานเขียนจัดโดยความยาว? ลองถามตัวเองดูว่ามันฟังดูมีเหตุผลไหม
นิยายเรารวบยอดแล้วน่าจะไม่เกิน 35 ตอน มีภาคเดียว เรื่องเหนือธรรมชาติมาเต็ม แต่เพราะมันมีไม่ถึง 50 ตอน เราควรจะไม่พูดว่ามันเป็นนิยายแฟนตาซีหรือคะ?
เรื่องแบบนี้อย่าเก็บมากลุ้มเลยค่ะ
แล้วแต่เทคนิคการนำเสนอเรื่องพล็อตกับปมด้วยล่ะมั้งคะ
สำหรับเราสาเหตุที่มีหลายภาค...ปมเยอะจัด อยากเล่าเรื่องเยอะแยะเต็มไปหมดเลยยาว //ปกติเราไม่แบ่งเป็นภาคซะด้วย แต่ถ้าแบ่งก็ไม่น่าจะใช่ภาคเดียวจบเพราะมันเกิน50ตอนแน่ๆ
อย่าเครียดเลยค่ะ บางคนมี20ตอนก็อวสานได้
โอ้ว มันเป็นแบบนี้นี่เอง งั้นเราก็จะจบได้อย่างที่ตั้งใจ
แฟนตาซีต้องสร้างโลกน่ะครับ ไหนๆ dynamic มันก็เยอะแล้ว สร้างโลกทั้งทีเขียนนิดเดียวมันก็เสียดายโลกที่เราเพิ่งสร้างไป.....โลกมันกว้าง คนเยอะ เรื่องราวเยอะ ปัญหาเยอะ ก็เขียนๆกันไป
นี่ยังไม่รวมนักเขียนที่พยายามจะสร้างจักรวาลนะครับ ...อะแฮ่ม!
http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1363741
อ๊ะ!!! เนียน นะค่ะ 555555555
โฆษณาแฝงเหรอคะ ถถถ
ไม่เป็นไร ไม่ว่ากันค่ะ
เพราะแฟนตาซีเนื้อหากว้างมาก ครอบคลุมหลายด้าน มันมีรายละเอียดให้ต้องเขียนมากกว่านิยายแนวอื่นๆ ที่วนเวียนอยู่แค่สิ่งรอบๆ ตัวเราบนโลกใบเดิมค่ะ
เอาจริงๆ ถ้าหวังจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ไม่ยาว จบเล่มเดียว โอกาสได้ตีพิมพ์สูงกว่าพวกยาวเหยียดมากครับ ยกเว้นที่ยาวเหยียดนั่นจะมีฐานคนอ่านอยู่ก่อน หรือแนวตลาดที่มั่นใจว่าพิมพ์แล้วขายได้แน่นอนจริงๆ
แก้ข่าวคุณเครื่องบินนิดนึงนะครับ
เล่มเดียวจบ สำนักพิมพไม่ค่อยอยากได้นะครับ เพราะเมื่อออกแล้ว กระแสจะจบในทีเดียวเลย สำนักพิมพ์อยากได้ ประมาณ 3 เล่มสำหรับนักเขียนใหม่ครับ เพราะเมื่อเล่มแรกออกคนไม่รู้จักมากนัก พอเล่ม 2 ออกผู้อ่านจะมีความรู้สึกว่า่ชินตา กระแสจะเริ่มมีเพิ่ม และเมื่อออกเล่ม 3 ก็มีโอกาสขายได้มากขึ้นครับ
อันนี้พูดถึงแฟนตาซีที่ไม่ใช่แนวตลาดนะครับ
และส่วนใหญ่นักอ่านแฟนตาซี เล่มเดียวจบไม่ค่อยชอบอ่านกันครับ ชอบเนื้อเรื่องยาวนิด ให้ได้เห็นการพัฒนาของตัวละคร และปมที่เพิ่มมากขึ้นครับผม
//เมนต์ที่ลบผมลบเองครับ เพราะมันแก้ไขข้อความไม่ได้ ไม่รู้ระบบเป็นอะไร T_T
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมเองก็คงตามไม่ค่อยทันแล้ว
ยินดีครับผม^^
?? จำนวนตอนไม่ได้กำหนดแนวเรื่อง ไม่เกี่ยวกันครับ ไม่ต้องกังวลครับ
ส่วนหนึ่งที่นิยายแฟนตาซีมีความยาวมากเพราะเนื้อหาที่มีมาก โลกที่กว้างใหญ่และอารยธรรมมากมาย
แบ่งเป็นภาค ก็มีข้อดี ทำให้แต่ละภาคมีประเด็นและตอนจบ(?) ไม่ยาวจนเกินไป
ขึ้นภาคใหม่ ก็ปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมรายละเอียดได้อีก
เพราะความแฟนตาซี มันมีอะไรมากกว่าที่เรารู้ในชีวิตประจำวันค่ะ
กว่าจะเขียนแต่ละฉากให้ไหลลื่นได้นี่ก็ปาเข้าไปเป็นบทๆ แล้วค่ะ
ยังไม่นับฉากต่อสู้อีก
ยัดทั้งหมดใส่ในบทเดียว คนอ่านก็มองว่าเนื้อเรื่องเร็วเกินไป
คนเขียนจึงต้องทะยอยๆ ลงไปทีละนิดๆ ทั้งที่ใจอยากจะใส่มันทั้งหมดจะตายไป
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไป ห้าสิบบทแล้ว เรื่องมันถึงจะใกล้จบภาค - -
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเนื้อเรื่องมันยาวเหลือเกิน จึงต้องตัดเป็นภาคๆ
แต่พล็อตที่เราวางไว้ ค่อนข้างยาวน่ะค่ะ สงสัยจะเป็นร้อย T T
มันแล้วแต่คนเขียนนะฮะ ไม่มีกำหนดตายตัวว่าแฟนตาซีต้องมีภาคต่อ ใครคิดพล็อตเล่มเดียวจบก็เขียนไป ใครคิดพล็อตสิบเล่มจบก็เขียนไป
ปล.ส่วนของผมที่เขียนมีภาคต่อเพราะต้องสร้างโลกใหม่ เสียดายชื่อตัวละครกับสถานที่ที่คิดไว้เยอะแต่ใช้เล่มเดียวจบ เลยนึกต่อยอดจนงอกยาวเกินสามภาค ;w;
ถ้าว่ากันตามตรงๆ ผมชอบนะ นิยายแฟนตาซีชนิดที่ว่าจบในตอนเดียว แบบไม่มีภาคต่อ
เวลาอ่านแล้วจะได้ไม่ค้างคาดี (ทุกวันนี้ก็ยังตามหาอยู่)
เหมือนเรื่องแรกที่แต่งจบไปนั้นล่ะ แรกๆ กะว่าจะให้จบในภาคเดียว แต่เกรงว่าเดี๋ยวเนื้อเรื่องจะไม่เคลียร์เอา ก็เลยพยายามแต่งอีกสักภาค (ซึ่งมันก็คงเป็นภาคสุดท้ายนี่แหละนะ)
ส่วนตัวเป็นคนไม่มีความอดทนเขียนได้เกิน 250 หน้าต่อเรื่องนะครับ (ใช้ขนาด 14 pt. ระยะระหว่างบรรทัด 1 เท่า บนและล่าง 0.00 ซม. )
ไม่ว่าจะแฟนตาซีหรือแนวอื่นๆ รู้สึกว่าเราไม่สามารถจับจดอะไรกับจินตนาการเดิมๆ ได้นานขนาดนั้น เพราะจินตนาการหรือพล็อตอื่นๆ มันจะไหลมาในหัวตลอดเวลา ถ้าใช้เวลานานกับมันมากเกินไปผมจะเบื่อครับ และสุดท้ายคือเลิกเขียนหรือทิ้งไปดื้อๆ เอาได้ครับ
ดังนั้นเรื่องที่ผมเขียนส่วนมากจะจบเร็ว 100-200 หน้าโดยประมาณทุกเรื่อง
จะสั้นจะยาว ตามสบายเลยครับ นิยายโดยปกติที่ออกเป็นเล่ม ส่วนใหญ่จำนวนตอนไม่เยอะอยู่แล้ว
จะยกเว้นก็แต่นิยายแฟนตาซีที่ได้รับความนิยม นักเขียนสามารถเขียนต่อไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีคนให้ความสนใจอยู่ ประมาณว่า ยืดโครงเรื่องออกไป สร้างศัตรูเพิ่ม สร้างปมเพิ่ม เขียนไปได้เรื่อยๆจนกว่าคนจะเลิกสนใจ ก็คล้ายๆกับการ์ตูนญี่ปุ่นนั้นแหละครับ เรื่องไหนสนุก จะถูกขอให้ยืดไปเรื่อยๆ เรื่องไหนไม่สนุกก็จะโดนขอให้จบ
แต่นิยายแฟนตาซีแตกต่างเล็กน้อย ตรงที่มันผูกปมไว้อย่างดี หากจบแล้วก็จะจบเลย ยืดเรื่องได้ยาก หากนิยายของเจ้าของกระทู้จบแค่นั้น ก็ถูกต้องแล้วครับ เข้ามาตรฐานนิยายทั่วไป
แต่ถ้านิยายของเจ้าของกระทู้มีคนอ่านมาก ระดับติดท็อปต่อเนื่องจนเรื่องจบ แนะนำให้เขียนภาคต่อเลยครับ เพราะภาคต่อก็ยังคงดังไม่แพ้ภาคแรกเช่นกัน นักอ่านคนอื่นที่ไม่รู้จักเจ้าของกระทู้ก็จะเริ่มสนใจ เพิ่มฐานแฟนไปเรื่อยๆ
นิยายแบ่งออกเป็นสองพวก พวกเขียนยังไงก็ไม่จบ กับพวกเขียนแล้วจบ แบบเจ้าของกระทู้คือเขียนแล้วจบ ไม่ต้องกังวล เขียนให้จบในจำนวนตอนที่วางแผนไว้ถูกต้องแล้วครับ
โอ้วววว ขอบคุณค่ะ เขียนให้จบก่อนดีกว่าเนาะ จะมีภาคต่อรึเปล่านี่เป็นเรื่องของอนาคตสินะคะ ทำตามเป้าของเราก็พอ
ขอบคุณมากค่ะ ^^
ผมเองพึ่งเคยเขียนนิยายเป็นครั้งแรกเหมือนกัน เป็นแนวแฟนตาซี
ตั้งใจเขียนปูพื้นแนะนำตัวละครสัก 10 ตอน
แต่เขียนไปเขียนมาตอนนี่ 27 ตอนแล้วยังปูพื้นไม่เสร็จเลย
ท่าทางเรื่องจะยาวมากเลยนะคะ
พอพิมพ์ๆไปบางครั้งเหตุการ์ณมันก็ปิดลงในตอนเดียวไม่ใช่ครับ ต้องแจกแจงเหตุผลองค์ประกอบ
อย่างตอนที่พิมพ์ไปแนะนำตัวละครสัก 2-3 คน เหตุการณ์ที่เกิดในเนื้อเรื่องคิดว่าไม่เกิน 1 ตอน ก็พากันต่อเนื่องเป็น 5 ตอนรวด (ตอนหนึ่ง 5-7 หน้าA4)
นิยายผมก็กำลังปูพื้นอยู่ครับ 15 ตอนละนางเอกพูดอยู่ 20 ประโยค
1.อยากโชว์พาว
2.ตราบที่ไม่มีแผนเรื่องใหม่ก็เขียนภาคใหม่ไปก่อน (ใช้ไม่ได้กับคนเขียนหลายเรื่องพร้อมกัน แต่ไม่จบสักเรื่อง)
3.อยากเรื่อยเปื่อย ถ้าเข้าเรื่องต่ออาจจะจบเร็วกว่าที่คิด (ใช้ไม่ได้กับคนเขียนเสียชีวิตแล้ว เช่น คนเขียน zero no tsukaima (ตอนนี้มีคนสานต่อแล้ว) กับคนเขียน MM!)
4.เพ้อเจ้อง่ายกว่า ไม่ค่อยยึดติดกับเหตุผล (ใช้ไม่ได้กับคนเขียนที่มีความรู้ด้านตรรกะ)
5.กลัวรายได้หดหาย หลังเขียนจบมาสักพัก (ใช้ไม่ได้กับคนที่ได้ตีพิมพ์แต่ดองยาวไม่ทำจบ)
6.โดนเรียกร้องให้ทำภาคต่อ จากแฟนคลับหรือบก. (เป็นเหตุภาคหลังมักจะแป๊กกว่าภาคแรก)
7.การเขียนเรื่องสั้นทำยากกว่าเขียนเรื่องยาว (ถ้าทำได้ โตขึ้นได้เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์แน่ๆ)
8.เกิดจากเขียนสด ไม่เคยวางแผนมาก่อน ไม่มีการ QC (นำไปสู่การ rewrite)
9.เชื่อว่าเกาะตามกระแสใหญ่ทำให้อยู่ยาว จนกว่ามันจะเปลี่ยนไป
10.รักตัวเอกมากเกินไป รักยิ่งกว่าเมียชีวิตจริง (เรอะ)
11.คนอ่านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีความอยากสูง ไม่ใช่คนอ่านที่ต้องการความพอเพียง
12.ฝืนตัวเองเกินไปจนเรื่องที่ควรจะจบก็ไม่ยอมจบซะที
อ่านแล้วรู้สึกบรรลุอะไรบางอย่าง งั้นเราก็เลิกกลุ้มได้แล้วสินะคะ
แฟนตาซีของฉันจบแค่สามสิบตอน ก็ไม่แย่เสียหน่อย 555555
ขอบคุณมากค่ะ ^^
13. (มีเป็นส่วนน้อย) เพราะความยาวแค่เล่มเดียวไม่สามารถเล่าเรื่องที่ต้องการจะเล่าได้หมด ก็เลยต้องต่อเล่มสองเล่มสาม แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้เขียนว่าจะตัดจบระหว่างเล่มยังไงให้คนอ่านรู้สึกคุ้มที่จะยอมอ่านเล่มสองต่อ
คิดว่าคงมีจำนวนน้อยมากๆ ที่เป็นกรณีนี้แหละครับ
ปล. นิยายของผมไม่ใช่แฟนตาซีนะเออ
ผมว่าออกกจะอคติไปนิด
และเสียมารยาทต่อผู้เขียนที่ตั้งใจเขียนยาวหลายเล่มแต่ยังมีคุณภาพนะครับ ส่วนพวกที่เป็นอย่างท่านพูดมามีจริง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดแน่นอน
บางครั้งเวลาเราว่ากล่าวไม่ควรเหมารวมครับ ถ้าอยากกล่าวอย่างถูกต้อง
ท่านควรใส่คำที่ขยายว่าท่านไม่ได้เหมารวม เช่น 'ส่วนมาก' 'ส่วนใหญ่' 'ครึ่งๆ' หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่ถ้าท่านคิดว่าทุกคนเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็ไม่มีอะไรจะกล่าวต่อครับ
ผมว่าคุณควรจะเลิกการตอบเป็นเชิงดูหมิ่นคนอื่นได้แล้วนะครับ เพราะมันชักจะหลายหนเหลือเกินแล้ว
โผล่มาข้อแรก "อยากโชว์พาว" ผมชักดูไม่ออกว่าหมายถึงใคร...ระหว่างคนเขียนที่คุณกล่าวถึงหรือตัวคุณเอง
และขอตอบเป็นข้อๆ ในกรณีที่ผมเป็นคนเขียนยาวอยู่ 1 เรื่องนะครับ
1.อยากโชว์พาว
ผมไม่เคยอยากโชว์เพาว์ 3 เล่ม 1 เล่ม 20 หน้า ผมก็เขียน แต่เรื่องที่ยาว เพระเนื้อเรื่องมันยาว
2.ตราบที่ไม่มีแผนเรื่องใหม่ก็เขียนภาคใหม่ไปก่อน (ใช้ไม่ได้กับคนเขียนหลายเรื่องพร้อมกัน แต่ไม่จบสักเรื่อง)
ท่านเคยเป็นนักเขียนที่เขียนยาวหรือครับ จึงรู้ใจเขาว่าเขาคิดอย่างนั้น ถ้าท่านเดาเอา ผมคิดว่าข้อนี้เสียมารยาทที่ปรักปรำเขา และผมคนหนึ่งที่ไม่ได้ทำแบบนั้น
3.อยากเรื่อยเปื่อย ถ้าเข้าเรื่องต่ออาจจะจบเร็วกว่าที่คิด (ใช้ไม่ได้กับคนเขียนเสียชีวิตแล้ว เช่น คนเขียน zero no tsukaima (ตอนนี้มีคนสานต่อแล้ว) กับคนเขียน MM!)
นิยายจบเมื่อควรจบ ยาวเมื่อควรยาว หากคุณคิดว่าตัวเองเป็นนักเขียนจริง และรู้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้นคนอื่นก็รู้ครับ
4.เพ้อเจ้อง่ายกว่า ไม่ค่อยยึดติดกับเหตุผล (ใช้ไม่ได้กับคนเขียนที่มีความรู้ด้านตรรกะ)
'เพ้อเจ้อ' ? คุณใช้คำว่าเพ้อเจ้อสำหรับงานเขียนคนอื่น เพ้อเจ้อนี่คือคำดูถูกนะครับ ดั้งใจดูถูกดูหมิ่นผู้เขียนหรือครับ?
5.กลัวรายได้หดหาย หลังเขียนจบมาสักพัก (ใช้ไม่ได้กับคนที่ได้ตีพิมพ์แต่ดองยาวไม่ทำจบ)
เขียนยาวเขียนั้น รายได้ผมก็เหมือนเดิมครับ ไม่ได้หดหายอะไร 20 หน้าจบ เล่มเดียวจบ 3 เล่มจบ 8 เล่มจบ มันก็ขายได้ครับ
6.โดนเรียกร้องให้ทำภาคต่อ จากแฟนคลับหรือบก. (เป็นเหตุภาคหลังมักจะแป๊กกว่าภาคแรก)
การที่นักเขียนจริงๆ ซึ่งผมเชื่อว่านักเขียนแบบนั้นมีอยู่จริง นักเขียนกลุ่มนี้จะไม่ทำภาคต่อเพราะ บก. เพราะแฟนๆ แต่เขาจะเขียนเมื่อมีอะไรจะเล่าเพิ่มเติมครับ แต่จริงที่ว่ามีคนทำตาม บก. ทำตามแฟนๆ แต่ไม่ทุกคนนะครับ
7.การเขียนเรื่องสั้นทำยากกว่าเขียนเรื่องยาว (ถ้าทำได้ โตขึ้นได้เป็นคนเขียนบทภาพยนตร์แน่ๆ)
ทั้งเรื่องยาวเรื่องสั้นมีความยากคนละแง่มุม เรื่องสั้นก็มีความยากเรื่องเล่าประเด็นให้รวบรัดชัดเจน ส่วนเรื่องยาวปมเยอะ ต้องคลายปมและทำให้นักอ่านอยากติดตามในจำนวนยาวที่ว่า
8.เกิดจากเขียนสด ไม่เคยวางแผนมาก่อน ไม่มีการ QC (นำไปสู่การ rewrite)
อ้างอิงจากนิตยาสารจัมพ์ นักเขียนมี 2 ประเภท คือ 1 วางแผนไว้ อย่างเช่นคนเขียนบาตุมัน 2 ประเภทเขียนตามจินตนาการตัวเองไปเรื่อยๆ มีแค่ปมใหญ่ๆ ในใจ โดยไม่ได้ตีกรอบพล๊อตละเอียด เช่นคนเขียนารูโตะ คนเขียนวันพีช คนเขียนบลีช ซึ่งจริงว่ามีบางเรื่องออกทะเลในประเด็นหลัง แต่กองบก.จัมพ์เองก็คิดว่ากลุ่มหลังมีโอกาสดังได้มากกว่า
การทำงานของนักเขียนเป็นสไตล์ของเขา ผมว่าการไปวิจารณ์แบบนี้เสียมารยาทมาก
9.เชื่อว่าเกาะตามกระแสใหญ่ทำให้อยู่ยาว จนกว่ามันจะเปลี่ยนไป
เกาะกระแสติดตลาดง่ายกว่าจริงครับ แต่รู้ไหมครับว่าคนเกาะกระแสก็สร้างได้แค่ความติดตลาด แต่ 'ผู้สร้างกระแส' นั่นคือคนที่โด่งดังจริงๆ ไม่ใช่หรือครับ?
10.รักตัวเอกมากเกินไป รักยิ่งกว่าเมียชีวิตจริง (เรอะ)
ผมว่าข้อนี้คุณโคตรหลงประเด็น เพียงอยากพูดจากด่าว่าดูถูกคนอื่นเท่านั้น
11.คนอ่านที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีความอยากสูง ไม่ใช่คนอ่านที่ต้องการความพอเพียง
เอาอะไรมาวัดครับ? ถ้าผมเจอเรื่องที่ผมชอบ ผมก็อยากให้มันยาวๆ หน่อย แต่ไม่ใช่ยืดเยื้อออกทะเล ผมผิด ผมไม่พอเพียงหรือครับ?
12.ฝืนตัวเองเกินไปจนเรื่องที่ควรจะจบก็ไม่ยอมจบซะที
แล้วถ้าเขาไม่ฝืน แต่วางมาอย่างนั้นแต่แรกล่ะครับ?
ส่วนเจ้าของคอมเมนต์ ผมอยากจะบอกว่า การไม่สนใจมารยาท อัตตา การมองผู้อื่นต่ำกว่า มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะครับ
ขนาดตัวผมไม่เป็นอย่างที่บอก ยังรู้สึกสะอึกเลย
แหม มันช่างมีแต่เรื่องเนกาทีฟ เขียนยาวๆ นี่ผิดขนาดนี้เชียว
แนะนำว่า ถ้าจะเอาฮา ก็รักษาน้ำใจคนที่เข้าข่ายหน่อยเถอะครับ จะมีปัญหากันเปล่าๆ
ไม่เกี่ยวกันครับ
อยากเรื่องใหม่ผมนี่กะไว้แล้วประมาณไม่เกิน 30 ตอนจบ ภาคเดียวไม่มีต่อ
ขณะที่เรื่องเก่า มหากาพย์แต่งหลายปีกว่าจะจบ =_,=
พล๊อตล่าสุดนี่ก็ยาวอีกแล้ว
ทั้งนี่ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการวางโครงเรื่องของเราครับว่าจะยาวแค่ไหนๆ สั้นๆก็ถือว่าเป็นแฟนตาซีได้
ผมพูดจากประสบการณ์และฟังกองบรณาธิการของหลายๆ ที่นะครับ
ถ้าหวังตีพิมพ์...
(ตอนแรกผมก็คิดว่าเล่มเดียวจบผ่านง่ายกว่า แต่จริงๆ แล้วเล่มเดียวจบนี่ผ่านยากครับ)
ส่วนตัวนะคะ นิยายแฟนตาซีที่มีหลายเล่มหลายภาค ส่วนนี้น่าจะเพราะว่าพลอตเขาเยอะและปมปริศนาขดกันเป็นก้อนด้าย เวลาแก้เลยใช้เวลานาน บางเรื่องจะคลายในตอนท้าย ไม่ก็ค่อยๆแก้ไปทีละปม เลยมีออกมาหลายเล่มหลายภาคจัดค่ะส่วนเรื่องที่บอกตอนไม่เยอะนับเป็นแฟนตาซีไหม ส่วนตัวเราคิดว่านับนะคะหากเนื้อเรื่องของคุณเป็นแนว แฟนตาซี ในที่นี้เราหมายที่เป็นจำพวกหลุดโลก ประมาณ ฟันดาบ มีเวทย์มนต์ พ่อมด ผู้กล้า สัตว์ในตำนาน นู่นนี่นั่นอ่ะค่ะ เป็นรึเปล่าไม่เกี่ยวกับความยาวนะคะ ^^
#นี่คือ ความคิดเห็นส่วนตัว ล้วนฟเ านั้นเชื่อถือยาก เพราะเจ้าของความคิดเห็นนี้ บ้าขั้นโคม่า ง่ะปุฮิ -w-lll
เราคิดว่ามันขึ้นอยู่กับสเกลของเรื่องและวิธีที่นักเขียนเลือกใช้ในการเล่าเรื่องค่ะ
ถ้าสเกลหรือ/และพลอตของเรื่องมันใหญ่โตโอฬาร พระเอกกับพรรคพวกอีกสามล้านแปดแสนคนเดินทางข้ามทวีปทั้งสิบสี่ บุกป่าฝ่าดง ขึ้นเขาลงห้วย ปราบสัตว์ร้ายสองร้อยสามสิบล้านตัว หาของวิเศษอีกยี่สิบเจ็ดอย่าง พิชิตจอมมาร กู้โลก วางปม วางพลอตพัวพันอีนุงตุงนังเหมือนสายหูฟังเวลาหย่อนลงย่ามแบบนั้น เล่มเดียวคงไม่พอ อย่างอภินิหารแหวนของลุงโทลคีนหรือเกมชิงบัลลังก์ของลุงมาร์ติน เป็นต้น
แต่ถ้าวางเรื่องไว้สเกลเล็กๆ ตัวละครน้อย ปมไม่ได้ซับซ้อนอะไร เล่มเดียวก็จบได้ หรือสเกลอาจจะใหญ่ แต่ใช้วิธีเล่าแบบเผินๆเหมือนนิทานเด็กอย่างฮอบบิทขอลุงโทลคีนที่สเกลใหญ่เหมือนกัน แต่ลงรายละเอียดตัวละครและฉากน้อยกว่าอภินิหารแหวน หรือผลงานของคุณโรอลห์ ดาห์ล อย่างยักษ์ใจดี แม่มด หรือMr. Fox ก็เป็นแฟนตาซีที่จบสั้นๆในหนึ่งเล่มเป็นต้น
(หมายเหตุแฟนตาซีของเราไม่ได้หมายควมถึงแค่เรื่องที่สร้างโลกใหม่ ผจญภัยปราบปีศาจ ปราบจอมมารหาของวิเศษนะคะ เรื่องที่มีองค์ประกอบใดๆที่เหนือจริง เราถือว่าเป็นแฟนตาซีหมดค่ะ)
เราว่าคนเขียนรู้ดีที่สุดค่ะว่าเรื่องของตัวเองมีเนื้อหาแค่ไหน เขียนยาวเท่าไหร่น้ำกับเนื้อจึงจะพอดีกัน ยืดให้ยาวออกไปก็เหมือนโจ๊กเนื้อหลวม น้ำเยอะ จืด ไม่อร่อย คนอ่านก็กรอย คนเขียนก็เฟลค่ะ
เขียนยังไงก็ได้ครับคุณ ตามสบายเลย สั้นยาวไม่ได้สำคัญสักเท่าไหร่หรอก
depend on your "Plot"
นิยายแฟนตาซี ถ้าสั้นเกินไปแล้วทิ้งปมเอาไว้จนล้น อาจจะมี ฉงน กับ ฉงาย วิ่งกันพล่านอยู่ในหัวของรีดเดอร์นะครับ ... แต่ถ้ามั่นใจว่า ตอบคำถามกับเรื่องที่ตัวเองผูกได้หมด เล่มเดียวจบ นี่จัดได้ว่า เจ๋งโคตร ... (ในกรณีที่ plot เรื่องเจ๋งจริงๆ นะ)
ก็ฟนตาซีถ้าเขียนแบบทิ้งปริศนาไว้เรื่อยๆ มันก้ต้องยาวนะ แต่ถ้าเอาจบเลยที่เดียวก็ทำได้ แล้วแต่นักเขียนแต่ละคน 55
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?