สถาปัตย์ สอนอะไรผม ตอน "เมื่อเกือบได้ F เพราะส่งงานช้า" (บทเรียนเตือนใจน้องๆ)
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อพี่วิน ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปี 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาสถาปัตยกรรม อยู่จุฬานี่เองนะครับ
นี่ก็เป็นกระทู้ที่สามที่มาเล่าชีวิตเด็กสถาปัตย์ (มีใครได้อ่านสองกระทู้ก่อนหน้าป่าว) ลองกดไปอ่านกันก่อนได้เลยครับ
สถาปัตย์ สอนอะไรผม ตอน "10 สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนจะจีบเด็กสถาปัตย์"
สถาปัตย์ สอนอะไรผม ตอน "เจาะลึกโปรเจกต์สุดหินของเด็กสถาปัตย์กับ 3 ผลงานที่ผมภูมิใจ"
.. สถาปัตยกรรมศาสตร์เนี่ย ถือว่าเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ค่อนข้างเข้าใจยาก และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจครับ เพราะว่าเรื่องที่ต้องเรียนไม่ได้จบแค่ว่าจะออกแบบอย่างไรให้สวย แต่ยังมีเหตุผลซ่อนอยู่มากมาย เกินกว่าที่คนธรรมดาจะนึกถึงได้ กว่าจะมาเป็นอาคารที่ดี ที่ทุกๆคนจะได้ใช้งานกันอย่างมีความสุขและสะดวกสบายนั้น ต้องผ่านการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับอาจารย์กันอย่างยาวนาน ดังนั้นจึงเป็นที่ร่ำลือของการเรียนที่หนัก และการทำโปรเจกต์ตลอดเวลา เรียกได้ว่า ไม่ค่อยได้หยุดพักกันเลยทีเดียว
การเรียนการสอนในเทอมหนึ่งๆนั้นจะแบ่งเป็น 2 โปรเจกต์ โปรเจกต์ละ 2 เดือน โดยโจทย์ที่พี่ๆจะได้นั้น จะแตกต่างและซับซ้อนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับระดับชั้นปี เช่น อาจจะเป็นบ้าน บ้านสองชั้น ทาวน์เฮาส์ พอเริ่มพัฒนาหน่อยก็เริ่มกลายเป็นอาคารขนาดใหญ่ขึ้นเช่น อพาร์ทเมนท์ ออฟฟิศ และใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆตามความซับซ้อนที่ควรจะเป็น โดยในสองเดือน จะมีการตรวจแบบกับอาจารย์ประจำกลุ่มโดยเฉลี่ยประมาณ 10 ครั้ง โดยแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆเพื่อให้อาจารย์ดูแลอย่างทั่วถึง ไม่เกินกลุ่มละ 10-12 คน เมื่อตรวจแบบ 10 ครั้งเรียบร้อย ก็จะเข้าสู่อาทิตย์นรก ซึ่งในหมู่ของเด็กสถาปัตย์จะมีชื่อเรียกต่างกันไปเช่น ‘อาทิตย์วิกฤติ’ ‘อาทิตย์เดือด’ หรือ ‘อาทิตย์เผา’ ซึ่งน้องๆดูจากชื่อก็น่าจะพอเข้าใจว่ามันสื่อถึงอะไร
ปริมาณงานที่มากล้น เพื่อสื่อสารสิ่งที่คิดออกมาให้อาจารย์ทุกคนเห็นให้ได้ว่าคิดอะไรมาตลอดสองเดือนนั้น ทำให้ใครหลายคนตระหนกตกใจ การบริหารวางแผนไม่ดี หรือการแบ่งเวลาที่ผิด สามารถนำไปสู่การชี้ชะตาชีวิตน้องๆได้เลยครับ เพราะคณะนี้ จะซีเรียสกับคำว่า Deadline มากๆ
Deadline หรือ เส้นตายชี้ชะตา ของคณะสถาปัตย์ ไม่ใช่เป็นการกำหนดเพียงแค่ว่าจะส่งวันไหน.. แต่บอกละเอียดแม้กระทั่งว่าให้ส่ง กี่โมง เช่นส่งวันที่ 18 ม.ค. 2555 ตอน 12.00น. ซึ่งแรกๆตอนพี่เข้ามาคณะนี้ใหม่ๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องบอกละเอียดขนาดนั้น.. ถ้าทำจริงๆวางแผนดีๆก็น่าจะทันมั้ง.. ซึ่งอาจารย์ขู่หนักมากว่าให้ส่งตรงเวลา เพราะไม่เช่นนั้นจะปิดห้องส่งงาน.. แต่พี่ก็ยังไม่เก็ทอยู่ดีว่าทำไมต้องย้ำนักย้ำหนา
โมเดลของพี่ ที่ตั้งใจทำมาทั้งคืน..
และแล้วพี่ก็เข้าใจในไม่ช้า เมื่อวันส่งงานครั้งแรกของพี่มาถึง..
11.00 น.ของวันที่ 18 พี่พึ่งทำงานแผ่นสุดท้ายเสร็จ หลังจากที่ไม่ได้นอนมา 2 คืนติดต่อกัน.. -เราก็พยายามวางแผนซะดิบดีแล้ว แต่ก็ดันมาเสร็จเกือบจะนาทีสุดท้ายซะได้.. โชคดีที่พี่บ้านใกล้จุฬา พี่จึงเดินทางถึงได้ภายในครึ่งชั่วโมง พอถึงก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องส่งงาน บรรยากาศตอนนั้นบอกเลยว่าอึกทึกครึกโครม พี่มองไปโดยรอบเห็นเพื่อนพี่กำลังนั่งตัดเส้น ตัดโมเดล และเขียนแบบอย่างรวดเร็วด้วยมือที่สั่นระริกและสีหน้าเคร่งเครียด เพราะกังวลว่าจะทำกันไม่ทัน พี่เห็นดังนั้นก็รีบตรวจเช็คความเรียบร้อยแล้ววิ่งไปห้องส่งงาน มองนาฬิกา 11.45 แทบจะใกล้เส้นตายเข้าไปทุกที
เมื่อถึงห้องส่งงานพี่เห็นเพื่อนๆจำนวนมากต่อแถวยาวเหยียด ทุกคนแย่งกันส่งงานเพราะตัวงานมีขนาดใหญ่ แถมยังมีโมเดลที่ต้องถือด้วยความระมัดระวัง เพื่อนอีกมากมายมาต่อหลังพี่ตามมาติดๆ แถวยาวเป็นเมตร กว่าพี่จะไปถึงหน้าห้องส่งงาน มองนาฬิกาอีกรอบ 11.55 น.
“ส่งงานครับ” พี่พูด
“นิสิตกลุ่มไหน ชื่ออะไรคะ?” อาจารย์ถามเสียงเย็นเฉียบ
“กวิน ครับ กลุ่มอาจารย์โม” พี่ตอบอย่างรีบเร่ง
“โชคดีนะคะ คุณถือว่าโชคดีมากที่มาส่งทัน” อาจารย์มองมองอีกครั้งพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
ในใจพี่ก็งงว่าทำไมต้องยิ้ม จึงถามไปด้วยความสงสัยว่า “ทำไมหรอครับอาจารย์”
อาจารย์ได้ยินก็ยักคิ้วสวยๆ 1 ที พร้อมพูดว่า “ดูนาฬิกาสิคะ เดี๋ยวก็รู้ค่ะ”
ตอนนั้นเวลา 11.59 น. ใกล้เส้นตายเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อนพี่ยังต่ออยู่ข้างหลังเป็นสิบคน ทุกคนสีหน้ากังวลมาก งานที่ทำมาตลอดทั้งอาทิตย์ จะได้ส่งและตัดเกรดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับตอนนี้เท่านั้น..
กรี๊งงงง.. เสียงนาฬิกาตอนเที่ยงดัง
อาจารย์ตะโกนออกมาทันที “หมดเวลาค่ะ” พร้อมกับปิดประตูห้องส่งงานทันที แบบไม่แยแสใคร.. เสียงโวยวายและความกังวลของเพื่อนพี่ดังลั่นชั้นเรียนในตอนนั้น พี่มารู้ทีหลังว่าทุกคนที่มาสายเกิน 10 นาที โดนตัดคะแนนครึ่งหนึ่งจากที่ควรจะได้ เช่น ถ้าได้ A คือ C+ ถ้าได้ B+ คือ C และใครที่มาสายเกิน 12.10 นั้น ได้ F ไปเลย ซึ่งเทียบเท่ากับการไม่ได้ทำงานนั้นมาเลย และเวลาที่ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด 1 อาทิตย์ สูญเปล่า..
ซึ่งอาจารย์ได้มาให้บทเรียนกับนิสิตในภายหลังว่า การทำงานจริงก็เป็นแบบนี้ ถ้าหากไม่ตรงต่อเวลา แม้กระทั่ง 1 วินาที ก็ถือว่าทำพลาด และถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ อาคารมีคนใช้เยอะแยะ แค่เวลาของตัวเองยังรับผิดชอบไม่ได้ ประสาอะไรกับชีวิตคนในตึกที่เราสร้าง ก็คงรับผิดชอบไม่ได้เช่นกัน.......และหลังจากนั้นโปรเจกต์ต่อไป บรรดาเพื่อนๆพี่ที่ส่งสาย ก็มากันตรงเวลา และอาจารย์ก็ไม่ค่อยได้แจก F บ่อยเท่าไหร่นัก..
มีอีกครั้งที่เป็นบทเรียนประจำรุ่นของพี่เลย ขนาดที่ว่าไปถามเพื่อนๆที่เรียนรุ่นเดียวกันทุกคนจะจำเหตุการณ์ได้หมด.. เป็นธรรมดาที่ทุกๆรุ่นของนักเรียนสถาปัตย์จะมีตัวท๊อปที่เทพสุด เป็นที่รู้กันว่างาน-นี่ยังไงๆก็ได้ A แน่นอน ประดุจเหมือนมีญาณทิพย์ เดาใจอาจารย์ทุกคนออก และงานมักจะถูกอาจารย์ชมบ่อยๆ ที่มากกว่านั้นคือเพื่อนพี่คนนี้เป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบสูง ทำงานระดับพรีเมี่ยม ทุกครั้งที่มีการส่งแบบอาจารย์ประจำวิชาทุกคนจะจ้องและคาดหวังว่างานจะออกมาเป็นแบบไหน ซึ่งมันก็ไม่เคยทำให้อาจารย์ผิดหวังเลยสักครั้ง..
แต่มีอยู่วันหนึ่งครับ ทุกอย่างกลับหลังหัน..!
แต่มีอยู่วันหนึ่งครับ ทุกอย่างกลับหลังหัน..!
เมื่อถึงวันกำหนดส่งงาน ปรากฏว่าไอนี่มันมาส่งงานไม่ทันครับ! เป็นเรื่องช๊อคมาก ทั้งอาจารย์และพวกพี่เองก็งง เพราะปกติมันจะเป็นคนที่รับผิดชอบมากๆ ไม่เคยพลาดสักครั้ง แต่แล้วมันก็มาสาย เพราะตื่นไม่ทัน! อ้อนวอนอาจารย์อย่างไรความดีที่มันเคยทำมาทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์ อาจารย์ส่ายหน้าและบอกทั้งรุ่นพี่ทันทีว่า ถึงจะดีแค่ไหน มาส่งไม่ทัน ก็มีโอกาสได้อย่างมากแค่ ด๊อก+ (เกรด D+ ซึ่งเทียบได้กับเกรด 1.00) หลังจากมันร้องไห้เสียใจเป็นที่เรียบร้อย ทั้งรุ่นก็แห่กันมาสัมภาษณ์ ปรากฏเหตุผลของมันคือ ทำงานติดต่อกันมา 2 คืน ไม่ได้นอน ตั้งปลุกแล้วแต่ก็ไม่ตื่น เลยพลาด มาไม่ทัน
ทุกคนก็เสียดายแทน และปลอบใจ แต่ก็ไม่ต้องห่วงครับ ถึงมันได้ D+ ยังไง เกรดรวมๆของมันก็ยังได้มากกว่าพี่มากนัก 555 ก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับทั้งรุ่นของพี่กันไป ว่า Deadline นั้น สำคัญจริงๆ..
พี่อยากจะบอกว่า ในชีวิตของน้องๆ ก็มีเส้นตายเช่นกัน การที่เรามีเส้นตายบางทีเป็นการกระตุ้นและทำให้เราทำสิ่งยิ่งใหญ่สำเร็จได้ อย่าดูถูกวันกำหนดส่ง และผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าถ้าเลยเส้นตายไปแล้ว เราเองจะเสียอะไรไปบ้าง ตัวอย่างง่ายๆ เวลาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆของเพื่อนพี่ที่บอก อดนอนหลายคืน มีค่ากลายเป็นศูนย์ไปเลย ทั้งๆที่ทำงานได้ดีมากๆ เสียน้ำตากันไปตั้งเยอะ ดังนั้นขอให้ทุกคนเคารพใน Dead Line ของตนเองแล้ว สำหรับเด็กแอดปีนี้ ใกล้จะสอบแกทแพทรอบสุดท้ายแล้ว พี่เอาใจช่วยสุดฤิทธิ์ ขอให้ทำตามที่วางแผนไว้ได้ทุกคน สำหรับใครที่มีปัญหาอยากสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการติวสถาปัตย์ และการเตรียมตัว สามารถทักมาถามพี่ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/TohDraftStudio/ เลยครับ พี่เป็นแอดมินอยู่ ยินดีรับฟังน้องๆเด็กดีทุกคนครับ :)
แล้วเจอกันกระทู้หน้าครับ
พี่วิน ถาปัต ปี 4 – จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย –
Facebook : Kavin Cherdchanyapong
IG : winnerc ครับ
15 ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับเกร็ดชีวิต นศ ของ น้อง ได้ความรู็ ข้อคิด คำแนะนำ ที่ดีมากๆ ขอบคุณด้วยใจจริง
ครับผมยินดีครับ
โห้ยยยย สนุกมากครับพี่ เดดไลน์นี่คือเดดไลน์จริงๆ โหดมากกกก
ทำให้รู้เลยว่าการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ
สำคัญมากๆครับ
โห้ยยยย สนุกมากครับพี่ เดดไลน์นี่คือเดดไลน์จริงๆ โหดมากกกก
ทำให้รู้เลยว่าการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆ
เรียนยากมากไหมพี่ ผญ เรียนแล้ว จะไหวไหมค่ะ
สมัยนี้ผู้หญิงเรียนเยอะมากครับ
จริงครับ ไม่เปนปัญหา
ขอบคุณค่าาาา
fight for architect!!
ure....
เขียนแบบยากมากไหมค่ะ
ทุกอย่างเรียนรู้ได้ครับ
เย้ เข้าใจหัวอกเนอะ555
รู้สึกถึงความโหดของอาจารย์ผ่านตัวหนังสือเลยจริงๆค่ะ #อ่านแล้วเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ #อ่านแล้วรู้สึกต้องร้องขอชีวิต
อาจารย์ไม่ให้นะครับชีวิต555
นึกถึงตอนส่งทีสิสเลย งานหมาไม่-มากโดยเฉพาะโมเดล แต่ยังไงก็ต้องส่งแล้ว สุดท้ายได้วิตามินซีไป ตอนนี้สอบ กส.ผ่านละ 555
ดีใจด้วยครับ
ขอบคุณครับ
พี่คะๆอยากรู้อ่ะ คนที่เทพในรุ่นของพี่ที่พี่พูดถึงนี่ใครเหรอคะ อยากดูงานของพี่เขาเพื่อเป็นแนวทางมากๆๆเลยค่ะ พลีส
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?