Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ให้เลือกระหว่าง ตาบอด กะ หูหนวก ถ้าคุณจำเป็นต้องเลือก จะเลือกแบบไหน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือคิดมานานแล้ว เลยอยากถามเพื่อนๆ น่ะครับ

สำหรับตัวผมหรือ ผมเลือกหูหนวกนะ ถึงจะไม่ได้ยินเสียงเพลงไพเราะ แต่ก็ยังพิมพ์นิยายได้ไง 555

แล้วคุณจะเลือกอะไร

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

เจ้า(แมวน้ำ)ขาว 26 ก.ย. 59 เวลา 11:20 น. 2

ทั้งสองแบบมีข้อดีข้อเสียกันคนละอย่างครับ

เป็นคนหูหนวกเสียที่การสื่อสารกับคนอื่นยากครับ  เวลาทำงานจะคุยไปด้วยก็ไม่ได้เพราะ
ต้องใช้ภาษามือ  ดูโทรทัศน์ก็ต้องมีภาษามือหรือตัวหนังสือให้อ่านอย่างกับดูรายการภาษา
ต่างประเทศ  ใช้การอ่านเขียนเป็นหลักในการสื่อสารกับคนปกติ

คนตาบอดด้อยที่การช่วยเหลือตัวเอง  ไปไหนมาไหนไม่สะดวกหยิบจับสิ่งของก็ยาก  
แต่ก็ยังมีข้อดีที่ว่าเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นด้วยการพูดได้  คุยกับคนปกติก็
รู้เรื่อง  สามารถฟังวิทยุหรือโทรทัศน์ที่เป็นข่าวสารข้อมูลในแบบที่ไม่เน้นภาพได้

จะให้เลือกคงจะตอบยากนะ  น่าจะขึ้นอยู่กับหน้าที่การงานของแต่ละคน  ใช้การมองเห็นเป็น
หลักก็เลือกหูหนวก  ใช้การฟังการพูดเป็นหลักก็เลือกตาบอด

คนตาบอดหรือหูหนวกก็แต่งนิยายได้ทั้งนั้นครับ  ถ้าคนหูหนวกแต่งจะเป็นนิยายที่ตัวละคร
เวลาพูดไม่มีน้ำเสียงไม่สื่ออารมณ์  หากเป็นคนตาบอดแต่งก็จะบรรยายภาพได้น้อย
ไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเป็นท่าทางของตัวละครหรือฉาก  และต้องแปลจากอักษรเบลก่อน
คนทั่วไปถึงจะอ่านได้

0
om-let 26 ก.ย. 59 เวลา 20:04 น. 4

หูหนวกครับ ผมยินดีที่จะเป็นใบ้ หูหนวก แต่ไม่ยินดีที่จะไม่มีโอกาสอ่านนิยายกับการ์ตูนที่ชอบครับ

0
หมาป่าน้อยผู้น่ารัก 27 ก.ย. 59 เวลา 07:10 น. 7
ขอแสดงความคิดเห็นอีกนิดก็แล้วกันครับ
1. คนตาบอด สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1.1 ตาบอดตั้งแต่เกิด อันนี้จะค่อนข้างลำบาก เพราะเนื่องจากเขาจะไม่รู้เลยว่าโลกแห่งความเป็นจริงเป็นไง แม้จะแต่งนิยายเขาก็ไม่สามารถจะแต่งให้คนปกติอ่านและอ่านทำความเข้าใจได้ อย่างเพียงแค่เรายกตัวอย่างว่า ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ หรือ อวกาศ เพียงเท่านี้พวกเขาจะไม่สามารถนึกออกและเข้าใจได้ แม้กระทั่งอย่างสัตว์ง่ายๆ เช่น จระเข้ เขาก็นึกไม่ออกแล้วว่ารูปร่างหรือลักษณะมันเป็นยังไง สิ่งเดียวที่กลุ่มคนพิการประเภทนี้จะรับรู้ได้ คือการสัมผัสเท่านั้น
1.2 ตาบอดภายหลัง อันนี้จะดีกว่ากลุ่มแรก เพราะแค่เราอธิบายอะไรที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันหรืออธิบายในสิ่งที่ใกล้เคียง พวกเขาจะเข้าใจได้ทันที
โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ "ตาบอด" พวกเขาจะมีความจำดีมาก ขอยกตัวอย่างอักษรเบลก็แล้วกัน คุณรู้ไหมว่า สระเอีย (เอ-อี-ยอยักษ์) แบบนี้เขาไม่ได้เอาสระแบบที่เราใช้มารวมกันนะครับ แต่เขาเป็นการสร้างคำใหม่ขึ้นมา โดยใช้ตัวเลขเป็นตัวอักขระแทน เช่น ตัว "กอไก่" พวกเขาจะใช้ตัวเลขที่เป็นจุดๆ ที่เรียงกันเป็น 6 จุด โดยภายใน 1 ช่อง จะแบ่งออกเป็น 2 แถว ซึ่ง 1 แถวจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 จุด ที่เรียงเป็นแนวตั้งตรง ซึ่งเขาจะใช้สิ่งที่เรียกว่าสะเตรัดหรือออะไรสักอย่างหนึ่งนี่แหละ ผมจำไม่ได้แล้ว มาเป็นเครื่องมือเหมือนปากกาและดินสอ โดยเขาจะใช้หัวหมุดแหลมๆ จิ้มให้เป็นตุ่มนูนขึ้นมาเพื่อใช้ในการอ่าน เวลาจิ้ม เขาจะจิ้มจะแถวด้านขวาไปทางซ้าย โดยจะไล่จากบนลงล่าง ซึ่งนั่นรวมถึงจะต้องเริ่มจิ้มจากทางด้านขวาเช่นเดียวกัน(ไม่ใช่จิ้มเหมือนเวลาที่เราเขียนหนังสือ ที่จะต้องเขียนจากด้านซ้ายไปขวา) แต่ว่าเวลาอ่าน เขาจะอ่านจากด้านซ้ายไปขวาเหมือนคนปกติ ซึ่งมันจะสับสนมาก
แล้วตัวอักขระที่ว่านั้น จะต้องใช้ความจำเป็นอย่างมาก เช่น "กอไก่" เขาจะอ่านว่า 1 2 4 5 คือตัว "กอไก่"
ตัวอักขระ "ขอไข่" 1 3 คือตัว "ขอไข่"
ตัวอักขระ "ขอขวด (ฃ)" จะใช้ตัวเลขว่า 6 1 3 คือตัว  "ขอขวด"
แต่ว่าในบางครั้ง อักขระที่ใช้นอกจาก 1 ช่องแล้ว จะต้องใช้เพิ่มอีกเป็น 2 ช่อง และด้วยเหตุผลที่ว่าภาษาไทยมันมีทั้งอักขระและสระมากมายเกือบ 100 ตัว ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากต่อการอ่านและจดจำ หากไม่ได้ใช้อักษรเบลนานๆ จะลืมไปในที่สุด หากใครนึกภาพไม่ออก ก็ลองนึกว่าคุณจะต้องจดจำเบอร์โทรศัพท์ของคนที่รู้จัก 100 คนดูเอาสิครับ นี่ยังไม่รวมกับอักขระภาษาอังกฤษอีกนะ รับรอง หัวคุณระเบิดแน่ หุๆ 
2. กลุ่มผู้พิการหูหนวก กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ลำบากกว่าคนตาบอดมากกว่าหลายเท่า เนื่องจากเขาจะเข้าใจได้เฉพาะสิ่งที่เป็นรูปภาพเท่านั้น รวมถึงการใช้ภาษาเช่นเดียวกัน เพียงแค่เราเขียนคำว่า "ขวดน้ำ" เราก็ต้องยกตัวอย่างให้เขาเป็นขวดชนิดต่างๆ มาดูเป็นรูปภาพมากมาย ยิ่งโดยเฉพาะภาษาไทยมันมีความคลุมเครือมาก แค่คำว่า "ขวด" และ "ขวดน้ำ" แบบนี้พวกเขาก็งงมากแล้ว ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนหูหนวกจะเป็นกลุ่มคนที่มีภาวะทางอารมณ์สูงมาก นั่นคือ "เครียด" เพราะเขาจะสื่อสารกับใคร ก็ไม่มีใครเข้าใจ แม้จะอ่านหนังสือ ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะอ่านแล้วเข้าใจความหมายนะครับ เช่นคำว่า "โง่" เราจะต้องยกตัวอย่างให้เขาเป็นทั้งรูปภาพ,การกระทำ,อักษร แบบประมาณว่า คำว่า "โง่" นั้น จะมีคำที่ใกล้เคียงกันอยู่ เช่น ไม่ฉลาด,โง่เขลา,ไม่เข้าใจ แบบนี้เป็นต้น 
0