Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เดี๋ยวนี้คนเลิกอ่านแฟนตาซีไทยแล้วใช่มั้ย

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สังเกตจากเมื่อตอนครั้งล่าสุดที่ไปงานหนังสือ แผงวางนิยายแฟนตาซีนี่เล็กมากที่เห็นก็มีแต่บารามอส เซวีน่า เรื่องดังๆ ในอดีต ส่วนชั้นหนังสือตามร้านหนังสือก็มีแต่นิยายรักชายหญิง ชายชาย แฟนตาซีเห็นแค่พวกนิยายแปล

แอบรู้สึกเศร้าเพราะสมัยก่อนโตมากับยุคบารามอสอ่ะ แฟนตาซีไทยช่วงนั้นบูมมากไปที่ไหนก็มีแต่คนแต่งนิยายแนวโรงเรียนเวทย์มนต์
ปัจจุบันแฟนตาซีแทบไม่เห็นเลยยย ที่เห็นอย่างมากก็แฟนตาซีที่เน้นไปในเรื่องความรักกับ18+ แนวผจญภัย สู้ๆ บู๊ๆ มันหายไปไหนกันหม้ดดด ยิ่งล่าสุดเจอคอมเมนต์แนวๆ นิยายแฟนตาซีถ้าไม่ใช่นิยายแปลฉันไม่อ่านหรอกขึ้นมาแล้วเศร้าใจ

แสดงความคิดเห็น

>

42 ความคิดเห็น

นีทคุง 11 มี.ค. 65 เวลา 20:31 น. 2

ไม่ใช้แค่นักอ่านหรอก นักเขียนก็เหมือนกัน พูดตรงแฟนตาซีสนุกๆทีี่อ่านแค่ตอนแรกก็รู้กระตุกจิตกระชากใจเดี๋ยวนี้นานๆทีกว่าจะมีมาให้เห็น (ไม่สิไม่ใช่นานทีนะ แต่นานมากๆๆเลย) ส่วนใหญ่ก็มี แต่นิยายเก่าๆที่วนๆกันอยู่ พอผมอ่านจบก็ไม่รู้จะหาอะไรอ่านต่อแล้ว


ส่วนแฟนตาซีสาย สู้ๆบู้ๆ การเมืองการปกครอง วางแผนจัดทัพตีเมือง เทคโนโลยีโลกอนาคต หรือย้อยอดีตไปเป็นเจ้าลัทธิศาสนา หรือสายแฟนตาซีขั้นสุดที่ต้องร้องว่าพระเจ้าคิดได้ไง(ดีกว่างานญี่ปุ่นอีกนะขอบอก) แต่ที่ผมติดตามร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ไม่จบสักเรื่อง พอประกาศรีไรท์ทีหายยาวไปไม่กลับบางเจ้าก็ลบนิยายทิ้งด้วย(’-’ ) เศร้า~

1
PO-Wattana 11 มี.ค. 65 เวลา 20:41 น. 3

เอาตรง ๆ คือคุณภาพมันดรอปน่ะครับ คนเลยเลิกอ่านแล้วไปอ่านของนอกกันซะเยอะ เปิดศักราชของลูปนรกอันได้แก่

คนเริ่มแต่งแนวนี้ --- เจอคนอ่านน้อยเพราะคนที่อ่านแนวนี้หนีไปที่อื่นกันหมดแล้ว ---- เลิกแต่ง

หรือไม่ก็

เริ่มแต่ง ----- ขายไม่ออก เพราะแต่งไม่ดีพอ คนอ่านแนวนี้ส่วนใหญ่เป็นรุ่นเก่าที่ค่อนข้างจะอ่านมาเยอะ และค่อนข้างมาตรฐานสูง ---- ไม่มีคนตาม ----เลิกแต่ง/ดันทุรังต่อไป


เอาตรง ๆ หนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้คนแต่งนิยายไปต่อได้คือ Feedback ครับ พอคนแต่งไม่ได้รับ Feedback แล้วใจไม่แข็งพอก็เลิก พอเลิกก็ไม่มีให้อ่าน ไม่มีให้อ่านคนอ่านก็หนีไปที่อื่น วนเวียนไปจนกว่าแนวนี้จะกลับมานิยมในคนหมู่มาก

18
นีทคุง 11 มี.ค. 65 เวลา 20:57 น. 3-1

สุดท้ายก็เกิดอารมณ์อยากแต่งนิยายขึ้นมาเองใช้มั้ยล่ะ ของนอกก็อ่านมาหมดแล้วไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไทย ถ้าใช่นี้คุณอารมณ์เดียวกันกับผมเลย (*^ー゚)b


แต่พอมาแต่งนิยายเอง สายแฟนตาซีนี้มันยากกว่าที่คิดเยอะเลย ถ้าเขียนพลาดนิดเดียวออกทะเลยาวเลยอะกว่าจะกลับฝั่งได้ แถมแนวแฟนตาซีมันก็ไร้ขอบเขตด้วยต้องใช้จินตนาการสูงพอสมควร ไหนจะเรื่องอธิบายให้คนเข้าใจในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงอีก

ε-(≖д≖﹆) ขอนับถือนักเขียนแฟนตาซีสมัยก่อนเลย

0
PO-Wattana 11 มี.ค. 65 เวลา 23:47 น. 3-3

-เรื่องแต่งยากนี่ก็อีกส่วนหนึ่งของสาเหตุว่าทำไมไม่มีคนแต่งครับ

จากที่กล่าว ๆ กันมา คนที่โหยน่ะไม่ได้โหยแนวเก่า ๆ กันเท่าไหร่หรอก ที่อยากได้จริง ๆ น่ะคือนิยายที่มีความ "ซับซ้อน" ต่างหาก กล่าวคือมีลูกล่อลูกชน มีความหมาย มีคติ มีการออกแบบตัวละครที่สมจริง มีการดำเนินเรื่องที่ซับซ้อนชวนให้คิด แต่คือ-ความซับซ้อนทางตัวละคร/พล็อต เนี่ย มันไม่ใช่ผง MSG ที่เพิ่มน้อยอร่อยน้อย เพิ่มมากไปสวรรค์แบบนั้นไง แต่มันเป็นของที่ไม่ดีก็เน่าไปเลย ไม่มีตรงกลางน่ะ

คุณนึกสภาพนะ ระหว่างนิยายที่ดำเนินเรื่องตรงแหน่ว ตัวละครดาด ๆ พอมาตรฐานให้อ่านสนุก แต่ทำให้ครบสมบูรณ์ได้ กับนิยายที่พยายามซับซ้อน ตัวละครที่พยายามจะลึกซึ้ง แต่ไปไม่ถึงแล้วมีข้อบกพร่องโผล่มารัว ๆ อันไหนมันจะอ่านเพลินกว่ากัน แน่นอนว่าต้องแบบแรก แล้วอย่างที่รู้กันว่าส่วนใหญ่ที่แต่งกันตอนเนี้ยมันมาจากนักอ่านรุ่นเก่าที่เสี้ยนจนมาแต่งเอง (รวมผมด้วย) ใช่ ส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ ใช่ ส่วนใหญ่โหยหาพล็อตซับซ้อน และก็ใช่ ส่วนใหญ่ไม่มีสกิลพอจะคุมความซับซ้อนของพล็อตได้ จึงเกิดเป็นมหกรรมรัดคอฆ่าตัวตายแบบหมู่คณะ จากนั้นจึงมารํ่าร้องกันภายหลังว่าทำไมไม่มีคนอ่านเรื่องตรูวะ!! (และใช่ ผมก็หนึ่งในนั้น) แถมให้อีกข้อคือปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดช่วงต้นเรื่อง ทำให้แม้ว่าตอนกลาง ๆ เรื่องจะดีขึ้น แต่คนที่ทนอ่านช่วงต้นไปได้จนถึงตรงกลางก็น้อยแล้ว วิธีแก้ก็มีแค่รีไรท์ให้มันดีขึ้น(หรือทำช่วงท้ายให้โคตรดีจนคนชมปากต่อปาก แล้วพยายามฝ่าไปจนถึง แต่เคสนี้มันก็มีน้อย) แถมรีไรท์แล้วก็ใช่ว่าจะแก้ปัญหาได้ทุกจุด ดีไม่ดีเสียเวลาเพิ่มเปล่าประโยชน์อีกต่างหาก บางคนที่ธาตุไฟแตกซ่านตรงนี้ก็จะเข้าลูปรีไรต์นรก ไม่ได้กลับมาอีกเลย



0
PO-Wattana 11 มี.ค. 65 เวลา 23:51 น. 3-4

Conclusion - เออ ถ้าจะแต่งสายนี้ แล้วแต่งเรื่องแรก โอกาสเกิดแบบโคตรปัง ๆ ๆ น้อยมากครับ ส่วนหนึ่งก็กระแส แต่อีกส่วนก็ฝีมือด้วยนั่นแหละที่ยังไม่ถึงขั้น ทางทีดีถ้าจะแต่งแนวนี้ควรแต่งเป็นเรื่องสั้น ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์ แล้วค่อยไปทำเรื่องยาวในตอนที่ฝีมือมีพอแล้ว หรือถ้าเผลอตัวทำเรื่องยาวไปแล้วก็ดันให้จบให้ได้ เพราะต้นเรื่อง กลางเรื่อง มันจะมีปัญหาให้เรียนรู้ไม่เหมือนกัน ถ้าเริ่มแค่ต้นเรื่องละเลิก/รีไรท์ ไปเรื่อย ๆ ฝีมือจะไม่พัฒนาเท่าที่ควร


GLHF //พับไมค์

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 00:08 น. 3-5

เอาจริงๆนะ แฟนตาซีมันไม่ถือกระแสอะไรขนาดนั้นหรอ ขอแค่ลงถี่ๆจนติด top หมวดได้คือยิ่งยาว มันเป็นระบบเว็บเด็กดีเลยไอที่ต้องลงถี่ๆคนอ่านจึงจะเยอะ กระแสแฟนตาซีจริงๆแล้วไม่มีหรอก อยากแต่งอะไรแต่งไปเลย


มีอย่างเดียวคือจะเขียนมาให้นักอ่านกลุ่มไหนอ่านพอ หญิง หรือ ชาย หรือ สายซีเรียส เพราะคนรักแฟนตาซีจริงๆอะอ่านทุกแนว เพราะมันไม่มีอะไรจะอ่านแล้วนี้คือความจริงของนิยายแฟนตาซีตอนนี้ ヽ(´`。)ノ


และอีกอย่างผมถูกใจคำว่า รัคคอฆ่าตัวตายคณะหมู กดไลค์เลย

0
PO-Wattana 12 มี.ค. 65 เวลา 00:14 น. 3-6

ส่วนใครที่อยากอ่านนิยายแนวแฟนตาซีแบบที่ได้กล่าวมาในเวปนี้ คือ เวทมนตร์ ยุโรป ยุคกลาง โรงเรียนเวท บารามอส เซวีน่าish เอาจริง ๆ มันก็มีครับ มีหลายเรื่องเลยด้วยดังที่จะเห็นเอามาเปิดแผงบ่อย ๆ แต่ถ้าเป็นงานที่ "ดีเข้าขั้น" และ "เพิ่งเขียนใหม่ไม่กี่ปีมานี้" ในเวปนี้...หายากครับ อย่างน้อยผมก็ยังหาไม่เจอ แต่ละเรื่องในแนวนี้ที่ผมได้อ่าน (นับรวมของผมเองไปด้วย ที่ผมยอมรับว่าหลายช่วงแต่งได้ไม่ดีเท่าที่ควร) ต่างก็มีข้อดีข้อเสียของตัวเอง หรือถ้าเอาแบบอ่านสนุกเฉย ๆ ยังไม่ต้องถึงขนาด Perfect ก็มีหลายเรื่องครับ...แต่ดอง/ลงไม่ถี่นะ//ขำแห้ง


https://www.dek-d.com/board/view/4032837/

อันนี้เป็นกระทู้ที่ว่าครับ มีกระทู้ทำนองนี้อีกเยอะ หาได้ไม่ยาก ผมเองก็เป็นพวกที่ลงโปรโมทบ่อย ๆ แต่ตอนนี้คือปลง(ฮา) ชาตินึงจะลงซะที ส่วนท่านใดสนใจจะเข้าไปอ่านเรื่องของผม ก็อยู่ในกระทู้นั้นแหละครับ จะสับจะอะไรก็ตามสะดวก ผมเองก็อยากโดนสับนิด ๆ เหมือนกัน

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 00:16 น. 3-7

อีกเรื่องนึงนิยายผมลากไป 100 ตอนกว่าจะเข้าเนื้อเรื่องจริงๆจัง ( ͡° ͜ʖ ͡°)


เขียนว่าจบภาคเมื่อไหร่แปลว่าเนื้อเรื่องจริงๆขนับตอนนั้นแหละ รู้มั้ยนี้ผมลงทุกศึกษาเรื่องจิตวิทยาเพื่อแต่งนิยายด้วยนะหรอกนักอ่านว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พออ่านไปยาวๆ ทุกอย่างที่คิดว่าไม่สำคัญทั้งหมดนั่งแหละคือสำคัญ


แต่ก็อย่างที่รู้ ผมเป็นมือใหม่ รัดคอฆ่าตัวตายคณะหมู (; ̄︶ ̄)

0
yurinohanakotoba 12 มี.ค. 65 เวลา 00:24 น. 3-8

เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ต้องการพล็อตซับซ้อน แต่ต้องการฟัง(อ่าน)สิ่งที่น่าสนใจ แบบเปิดมาหน้าแรกก็มีประโยคที่น่าสนใจทำให้อยากอ่านต่อ มันแค่นั้นเองนะ


ส่วนมาตรฐานอื่น ๆ มองข้ามไปแล้วถามคำถามหนึ่งแทนคือ ที่เขียนอยู่นี่รู้จริงในสิ่งที่กำลังถ่ายทอดให้ผู้อ่านแล้วใช่ไหม

คือไม่ว่าจะงานสร้าวสรรค์แบบไหน ถ้าไม่รู้จริงในเรื่องที่จะถ่ายทอดมันก็สร้างได้แต่ของไร้น้ำหนัก


ต่อให้เป็นเรื่องในจินตนาการก็ตาม ถ้าคุณไม่รู้ตัวละครนี่เป็นอย่างไร ไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวแบกอยู่ ไม่เข้าใจว่ากำลังสร้างเหตุการณ์แบบไหน จนถึงขั้นที่นักเขียนตอบไม่ได้ว่ากำลังเขียนอะไรแบบนั้นล่ะที่ผมเจออยู่ในกลุ่มคนที่มาเขียนแนวแฟนตาซี(ยุคที่เคยรุ่งเรื่อง)


0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 01:10 น. 3-9

คือใช้จินตนาการขั้นสูงสุดอะเลยบอกไม่ได้ว่าอีกหน่อยจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในทุกๆตอนที่เขียนจะเป็นการสร้างสะพานให้ตอนต่อไปๆ เหตุการณ์เกินจากตัวเอกเลยโดยแท้จริงเลยตอบไม่ได้ ถ้าแต่งพลาดก็ปล่อยให้พลาดไป แล้วให้ตัวเอกตามแก้ในสิ่งที่นักเขียนเขียนพลาด (づ ̄ ³ ̄)づ ( โยนขี้แบบเนียนๆ )


อาจริงๆผมเองก็ตอบไม่ได้ว่าตอนต่อๆไปจะเขียนอะไรต่อ ถึงจะเตรียมพล๊อตไว้แล้ว คือพล๊อตผลมันไม่ตายตัวอะ ผมจะดึงพล๊อตนู้นพล๊อตนี้เข้ามาตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอกในปัจจุบันและอดีต หากตัวเอกมามีพลังเกินคนพลังนั้นก็ต้องมีเหตุมีผล ( แต่วิธีการเขียนของผมจะเขียนให้นักอ่านมองข้ามสิ่งสำคัญที่สุดไป ) ( ไม่แปลกเลยที่คนจะไม่ค่อยเข้าใจ และอีกอย่างตอนเปิดเรื่องที่คนชอบพูดว่าทำไมผมถึงใช้คำว่า อากง อาม่า ทั้งที่ครอบครัวตัวเอกมีสายเลือดญี่ปุ่นไม่ว่าจะแบบบ้านหรือชื่อที่ตั้งเป็นภาษาญี่ปุ่น จริงๆแล้วนี่แหละคือสิ่งผมบอกตรงๆเหมือนคำใบ้ และคนส่วยใหญ่จะคิดว่าผมเขียนผิด ซึ่งความเป็นจริงมันคือแผนผมเอง ω・)


พอมีคนบอกว่าผมเขียนเรื่องนี้ผิด ผมก็แค่ตอบค้อมๆโดยการเอาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนในอดีตมา แล้วบอกเกี่ยวกับในสมัยก่อนจีนได้แพร่วัดถนธรรมดาไปทั่วทวีปเอเชียตะวันออก ( การตอบแบบนี้คือผมจะบอกตรงๆว่าผมจงใจเขียนผิดจ้า ที่พวกนายสงสัยนั้นแหละคือแกนเนื้อเรืองที่จะนำไปสู่ตอนจบ )


ถ้ามองข้ามไปแปลว่าคุณกำลังมองข้ามคำใบ้สำคัญที่สุดไปเลยนะ (ノ≧ڡ≦) ลงทุนเรียนจิตวิทยามาก็แบบนี้แหละ ส่วนเรื่องหยก ผี อะไรนั้นไม่ใช่เรื่องหลักหรอกมันเป็นแค่เรื่องเสริมเพราะผมมีความรู้เกี่ยวกับอะไรพวกนี้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้อยู่ว่า หยกแพง หยกถูก ดูไงและชนิดของหยก ความรู้แค่ครึ่งๆกลางๆ


ปากบอก ชิลล์แต่นิยายของผมโดยแท้จริงแล้วมันเป็น ความชิลล์ที่ซ่อนความลับเอาไว้อยู่

0
Mynaryn 15 มี.ค. 65 เวลา 12:19 น. 3-10

ตอบ 3-4


แง๊


เปิดเรื่องแรกก็เผลอตัวทำเรื่องยาวไปแล้ว

แถมค้นพบว่าฝีมือยังไม่ถึงขั้นแบบสุดๆไปเลย T^T


กำลังจะธาตุไฟแตกซ่าน ทำยังไงดี T^T

0
นีทคุง 15 มี.ค. 65 เวลา 12:25 น. 3-11

สู้ครับๆ แฟนตาซียาวๆเราหนีทะเลไม่ได้หรอก ผมนี้เชี่ยวชาญในการออกทะเลและกลับขึ้นฝั่งแล้ว


ก็เพราะคนเรามันมีความสุขทุกวันไม่ได้หรอก ผิดแผนได้ตลอดแหละ สิ่งที่ต้องทำคือเมื่อมันผิดแผนแล้วจะแก้ยังไงดีกว่า

0
A.L. Lee 15 มี.ค. 65 เวลา 13:29 น. 3-12

เอ่อ เราไม่รู้นะว่าคนทั่วไปมองว่ายังไง...แต่ที่แฟนตาซีออกทะเลเนี่ยแหละ คือสาเหตุที่เรา 'ไม่อ่าน' รวมถึงพวกการ์ตูน อนิเมะที่มันยาววววว แต่ไม่เห็นปลายทางก็ด้วย เอาง่าย ๆ แต่ละบท ควรส่งผลสำคัญต่อเรื่อง ไม่ใช่มีอีเวนต์มายาวหลายสิบตอน แต่ไม่ช่วยขับเคลื่อนเนื้อเรื่องหลัก ยกตัวอย่างแฮรี่ก็ได้เอ้า เจเค world buliding ละเอียดมาก มีเรียนคาถา มีไปฮอกส์มี้ด มีรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อยเต็มไปหมด แต่ถามว่าทำไมมันถึงไม่น่าเบื่อ ก็เพราะทุกอย่างมันเชื่อมโยงกัน พลาดไม่ได้ เรียกได้ว่าอ่านพลาดไปย่อหน้าเดียวคือจบ มันดีเทลถึงขั้นนั้นแหละ ถ้านิยายมันทำให้คนอ่านรู้สึกว่า อ่านข้าม ๆ ไปก็ได้ เราว่ามันยังไม่ดีพอ แต่ก็นานาจิตตัง ส่วนตัวแล้วคือมาตรฐานแบบนี้ และก็เอามาใช้กับนิยายตัวเองด้วย

0
นีทคุง 15 มี.ค. 65 เวลา 13:34 น. 3-13

ดูวันพีชเป็นตัวอย่างสิ ออกทะเลตลอดเรื่องตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบเลย 

s(・`ヘ´・;)ゞ ตลาดแฟนตาซีของผู้ชายเราก็จะอารมณ์แบบนี้แหละ ผมเลยบอกว่าผู้หญิงไม่ค่อยมาอ่าน ความชอบของแต่ละเพศและต่อละคนมันต่างกันนะ


เอาตรงๆจะ ผมไม่ได้ดูแฮรี่ ดูแค่ภาคเดียวอะดูแบบข้ามๆด้วย แล้วลืมไปแล้วด้วยว่าดูภาคไหนไป

0
A.L. Lee 15 มี.ค. 65 เวลา 13:39 น. 3-14

การ์ตูนโชเน็น ไม่ใช่ว่าไม่อ่านนะ ก็อ่าน สมัยก่อน มันก็สนุกแหละ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีแรงจะมาตามขนาดนั้นแล้ว มีความรู้สึกว่า เมื่อไหร่จะจบสักที (วะ)

รสนิยมไม่ตรงกันจริง ๆ นั่นแหละ

0
A.L. Lee 15 มี.ค. 65 เวลา 13:41 น. 3-15

คือหลายเรื่องเป็นสิบปียังไม่จบ ท้อนะ

0
A.L. Lee 15 มี.ค. 65 เวลา 13:44 น. 3-16

บางเรื่องที่ชอบมาก ก็โดน สนพ. เทด้วย โคตรช้ำใจ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-03.png

0
นีทคุง 15 มี.ค. 65 เวลา 13:48 น. 3-17

แฟนตาซีตลาดผู้ชายเรา ถ้านักเขียนไม่ตายซะก่อน นักอ่านนี้แหละตายก่อน


ตัวอย่างเช่น ในกรณียูเครนอะ (ノД`)・゜・。 พวกเขาตายโดยที่ยังไม่รู้เลยว่า one piece คืออะไร

0
PO-Wattana 16 มี.ค. 65 เวลา 09:37 น. 3-18

มันไม่จำเป็นครับ ว่าพอเป็นแนวนี้แล้วต้องออกทะเล เรื่องที่ดี แมส และไม่ออกทะเลเลยก็มีถมไป หนีทะเลทำได้ครับ แค่ต้องมีการวางแผนที่ดีก็เท่านั้นเอง

0
yurinohanakotoba 11 มี.ค. 65 เวลา 21:39 น. 4

มีนิยายที่ดี นิยายที่สนุก เขาก็อ่าน

ที่ผมตามอยู่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักเขียนเก่า ที่เขียนเรื่องดัง ๆ ตั้งแต่ตอนผมอยู่ประถม :P

ส่วนนักเขียนใหม่ ๆ ที่เขียนแฟนตาซี ถ้าเจอก็พยายามอ่าน

แต่ยอมรับเถอะว่ามัน "ไม่สนุก" ถึงไม่มีคนอ่าน

การเล่าเรื่องสู้นิยายจีน นิยายเกาหลีไม่ได้ แล้วจะหวังให้คนอ่านได้ยังไง


มีเรื่องสนุกก็แนะนำได้นะ อยากอ่านงานดี ๆ อยู่แล้ว





1
Ciel En Rose 11 มี.ค. 65 เวลา 22:00 น. 5

ฮือ ร้องไห้เลย

เราอยากบอกว่าเราเขียนอยู่ค่ะ แฟนตาซีเวทมนตร์ และโรงเรียน แต่มันไม่ใช่แนวแมสหรือกระแสเลยค่ะ คนอ่านก็ลดหลั่นไปตามตอนที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งติดเหรียญก็ยอดวิวต่ำเหลือเกินค่ะ ตอนนี้คือใช้ใจในการเขียนอย่างเดียว อยากเขียนให้จบค่ะ และรู้ซึ้งเลยแฟนตาซีแนวนี้แต่งยากจริง ๆ ค่ะ ขอหวังว่าจะพอมีคนอ่านติดตามบ้างก็เท่านั้น นอกจากนี้คือแต่งให้ตนเองอ่านค่ะ เพราะตอนเขียนสนุกมาก ถึงแม้เราจะสนุกเองก็เถอะ ขอให้นักอ่านที่ชอบสนุกกับนิยายของเราด้วยนะคะ

2
A.L. Lee 11 มี.ค. 65 เวลา 22:24 น. 6

เอาตรง ๆ นะ เราไม่ใช่สายแฟนตาซีไทยมาแต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ แค่ชื่อก็ปวดหัวแล้ว สร้างชื่อแผลงเสียงมาเองจนรู้สึกว่า ...นี่มันภาษาอะไร คืองานแฟนตาซีเรามาตรฐานสูงเลเวลแฮรี่ LOTR GOT ไม่ได้เลเวลนั้นคือไม่อ่าน =w= มีนิยายแฟนตาซีไทยเรื่องไหนทำได้เลเวลนั้นบ้าง ใครมีก็บอก? ที่อ่านได้บ้างคือวายแฟนตาซีค่ะ แต่ก็จะเน้นความรักหน่อย ไม่ใช่แฟนตาซีสู้กันอลังการแบบนั้น



20
นีทคุง 11 มี.ค. 65 เวลา 22:41 น. 6-2

ปกติเลย แนวแฟนตาซีส่วนใหญ่ผู้ชายจะเกาะกันเยอะ โดยเฉพาะเรื่อง สู้ๆ วางแผน เล่ห์กล ฮาเร็ม พอผู้หญิงมาอ่านก็จะอารมณ์แบบที่คุณว่านั้นแหละ


และถ้าไปโดนนิยายแฟนตาซีสายดาร์คเต็มสูบละก็อ่านไม่ไหวแน่นอน แบบปลาใหญ่กินปลาเล็กและไม่มีคำว่า ปราณี งานแบบแฮรี่ถือว่าเป็นงานที่ซอฟมาก ถ้าไปเทียบกันแฟนตาซีโดยปกติ


ส่วนแฟนตาซีที่เปิดรับทั้งเพศหญิงและชายนี้ ก็แบบแฮรี่นั้นแหละ หรือไม่ก็ marvel อะ

จากนั้นก็เอาไปเทียบกับ โจ๊กเกอร์ แบทแมน พล๊อตเรื่องแบทแมน มาถึงก็พ่อแม่ถูกฆ่าแล้วกับเมืองที่เต็มไปด้วยโจรและผู้ก่อการร้ายการถูกฆ่าและขมขื่นจึงถูกพบเห็นได้ทั่วไป แนวแฟนตาซีมันก็โหดแบบนี้แหละ


0
A.L. Lee 12 มี.ค. 65 เวลา 09:06 น. 6-3

แฮรี่มันวรรณกรรมเยาวชนน่ะ จะให้เขียนดาร์กขนาดนั้นก็คงไม่ได้ไหม แฟนตาซีไม่จำเป็นต้องโหดเสมอไปสักหน่อย


คือยอมรับนะว่า ผญ.ส่วนใหญ่ไม่ชอบดาร์ก ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี น้องสาวเรานี่โคตรชอบงานดาร์ก ๆ เลย อย่าง Another ฮิกุราชิ 1984 หรืออย่างตัวเราก็ชอบสาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะมาก ไททันก็ดู การ์ตูนแนวจับคนมาฆ่ากันเราก็อ่าน ซีรีส์สืบสวนฆาตกรต่อเนื่องฉากโหดก็ดูเป็นว่าเล่น นิยายที่ตัวเอกตายตอนจบเราก็อ่านหลายเรื่อง หรืออย่างแบทแมน โจกเกอร์ หรือซีรีส์ Gotham นี่เป็นอะไรที่ธรรมดามากสำหรับเรา เพียงแต่พอโตขึ้นมา วัน ๆ กลับมามันก็เครียดมากพอแล้วชีวิต ก็อยากหาอะไรที่มันเบาสมองอ่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่อ่านเลย นี่มีลิสต์ promise neverland อยู่ รอว่างแล้วจะไปไล่อ่านเนี่ย


ที่สำคัญคือ เรื่องที่มันดาร์กได้ดี มันเขียนยาก การจะดาร์กใช่จะสักแต่ว่าใส่ฉากโหด ๆ มาในเรื่องแล้วมันจะได้นะ มันต้องมีอิมแพ็คบางอย่าง ต้องส่งผลต่อเนื้อเรื่อง หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวละคร แล้วเขย่าจิตใจของคนอ่าน สักแต่ว่าใส่มาเราไม่นับ


ปล. นิยายที่เต็มไปด้วยฮาเร็มหญิง เขาก็มีเป้าหมายอยู่แล้วว่าจะให้ผู้ชายอ่านน่ะ ผู้หญิงไม่อ่านก็แปลกไหม


0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 10:04 น. 6-4

มันมีช่วงหนึ่งอะแฟนตาซีมีแต่แนว ดาร์กๆ เครียดๆ และผมก็มาอ่านนิยายไทยช่วงนั้นพอดี พวกนิยายเบาๆนี้แทบไม่มีเลย แต่ก็เพราะนี้เป็นเว็บเด็กดีเลย ดาร์ก ได้แค่พอประมาณไปสุดประตูไม่ได้ แล้วแนวแบบนั้นก็จะอยู่ในแค่กลุ่มคนที่ชอบ เพราะเนื้อหามันดาร์กเกินและซับซ้อนเกิน(และไม่ใช่แนวนักสืบด้วย) (อารมณ์แบบ Jack the Ripper โดยไม่มีนักสือและตัวแจ็คคือตัวละครหลัก) จนเอาออกมาทำเป็นหนังซีรีส์ให้คนทั่วไปดูไม่ได้ ( แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ที่ผมว่ามา มันจบไม่สวยสักเรื่องแถมมีลบนิยายทิ้งด้วย )


ผมก็เลยคิดว่าส่วนใหญ่แฟนตาซีไปทางดาร์กๆ เรื่องที่ชีวิตปกติแล้วดีไปหมดตามหลักโลกความเป็นจริงนี้ผมไม่ค่อยเจอ ตอนผมเขียนนิยายแล้วมีผู้หญิงมาอ่านผมก็ตกใจเหมือนกันนะบอกเลย ถึงกับต้องยั้งมือไว้ก่อนที่จะเข้าแผนที่วางไว้เลยอะ


แต่ก็อย่างว่าผมเป็นมือใหม่เพิ่งหัดเขียนนิยายจริงๆจังๆได้แค่ 4 เดือนกว่าๆเอง

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 10:10 น. 6-5

ตอนมาอ่่านนิยายไทยแรกๆ ผมโดนแต่แบบนี้เลย จนแบบว่าต่อให้เรื่องมันซับซ้อนแค่ไหนผมก็อ่านเกมออกได้ในทันทีอะ คืออยู่ระดับที่ไม่เครียดตามเรื่องแล้วอะ มันชินชาไปแล้ว

0
PO-Wattana 12 มี.ค. 65 เวลา 12:12 น. 6-6

ถ้าเอาแบบดาร์คและเครียดและ "ดี" ในไทยตอนนี้ โอเค อันนี้โจทย์ยากละ คือ-ที่ขายตัวเองว่าดาร์คน่ะมี แต่มันเป็นดาร์คแบบ "โอ้ กูจกลูกตา-ออกมาดูเล่นนะ" "อ๊าก เลือดสาด อ๊าก ๆ ๆ" "กูจะเอาไส้-มารัดเสานะ เพราะกูชั่วช้าจิตวิปริตยังไงล่ะ 55555" อะไรทำนองนั้นน่ะครับ 


เรื่องที่ดูจะหม่น ๆ แล้วโอเคล่าสุดที่ผมอ่านในเวปนี้ก็ Nelf กะ ราชันย์สลายกาล ของตาสีสันคล้าว แต่แกก็ดองไปแล้วอะนะ


ส่วนถ้าบอกว่าเฮ้ย! คุณแค่ยังหาไม่ดีพอรึเปล่า! ผมเคยไล่ลิสนิยายอัพเดตล่าสุด 100 หน้ามาแล้วครับ...ไม่เจอเรื่องที่ถูกใจแม้แต่เรื่องเดียว หรือผมแค่เรื่องมากไปเองก็ไม่ทราบนะครับ//ขำแห้ง ตอนนี้เรื่องที่อ่านอยู่ก็เหลือแค่ MSO เรื่องเดียวละ 


ปล. ส่วน-นิยาย "เลือดสาด น่ากัว อ๊าก ๆ" ที่พูดถึงนี่ยอดวิวเป็นแสนเลยนะเออ แสนแบบน่าฉงนสงสัยในมนุษยชาติมาก ไม่ขอกล่าวถึงละกันครับว่าเรื่องไหน เดี๋ยวจะโดนแขวนประจานเอา



0
IzaBelle 12 มี.ค. 65 เวลา 14:06 น. 6-7

อ่านไปอ่านมาก็เหมือนมาแบ่งแยกชายหญิงกันเสียแบบนั้น มันก็ไม่ใช่ทุกคนไหม เพศไม่ได้กำหนดขอบเขตความชอบดาร์กได้แค่ไหนไหม และอีกอย่าง Harry Potter จัดอยู่ในวรรณกรรมเยาวชนจะให้ดาร์กถึงขั้นจิตตกกันได้ยังไงล่ะ ในเมื่อหมวดของมันคือเยาวชนอ่านได้ ถ้าไปดาร์กกว่านี้ก็ต้องไป 18+ กันแล้วไหม


งงกับควาเห็นของคุณนีทคุงนิดหน่อยนะ มีผู้หญิงเข้ามาอ่านแล้วทำไมต้องยั้งมือก่อน ทำไมไม่ให้ผู้อ่านเป็นคนตัดสินเองว่าเขาจะไปต่อกับนิยายคุณไหม ถ้าเขาไปต่อกับคุณก็แสดงว่าเขาก็มีความชอบระดับนั้น คุณจะได้นักอ่านเพิ่มอีกคนด้วยซ้ำ แต่ถ้าเขาไม่ไปต่อก็แค่ปล่อยเขาไป เพราะยังไงคนเราก็เขียนนิยายที่ถูกใจทุกคนไม่ได้อยู่แล้ว

0
IzaBelle 12 มี.ค. 65 เวลา 14:16 น. 6-8

อ้อ อีกอย่างหนึ่ง 'ปรานี' สะกดแบบนี้ ปราณีตัวนี้จะเป็นคำนามแปลว่า คนสัตว์สิ่งของ เดี๋ยวนี้เห็นคนใช้ผิดกันแพร่หลายมากจนเริ่มคิดอยากจะตั้งกระทู้เตือนกันสักที จะดีไหมหนอ

0
IzaBelle 12 มี.ค. 65 เวลา 14:22 น. 6-9

งงกับเด็กดีจริงๆ ทำไมปุ่มแก้ไขหาย (โว้ยยย) ปราณีคือคนกับสัตว์ (มีชีวิต มีลมหายใจ) ไม่รวมสิ่งของสิ

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 14:26 น. 6-10

คือสิ่งที่จะสือในนิยายของผมมันดันออกไปผิดกลุ่มอะ ดาร์ก ของผมมันไปทางการเล่นกับความรู้สึกของคน มันไม่ใช้การฆ่าคนนะ แต่มันไปทางการเล่นกับ ความรู้สึก เล่นกับหัวใจ และ โศกนาฏกรรม และหน้ากาก เช่น การโดนคนที่ไว้ใจที่สุดทรยศ ที่นี้คือผมให้นักอ่านเห็นตัวละครนี้กันไปตลอดยาวๆ แล้วค่อยเปิดไพ่ ( พล๊อตจริงๆที่ผมจะเขียนคือมันต้องเต็มไปด้วยการหลอกลวงอะ )


( ตอนต้นเรื่องผมยังหลอกตัวเองไปด้วยเลย ว่าเรื่องนี้มันไม่ซีเรียส ) ( แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย จะหลอกนักอ่านต้องหลอกตัวเองก่อน สุดท้ายหลอกเนียนเกิด )


เหมือนกับในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แล้วอยู่ๆก็เข้ามีพายุเข้าแบบไม่ให้ได้ทันได้ตั้งตัว


เพราะต้นเรื่องโรยด้วยกลีบกุหลาบ(เหมือนผมหลอกคนให้มาอ่านอะ) แต่พอเข้าเนื้อจริงๆ มันจะเริ่มไม่ใช้กลีบกุหลาบ นี้คือสิ่งที่ผมหวังไว้นะ แต่สิ่งที่ออกไปไม่รู้ได้ถึงครึ่งหรือเปล่า การเขียนกับการบรรยายยังไม่เก่ง


รู้สึกผิดอะเลยไม่กล้าเปิดไพ่ 。゚(TヮT)゚。

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 14:34 น. 6-12

แล้วหลังจากตอน 150 ไปจนถึงตอนจบนี้คือมันต้องเข้าฉากซีเรียสแล้วไง

(ノД`)・゜・。


คือคนที่มาติดตามตอนต้นเรื่องคือโดนผมหลอกหมดเลยอะ (シ_ _)シ

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 14:41 น. 6-13

ถ้าคนอ่านสังเกตดีๆจะพบว่าชีวิตตัวเอกดีมาก ครอบครัวก็ดีพลังก็ดี ชีวิตก็ดี แต่ตัวละครอื่นที่ไม่ใช้ตัวเอกน่ะ ประวัติศาสตร์เคยจกเรื่องแย่ๆมาหมด คือผมเขียนให้โลกของผมว่ามันเป็นโลกที่ไม่สวยงามน่ะ


แล้วใช่จิตวิทยาหลอกให้คนมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป นี้แหละต้นเหตุที่ทิ้งตอน 150 ไว้นานแล้ว ไม่กล้าเปิดไพ่

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 14:52 น. 6-15

ถ้าดาร์คเสมอต้นเสมอปลาย มันไม่อินเท่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ให้ทันได้ตั้งตัว แล้วที่สิ่งที่เคยมองข้ามไปทั้งหมดจะปรากฏ (இ﹏இ`。)

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 14:56 น. 6-16

ตอนแรกว่าจะเอาแบบเพลง this is america ( อย่างมองคนร้องนำให้มองฉากหลัง )


แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว (シ_ _)シ

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 15:40 น. 6-17

ฮะ ขอสารภาพตอนเขียนแผนตอนหลังจาก 150 เป็นต้นไป ผมยังรู้สึกกลัวตัวเองเลยที่คิดอะไรแบบนี้ออกมา (; ̄Д ̄)


แบบนี้เข้าเรียกดาร์คได้หรือเปล่านะหรือควรเรียกว่าหักมุมดี

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 15:48 น. 6-19

อ้าวลบแค่อันล้างสุดเพื่อโพสต์ซ้ำกันมันดันหายหมดเลยรึ


( โผล่กลับมาใหม่เฉยเลย นี่มันอะไรเนี่ย )

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 17:28 น. 6-20

นิยายแบบ [ loss of god ] เทพมารเดียวดาย ของ NonnoNStepeR


ขนาดเรื่องเขาแต่งจบไปนานแล้ว ผมยังจำตอนจบของเขาได้ดีอยู่เลย คือมัน ตราตรึงใจ


д・) และปวดตับมากด้วย

0
Kanom-Puifai 11 มี.ค. 65 เวลา 22:42 น. 7
ชอบอ่านนิยายแนวแฟนตาซีค่ะ ชอบอ่านมากจนต้องหันมาเขียนเอง ส่วนเรื่องจำนวนคนอ่านนั้นไม่ต้องพูดถึง 555

แต่ก้จะพยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆ

ลองไปอ่านได้นะคะ https://writer.dek-d.com/Kanom-Puifai/writer/view.php?id=2288898

อ่านไม่ลึกลับซับซ้อนเท่าแฮร์รี่ แต่ก็มีเรื่องให้ลุ้นตลอดๆ

1
SilverPlus 12 มี.ค. 65 เวลา 04:32 น. 8

นักเขียนชั้นครูหรือแนวหน้าของประเทศที่มีพลังอุดหนุนนิยายแฟนตาซีไม่อยู่แล้วนะสิ และไม่มีใครสืบสานเจตนารมย์ต่อจากนักเขียนรุ่นพี่ๆเลย จึงขาดการสนับสนุนอย่างแรง จริงๆนิยายแฟนตาซีสนุกยังพอมีอยู่ แต่นายทุนไม่ยอมสนับสนุนนะสิ

0
tongfar 12 มี.ค. 65 เวลา 07:11 น. 9

ในฐานะนักอ่าน คงเรียกได้ว่าตัวเองเรื่องมากขึ้นเพราะทั้งอ่านและเขียนมาเยอะ ผลก็คือหานิยายที่โดนใจจริงค่อนข้างยาก ไม่ใช่แค่ในไทยแต่รวมถึงของ ตปท. ด้วยครับ


ถึงอย่างนั้นความชอบก็ทำให้ควานหาเรื่องอ่านไปเรื่อยอยู่ดีนั่นแหละ! แฟนตาซีฝั่งฝรั่งก็ยังทรง ๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหนังสือระดับปรากฏการณ์นี่เขียนยากนะครับ ไม่ได้เขียนกันได้ตลอดเวลาที่ต้องการ (ฮ่า ๆ) ของไทยเราคนเก่า ๆ ก็ยังสร้างงานกันอย่างต่อเนื่อง และยังรอจุดเปลี่ยนยุคสมัยกันอยู่ ฝั่งเกาหลีกับจีนเรียกได้ว่ากำลังมาอย่างแท้จริง ซึ่งใครชอบเรื่องขมวดปมเข้ม ๆ ก็มักไปทางเกาหลี แต่ที่มองว่าดรอปจริง ๆ น่าจะเป็นงานฝั่ง ญป มากกว่า ที่หาเรื่องโดนใจยากเหลือเกินในยุคนี้ (ลูกพี่จะไปล่าทาสต่างโลกกันลูกเดียวเลย)


ย้อนกลับมาในฐานะคนเขียน ก็คิดว่ายุคสมัยเปลี่ยน คนแสวงหาสิ่งใหม่กันไปเรื่อย แฟนตาซีปัจจุบันก็เปลี่ยนจากแนว โรงเรียน แนวเกม etc. จนตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น แฟนตาซีจีน เมื่อตลาดใหญ่อยู่ตรงนั้น คนเขียนก็เลยเขียนแนวที่ติดลมบนมีจำนวนประชากรคนอ่านสูงมากกว่ากันก่อน ซึ่งก็นับเป็นเรื่องปรกติครับ


ส่วนตัว ผมก็ยังเป็นคนที่เขียนแต่แนวแฟนตาซี ไม่ยอมย้ายไปไหนสักทีเนื่องจากความชอบนั่นแหละ เป็นพวกเขียนสิ่งที่ตัวเองอยากอ่าน ก็เขียนเองอ่านเองไปเรื่อย จำนวนคนอ่านก็ทรง ๆ ไม่ได้หนีหายกันไปไหน และยังแวะเวียนกันเข้ามาเช่นเคย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี ซึ่งพอเขียนไปนานเข้า คนอ่านใหม่ในเรื่องก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลา แค่จะไม่หวือหวาเท่าแนวนิยมเท่านั้นเอง

0
omen 12 มี.ค. 65 เวลา 09:11 น. 10
งั้นโฆษณานิยายของผมเองหน่อยละกันครับ


https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=2274808


เกิดใหม่เป็น-เจิด


หนุ่มกลับชาติเกิดใหม่ ที่ต้องการเอาควายเหล็กมาให้ชาวบ้านใช้ แต่ต้องเผชิญกับพวกภูตผีปีศาจในบ้านนา

1
DarkSoul. 12 มี.ค. 65 เวลา 09:47 น. 11

คนที่อ่านแฟนตาซีส่วนใหญ่เคยเสพผลงานดังๆมาแล้วจะมาตรฐานสูงคงไม่แปลก ฮือออออ

อีกอย่างเดี๋ยวนี้ถ้ายอดวิวไม่สูงสนพ.ไม่น่าจะรับความเสี่ยงตีพิมพ์ นิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่ไม่เคยจบในสองเล่มกันทั้งนั้น โลกมันกว้างใหญ่สเกลยิ่งใหญ่เรื่องที่ต้องเล่าหรือหยิบมาเล่นก็มีเยอะ พวกรูปเล่มนี่ถ้าไม่มีฐานแฟนคลับแน่นจริงๆไม่ค่อมจะพิมพ์กันหรอกค่ะ อาศัยปล่อยขายอีบุ๊คหรือรายตอนในแพลตฟอร์มมากกว่าTT แต่ก็เห็นด้วยนะแบบว่าพอบาร์สูงแล้วแฟนตาซีนักเขียนคนไทยคือน้อยมากจริงๆแบบที่มันส์ๆไม่เน้นความรัก แต่ก็ก็เข้าใจได้เพราะเน้นความรักมันขายออกได้ง่ายกว่า พื้นฐานการสร้างโลกไม่ต้องหนักหน่วงมาก เพราะถ้าเอาแบบเน้นผจญภัยแฟนซีเลยโลกต้องแน่น จะได้ดึงวัฒนธรรมที่แตกต่างมาสร้างความขัดแย้งมาเขียนขายของให้อร่อยได้นี่ยากจริงๆ เราก็สายเขียนแฟนตาซีแต่ก็ 5555555

0
ErudiTo 12 มี.ค. 65 เวลา 10:24 น. 12

ในฐานะที่เป็นนักเขียนฝีมือไม่ได้เรื่องคนนึงผมยอมรับว่าfeedbackค่อนข้างสำคัญเลยครับ

นักเขียนบางคนเค้าค่อนข้างsensitiveกับฟีดแบ็คมากครับ ยิ่งเป็นมือใหม่(หรือมือเก่าบางคน)ด้วยแล้ว


แบบบางทีเราลงนิยายไป มีคนอ่านราวๆสามสี่ร้อยแต่คอมเม้นต์ไม่มีเลย อันนี้ผมก็จะงงๆละว่าเอ... ตอนนี้เราเขียนได้ไม่ดีเหรอ มันแข็งๆไปรึเปล่าหรือรวบรัดไปรึเปล่า ทำไมไม่มีใครพูดหรือคอมเม้นต์อะไรเลย และก็จะเกิดอาการคิดมากหวาดวิตกละว่านิยายเรามันสนุกหรือยังไงกันแน่ หรือยอดวิวที่เห็นว่าเข้ามาเค้าแค่คลิกเข้ามาแล้วผ่านไป


เพราะงั้นผมอยากบอกในที่นี้เลยว่าคอมเม้นต์ให้เค้าเถอะครับ แค่คอมเม้นต์ว่า "พยายามเข้านะ" หรือ "เป็นกำลังใจให้นะ" แค่นี้ก็ทำให้เหล่านักเขียนเค้ามีพลังใจขึ้นมาแล้วล่ะครับ

5
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 11:05 น. 12-1

นิยายคุณไม่ได้แย่นะ ผมนี้เกือบกลายเป็นพี่หมีอะ แต่ดีเรียกสติทันไม่งั้นผมติดคุกไปแล้ว (๐॔˃̶ᗜ˂̶๐॓)

0
ErudiTo 12 มี.ค. 65 เวลา 11:13 น. 12-2

โอ้ ขอบคุณครับ แต่ฝูงพี่หมีก็ยังรับสมัครสมาชิกใหม่เรื่อยๆนะครับ ><

0
PO-Wattana 12 มี.ค. 65 เวลา 11:47 น. 12-3

นั่นแหละครับ =-= แค่เมนต์ว่าสนุกมาก ขอบคุณครับ หรือแสปมสติกเกอร์ก็ยังดีวะ

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 12:01 น. 12-4

มันติดอย่างเดียวคือชอบอ่านเงียบๆ ตอนผมอ่าน พูดตรงๆไม่เคยเมนต์เลย

ヘ( ̄ω ̄ヘ)อ่านเงียบๆถูกใจก็ซื้อนิยายเงียบๆ


แถมผมยังมี ID นักอ่านแยกไว้ด้วย ID นี้เอาไว้เขียนนิยายอย่างเดียว (〃 ̄ω ̄〃ゞ

0
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 12:10 น. 12-5

สูตรนี้เลยใน 100 คนจะมีคนเมนต์ 1 คน (*´=∀=) ที่เหลือจะเป็นสายเงียบเพราะตั้งใจอ่านอยู่

0
แพนด้าตาดำๆ 12 มี.ค. 65 เวลา 10:43 น. 13

ลองอ่านสามเรื่องนี้ดูนะ...

- Magic X Knight REVERSE(ตัวเอกเป็นจอมเวทกระจอกๆ ที่เกือบตายในสนามรบกับพวกมอนสเตอร์ แต่ถูกวิญญาณวีรสตรีช่วยย้อนเวลา+มอบพลังของตัวเองให้ไปเปลี่ยนแปลงอดีต เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลว่าตัวเอกจะเก่งเทพเกินไป เพราะสเกลพลังในเรื่องมันค่อนข้างบาลานซ์กับตัวละครอื่นๆ)

- กำเนิดราชันย์แห่งจอมเวท(แนวกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ตัวเอกเป็นคนของโลกนั้นอยู่แล้ว เดินเรื่องช้าแต่น่าติดตาม ตังเอกเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่เสียตรงที่บรรยายเยอะไปหน่อย อาจมีตาลายกันบ้าง)

- Legend of the Magician เปิดตำนานจอมมนตราสะท้านภพ(เหมือนเคยเห็นติด top 10 ของเดือนก่อน สนุกไม่แพ้สองเรื่องข้างบนเหมือนกัน เป็นแนวย้อนเวลากลับมาเก่งเทพ แต่ก็ไม่ได้เว่อร์เท่าเรื่องที่สอง ยังอยู่ในสเกลที่พอรับได้)

...

1
Rerore 12 มี.ค. 65 เวลา 12:00 น. 13-1

ไหงมันมีแต่แนวกลับมาเกิดใหม่พร้อมสกิลเพทซ่าล่ะนั่น

0
กระต่ายปากเเดง 12 มี.ค. 65 เวลา 16:06 น. 15

ในฐานะนักเขียน เรายังเขียนแฟนตาซีอยู่นะ แต่ในมุมมองนักอ่าน มันมีให้เลือกน้อย พอเจอก็ไม่สนุก เลยไม่อ่านกัน คนแต่งก็น้อยลง พอเจอพล็อตสนุกแต่ภาษาไม่สวยก็ไม่อ่านกัน

0
มัณทนา 12 มี.ค. 65 เวลา 16:44 น. 16

เราอยากจะอ่านนิยายแฟนตาซีไทยนะ

แต่ต้องเป็นแนวเพชรพระอุมา ล่องไพร มิติมหัศจรรย์ ตำนานเทพปกรณัม

ป่าหิมพานต์ และพวกวรรณคดีไทยเท่านั้น

เราไม่อ่านแนวพวกโรงเรียนเวทมนต์ จอมเวท ต่างโลก ระบบ เกิดใหม่ จอมมาร

2
นีทคุง 12 มี.ค. 65 เวลา 17:01 น. 16-1

sweet stories ของ kritmees ตอนประถม 200 - 350 แถวนี้แหละมั้งมีบทพูดถึงเรื่องป่าหิมพานต์อยู่ ผมอ่านนิยายของเข้าจบนานแล้วลืมจำไม่ค่อยได้



0
Mystic Paragon 12 มี.ค. 65 เวลา 16:55 น. 17

เห็นว่าช่วงนี้มีแต่แนวสลับเพศ+ยูริกันซะส่วนใหญ่เลยในหมวดแฟนตาซี เรียกว่าเห็นกันพริบๆเลย น่าจะเป็นยุคของทางนั้นแล้ว เสียดายที่เราไม่อินเท่าไหร่เลยไม่ได้อ่าน

0
Neo Queen 12 มี.ค. 65 เวลา 18:44 น. 18

เราก็คงเป็นเหมือนคนอื่นๆ คือ มาตรฐานสูงเกินไป (แล้ว)

เพราะโตมากับแฮร์รี่ เดอะลอร์ด เพชรพระอุมา บารามอส ฯลฯ

ยุคที่แฟนตาซีเฟื่องฟู

เลยหา-ที่ถูกใจไม่ค่อยเจอ

0
Hoshisora 12 มี.ค. 65 เวลา 20:02 น. 19

นิยายแฟนตาซีไทยที่คุณว่าเนี่ย คือนิยายแนวแฟนตาซี ที่แต่งโดยคนไทย ถูกไหมคับ ไม่ได้แบบว่าเป็นแนวไทย ๆ แบบ เพรชพระอุมา ดงพญาไฟ อะไรพวกนั้น ผมเข้าใจแบบนี้นะ


จะว่าไงดี คือแนวของนิยาย มันไม่ได้หายไปคับ แต่มันเปลี่ยนไป ทุกวันนี้นิยายแนวแฟนตาซีก็ยังมีอยู่ และที่คนไทยแต่งก็เยอะแยะ


สมัยก่อน ยุคของเรา ก็คือแนวโรงเรียน ถูกไหมคับ แฮรี่ เซวิน่า อาเทเซีย บารามอส อะไรบลาๆ ก็คือแฟนตาซีแบบหนึ่ง ที่มีคนไทยแต่ง


ทุกวันนี้ ก็เป็นแนวทะลุมิติ ต่างโลก ระบบอะไรก็แล้วแต่ ก็แฟนตาซีเหมือนกัน และก็มีคนไทยแต่งเหมือนกัน


เพราะงั้น แฟนตาซีไทยมันไม่ได้หายไปไหนคับ แต่มันเปลี่ยนร่าง เปลี่ยนรูปแบบไปเป็นอีกแนวตามสมัยนิยม เหมือนวงการเกม เกมแนว RTS (วางแผนรบ) มันไม่ได้หายไปไหนคับ แต่มันพัฒนาเป็นเกมแนว MOBA ก็เท่านั้น (วางแผนรบเหมือนกัน แค่คุมยูนิตเดียว)


ส่วนเรื่องฝีมือ/นิสัยคนอ่านเปลี่ยนไปด้วยไหม ก็ส่วนหนึ่ง แต่เราเอาปัจจัยนี้มาคิดรวมได้ยากคับ เพราะมากคนก็ต่างแนวคิด มีคนผีมือดี-แย่ เข้าออกวงการเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว



1
GGard 12 มี.ค. 65 เวลา 21:14 น. 20

เราก็ยังอ่านแนวแฟนตาซีอยู่นะ ในมุมมองของนักอ่าน เราคิดว่า มันก็ยังคงอยู่นะ แฟนตาซีคนไทยก็แต่งกันเยอะ ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปอะ มันเลยทำให้ การตีพิมพ์ มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นและก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเหมือนกัน แต่จะมีแบบ ความกังวลของนักเขียนบางท่านที่เห็นfeedback ตัวเองไม่เยอะเท่าที่ตั้งไว้ ก็จะไม่ตีพิมพ์ครับ บางคนก็ติดปัญหาที่ว่ากลัวจะขายไม่ออก แต่ที่เห็นตีพิมพ์กันเป็นเป็น การพรีออเดอร์จากนักอ่านครับ //ส่วนมาก ที่เราอ่านนิยายแฟนตาซีของคนไทย เราก็เอามาจากเว็บอ่านนิยายนี้แหละ มันจะหายากนิดนึง ถ้าจะหานิยายที่แบบตรงสเปคที่เราต้องการ แต่ถ้าเรารู้สเปคนิยายตัวเองลองไปหาดูพวกในe-book นิยายรายตอน ที่คนไทยเขียนก็เยอะ ครับ // ตอนนี้เราก็ติดนิยายแฟนตาซีของนักเขียนท่านนึงอยู่ครับ อ่านได้671ตอนละ ค้างหนักมาก 555555


5
บ้าตาย 13 มี.ค. 65 เวลา 19:34 น. 20-1

ไม่หรอกครับ คุณลองทำแฟนตาซีให้ทีนตามยุคสมัยดูก็ได้นะครับ

0
GGard 14 มี.ค. 65 เวลา 11:54 น. 20-3

เราหมายถึงการตีพิมพ์หนังสือ ยุคสมัยสมัยเปลี่ยนไปเยอะ มันมี พวกE-book E-book Reader แอพลิเคชั่นอ่านนิยายเข้ามาเยอะแยะ เห็นเจ้าของโพสต์บอกว่า ไปร้านหนังสือ มีแต่พวก "นิยายรักชายหญิง ชายชาย แฟนตาซีเห็นแค่พวกนิยายแปล" ><

0
pigrocket 12 มี.ค. 65 เวลา 21:46 น. 21

มือใหม่เข้ามาอ่านแล้วสยองเลยครับ ทำไมแนวแฟนตาซีคนอ่านเข้มจริงฮ่าๆ

หัดเขียนยอดคนอ่านน้อยอันนี้รับได้เขียนไปเรื่อยๆก็ต้องมีคนมาชอบบ้างเหละ

แต่เจอแฟนฟิคลงไม่กี่ตอนยอดอ่านหลักหมื่น ไลค์พุ่งกระฉูดนี้น้ำตาตกในเลยครับ

รู้สึกได้ถึงความแตกต่างทางชนชั้นแรงเว่อร์!!

1
เสียใจแต่ก็แคร์ 16 มี.ค. 65 เวลา 21:37 น. 23-1

เจ็บปวดเช่นกันครับ วางพลอตแทบตาย เขียนออกมาทีละบทกลั่นออกมาจากเลือดแต่ยอดคนอ่านน้อยนิดจนท้อ แถมยังโดนด่า ตอนนี้ผมเบรกไปแต่งแนวอื่นละเศร้า

0
Neo Queen 13 มี.ค. 65 เวลา 00:34 น. 24

เข้ามาอ่านมู้อีกรอบ...

นั่นสิ แฟนตาไทยซีมันหมายถึงอะไรหว่า

ต้องมีเวทมนตร์มั้ย หรือแค่เป็นโลกสมมติก็พอ?

ถ้านับพวกเข้าร่าง ย้อนอดีต ทะลุมิติ ระบบ เป็นแฟนตาซี ก็ยังถือว่าแฟนตาซีครองตลาดอยู่นะ 555

1
เสียใจแต่ก็แคร์ 16 มี.ค. 65 เวลา 21:39 น. 24-1

หมายถึงแฟนตาซีที่คนไทยแต่งพวกที่แบบเป็นโลกสมมติก็รวมด้วย ทุกอย่างที่ไม่ได้มีในความเป็นจริงนะครับ จริงๆ ผมก็เห็นแนวนั้นในเว็บนะ แต่ไม่ค่อยเห็นในงานหนังสือน่ะ เห็นแต่เรื่องเก่าๆ เว้นแต่จะเป็นแนววายแนวยูริอะไรแบบนี้ถึงจะเห็นบ้าง

0
ladybrook 13 มี.ค. 65 เวลา 11:33 น. 25

ฝากนิยายรักแฟนตาซีค่า

คำโปรย

ฉันตื่นขึ้นมาในร่างที่กำลังจะถูกขายให้เศรษฐี โชคชะตานำพาให้ฉันได้มาใกล้ชิดกับดยุคแสนเย็นชา เขาเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ฉันรอดพ้นจากการถูกขายและฉันก็เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาหนีจากความตายได้เช่นกัน!

https://writer.dek-d.com/INFP/writer/view.php?id=2280774

1
m13ss 14 มี.ค. 65 เวลา 01:16 น. 26

เราว่าแฟนตาซีไทยก็ยังอยู่นะ แต่มันคงไม่ใช่แฟนตาซีที่เรานึกภาพกัน มันก็อยู่ในรูปแบบของเกิดใหม่ ทะลุมิตินั่นแหละ อะไรที่เป็นกระแสคนย่อมแต่งตามอยู่แล้ว นี่ก็ยังแต่งแนวรร.เวทมนตร์นะ แต่ใส่คิวรอรีไรต์หลังเรียนจบ 555 ตอนนี้เลยแต่งแนวรักรอขายไปก่อน

1
jedi2550 14 มี.ค. 65 เวลา 07:38 น. 27

เขียนไม่จบจนขี้เกียจอ่าน เจอเทหลายเรื่องเกิน แต่พวกนิยายวาย นิยายรัก นิยายจีน ไม่ค่อยเทคนอ่าน

7
Miran/Licht 14 มี.ค. 65 เวลา 07:56 น. 27-1

อันนี้ใช่เลยค่ะ ประมาณพอคนอ่านน้อย ทั้งที่ความจริงคือแฟนตาซีเราชอบดองไว้อ่านทีเดียวมากกว่าถึงจะต่อเนื่องพอคุณคนเขียนเทบ่อยก็เซ็ง แนวอื่นไม่ใช่ไม่เท แต่แฟนตาซีนี่ที่รอดจนจบเรื่อง % น้อยกว่าเยอะ

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 08:00 น. 27-2

อันนี้จริง แต่ผมไม่ชอบ นิยายวาย นิยายรัก นิยายจีน และ แนวโรงเรียน แต่ถ้าเป็นจีนกำลังภายในอันนี้ได้อยู่


สงสัยรสนิยมผมมันแปลกเกิน เลยไม่มีอะไรให้อ่าน แถมเป็นคนจำพวกที่อ่านเร็วสุดๆด้วย 100 ตอนอ่านจบภายใน 2 ชั่วโมงอะ ไม่มีอะไรจะอ่านเพราะอ่านเร็วเกิน (เพิ่งทำสถิติใหม่มา )

0
Miran/Licht 14 มี.ค. 65 เวลา 08:14 น. 27-3

เราเป็นพวกอ่านช้า ๆ เพราะคิดตามแต่ละประโยคแต่ละบรรทัด ชอบคิดหาอะไรที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด พอมาเขียนเองเลยติดนิสัยมาด้วย


เวลาเจอนักอ่านบอกว่าอ่านร้อยกว่าตอน (ยาว ๆ) เราจบในเวลาวันสองวันก็คิดว่า นี่เขียนสั้นไปหรือเปล่า? ทำไมเขาอ่านกันเร็วจัง ตอนเขียนเขียนเป็นปี ๆ

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 08:32 น. 27-4

ผมอ่านเยอะ และรูปแบบการเขียนนิยายของแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกันเลยสักคน หมายถึงการ เว้นบรรทัด หรือการเขียบแบบ วรรณคดี หรือบางท่านก็เขียนให้อารมณ์เหมือนอ่านหนังสือประวัติศาสตร์


เวลาอ่านผมเลยจะมองเข้าไปในแกนเนื้อเรื่องแทน พวกรายละเอียดทีละตัวอักษรผมไม่ได้ใส่ใจมากหรอก(เขียนแบบไหนมาหรือใช่ภาษาแบบไหนผมก็ไม่เกี่ยงอ่านได้หมด) เลยทำให้อ่านแค่ไม่กี่ตอนก็รู้นิสัยของนักเขียนและเดาออกว่าเขาจะเขียนอะไรออกมาในตอนต่อไป


อ่านความคิดเดานิสัย สรุปผมรู้สิ่งที่นักเขียนกำลังคิด (ノ≧ڡ≦) เพราะแบบนี้เลยอ่านเร็วสุดๆ แต่ก็มีบางท่านนะที่ผมเดาไม่นิสัยไม่ออกเลยต้องอ่านละเอียดหน่อย แต่พอจับทางได้ผมก็รู้แล้วว่าอีก 20 - 30 ตอนข้างหน้าจะเป็นยังไง


งานศิลป์ส่วนใหญ่จะออกมาจากใจ มันเลยเข้าทางผมเลยอ่านความคิดง่ายเดานิสัยง่าย

0
A.L. Lee 14 มี.ค. 65 เวลา 08:47 น. 27-5

ส่วนหนึ่งเราว่ามันเป็นลูปนรกน่ะค่ะ

อยากเขียนแฟนตาซี >> สร้างโลกอลังการ มหากาพย์ห้าเล่ม สิบเล่ม >> พยายามลง แต่คนอ่านไม่มี หรือไม่ก็ธาตุไฟเข้าแทรก แก้ไปเรื่อย >> ท้อใจก่อนเขียนจบ >> เท >> คนอ่านไม่เชื่อถือ >> คนอ่านน้อยลง >> คนบ่นอยากหาแฟนตาซีอ่าน แล้วก็กลับไปเข้าข้อ 1 นิยายรัก นิยายวาย นิยายจีนโบราณ ส่วนใหญ่ 1-2 เล่มจบ มันเป็นความยาวที่พอจะกัดฟันเขียนจบได้แม้คนอ่านจะไม่มาก และเป็นความยาวที่เหมาะกับมือใหม่ ให้รู้จักขมวดปม รู้จักการเขียนให้จบ ซึ่งมันจะส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง ให่้เป็นนักเขียนสร้างผลงานต่อ ๆ ไปได้ด้วย แต่ถ้าคนเขียนแฟนตาซีวางแผนไว้ยาวแล้วเขียนกันไม่จบซะเยอะ สุดท้ายมันก็เลยไม่มีมือเก๋ามาพลิกวงการสักทีน่ะ

0
jedi2550 13 ต.ค. 65 เวลา 21:39 น. 27-7

นอกจากเจอเท เราเจอคำว่ารีไรท์ แล้วหายตัว สามสี่ปีเขียนไม่จบซักทีก็มี

อยากบอกคนเขียนว่า ถ้าจะรีไรท์ รอไปเขียนเรื่องใหม่เหอะ เพราะถ้ารีไรท์ตั้งแต่ตอนแรก มีไม่กี่คนแหละที่จะยอมอ่านใหม่

0
A.L. Lee 14 มี.ค. 65 เวลา 08:49 น. 28

ก็อปจาก 27-5 มาแปะ

ส่วนหนึ่งเราว่ามันเป็นลูปนรกน่ะค่ะ

อยากเขียนแฟนตาซี >> สร้างโลกอลังการ มหากาพย์ห้าเล่ม สิบเล่ม >> พยายามลง แต่คนอ่านไม่มี หรือไม่ก็ธาตุไฟเข้าแทรก แก้ไปเรื่อย >> ท้อใจก่อนเขียนจบ >> เท >> คนอ่านไม่เชื่อถือ >> คนอ่านน้อยลง >> คนบ่นอยากหาแฟนตาซีอ่าน แล้วก็กลับไปเข้าข้อ 1


นิยายรัก นิยายวาย นิยายจีนโบราณ ส่วนใหญ่ 1-2 เล่มจบ มันเป็นความยาวที่พอจะกัดฟันเขียนจบได้แม้คนอ่านจะไม่มาก และเป็นความยาวที่เหมาะกับมือใหม่ ให้รู้จักขมวดปม รู้จักการเขียนให้จบ ซึ่งมันจะส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง ให่้เป็นนักเขียนสร้างผลงานต่อ ๆ ไปได้ด้วย แต่ถ้าคนเขียนแฟนตาซีวางแผนไว้ยาวแล้วเขียนกันไม่จบซะเยอะ สุดท้ายมันก็เลยไม่มีมือเก๋ามาพลิกวงการสักทีน่ะ

9
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 09:31 น. 28-1

ผมว่าเพราะแฟนตาซีมันเป็นแผนยาวด้วยล่ะ เลยมีโอกาสแต่งแล้วผิดแผนได้ตลอดเวลา


ยิ่งถ้าไปโดนเอาช่วงที่งานยุ่งๆผู้แต่งนอนไม่ค่อยจะพอ ก็มีโอกาสผิดแผนโดยไม่รู้ตัวได้ด้วยเหมือนกัน


นิยายผมเขียนจบไป 2 ภาค(ไม่กล้าพูดเล่มเพราะมีแต่คำผิด ยังไม่ได้แก้ไขแบบละเอียด) ที่จริงผมเริ่มผิดแผนตั้งแต่ช่วงท้ายภาค 2 แล้ว คือเผลอเขียนเนื้อหาเร็วเกินไป เพราะผมตั้งไว้ว่า 1 ภาคต้องมีจำนวนคำ 96,000 คำขึ้นไป


เข้าภาค 3 นี้เริ่มผิดแผนอย่างรุนแรงแล้ว ต้องพัก แล้วเริ่มว่างแผนใหม่ให้เชื่อมกับอันเดิมให้ได้อะ (´Д`。) น้ำตาจะไหล สโลแกนเดิมคือโรงงานผลิตกาว แต่ชีวิตช่วงนี้มันไม่กาวเอาเสียเลย มุขที่เคยเตรียมไว้น่ะมีแต่ถ้าเล่นตอนนี้มันจะกลายมุขแป๊ก

。゚(TヮT)゚。

0
A.L. Lee 14 มี.ค. 65 เวลา 09:50 น. 28-2

ที่เราพูดแบบนี้ เพราะเราเจอบ่อยนะค่ะ มีเรื่องนึงในเว็บที่เราอยากอ่านมาก ๆ แต่มันสามภาค สองร้อยกว่าตอนแล้วยังไม่จบ คือคนเขียนยังไม่เทนะคะ แต่ลงช้า เนื่องจากเขาทำงานแล้วด้วย ไม่ค่อยมีเวลาแต่ง เลยรอก่อน ให้จบแล้วค่อยอ่านทีเดียวดีกว่า ;w; >>> นี่แหละลูปนรก

ส่วนตัวแล้ว เราเขียนอะไรยาวมากไม่ได้ เพราะเคยลองแล้ว มหากาพย์ไตรภาคล่มไม่เป็นท่า ตอนนี้เลยหันมากเขียนแนวระบบหลายโลก แต่ละโลกก็ฝึกวางพล็อตไปด้วย หลังเขียนจบไปหลายโลกก็รู้สึกว่าตัวเองวางพล็อตเก่งขึ้นมาก ไม่มีอาการธาตุไฟเข้าแทรกอีก แถมมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย นี่ใกล้จบละ

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 10:00 น. 28-3

เท่าที่ผมเจอนะ แต่งแล้วหายไปเลยมีประมาณ 53 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 38 เปอร์เซ็นต์คือประกาศรีไรท์แล้วหายไปเลยไปไม่กลับ และอีก 7 เปอร์เซ็นต์คือนักเขียนที่มีปัญหาในชีวิตเกิดขึ้นเลยต้องจำใจทิ้งนิยาย 


2 เปอร์เซ็นต์คือนิยายที่รอดไปถึงฝัน สายแฟนตาซีแบบสุดๆที่ถึงขั้งสร้่างสิ่งที่ไม่สีอยู่จริงขึ้นมาและมีเหตุผลไม่ได้เกิดขึ้นมาแบบส่งๆมันสำเร็จยาก เหมือนต่างโลกอะ ที่สร้างโลกขึ้นมาใหม่เลย บางคนไม่อยากสร้างโลกก็ใช้วิธีการย้อนอดีตเอา เช่น ไปในยุคโบราณ หรืออยู่ในยุคปัจจุบัน จีนย้อนยุคที่มีพลังลมปราณ ฯลฯ


อะไรมีคำว่าพลังเหนือธรรมชาติ ผมนับเป็นแฟนตาซีหมดอะ


แล้วรู้มั้ย 7 เปอร์เซ็นต์ที่นักเขียนมีปัญหาในชีวิตนี้ มักจะสนุกในสายตาของผมด้วย

(ノД`)・゜・。

0
A.L. Lee 14 มี.ค. 65 เวลา 10:02 น. 28-4

อาการธาตุไฟเข้าแทรกของนีทคุง เราถามแค่อย่างเดียวค่ะ มีวางตอนจบไว้ยังไง ดึงเข้าตอนจบได้หรือเปล่า ถ้ามันยังไม่ออกทะเล ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

0
A.L. Lee 14 มี.ค. 65 เวลา 10:06 น. 28-5

ที่จริงก็เข้าใจนะ คนเราคิดโลกขึ้นมาทั้งที ก็อยากจะเขียนมันให้ยาว ๆ อลัง ๆ ไปเลย แต่สำหรับเรา แฟนตาซีไม่จำเป็นต้องยาวมากก็ได้ เราเหนื่อย แก่แล้ว ตามไม่ไหว ลดเสกลลงมาแล้วเอาให้มันจบเถอะ ///กราบกรานอ้อนวอน แบบ 3 เล่มอ่ะโอเค ถ้าจะยาวกว่านั้นต้องเป็นนักเขียนที่เรามั่นใจว่าเขียนจบแน่ ๆ และไม่ทิ้งช่วงนานเกินไป

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 10:08 น. 28-6

ถ้าจะดึงเข้าตอนจบให้อินๆต้อง อีก 50 ตอน เพราะภาค 3 คือภาคที่ต้องเล่าถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดของตัวเอกและโลกที่กำลังจะถูกกลืนกินว่าเพราะอะไรถึงจะเข้าภาค 4 ที่เป็นการว่างแผนรับมือและศัตรูที่เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาทีละเล็กละน้อย สุดท้ายภาค 5 คือภาคจบ (´Д`。) มันเป็นแผนยาวอะ แฟนตาซีรีบตัดจบไม่ได้

0
A.L. Lee 14 มี.ค. 65 เวลา 10:19 น. 28-7

ยังไงก็สู้ ๆ เอาให้จบนะคะ เป็น กลจ. ให้

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 10:20 น. 28-8

การออกทะเลของผมมันคือการทำให้รู้สึกผูกพันกับตัวละครเหมือนกับว่าจริงๆแล้วตัวละครนี้มันก็แค่คนๆนึง แม้แต่การออกทะเลก็ยังสำคัญอะ

0
MIDORAHAKI 14 มี.ค. 65 เวลา 10:26 น. 29

อ่านมาตั้งแต่ยุคบารามอส และเซวีน่าครับ แล้วก็ยังอ่านอยู่ เพราะนักเขียนคนเดิมก็ยังออกผลงานตลอดไม่ได้หยุดเลย พี่กัลฐิดา ยังออกผลงานต่อเนื่องมาทุก ๆ งานหนังสือครับ บางงานออกหลายเล่ม จนบางทีซื้อมายังอ่านไม่ทัน สมัยก่อนที่งานออกมาเยอะ เพราะเป็นยุคที่คนฮิตกันแบบนั้นครับ เขาก็เขียน ๆ ๆ ออกมา แต่จะหานักเขียนที่ออกผลงานต่อเนื่องมาจนตอนนี้ก็เหลืออยู่ไม่กี่คนแล้วครับ โชคดีว่านักเขียนที่เราตามเป็นคนที่ทุ่มเทชีวิตให้งานเขียนจริง ๆ เราเลยยังมีนิยายอ่านไม่ขาด ตอนนี้ยังมีซีรี่ส์ Witchoar ครับ ยาวมากมหากาพย์ รวมทุกซีรี่ส์ก็สิบกว่าเล่มแล้ว ลองหาอ่านดูได้ครับ

1
11-12 14 มี.ค. 65 เวลา 12:15 น. 30

ขึ้นกับเรื่องนะ นี้ชอบเรื่องสวนผักเทพสงคราม ถึงจะเป็นปลูกผัก แต่ก็แฟนตาชีจ๋าเลยละ และยังรอภาคต่อที่สนุกพอกันอยู่ แต่เห็นหลายคนว่านักเขียนเขาติดเหรียญแพงไป คนก็เลยไม่อ่านกัน

4
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 12:44 น. 30-1

เรื่องราคาก็เหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่ซื้ออ่านล่วงหน้าอะ


ผมก็โดนมาเหมือนกัน ซื้อล่วงหน้าเสร็จก็ไปซื้อแบบแพ็คต่อ จากนั้นก็ซื้อ e book ต่อ 

s(・`ヘ´・;)ゞ ยังไม่รวมคนซื้อเล่มด้วยนะเนี่ย


มันคือการรีดเงิน 4 ต่ออะ ถึงผมจะไม่คิดมากกับเรื่องนี้ก็เถอะ แต่นักอ่านท่านอื่นน่าจะมี แฟนตาซีมันเป็นเรื่องยาวบางเรื่อง 1000 ตอนบวกๆอะ

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 13:16 น. 30-2

แล้วถ้ามองตามค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบันบวกกับอัตราเงินเฟ้อ


ค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบันอยู่ที่ 331 บาทต่อวัน ข้าวเดียวนี้จานละ 50 บาท 3 มื้อเป็น 150 แล้วก็ ค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าบ้าน ฯลฯ Σ( ̄ロ ̄lll)


เริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมคนอ่านนิยายน้อยลง e-book 1 เล่มตั้งขายราคา 349 บาท ทำงานหนึ่งวันยังซื้อนิยายเล่มนึงไม่ได้เลย (*´=∀=)

0
นีทคุง 14 มี.ค. 65 เวลา 13:33 น. 30-3

เออผมลืมพูดไปเรื่องนึง เงินบาทไทยผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ถ้าประเทศสหรัฐเงินเฟ้อไทยก็ต้องโดนไปด้วย ถึงไทยจะมีเงินสำรองเป็นทองคำมาก แต่ยังไงแล้วไทยก็ต้องโดนเรื่องเงินเฟ้อไปด้วยอยู่ดี


สังเกตที่ค่าแรงที่ยังคงอยู่เท่าเดิม แต่ข้าวของแพงขึ้นดูสิ หรือไม่ก็เอาเงินไทยไปเทียบกับสกุลเงินอื่นที่ไม่ใช่เงินดอลลาร์สหรัฐ

0
Guilty16 14 มี.ค. 65 เวลา 18:58 น. 31

ยังเขียนอยู่นะครับ แม้คนอ่านจะน้อย (เพราะเขียนแนวอื่นไปด้วย) แต่แนวนี้แต่งเพราะใจรัก แต่งเรื่อย ๆ 555

1
ลูเซีย The jar&#039;s modeller 15 มี.ค. 65 เวลา 19:48 น. 32

เอาจริงๆ ยังชอบแฟนตาซีไทย แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยมีแบบถึงใจ

ส่วนใหญ่ที่แฟนตาซีถึงใจก็จะเป็นสายวาย ไม่รู้ทำไมพล็อตวายถึงได้แฟนตาซีสุดขั้วได้ขนาดนั้น



1
เสียใจแต่ก็แคร์ 16 มี.ค. 65 เวลา 21:49 น. 32-1

คนเขียนวายเก่งๆ เยอะมากกกก ผมจริงๆ ก็อ่านแต่วาย5555555555 แต่เขียนแฟนตาซีนอร์มอล ตอนนี้พักใจหลังไถมาถึงตอนที่30 จริงๆ อีก10ตอนก็เขียนจบแล้ว แต่โดนรี้ดด่าก่อนเลยหมดกำลังใจ(เพราะแต่เดิมก็ไม่อินนอร์มอลมาซักพักละ แค่เขียนตามหน้าที่สต็อกตอนไปอัพได้ถึงเดือน9 เลย) ตอนนี้เลยวาร์ปกลับไปเขียนวายละ ถ้ากระแสเรื่องนอร์มอลดีค่อยกลับไปแต่ง ตอนนี้อัพไปได้แค่สี่ตอนเอง

ผมบ่นยาวจังวะโทดที555 ช่วงนี้ดาวน์ง่ะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Alitalia 18 มี.ค. 65 เวลา 21:57 น. 37

ตอนนี้กระแสหลักมันเป็นแนวต่างโลกด้วยครับ คนก็ไปนิยมทางนั้นกัน ถ้าเป็นแฟนตาซีแบบเมื่อก่อนนี่ สำหรับตอนนี้ต่อให้เขียนดีก็ไช่ว่าจะกลับมานิยมอีก

0
KculnotKun 26 มี.ค. 65 เวลา 01:08 น. 39

ไม่น่าเลิกอ่านนะครับ ผมว่าคนก็อ่านอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้านับจากที่ชั้นหนังสือ ผมว่าอาจจะเป็นเพราะว่า สนพ.ไม่อยากรับความเสี่ยงที่จะตีพิมพ์มาแล้วเอามาวางชั้นโดยที่ไม่รู้ว่าคนจะซื้อหรือเปล่ามากกว่า ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีเข้าถึงง่าย การขายใน Ebook เลยง่ายกว่า ถ้าเข้าไปในนั้นก็จะเห็นอยู่หลายเรื่องเลยครับที่เป็นนิยายแฟนตาซี

แต่ก็นะ ผมว่าถ้านิยายออนไลน์ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบที่หลายๆคนว่านั่นแหละครับ

นักเขียนรุ่นใหม่ๆเริ่มต้นลงมือทำ->นักอ่านที่อ่านมานานแล้วมาตรฐานค่อนข้างสูงลองอ่านแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่พอ->ยอดน้อย ทำให้เริ่มหมดกำลังใจแล้วก็หายไปในที่สุด

ผมเองก็เป็นคนนึงที่ลองแต่งนิยายแล้วแรกๆก็เหมือนจะยอดเยอะ แต่รักษาคนอ่านไว้ไม่ได้จนตอนนี้ฐานแฟนคลับผมก็ทรงๆมีคนอ่านตอนละร้อยโดยประมาณ จริงๆคือมีช่วงที่ผมยุ่งจนหายไปเป็นปีคนเลยหายไปด้วยก็เถอะ 5555

แต่ดีที่ผมแต่งเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง ต่อให้ยอดน้อยผมก็จะลงอะนะ

แต่ผมก็แอบสงสัยอยู่นะว่า แนวนิยายที่ผมเนี่ย ตอนเริ่มทำนี่แทบหาอ่านไม่ได้ ทำไมตอนนี้มันเต็มไปหมดเลย จนตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าที่ยอดมันน้อยเป็นเพราะแนวเดียวกันมันเยอะหรือเปล่า 5555

0
Kalthida 26 มี.ค. 65 เวลา 10:46 น. 41

ถ้าให้พูดถึงมุมมองของคนที่เขียนแฟนตาซีมา 17 ปี ต้องบอกว่า ช่วงเวลาก่อนและหลังยุคแฮรี พอตเตอร์ คือ ระดับปกติของการบูมของนิยายแฟนตาซีค่ะ


แฟนตาซีมีความหลากหลายในพล็อตเรื่องมาก ถ้าตีความตามคำว่า "เหนือจินตนาการ" ทุกอย่างที่ไม่ใช่นอร์มอลก็คือ แฟนตาซีทั้งหมด การที่มีการแยกย่อยไป ก็เทียบได้กับแฟร์ชั่นช่วงนั้้นเป็นอะไร แต่ละยุคก็ชอบไม่เหมือนกัน แต่ขอให้ระลึกไว้ว่า อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว และยังมีึคนทำอยู่มันก็จะยังคงอยู่ต่อไป ไม่มีนิยายแนวไหนที่เกิดขึ้นแล้วหายไปจากโลกนี้ นั่นหมาความว่า นักอ่านที่อ่านแนวนั้นก็ยังมีอยู่เสมอ ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เราได้ใจพวกเขาหรือเปล่า


สาเหตุที่มีแฟนตาซีไทยให้อ่านน้อย หากบอกว่ามันเป็นเพราะกระบวนการเขียน ก็อาจจะเป็นการดูถูกการเขียนนิายแนวอื่นมากเกินไป


เพราะแท้จริงแล้ว การเขียนนิยายเป็นสิ่งที่ยากอยู่แล้วไม่ว่าแนวไหน แต่อาจพูดได้ว่า นิยายแฟนตาซีตอนเริ่มต้น ค่อนข้างยากลำบากกว่า เพราะมีรายละเอียดในการเตรียมการก่อนเขียนมากกว่านิยายแนวอื่น และหากเตรียมไม่ดี ก็จะส่งผลทำให้แก้ไขได้ลำบากในตอนหลัง ขณะที่นิยายแนวอื่น จะไปยากตรงกลาง หรือตอนท้าย ซึ่งมันยังมีช่องให้แก้ไข หรือปรับตัว


ถ้าพูดให้ถูกก็คือ นิยายแฟนตาซีเหมือนพ่อแม่ที่เข้มงวดกับลูกมากๆ แต่เด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ กลับไม่มีทักษะที่เข้มข้นพอ ก็เลยถูกพ่อแม่ตี ดุ ด่่า และรั้งไม่ให้ออกจากบ้าน สุดท้ายก็เกิดความท้อถอยและเปลี่ยนแนวไปเขียนแนวอื่นที่พ่อแม่มีอีคิวที่สูงกว่า คอยชม คอยดันหลัง คอยสนับสนุน


สภาวะการเรียนรู้แบบนั้นเกิดขึ้นในโลกแฟนตาซีเหมือนกัน ตอนที่โลกทั้งโลกตื่นเต้นกับแฟนตาซีอย่างแฮร์รีและลอร์ดออฟเดอะริง มากระพืออีกครั้งก็เกมออฟทรอน ซึ่งความจริง ทั้งสามเรื่องเป็นงานเขียนที่ต่างมีประวัติเจ็บช้ำไม่มีใครสนใจมาก่อนทั้งนั้น


ดังนั้น จึงอาจพูดได้ว่า ระดับความสนใจในนิยายแฟนตาซีในช่วงเวลาก่อนและหลังการบูมของแฮรี คือ ระดับปกติ แต่ยุคแฮรีนั้นเป็นช่วงเบ่งบานที่สปอตไลต์ส่องมาที่นักเขียนแนวนี้มากที่สุด (เราจะไม่พูดมาร์เวลดีซีเนอะ เพราะเป็นสื่อแบบการ์ตูนไม่ใช่นิยาย) มีนิยายถูกแปลในตลาดหนังสือไทยมากมาย และพี่ก็ได้อ่านทั้งหมด ซึ่งทำให้พี่พบว่า จุดอ่อนของนิยายแฟนตาซีที่ส่งผลความดัง หรือการได้รับความาสนใจของคนไทยก็คือ ความตื่นและความน่าค้นหาที่เกิดขึ้นเร็วทันใจ


นักอ่านไทยส่วนใหญ่ที่โพสต์ข้อความ แชร์ รีวิว หรือมีการแสดงความคิดในโซเซียล มักเป็นนักอ่านที่ชอบเรื่ืองราวที่สมบูรณ์หรือโดนใจตัวเองมากๆ อันนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะถ้าไม่ชอบหรือเกลียดอะไรมากๆ ก็คงไม่โพสต์ แต่อย่าลืมว่า โดยธรรมชาติ นักอ่าน เป้็นสังคมเก็บตัว และอ่านเพื่อความสุขของตน นักอ่าน 100 คน จะมีคนที่ยอมประกาศความรู้สึกต่อสังคมมีไม่ถึง 10%


นั่นทำใ้ห้ตอนที่มีการบูมของแฮร์รี มันเป็นการบูมระดับโลก เพราะถ้าคน 10%ที่มีนิสัยชอบบอกเล่าเรื่องราว บอกต่อ มากขนาดนั้น ก็ไม่แปลกที่ยอดขายจริงจะมหาศาล และเป็นสปอตไลต์ก็สว่างจ้าจริงๆ


แต่นิยายแฟนตาซีกว่า 90% เป็นการเล่าเรื่องทั้ง Story หมายถึง มันไมได้เล่าแค่ช่่วงพีัค หรือไคลแม็กซ์ คุณไม่สามารถเขียนฉากไคลแมกซ์ได้ 100 ตอน จากนิยาย 100 ตอนได้ นั่นคือความจริง แต่มันก็มีวิธีที่เราสามารถดึงนักอ่านให้อ่านทั้ง 100 ตอนโดยไม่ละสายตาได้เช่นกัน แต่นั่นเป็นเรื่ืองที่ยากมากๆ และต้องใช้การเรียนรู้และฝึกฝนสูงมาก


สำหรับงานเขียนงานอื่น ทักษะนี้ อาจไม่ได้ must ตั้งแต่ตอนแรก เพราะด้วยขนาดเรื่อง โลก ปมหรือแม้แต่การเลือกพล็อตกระแสก็ช่วยลดความ must ของทักษะนี้ไปมาก แต่สำหรับแฟนตาซี ทักษะนี้คือ must ต้องทำให้ได้ตั้งแต่ตอนแรก เพื่อที่จะดึงนักอ่านให้ได้ทั้งเรื่อง และเป็นประตูบานหนึ่งที่ถ้าทำได้ งานเขี่ยนก็จะขายดีมาก


มันน่าเศร้าที่ มีคนจำนวนมาก เข้าใจผิดคิดว่า การที่นิยายน่าสนใจ มีองค์ประกอบแค่ พล็อต คาร์ ทั้งที่ความจริง มันมี หลายองค์ประกอบ และองค์ประกอบที่คนคำนึงถึงน้อยที่สุด อย่าง ทักษะการเล่าเรื่อง ก็ยิ่งไม่มีคนคำนึงถึง และพอเขาไม่ได้คำนึงถึง กว่านักเขี่ยนจะรู้ตัวว่า ตัวเองพลาดอะไร บางทีก็เป็นตอนที่เขาตัดใจจะเลิกเขียนแล้ว


ทักษะการเล่าเรื่อง สามารถทำให้พล็อตธรรมดากลายเป็นพล็อตที่น่าติดตาม สามารถทำให้คาร์ทีไ่ม่มีเสน่ห์ มีเสน่ห์เพิ่มขึ้น 100 เท่า แต่ทักษะนี้ เป็นครูที่เข้มงวดมาก เพราะเขาไม่สอนเราตรงๆ การฝึกฝนทักษะนี้จำเป้็นต้องใช้เวลาและความทุ่มเทอย่างมหาศาล ดังนั้น เราจึงเห็นคนที่มีทักษะนี้ดีจากคนสองกลุ่ม


หนึ่ง คือกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิด คือมีเซนส์ในการเล่าเรื่องเป็นเลิศ มีลำดับการจัดการข้อมูลที่ดี แต่เลเวลสูงสุดของคนกลุ่มนี้ก็จะอยู่ในระดับพอผ่านเกณฑ์ นั่นทำให้เขาต้องเลือกพล็อตและคาร์ที่โดดเด่นมาช่วย เพื่อส่งให้เรื่องของเขายอดเยี่ยม


สอง คือ กลุ่มคนที่พยายามและฝึกฝนไม่หยุด ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีเลเวลอยู่ในระดับที่สูง และดีขึ้นเรืื่อยๆ หากเขาไม่หยุดพัฒนา ซึ่งนักเขียนขายดีทั้งหมด อยู่ในกลุ่มนี้ และมีหลายคนที่เลื่อนจากกลุ่มที่หนึ่งมากลุ่มนี้เช่นกัน ซึ่งพวกเขาก็จะเทพมากๆ เพราะพื้นฐานดีมาก่อน และใช้เวลาฝึกน้อยกว่าคนที่ไม่มีพราสวรรค์ แต่ผลลัพธ์ไม่แตกต่างกันนะคะ แค่ใช้เวลาไม่เท่ากันเฉยๆ


พี่ไม่ไ่ด้ตีค่าว่านักเขียนกลุ่มไหนดีกว่ากัน เพราะสำหรับงานเขียน ถ้าทำให้คนมีึความสุขก็ถือว่าสอบผ่าน ไม่เกี่ยวว่าเป้นพล็อตหรือภาษาแบบไหน เพียงแต่...


ถ้าความต้องการคือ อยากให้นักอ่านมีึความสุข ได้รับฟีดแบ็กดี มีแฟนคลับ ทำเป็นอาชีพได้ ชีวิตมั่นคง ถ้าคุณต้องการทั้งห้าข้อนี้ คุณต้องเป็นนักเขียนกลุ่มที่สอง


อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่า นิยายแนวอื่นเป็นเหมือนพ่อแม่ที่มีอีคิวสูง ก็เพราะ นิยายแนวอื่น เปิดใจกว้่างมาก ในเรื่อง ทักษะการเล่าเรื่อง ว่าไม่ได้ต้องการที่มีทักษะนี้ในระดับสูงนัก หรืออีกนัยก็คือ มีรูปแบบที่ใช้แล้วได้ผลอย่างแน่นอนชัดเจน เหมือนมีไกด์ไลน์ว่า ทำหนึ่งสองสามสี่ ตามนี้แล้วคนเข้าใจ สนุก ซึ่งเราก็จะเห็นได้ชัดเจน นิยายแนวตบจูบ ซินเดอเรลล่า ระบบ ผู้หญิงสองชาติ วายทั้งแบบปกติ และเวิร์ส ต่างๆ เป็นต้น


สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งผิด มันเป็นผลสรุปงานวิจัยของนักเขียนจำนวนมากเช่นกัน เพียงแต่ นิยายแฟนตาซีที่สอบผ่านความต้องวการห้าข้อ ต้องการวิธีเล่าเรื่องที่จำเพาะกว่านั้น ย้ำกว่าจำเพาะนะคะ ไม่ใช่สูงกว่า แต่ใช่เพราะมันจำเพาะ มันเลยต้องทำงานหนักกว่าในนิยายแนวอื่นในช่วงต้นของการทำงาน


ในนิยายแนวอื่น ตอนเป็นนักเขียนหน้าใหม่ คุณสามารถค่อยๆ ฝึกได้ แล้วค่อยๆ เก่งขึ้น ระหว่างนั้นก็จะมีการสนับสนุนทั้งทางจิตใจและการเงิน (เนื่องด้วยความนิยมที่กว้าง market share สูง)


ขณะที่ นิยายแฟนตาซี เพื่อเราจะไม่ตายตอนจบ และเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี ทักษะการเล่าเรื่องเป็นสิ่งที่ must 100% ถ้าคุณทำได้ไม่ถึง 100% ผลลัพธ์ที่ตามมาก้จะลดหลั่นลงไป อันที่จริง แม้ว่าเราจะทำได้ 100% เรายังไม่รู้เลยว่า มันจะดีพอหรือเปล่าในบางครั้ง


แม้จะดูเหมือนแฟนตาซีอยู่คู่วรรณกรรมโลกมานาน แต่สำหรับคนไทย แฟนตาซีเป็นหมวดนิยายใหม่ และมีระดับความพึงพอใจของนักอ่านค่อนข้างสูง ตอนพี่ออกหนังสือเรื่องเซวีน่า ในร้านหนังสือ ยังไม่มีเชลฟ์ สำหรับ วรรณกรรมเยาวชนด้วนยซ้ำ มีแค่หนังสือเด็กที่มีหนังสือสำหรับเด็กเล็ก ในห้องสมุดไม่มีหมวดหนังสือแฟนตาซี ซึ่งถ้าเทียบกับตอนนี้ ถือว่าพัฒนาไปมากแล้ว เพราะแม้ไม่เชลฟ์ (เพราะมีการเอาลงในช่วง 5 ปีหลังนี้ เนื่องจาก หนังสือที่ออกมาขายไม่ได้ นายทุนไม่คุ้มทุน จึงทั้งไม่รับวาง และไม่รับพิมพ์ แต่มันยังคุ้มทุนและสร้างรายได้ หากในสเกลที่เล็กลงอย่างการทำหนังสือทำมือ ) แต่ก็ยังมีขายแบ่งเป็นสัดส่วน มีหมวดนิยายของตัวเองในเด็กดี ไม่ต้องไปแปะกับหมวดอื่่น


กลับมาที่ เรื่องที่ว่า พ่อแม่ของนิยายแฟนตาซี มีอีคิวค่อนข้างต่ำ ยิ่งเป็นทักษะการเล่าเรื่อง พวกเขามีต้องการให้นักเขียนมีมันในเลเวลที่สูงมากๆ เพราะถ้าไม่มีมัน นิยายเรื่องนั้นไม่มีทางเดินไปถึงปลายทาง แล้วมันจะเป็นการเสียเวลาเปล่าในการเขียน


พี่เป็นคนหนึ่งที่ตามติดแฟนตาซีไทย เพราะถือว่าเป็นคนหนึ่งที่ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ก็อยากเขียนแฟนตาซีให้คนไทยอ่านได้สนุกไปนานๆ ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา พี่พบว่า สาเหตุใหญ่สุดของการทำให้นักเขียนแฟนตาซีหายไป หรือมีอายุไม่ถึง 5 ปีก็เปลี่ยนไปเขียนแนวอื่น ก็เพราะ ก้าวข้าม 'การตี' ความคาดหวังด้านทักษะนี้ไมไ่ด้


สิ่งที่ต้องยอมรับก็คือ แม้แต่พี่เองก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นความผิดของนักเขียน เพราะทักษะนี้เป็นทักษะที่รีไควร์ความพยายาม ความทุ่มเทมากๆ จริง แต่ก็ต้องอาศัยโชคมากๆ ในบางเรื่องด้วย


มันเป็นการเดินทางที่เดียวดาย เพราะการเล่าเรื่องเป็นเรื่องส่วนบุคคลและจำเพาะ ครูที่คอยชี้แนะก็มีเพียงตัวคนเขียน ที่ต้องคอยมองหาและเรียนรู้ด้วยตัวเอง เปรียบได้กับเป็นการทำงานวิจัย แบบ Solo ที่ไม่มีวันจบสิ้น พวกเราต้องทำวิจัยเองทุกขั้นตอน แม้กระทั่งการเตรียมอุปกรณ์เทส และเทสมันกับระบบที่เรียกว่า นักอ่าน แต่นักอ่านที่จะเข้าร่วมวิจัยเราได้ ก็ต้องเป็นนักอ่านที่ถ่ายทอดความคิดและมีคุณสมบัติจำเพาะระดับหนึ่งด้วย ข้อสุดท้ายนี้จึงต้องใช้โชคพอสมควร


มันน่าแปลกที่ เราทำไปมากขนาดนั้น แต่กว่าจะเข้าที่เข้าทาง ก็จำเป็นต้องใช้เวลา 5 - 8 ปี (อันนี้พี่เก็บสถิติจากนักเขียยนแฟตาซีที่ออกผลงานต่อเนื่อง ระดับต้นๆ ของเมืองไทย และทำอาชีพนี้อย่างมั่นคงนะคะ) ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากจริงๆ แถมเป็นช่วงเวลาที่อาจไม่ได้ทั้งเงิน ชื่อเสียง และยังเหนื่อยอย่างมากอีกด้วย


พี่จึงพูดกับน้องนักเขียนแฟนตาซีเด็กๆ เสมอว่า เส้นทางของเรามันยากลำบากมาก แต่ถ้ามองเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า มันก็คุ้มค่าอย่างมาก เพราะแม้แต่ตอนนี้ นิยายของพี่ทุกเล่มก็ยังอยู่บนเชลฟ์ และขายได้ดีทุกปีทั้งแบบเล่มและอีบุค แม้จะเปลี่ยนแพล็ตฟอร์มเป็นขายรายตอนก็สร้างรายได้ให้พี่แบบสม่ำเสมอ ขณะที่นิยายแนวอื่นที่ออกในช่วงเวลาเดียวกัน บางเล่มหายไปแล้ว หรือบางครั้งยังมีอยู่แต่ก็ไม่ทำรายได้แล้ว


แม้พ่อแม่ของนิยายแฟนตวีจะโหดร้ายกับลูกไปสักหน่อย แต่ผลตอบแทนก็มหาศาลมากจริงๆ ในปัจจุบัน แม้ทุกคนจะคิดว่า แฟนตาซีดาวน์ ไม่มีคนสนใจ แต่ทุกคนรู้ไหมว่า นักเขียนแฟนตาซีที่สอบผ่านทุกคน มีรายได้มากกว่านักเขียนนิยายรักกว่าครึ่งประเทศเสียอีก เพราะหนังสือของเรามีอายุบนเชลฟ์นานกว่า


นี่คือรางวัลสำหรัับความพยายามหรือเปล่า พี่ไม่รู้ พี่รู้แต่ว่า แม้จุดเริ่มต้นของเราจะยากลำกบากกว่านักเขียนแนวอื่นมาก แต่นักเขียนแนวอื่น เขาก็ต้องไปเจอโจทย์ที่ยากพอๆ กันในขั้นตอนอื่นเช่นกัน


เพราะไม่อย่างนั้น ทำไมปริมาณนักเขียนของแนวอื่นที่มากมายมหาศาลกว่านักเขียนแฟนตาซีมากในตอนเริ่มต้น พอผ่านไป 10 ปี จึงเหลือนักเขียนที่ทำงานอยู่และขายดี พอๆ กับนักเขียนแฟนตาซีที่มีปริมาณคนเขียนเร่ิ่มต้นน้อยกว่ามากล่ะ


นั่นคือ หลักฐานที่ดีที่สุดว่า ไม่ว่างานเขียนจะแนวไหน ก็ยากมากด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามันยากที่ตรงไหน นักเขียนแฟนตาซีโชคร้ายหน่อย เพราะดันเจอ โจทย์ยากตั้งแต่แรกเท่านั้น


สิ่งที่พบเจอมาตลอดเส้นทางการเป็นนักเขัียนก็คือ


งานเขียนเป็นงานที่ยาก โดดเดี่ยว และเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง


หากใครคิดจะเป็นนักเขียน แล้วไม่ยอมรับแพ็กเกจนี้ น้องจะมีความทุกข์อย่างมากที่เป็นนักเขียน ไม่ว่าจะเป็น


ความรู้สึกที่ตัวด้อยความสามารถ แก้โจทย์ทำให้นักอ่านชอบงานเราไม่ไ่ด้สักที


โดดเดี่ยว ไม่มีใครให้ความสนับสนุนเพราะไม่มีใครสนใจ ไม่มี feed back ซึึ่งสำหรับข้อนี้ถ้าใครกำลังเผชิญอยู่ ก็ต้องปรับตัวค่ะ อาจต้องเปลี่ยนเป็นอ่านงานให้มากขึ้นแล้วคอมเมนต์ตัวเองให้เป็น ก็จะจัดการปัญหานี้ได้ พี่เองก็ใช้เทคนิกนี้เหมือนกัน มาตั้งแต่แรก


ไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะเวลาผ่านไป แนว ความชอบ ของนักอ่านก็เปลี่ยนไป สุดท้าย น้องก็จะเลิกเขียนไปเอง และเลิกเป็นนักเขียนในที่สุด


แท้จริงแล้ว แฟนตาซีถือเป็น main steam ของวรรณกรรมโลก แต่เราต้องยอมรับความจริงว่า ความชอบของชนชาติเราจะเอียงไปทางนิยายที่เกี่ยวข้องความรัก สะท้อนสังคม มากกว่า แต่ความชอบนั้นก็ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนแล้วเมื่อเวลาผ่านไป เห้็นได้จาก ยอดขายของเวปเด็กดีก็ได้ ว่าทำไม คนที่ขายดีมากๆ ถึงเป็นแนวแฟนตาซี เราก็แค่ต้องอยู่ให้ถึงช่วงเวลาที่งานวรรณกรรมไทยมีแฟนตาซีเป็น main steam เท่านั้น


ส่วนระหว่างนั้น หากเป็นคนที่มีพยายามพัฒนาทักษะดี พี่บอกได้คำเดียวว่า พวกเราก็จะได้ทุกอย่าง ยกเว้น แสง ค่ะ แต่คำถามก็คือ เราจะยังต้องการแสงที่ส่องจากคนอื่นทำไม ถ้าเราเปล่งประกายได้ด้วยตัวเอง แม้มันจะไม่สว่างจ้า แต่มันก็คงสว่างพอที่คนจะมองเห็นเรา แล้วถ้าวันไหน แสงมันพาดผ่านเราพอดี แสงนั้นจะไม่ยิ่งสว่างจ้าหรือ


สุดท้าย ปกติพี่ไม่ค่อยตามกระทู้ในเด็กดี แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เห็นคำถามนี้ ว่าแฟนตาซีไืทยตายแล้ว ไม่มีอะไรให้อ่าน ไม่มีคนเขียนแล้วเหรอ รู้ไหม พี่ได้ยินคำถามนี้ตั้งแต่เขียนเซวีน่าจบเลยซึ่งก็ผ่านมาใกล้จะ 20 ปี แล้ว เวลาถูกถาม พี่ก็มักจะตอบว่า


พี่ไม่เคยรู้สึกว่า แฟนตาซีหรือดาวน์เลย เพราะตลาดแฟนตาซี มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว คนถามต้องหันไปถามตัวเองมากกว่า น้องเทียบความรุ่งความตก จากอะไร


ถ้าจากเงิน > พี่บอกเลย ถ้าน้องรู้รายได้ของนักเขียนแฟนตาซีจริงๆ น้องจะไม่สงสัยในนิยายแนวนี้ (เรื่องว่าขายกับสนพ หรือ ทำมือ พี่ไม่เอามาคิดนะ เพราะสุดท้าย มันแตกต่างแค่เงื่อนไขส่วนแบ่งรายได้ แต่กระบวนการทำงานมันคือกระบวนการเดียวกัน และนักเขียนที่สอบผ่านก็มียอดขายที่สูงในระดับที่อยู่ได้เลย)


ถ้าเป็นเชื่อเสียง > พี่ว่า ยอดขายก็บอกอยุ่แล้วว่า นักเขียนคนนั้นได้รับความนิยมแค่ไหน แต่อาจใช้ที่มันไม่ฟู่ฟ่า เหมือนนิยายที่เป็น main stream หลัก


ไม่มีหนังสือให้อ่าน > อันนี้เป็นรสนิยมค่ะ เพราะน้องอาจโชคร้ายที่แนวที่ชอบ ยังไม่มีนักเขียนไทยเขียน หรือเขาอาจจะยังมือไม่ถึง ซึ่งก็อย่างที่พี่บอกว่า บางทีมันเป็นเรื่องของเวลา


เป็นที่พูดถึงในโซเชียล > อันนี้พี่ โนคอมเมนต์เลย เพราะในความเป็นจริง มันจบตั้งแต่ นักอ่านควักเงินซื้อหนังสือแล้วค่ะ เพราะหลายปีนี้พี่เห็นมาเยอะมาก ยอดวิวเป็นล้าน แต่ขายหนังสือได้น้อยมากจนน่าตกใจ


เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้ามันวนกลับไปที่เรื่อง เงิน การซื้อชาย เรื่องของความคุ้่มค่า จะตามมา และนั่นหมายความ หากงานเขียนนั้นๆ ไม่คุ้มค่า ก็จะไม่ไ่ด้เงินจากนักอ่านไง (อันนี้อย่าพูดถึง การแชร์ pdf เนอะ เพระาหนังสือพี่มีทุกเรื่อง 5555)


สุดท้ายนีี้ พี่ขอบคุณน้องๆ ที่ยังชอบและตามหานิยายแฟนตาซีไทยอ่าน ที่จริง พี่เป็นคนหนึ่งที่ได้รับความรักมากมายจากนักอ่าน ทั้งนักอ่านเก่าและใหม่ นักอ่านเก่าบางคนอาจไม่ได้ชอบแนวแฟนตาซีแล้ว เพราะพอเราโตขึ้น เราก็อ่านงานได้หลากหลายขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ได้รับตลอด คือ น้องๆ แนะนำให้น้อง ให้เพื่อน ให้คนรู้จัักอ่านงานของพี่ จนทำให้พี่ ได้นักอ่านหน้าใหม่ มาตลอด


สำหรับพี่ พี่เชื่อแรงกล้าว่า บนตลาดหนังสือ มีที่ให้หนังสือ สนุก เสมอ

ดังนั้น เราก็แค่ต้องเขียนนิยายที่สนุกออกมา แม้ว่า คำสั้นๆ อย่างคำว่า สนุก มันต้องแลกมาจากความยากลำบากอย่างมหาศาล แต่นั่น คือสิ่งที่ นักเขียนต้องทำ และไม่อาจเอามเาป็นข้ออ้างในการไม่ทำได้


เพราะถ้าคุณไม่ทำ นักอ่านก็จะไม่เลือกคุณ

โลกของธุรกิจนิยาย มันก็เรียบง่ายและโหดร้ายอย่างนี้

แต่ขณะเดียวกัน มันก็เป็นโลกที่เหนือจินตนาการจริงๆ


เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ

กัลฐิดา

3
26 มี.ค. 65 เวลา 11:34 น. 41-1

โดนหมดทุกข้อ หลักจากหยุดแต่งนานเริ่มลืมเนื้อเรื่อง เลยกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ ผมนี้บ่นออกมาดังๆเลยว่า “นี้ชั้นเขียนอะไรไปฟะเนี่ย รายละเอียดมันหายไปไหนหมดแถมคำผิดก็โคตรจะเยอะ นิยายที่ผมเขียนเรื่องนี้มันมีคนติดตามเกือบ 700 คนได้ยังไงฟะ” พูดแล้วปวดหัว ( ´_ゝ`)


ตอนนี้เลยตัดสินใจรีไรท์ใหม่หมดเลย 。゚(TヮT)゚。 กว่าจะมารู้ตัวจริงๆก็ตอนที่กำลังจะเทนิยาย จริงสุดๆเลยข้อนี้ (ノД`)・゜・。 รู้สึกรักนักอ่านที่ทนอ่านกันมาได้เลยจนถึงตอน 150 เลย 


(คนแต่งเองยังเครียดเลยนักอ่านจะขนาดไหน รู้สึกอยากกลับไปต่อยหน้าตัวเองเมื่อ 4 - 5 เดือนที่แล้วเลยที่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มคิดว่าจะเอานิยายที่แต่งไว้อ่านเล่นๆมาปล่อยดูเพราะกำลังว่างๆ ไม่มีนิยายอ่านเพราะอ่านหมดแล้วรอนักเขียนอัพวันละตอน)


เป็นคำแนะนำที่ดีมาครับช่วยได้มากเลย (シ_ _)シ

0
A.L. Lee 6 พ.ค. 65 เวลา 12:13 น. 41-3

อ่านแล้วมีกำลังใจมสก ขอบคุณค่ะพี่กัล

0
ผ่านมา 26 มี.ค. 65 เวลา 11:52 น. 42

เราตามแค่ของพี่กัลฐิดาค่ะ นักเขียนหลายท่านเพราะเรื่องยาวมากมักต่อไม่จบเทกลางเรื่อง แฟนตาซีสำหรับเราต่ำกว่า3เล่มจบไม่ซื้อค่ะ สั้นไป แถมบางเรื่องขนาดตีพิมพ์แล้วยังเท นักอ่านเองก็เทนักเขียนเหมือนกัน ขอนักเขียนที่ชัวดีกว่านอกนั้น....บายยยย

ปล.ตอนนี้โฟกัสเรื่องเพศของตัวละครด้วยค่ะส่วนมาก ชช อ่านมากกว่าชญ ชชแฟนตาซีก็มีความสุข

1
26 มี.ค. 65 เวลา 20:11 น. 42-1
0