คลินิกนักเขียน : Exclusive 03 เขียนฉากเลิฟซีนอย่างมีชั้นเชิง
 
สวัสดีจ้า น้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน กลเม็ดเคล็ดลับฉบับ Exclusive กลับมาแล้ว ครั้งนี้ พบกันเป็นครั้งที่ 3 แล้วจ้า
 
ในครั้งที่แล้ว เราได้ชวน 4 นักเขียนแนวสยองขวัญ ภาคินัย ม้าใต้ เจนศิลป์ และ Staying หรือ Complicated มาสัมภาษณ์กันในหัวข้อ กลเม็ดเคล็ดลับ : Exclusive 02 เขียนฉากเปิดนิยายสยองขวัญอย่างไรให้คนอ่านลุ้นสุดๆ โดยทั้ง 4 คนก็ได้มาแชร์ประสบการณ์เรื่องการเขียนฉากเปิดในนิยายสยองขวัญของตัวเองให้เราฟังกันแล้ว (แถมมีแจกหนังสือท้ายบทความด้วย)
 
ครั้งที่สามครั้งนี้ หัวข้อของเรา จัดหนักให้เลย นั่นคือ การเขียนฉากเลิฟซีน! ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็นับว่าเป็นจุดขายของนิยายแต่ละเล่มได้เหมือนกัน จะเกิดจะดับ บางทีก็อยู่ที่ฉากเลิฟซีนนี่แหละ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขียนผิดพลาด ออกมาไม่น่าอ่าน เลิฟซีนก็อาจจะกลายเป็นฉากที่สร้างปัญหาได้มากที่สุด ทำให้นิยายเรื่องนั้นโดนตำหนิ หรือว่าครหาได้เช่นกัน
 
ในเมื่อเป็นฉากสำคัญ ก็หมายความว่า... ฉากเลิฟซีนไม่ใช่ฉากที่เขียนกันได้ง่ายๆ เป็นฉากที่เราต้องใส่ใจ และตั้งใจมากๆ อีกฉากหนึ่ง น้องๆ ที่กำลังฝึกเขียนฉากเลิฟซีน ลองมาฟังคำแนะนำจากนักเขียนรุ่นพี่เหล่านี้ดู เผื่อว่าจะนำเคล็ดลับจากพวกเขาไปปรับใช้ในผลงานของเราได้
 
ครั้งนี้ พี่ตินจัดนักเขียนมาให้ 5 คน ล้วนแต่เป็นนักเขียนที่มีฝีมือด้านการเขียนเลิฟซีน ไม่ว่าจะเป็น ลิซ (ผู้เขียนนิยายชุดมาเฟียเลือดมังกร เรื่องสิงห์ กำลังจะออนแอร์เมษายนนี้) คีตา (มีผลงานออกใหม่ เงื่อนเสน่หา) ผักบุ้ง หรือ นู๋ผักบุ้ง (ผู้โด่งดังจากเรื่องมาเฟียที่รัก) Hideko_Sunshine หรืออีกนามปากกาคือ ฉัตรฉาย (เขียนแนวรักดราม่า แอบมีเลิฟซีนเบาๆ) และปิดท้าย เจ้าแม่นิยายรักกุ๊กกิ๊กคนเก่ง เน็ตไอดอลของเรา แสตมป์เบอรี่ นั่นเอง   
 
นักเขียนคนแรกของเรา ลิซ หรืออีกสอง
นามปากกาคือ นฎกร และ ลิษา เป็นผู้เชี่ยวชาญฉากรัก มีนิยายที่ขายละครได้มาแล้วหลายเรื่อง เป็นนักเขียนในชุด มาเฟียเ
ลือดมังกร (เรื่องสิงห์) และหิมวันต์รัญจวน (เรื่องมนตราราชสีห์) ลิซ พูดถึงการเขียนฉากเลิฟซีนว่า
  
“การเขียนเลิฟซีนจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม ณ เวลาเขียนก็คือ อารมณ์ เพราะนักเขียนถือว่าเป็นคนอ่านคนแรก ถ้าเขียนแล้วไม่เกิดอารมณ์คล้อยตาม กรุณาเขียนใหม่อีกครั้งหนึ่ง 55555 ฉากรักจะแตกต่างกับฉากอื่นๆ ในนิยายเพราะเราต้องเขียนให้เกิดอารมณ์ แต่ต้องไม่อนาจาร อันนี้สำคัญนะ ต้องจำไว้ว่าเราไม่เขียนเรื่องเสียวในเน็ตให้อ่านฟรี เราออกเป็นหนังสือ คนอ่านเสียเงิน มันต้องไม่ดูง่ายๆ ชุ่ยๆ หรือลามกจนอ่านไปร้องอี๋ไป ดังนั้นเวลาเขียนฉากเลิฟซีน ก็จะเขียนแบบเอาอารมณ์นำก่อนเลย ไม่ต้องคิดมากเรื่องภาษาเรื่องคำ พอเขียนจบกลับมาอ่านทวนอีกทีว่าคำที่ใช้มีอะไรหมิ่นเหม่ ไม่เหมาะไม่ควรไหม เล็มออก หรือใช้คำอื่นแทน จากนั้นทิ้งไว้สักครู่ รอเดือด เอ๊ย! รอให้พอลืมๆ แล้วกลับมาอ่านซ้ำ รีไรท์ให้สละสลวยขึ้นจึงพร้อมเสิร์ฟค่ะ”
 
คนต่อไป คีตา หรืออีกนามปากกาคือ ณิชนิตา เจ้าของผลงานล่าสุด เงื่อนเสน่หา กับสำนักพิมพ์คำต่อคำ (แค่ชื่อเรื่องก็ให้อารมณ์เลิฟซีนแล้ว) เป็นอีกหนึ่งนักเขียนที่ได้รับคำชมในเรื่องการเขียนฉากเลิฟซีนอย่างมาก เรียกว่าเสียงตอบรับค่อนข้างดี เจ้าตัวให้คำแนะนำได้อย่างคมคายว่า
 
“ความจริงไม่ค่อยได้เขียนเลิฟซีนบ่อยนัก ฮ่าๆ แต่... ถ้ามีก็ต้องมีเหตุผลว่าทำไมต้องมี จูบทำไม กอดทำไม ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความรู้สึกหรืออารมณ์ของตัวละคร ณ เวลานั้น เขียนไปตามความรู้สึกค่ะ อาจเป็นฉากรักที่เต็มไปด้วยความต้องการโหยหา เรียกร้องผสมผสานกับเหตุผลของเรื่องด้วย แล้วก็ไม่ถึงขนาด how to นะคะ เหมือนละคร กุมมือ แล้วแพนกล้องไปหาโคมไฟอะไรแบบนี้ ฮ่าๆ นิยายรัก ดังนั้น ฉากรักก็ต้องเต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งรักค่ะ


 
นักเขียนคนที่สาม เป็นนักเขียนที่โด่งดังมากจากเรื่อง “มาเฟียที่รัก” เชื่อว่าชาวเด็กดีคงจะจำเธอได้แม่นยำ นู๋ผักบุ้ง อดีตนักเขียนสถาพรกลุ่มซีเกิร์ล เขียนนิยายปกการ์ตูนสไตล์รักกุ๊กกิ๊กน่ารัก ปัจจุบัน ผักบุ้งเริ่มปรับผลงานให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพื่อให้สมกับวัย และเมื่อผลงานโตขึ้น มีเนื้อหาหนักมากขึ้น ก็ต้องควบคู่ไปกับเลิฟซีนที่ลงตัวมากขึ้นด้วย เคล็ดลับของผักบุ้งก็คือ

นู๋ผักบุ้ง กับผลงานสร้างชื่อ "มาเฟียที่รัก"
 
“การเขียนเลิฟซีนของผักบุ้ง จะพยายามไม่ยัดเยียดเลิฟซีนจนเกินไป และปล่อยให้เลิฟซีนมาในจังหวะที่เหมาะสม โดยให้สถานการณ์และอารมณ์ตัวละครเป็นหลักในการนำเลิฟซีนมา เพราะคิดว่าน่าจะทำให้คนอ่านอินและลุ้นได้มากกว่ามีเลิฟซีนแบบพร่ำเพรื่อ เพราะ หัวใจของนิยายไม่ได้อยู่ที่เลิฟซีน แต่เลิฟซีนมีเพื่อสื่ออารมณ์ของตัวละครให้เรื่องดำเนินไป ขอยกตัวอย่างเรื่อง กระทิง พระนางมีเลิฟซีนตั้งแต่บรรทัดแรกของเรื่องเลย ฮ่าาาาา แต่ที่ต้องมีเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักที่ถูกทรยศ ผู้เขียนจึงเลือกที่จะเปิดเรื่องบนฉากรักของพระนาง เพื่อสื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าทั้งสองคนรักกันมาก โดยเฉพาะนางเอกที่ยินดีมอบสิ่งที่มีค่าในชีวิตของเธอให้พระเอก แต่หลังจากนั้นฉากเดียวนางเอกกลับเป็นคนที่ต้องยิงพระเอกด้วยมือของเธอเอง โดยที่พระเอกไม่รู้ไม่เข้าใจเหตุผลของนางเอกเลย ใจหนึ่งพระเอกจะรู้สึกเหมือนถูกทรยศ แต่อีกใจก็รู้สึกได้ว่านางเอกรัก เป็นความสับสนของตัวละครที่ต้องการสื่อผ่านพระเอกค่ะ แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบเลิฟซีนแนวน่ารักมากกว่าร้อนแรง เพราะฉะนั้นถ้าเขียนฉากเลิฟซีน ผักบุ้งจะเน้นคำพูดและอารมณ์ความนึกคิดของตัวละครมากกว่าท่าทางหรือลีลาในการร่วมรัก แต่ละเรื่องก็อาจจะแตกต่างกันออกไปโดยอาจนำปมเล็กๆ ซึ่งเป็นความรู้สึกในใจของตัวละครมาเล่น หรือเปรียบเปรยโดยใช้ลูกเล่นกับคำพูดของตัวละครก็ได้ค่ะ”
 
สำหรับคนต่อไป เส้นทางสายนักเขียนของเธอจะคล้ายๆ กับนู๋ผักบุ้ง น้องโอ๋ หรือ Hideko_Sunshine อีกหนึ่งนักเขียนเน็ตไอดอลของเว็บเด็กดี ที่ปัจจุบัน ได้ลองมาจับงานที่โตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเปลี่ยนไปใช้นามปากกาว่า “ฉัตรฉาย” ซึ่งก็มาจาก Hideko_Sunshine นั่นเอง ถ้าใครเคยอ่านผลงานของน้องโอ๋ในนามปากกา ฉัตรฉาย จะสังเกตว่า ฝีมือการเขียนฉากเลิฟซีนของเธอไม่ธรรมดาเลย
“สำหรับการเขียนเลิฟซีนของโอ๋ที่จะพูดถึงก็มี 2 แบบใหญ่ๆ คือสำหรับนิยายรักวัยรุ่นหรือแนว JLS (แจ่มใสเลิฟซีรี่ส์) กับนิยายที่เป็นแนวผู้ใหญ่นะคะ สำหรับแนววัยรุ่นลิมิตของเลิฟซีนก็จะอยู่แค่ที่การจูบหรือการจูบ การบรรยายก็จะไม่มีอะไรมาก เน้นที่อารมณ์ของตัวละครมากกว่าจะสื่อให้เห็นภาพ ส่วนใหญ่จะเน้นน่ารัก กุ๊กกิ๊ก หวานๆ ส่วนแนวผู้ใหญ่ก็จะเป็นขั้นที่โตขึ้นมาอีกระดับ มีความซับซ้อนทางอารมณ์มากขึ้น ลิมิตของเลิฟซีนก็จะขยับขึ้นมาด้วย ซึ่งการเขียนก็จะยากขึ้นเช่นกัน สิ่งที่สำคัญคืออาจจะต้องอ่านเยอะๆ เพื่อเก็บสะสมคลังคำไว้ใช้ในการบรรยาย ส่วนใหญ่เวลาเขียนเลิฟซีนโอ๋จะเน้นบรรยายความรู้สึกของตัวละครมากกว่าการกระทำเพื่อไม่ให้เห็นภาพโจ่งแจ้งเกินไป และใช้การเปรียบเปรยหรือการอุปมาอุปไมยเข้ามาช่วยซึ่งมันจะช่วยให้สำนวนสละสลวยขึ้น เช่น “ร่างกายเธอกำลังมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเหมือนคนมีไข้เพราะสัมผัสจากร่างกายสูงใหญ่ที่ร้อนราวกับเป็นถ่านไฟร้อนจัดที่พร้อมจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้และค่อยๆ หลอมละลายไปในวินาทีนี้” (จากเรื่อง “พันธกานต์บุษบา” ค่ะ)”  
 
ปิดท้าย นักเขียนคนที่ห้า อีกหนึ่งนักเขียนไอดอลคนดังของเรา ผลงานขายดีแรงดีไม่มีตก “แสตมป์เบอรี่” เจ้าแม่หมวดนิยายรักกุ๊กกิ๊กที่ออกผลงานเล่มไหนก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และเป็นหมวดนิยายรักที่เหมาะกับน้องๆ ชาวเด็กดีที่สุด เพราะตัวละครในนิยายอยู่ในช่วงวัยเดียวกัน มาดูกันดีกว่าว่า แสตมป์เบอรี่ มีเคล็ดลับในการเขียนฉากเลิฟซีนอย่างไร ให้ออกมาน่ารักและสมวัยเข้ากับนักอ่านของเธอ

“การเขียนฉากเลิฟซีนสำหรับแตมป์เป็นอะไรที่ต้องระวังมากค่ะ มีลิมิตในการนำเสนอ ไม่ให้ลงลึกในรายละเอียดอย่างโจ่งแจ้ง อย่างมากก็เลยจะมีประมาณ จับมือหอมแก้ม กอด และมากสุดคือจูบ ซึ่งเป็นฉากที่ต้องสร้างความฟินอย่างสุดๆ ให้กับคนอ่านให้ได้ 555 การสร้างฉากเลิฟซีนของแตมก็จะมีสองแบบ ก็คือ
 
1. พระเอกนางเอกยังไม่ได้รู้สึกดีๆ ต่อกัน : แบบนี้ฉากเลิฟซีนก็จะค่อนไปในทางเล่นทีเผลอ อย่างเช่น พระเอกแอบจุ๊บแก้มนางเอก นางเอกกอดพระเอกโดยไม่ตั้งใจ หรือที่เห็นกับบ่อยๆ ก็แนวๆ ขโมยจูบ ซึ่งถ้ามาในลักษณะนี้ก็จะทำให้มันน่ารักแบบตกใจๆ หน่อยๆ เช่น
 
หวาาา O_o อะไรเนี่ย อีตาเอสเคกระตุกแขนฉันอย่างแรง จนทำให้ฉันถลาเสียหลัก เซลงมานั่งลงบนตักเขาโดยอัตโนมัติ แถมยังไม่สามารถลุกหนีไปไหนได้ เพราะเขาดันใช้แขนขวาเอื้อมมาล็อกเอวฉันเอาไว้ด้วย โชคดีที่หันหลังให้เขาอยู่ เขาก็เลยมองไม่เห็นว่าตอนนี้ปากฉันกว้างไซส์ใหญ่ขนาดยัดกะละมังซักผ้าเข้าไปได้
             นะ...น่าอายชะมัด =[]=
            “ก็แค่นั่งตัก ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องยากเลย เอาล่ะ...ทีนี้เราก็มาเริ่มภารกิจของเรากันได้แล้ว J
            ฉันได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก OoO
            ก่อนหน้านี้ถูกขโมยจูบยังไม่พอ ตอนนี้ยังต้องมานั่งตักเขาอีก นี่ต่อให้ฉันเป็นกูรูเรื่องความรัก ให้คำปรึกษาใครต่อใครมามากมายขนาดไหน ก็ไม่เคยต้องมาสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้นะ >///< ตอนแรกก็รู้สึกว่าในห้องนี้อากาศหนาวจับขั้วหัวใจ แต่พอมาตกอยู่ในอ้อมกอดของเอสเคแล้ว บรรยากาศในห้องก็อบอุ่นขึ้นมาทันทีราวกับอยู่ในทุ่งหญ้าสะวันน่า มือของฉันเปียกชื้นเล็กๆ ด้วยความตื่นเต้น...’  (จากเรื่อง [7’x] SOS…เหตุด่วนเหตุร้ายก่อกวนหัวใจยัยเน็ตไอดอล)

จากตัวอย่างคือจะไม่เน้นบรรยายรายละเอียดมาก แต่จะไปเน้นที่ความรู้สึกหลังจากโดนกระทำแบบนั้นแทน ให้ตัวละครเขินอาย หรือบอกความรู้สึกหลังจากที่เกิดความใกล้ชิดกับอีกฝ่าย โดยที่เราไม่ต้องบรรยายรายละเอียดมากว่าใกล้ชิดสนิทแน่นกันขนาดไหนค่ะ
 
2. พระเอกนางเอกรักกันแล้ว มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน : แบบนี้ฉากเลิฟซีนก็จะลึกซึ้งกว่าแบบแรก การบรรยายก็อาจจะทำให้เห็นภาพมากขึ้นหน่อย แต่ไม่ใช่ด้วยการลงรายละเอียดว่าทำอะไรกันบ้าง แต่จะไปเน้นความรู้สึกในระหว่างที่เกิดเลิฟซีนขึ้นแทน และอาจมีการใช้คำพูดเปรียบเทียบเสริม เพื่อเพิ่มความเซ็กซี่และดีกรีความฮอตมากขึ้น เช่น  
 
จูบของเรารสชาติหวานฉ่ำมาก เพราะตอนนี้ลูกเชอรี่ถูกบดละเอียดจนกลายเป็นน้ำ ละลายจนชุ่มลิ้นของเราสองคนไปทั่ว ฉันแทบไม่มีโอกาสได้พักหายใจเลย ไลโอเนลรั้งเอวของฉันเข้ามาใกล้ขึ้นอีก หัวใจของเราก็อยู่แนบชิดติดกันมากเข้าไปอีก ราวกับเป็นหัวใจดวงเดียวกันที่เต้นไปพร้อมๆ กัน อ้อมแขนของเขายังคงอบอุ่นเหมือนเคย ลมหายใจก็ร้อนระอุ และอบอวลไปด้วยกลิ่นเชอรี่อันหวานหอม ฉันคิดว่าสิ่งนี้สร้างความสุขให้กับฉันซะยิ่งกว่าแยมโรลที่คิดจะทำในตอนแรกซะอีก มีเสียงตะโกนดังก้องในหัวฉันว่าอย่าหยุด อย่าหยุดนะไลโอเนล! และดูเหมือนว่าเสียงนั้นจะดังไปถึงเขาด้วย เพราะนอกจากไลโอเนลจะไม่หยุดแล้ว สัมผัสของเขาก็ยังคงร้อนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซะจนฉันแทบจะต้านทานไว้ไม่ได้ ทำไมนายถึงได้มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจขนาดนี้นะ ผู้ชายฮอตๆ เขาจูบเก่งกันแบบนี้เองน่ะเหรอ ฟินจังเลย >///<’ (จากเรื่อง [k]- Candy รุ่นพี่ครับ...รับผมเป็นแฟนหน่อย)


 
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าแทบจะไมได้ลงรายละเอียดเลยว่าจูบกันยังไงบ้าง แต่เน้นใช้คำเปรียบเทียบที่ทำให้รู้สึกหวือหวาแทน เช่น ร้อนระอุ ร้อนแรง ต้านทานไว้ไม่ได้ ไม่มีโอกาสได้พักหายใจ ละลาย ฯลฯ ซึ่งจะส่งเสริมให้คนอ่านมองเห็นภาพฉากเลิฟซีนของเราได้ชัดเจนขึ้น โดยที่ไม่ติดเรต และเหมาะสมกับเยาวชนค่ะ
 
ปิดท้ายกันอย่างสวยงามมาก แสตมป์เบอรี่ (ปรบมือ) เป็นข้อควรระวังที่น่าสนใจมากจริงๆ จากที่ได้พูดคุยกับนักเขียนทั้งห้า พี่ตินสรุปเคล็ดลับการเขียนฉากเลิฟซีนได้หนึ่งอย่าง นั่นก็คือ ต้องเขียนอย่างระวัง และพยายามสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครออกมาให้ได้ และเลิฟซีนที่ดี ไม่ควรเขียน “โจ่งแจ้ง” หรือ “เปิดเผย” เพราะอาจทำให้ฉากนั้นดู “เกินไป” จนไม่น่าอ่านได้
 
น้องๆ ที่กำลังฝึกเขียนฉากเลิฟซีน ก็ลองนำคำแนะนำจากนักเขียนรุ่นพี่ของเราไปปรับใช้ดูนะ คิดว่าน่าจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย สำหรับครั้งหน้า กลเม็ดเคล็ดลับของเราจะเป็นเรื่องอะไร และเป็นนักเขียนคนไหน เรายังไม่บอก ขออุบไว้ก่อน รอมาลุ้นกันก็แล้วกันนะ
 
พบกันใหม่เร็วๆ นี้จ้า
 
อตินเอง 
 
อย่าลืมไลค์เพจ Writer นะ 

พี่อติน
พี่อติน - Writer Editor ผู้ดูแลหมวดนักเขียนที่หลงใหลการอ่านแบบสุดๆ และไม่เคยพลาดทุกข่าวสารในวงการวรรณกรรม!

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
guest 7 มี.ค. 58 19:43 น. 5
เอ่อ...ตอนอ่านมันฟินนะคะ แต่พอลองแต่งเองแล้วคิดว่าฉากนี้จะมีคนอ่านนะ หน้ามันร้อนเลยอ่า คือ...มันไม่ลามกอนาจารนะคะ แต่แค่คิดว่าถ้ามีคนอ่านแล้วเห็นว่าเราเป็นคนแต่งฉากรี้แล้วมันเขินๆอ่ะ -///- เขิลจุง เขิลจุง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
forerunner_nn Member 7 มี.ค. 58 16:43 น. 4

ทำไงดีนิยายผมสื่อการกระทำไปเยอะเสียด้วยเฮ้อ...คงต้องปรับอารมณ์เข้าแทรกเยอะๆ แล้ว ขอบคุณครับ

0
กำลังโหลด
guest 7 มี.ค. 58 19:43 น. 5
เอ่อ...ตอนอ่านมันฟินนะคะ แต่พอลองแต่งเองแล้วคิดว่าฉากนี้จะมีคนอ่านนะ หน้ามันร้อนเลยอ่า คือ...มันไม่ลามกอนาจารนะคะ แต่แค่คิดว่าถ้ามีคนอ่านแล้วเห็นว่าเราเป็นคนแต่งฉากรี้แล้วมันเขินๆอ่ะ -///- เขิลจุง เขิลจุง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
OrangeSunshine Member 5 พ.ค. 58 13:56 น. 11

อารมณ์ของมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งกว่าทฤษฎีใดๆในโลกจริงๆ โดยเฉพาะตอนสื่อออกมาผ่านตัวอักษรเสียใจเสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด