 |
 |
|
|
มาแล้วจ้าชาว Dek-D.com มาเจอทีไร พี่แนน ก็มีติวเตอร์คนดังมาร่วมพูดคุยกันทุกครั้ง วันนี้ก็เช่นเคยค่ะ พี่แนนได้มีโอกาสคุยกับติวเตอร์ที่อาจจะหน้าใหม่ แต่เชื่อว่าในวงการกวดวิชา น้องๆ คงเคย ได้ยินชื่อพี่คนนี้กันมาบ้างแล้วหล่ะ กับพี่
หมุย แห่ง โรงเรียนโซไซไทย (SociThai) สถาบันกวดวิชาแห่งใหม่ที่ขอปฎิวัติการสอนวิชาไทย - สังคม ให้ทั้งสนุก เข้าใจ และนำไปใช้สอบได้จริง!! |
|
|
 |
|
|
วันนี้พี่หมุยมาคุยเปิดใจให้ชาว Dek-D.com ได้รู้จัก จากเด็กธรรมดา เกรดร่อแร่ จนมาได้เกียรติยมอันดับ 1 ในระดับปริญญาตรี และจบปริญญาโทมาถึง 2 ใบ (เก่งไปแล้ว!! ) พร้อมเคล็ดลับฟันคะแนน O-NET และเก็บแต้มให้ได้ใน 3 เดือนสุดท้ายมาฝากกัน ไปดูกันเลยค่ะ
พี่แนน : สวัสดีค่ะพี่หมุย แนะนำตัวกับชาว Dek-D.com สักนิดค่ะ
พี่หมุย : ครับผม พี่ชื่อ ธนัช ลาภนิมิตชัย หรือเรียกว่าพี่หมุย ก็ได้ครับ ตอนเด็กๆ พี่เรียนไม่เก่งนะ ได้ที่โหล่ โดนตีเป็นประจำ เพราะขี้เกียจ ไม่ชอบเอาหนังสือไปเรียน ไม่ค่อยกระตือรือล้นด้วย (ฮ่าๆ) จน ม.ต้น ก็ไปเข้าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี ตอนนั้นยังเป็นชายล้วนอยู่ ก็ยังเรียนไม่เก่งอยู่เหมือนเดิม พอตอน ม.3 จะขึ้น ม. 4 ก็ลองไปสอบที่ รร. มหิดลวิทยานุสรณ์ ก็โชคดีสอบติด ก็ยังเรียนไม่เก่งอยู่นะ เกรดนี่เป็นตัวเลขดิจิตอลเลย คือ 1 บ้าง 0 บ้างครับ (ฮ่าๆ) แต่วิชาทางสายศิลป์ เช่น ภาษาอังกฤษ พระพุทธศาสนา ได้ 4 หมด ดังนั้นเกรดก็จะเริ่มคงที่ คือ 2 กว่าๆ ตลอด ทำให้เริ่มรู้สึกว่าเรา ไม่ชอบสายวิทย์จริงๆ
|
|
|
 |
|
|
พี่แนน : โอโห เกรดร่อแร่มากค่ะพี่ แล้วทำไม ถึงมาพลิกเป็นคนเรียนดีได้คะ?
พี่หมุย : ม. 6 เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยครับเพราะ คุณพ่อเสีย เริ่มรู้สึกว่าต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว เพราะว่าต่อไปครอบครัวจะต้องพึ่งพาเรา เลยเริ่มคิดว่า เราต้องเอนทรานส์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือครอบครัว ก็เริ่มคิดว่าจะเรียนอะไรดี แต่ว่าต้อง ไปสายศิลป์หล่ะ
ตอนนั้นพี่ชอบดูข่าว เลยมองว่า รัฐศาสตร์ IR นี่หล่ะ แล้วตอนนั้น IR เป็นคณะสายศิลป์ ที่คะแนนสูงที่สุด ทำให้เรารู้สึกยิ่งต้องพยายามมากขึ้น เพราะเรารู้สึกเสียเปรียบคนอื่น ตอนนั้น 6 เดือนสุดท้ายเลยอ่านหนังสือแบบจัดเต็ม จนเอนฯ ติด
ระหว่างเรียนก็มองไปต่อเลยครับว่า เราเรียน มหาวิทยาลัยลัยแล้วอยากจะทำอะไรต่อ ก็คิดว่าด้วยฐานะทางบ้าน คงไม่สามารถไปเรียนต่อเมืองนอกได้ ดังนั้น ถ้าเราจะเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศต้องทำไงบ้าง พี่เตรียมตัวตั้งแต่ปี 1 เลย ไปถามรุ่นพีบ้าง เห็นเค้าบอกว่าเข้าชมรมโต้วาทีภาษาอังกฤษ โอกาสจะได้ไปเมืองนอกเยอะ เพราะฝรั่งเค้าจะชอบ มาก ตอนพี่เข้าชมรมนี้สำเนียงแย่สุดในชมรมครับ อยู่ในทีมก็เป็นทีโหล่ โดนกดดันอยู่ตลอด |
|
|
 |
|
|
พี่แนน : เส้นทางดูวิบากมากค่ะ แล้วทำยังไงถึงได้ ฮึดสู้ได้คะ ?
พี่หมุย : เมื่อโดนกดดันเข้าเรื่อยๆ พี่ก็พยายามเรื่อยๆ ครับ นานวันเข้ามันก็เหมือนตกผลึกจนกลายเป็นเพชร ที่แข็งแกร่ง จนในที่สุด ปี 3 พี่ได้แชมป์โต้วาทีภาษาอังกฤษระดับเอเชียที่มาเลเซีย พอจบปี 4 ก็ยื่นไปเรียนต่อปริญญาโทเลย สมัครไปหลายที่มาก ตอนแรกก็ยื่นขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่นมอนบุโช (Monbusho) แต่ก็พลาด ไป แล้วก็ยื่นไปอีกหลายที่ ก็ได้เกือบทุกที่นะครับ แต่สุดท้ายก็เลือกทุนของสหภาพยุโรป โดยไปเรียปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์สากล ที่ London School of Economics and Political Sciences ประเทศอังกฤษ 1 ปี และเรียนที่ University of Vienna ประเทศออสเตรเลีย อีก 1 ปี แล้วจึงกลับมาสมัครเป็นอาจารย์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ และเปิดกวดวิชาครับ
พี่แนน : แล้วได้มาเปิดโรงเรียนโซไซไทยได้ยังไงคะ?
พี่หมุย : คือเพื่อนสนิทของพี่ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่า จ.เชียงใหม่กับพี่แนน Enconcept ก็เลยได้รู้จักกันครับ เพื่อนพี่เค้าก็ให้ลองมาคุยกับพี่แนนดู ตอนนั้นไม่ได้เปิด กับ Enconcept แต่ทางพี่แนนก็ได้ช่วยเหลือ คอยให้คำปรึกษามาตลอด พอทำได้ปีกว่า พี่แนนก็เห็นความตั้งใจของเรา และเห็นว่าทิศทางการสอนมันน่าสนใจ จึงได้มาเปิดร่วมกันครับ |
|
|
 |
|
|
พี่แนน : เทคนิคการสอนของโซไซทางต่างจากที่อื่นยังไงบ้างคะ?
พี่หมุย : พี่มีเทคนิคการสอนอยู่ 3 อย่าง คือ SociThai MindMap ซึ่งจะเป็นแผนผังเนื้อหาที่ง่ายต่อการเชื่อมโยงองค์ความรู้ , SociThai Image ตัวนี้เราจะเรียนด้วยภาพ จำด้วยภาพ ซึ่งจะง่ายกว่าการจำเป็นตัวอักษรซึ่งช่วยได้เยอะมาก โดยเฉพาะในวิชาสังคมและภาษาไทย ล่าสุดก็พัฒนาการสอนโดยใช้ SociThai Anime ทำเป็น Animation เคลื่อนไหว ใช้ในการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ซึ่งดึงความตั้งใจ และความสนใจของนักเรียนได้ดี
ข้อสอบที่เราทำมาให้เด็ก เราพยายามจะทำ Tag หรือป้ายที่บอกว่า เรื่องนี้ถ้าน้องทำผิดจะต้องไปอ่านตรงไหน หรือมันคือเรื่องอะไร อย่างถ้าน้องไปทำข้อสอบย้อนหลัง ปี 54 ปี 53 ได้คะแนนเท่ากัน แต่น้องไม่รู้ว่ามันผิดตรงไหน มันก็ไม่พัฒนา เราอยากได้คะแนนเพิ่ม แต่วิธีการต้องถูกด้วย ดังนั้นถ้าน้องผิดข้อนี้ ต้องรู้ว่า ผิดอะไร จะได้แก้จุดนั้น
พี่แนน : ตอนนื้ทางโซไซไทยมีคอร์สอะไรบ้างคะ?
พี่หมุย : ตอนนี้เรามีคอร์สที่เรียกว่า Ultimate Admission จะแบ่งเป็น 2 เวอร์ชั่น เวอร์ชั่นแรกสำหรับใครที่มีเวลาน้อยหรือจำกัด เราก็ทำเป็น Essential Part ให้ ก็คือดูในเวอร์ชั่นสั้น เน้นส่วนเนื้อหาเข้มข้นแบบย่อๆ อีกเวอร์ชั่น เป็นแบบเวอร์ชั่นเต็ม ตรงนี้พอเราได้มาร่วมกับพี่แนน ที่มีระบบ S.E.L.F ก็จะผสมผสานได้ดีมาก ส่วนอีกคอร์ส คือ คอร์สตะลุยโจทย์ ก็จะเป็นคอร์สที่เน้นข้อสอบ 6 พ.ศ.ย้อนหลัง แต่ที่ต่างจากที่อื่นคือ เราจะพยายามสรุปเนื้อหาก่อนจะเข้าไปสู่ข้อสอบ แล้วหนังสือของเราจะแยกเนื้อหา เพื่อที่น้องจะได้รู้ว่า เนื้อหาที่ทำได้และไม่ได้มีอะไรบ้างและ ข้อสอบออกส่วนไหนเยอะ จะทำให้น้องรู้ว่า ข้อสอบบทนี้ มันพลิกแพลงไปได้กี่แบบ ซึ่งจะทำ ให้เราเดาทิศทางข้อสอบได้ถูก สิ่งที่เราต้องจำให้ได้คือ อะไรสำคัญในสายตาคนออกข้อสอบ ไม่ใช่ในสายตาเรา |
|
|
 |
|
|
พี่แนน : ถามถึงข้อสอบ O-NET วิชาไทย-สังคม ปีที่ผ่านมาๆ อะไรที่น้องๆ มักจะพลาดกันคะ?
พี่หมุย : อ่านโจทย์ไม่รอบคอบครับ เช่น คำว่า "ไม่" "ใช่" หรือ "ทั้งหมด" ต้องระวังมาก อย่างข้อสอบภาษาไทยที่น้องมักพลาดกันเพราะรีบตอบ คืออ่านเจอชอยส์ แล้วตอบเลย แต่จริงๆ ยังอ่านไม่หมดเลย วิชาภาษาไทยและวิชาสังคม ทำยังไงก็ทันครับ เลยต้องเตือนน้องๆ ให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ อ่าน แล้วดูด้วยว่าเค้าถามอะไร บางทีน้องรู้นะเรื่องนี้ แต่พลาดไป คิดว่าเค้าถามอย่างนี้ แต่จริงๆ ไม่ใช่
พี่แนน : ถ้าอยากฟันคะแนน O-NET ไทย-สังคมให้เกิน
ครึ่ง 3 บทไหนที่น้องต้องเตรียมมาคะ?
พี่หมุย : วิชาสังคม ที่มาแน่ๆ คือ พื้นฐานเศรษฐศาสตร์ อย่างน้อย 5 ข้อ เช่น การทำงานของกลไกการตลาด ปัจจัยการผลิต ความหมายของเศรษฐศาสตร์ ระบบเศรษฐกิจ ส่วนเนื้อหาภูมิศาสตร์ จะเป็นเรื่องของสนธิสัญญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะช่วงนี้หลักสูตรใหม่ของปี 2551 วิชาสังคม เค้าปรับเนื้อหาครึ่งหลัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับภัยภิบัติธรรมชาติ ก็ให้ไปเตรียมไว้ ส่วนอีกบท คือ ประวัติศาสตร์ อยากให้น้องเตรียมในเรื่องประวัติศาสตร์ไทย ตั้งแต่ ร.3 - ร.7 โดยเน้นในเรื่องพระราชกรณียกิจ ว่ารัชกาลนี้มีอะไรบ้าง โดยเฉพาะด้านการเมืองการปกครอง
ส่วนภาษาไทย ข้อบกพร่องในภาษา เรื่องกำกวม คำเชื่อมและเรื่องราชาศัพท์ แม้ว่าจะออกน้อย แต่มาแน่ๆ ครับ รวมทั้งเรื่องอนุมาน ซึ่งจะเป็นการอนุมานจากข้อความ น้องก็ต้องลองคิดดูดีๆ ว่าวิธีการอนุมาน 3 แบบ มีแบบไหน บ้าง เช่น เหตุไปหาผล , ผลไปหาเหตุ หรือผล ไปหาผล แต่ละอันเป็นยังไง
เทคนิคง่ายมากครับ เวลาพี่สอน จะสอนว่า "เพราะ เหตุ จึง ผล" ถ้าเราแอบแทรก "เพราะ" ไปได้ มันจะเป็น "เพราะ" แล้วตามด้วยเหตุ เช่น น้ำเชี่ยว อย่าขวางเรือ เราลองเติมว่า น้ำเชี่ยวจึงอย่าขวางเรือ หรือ น้ำเชี่ยว เพราะอย่าขวางเรือ ดังนั้น น้ำเชี่ยว จึงเป็นเหตุ ผลคืออย่าขวางเรือ ลักษณะข้อสอบมันจะออกแค่ว่า ข้อใดการให้เหตุผลต่างจากข้อนี้ เหตุมาก่อนผล หรือผลมาก่อนเหตุ อีกข้อหนึ่ง ก็ถามว่าข้อใด เป็นเหตุเป็นผลกัน เป็นต้น
|
|
|
 |
|
|
พี่แนน : อีก 3 เดือนข้างหน้าจะสอบ O-NET กันแล้วค่ะ เฮือกสุดท้ายนี้ อ่านยังไงให้ได้แต้มมากที่สุดคะ?
พี่หมุย : อย่าอ่านเรื่องที่เรารู้แล้ว!! น้องหลายคนจะชอบอยู่ในโซนปลอดภัย คือ อ่านเรื่องที่รู้แล้ว ทำได้แล้ว ทำได้อีก มันไม่ได้ช่วยอะไรครับ ให้ไปอ่านเรื่องที่เราอ่อน แล้วโฟกัสเนื้อหานั้นแทน สมมติพี่เก่งอังกฤษได้ 90 คะแนน การที่พี่จะไปทำให้ได้เต็ม 100 อาจจะต้องใช้เวลาอีก 3 เดือนในการอ่าน แต่ถ้าพี่เอาเวลา 3 เดือนนั้น ไปใช้ในวิชาที่พี่อ่อนมากๆ สมมติสังคมได้มา 15-20 คะแนน ถ้า 3 เดือนนั้นมานั่งอ่านวิชานี้ พี่อาจจะได้เพิ่มมาอีก 60 คะแนน ผลได้มันต่างกันครับ เพราะคะแนนมันจะทำให้ดีดตัวขึ้นมาได้สูงขึ้นครับ
พี่แนน : ได้เคล็ดลับจากพี่หมุยเยอะมากค่ะ สุดท้ายนี้อยากให้พี่หมุยฝากอะไรถึงน้องๆ ชาว Dek-D.com สักนิดค่ะ
พี่หมุย : น้องหลายคนจะชอบมาบอกว่า "พี่ หนูกลัวจัง มันไม่ทัน" พี่จะบอกเลยว่า ความกลัวแปรผกผันกับการลงมือทำ เช่น อีก 3 เดือนจะสอบ O-NET แล้ว เรากลัวจะทำไม่ทัน ถ้าเราเริ่มอ่านวันนี้ ความกลัวมันจะแปรผันผกลง ความกลัวจะน้อยลงเมื่อเราได้เริ่มลงมือ ขณะเดียวกันถ้าเรากลัว แล้วไม่เริ่มเลยสักที ความกลัวเราจะยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้น ถ้าน้องรู้ว่าวันนี้กลัว วันนี้ให้เริ่มทำ ทำยิ่งมากความหลัวยิ่งลดครับ
และอยากให้น้องๆ มีความตั้งใจ ลองดูจากพี่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าดีอะไรนะครับ แต่อยากให้ดูว่า จากเด็กธรรมดาคนนึง บ้านขายวัสดุก่อสร้าง เรียนโรงเรียนรัฐบาล อยู่มาได้จนทุกวันนี้เพราะมีความพยายาม อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับถ้าเราไม่ท้อ เรายังไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งหนึ่งที่ฝากกับน้องเสมอคือ ความพยายามอีกแค่ไม่กี่เดือนจากนี้ มันจะการันตีชีวิตเราในอีก 30-40 ปีที่เหลือหลังจากเราเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้ว ดังนั้น อดทนระยะสั้น ได้ผลระยะยาวครับ ^_^
|
|
|
 |
|
|
ได้ฟังแล้ว อยากเป็นอย่างพี่หมุยบ้างจังค่ะ เพราะจากคนที่เรียนเกรดร่อแร่เรียก ว่าเกือบเน่าหนอน แต่สามารถคว้าเกียรตินิยม และเรียนจนจบปริญญาโทจากเมืองนอกได้ ทั้งหมดเกิดจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะไปให้ถึงเป้าหมายจริงๆ น้องดูพี่หมุยเป็นตัวอย่าง แล้วลองมุ่งมั่น พยายามให้เหมือนพี่เค้านะคะ ^_^
|
|
|
 |
25 ความคิดเห็น
หนูเรียนไทยสังคมเหมือนกัน
ตอนแรกๆก็ไมีค่อยมั้นใจกับการเรียนพอมาอ่านแล้ว
มีกำลังใจมากค่ะ ไม่สายถ้าเราหันมาตั้งใจเรียน เนอะ
แต่ก็ไม่สำเร็จ แต่มาเรียนกับพี่หมุยแล้วจำได้ เข้าใจ ทำข้อสอบได้
เห็นพัฒนาการตัวเองแล้วดีใจมาก เราเคยเรียนมาหลายที่เหมือนกันนะ
แต่พอไปเรียน ทำข้อสอบพอได้นะ แต่สักพักก็ลืม แล้วก็เน่าเหมือนเดิม
เราว่า SociThai เจ๊งมากอะ คอร์สหน้าเจอกันคะพี่หมุย
พี่หมุยเปิดคอร์สประถมด้วยซิคะ น้องสาวจะได้ไปเรียนกับหนู
เชียร์พี่หมุยสุดใจ :)
ใครยังไม่ลองแล้วจะเสียใจ
ขอบคุณนะคะ ^^
jao25893@gmail.com
ค่าเีรียนก็โคตรถูกกกกกกกกกก!!!! (ถ้าเทียบการสถาบันดังๆหลายๆแห่ง)
ยิ่งเป็นเด็กEnconcept ยิ่งได้ลดอีก
แต่เราไม่ได้เป็นเด็กEnconceptก็เลยต้องจ่ายเต็ม แต่ไม่แพงประมาณ 2700 บาท
เด็กEnconcept ก็ประมาณ 1800 บาท แต่เป็นคอสUltimate admission ไม่ใช่ตะลุยโจทย์ แต่ราคาก็น่าจะพอๆกัน
แนะนำให้ไปเรียนเลย!!!