สวัสดีครับ เรื่องลี้ลับในสัปดาห์นี้ไม่รู้ว่าจะสงสารเจ้าของเรื่อง หรือบุคคลที่ถูกเซอร์ไพรส์ท้ายเรื่องดี เอาเป็นว่าให้น้องๆ ไปตัดสินกันเอง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวิทยาลัยสายอาชีพแห่งหนึ่ง เรื่องเล่าจาก "น้องณิชา" ในชื่อตอนว่า "บ้านผีสิงในวิทยาลัย" ไปติดตามกันเลยครับ
สวัสดีค่ะ พี่ลาเต้ และเพื่อนๆ ชาวคอลัมน์เรื่องลี้ลับในสถาบันทุกคน เราชื่อ ณิชา เรียนอยู่ในวิทยาลัยสายอาชีพแห่งหนึ่งที่ จ.ภูเก็ต เรื่องที่เราจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ มันเกิดขึ้นระหว่างการจัดเตรียมห้องทำบ้านผีสิงในวันงานประจำปีของวิทยาลัย ซึ่งเหตุการณ์นี้เราได้เจอกับตัวเองค่ะ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนมันเริ่มต้นขึ้นหลังจากทุกคนในห้องลงความเห็นกันว่าจะทำบ้านผีสิงเพื่อเก็บเงินมาบำรุงแผนกศิลปกรรม (ตึกแผนกเราเป็นตึกที่เก่าแก่มาก และเป็นตึกแรกๆ ของวิทยาลัย) เราได้แบ่งหน้าที่กัน กลุ่มเราเป็นกลุ่มตัวช่วยหลัก จึงจะอยู่ทำบ้านผีสิงจนดึกเสมอกับพวกผู้ชายในห้อง จนเข้าวันที่ 3 พวกเราก็เอาโต๊ะเรียนขาเหล็กมาเรียงต่อกันเพื่อทำเป็นกำแพงเหมือนเขาวงกตแล้วค่อยปิดทับด้วยถุงดำ เพื่อนในกลุ่มของเราคนนึง มันมีเซนในการเห็นผี ทุกคนได้บอกมันไปแล้วว่าถ้าเห็นก็เงียบ เพราะไอณิชามันกลัว ซึ่งนั้นก็คือเรานั้นเอง
ตอนเที่ยงพวกเราก็นั่งพักกันในห้อง เพราะต้องเฝ้าห้องไว้ไม่ให้คนนอกเข้ามา ซึ่งในตอนนี้บานหน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิท หรือแม้แต่กระจกที่อยู่สูงจนเกือบติดเพดานก็ถูกปิดทับด้วยถุงดำจนหมด ทำให้สภาพห้องเรียนในตอนนั้นกลายเป็นห้องมืด และที่สำคัญเพื่อนเราที่มีเซน มันเริ่มมีอาการแปลกๆ (คือถ้ามันเห็นผีเมื่อไหร่น้ำตาข้างซ้ายจะไหลออกมาข้างเดียว) เราเห็น..เพื่อนเห็น..รู้ล่ะว่าในนี้มีผีแน่ แต่ก็พยายามไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าเรากลัว
ด้วยความที่เห็นเพื่อนเป็นแบบนั้นเราเลยไม่ดูให้รู้สึกกลัว เลยหันหน้าหลบไปทางซ้าย มันกลับยิ่งทำให้เราแย่มากกว่าเดิม เราเห็นเด็กคนนึงหน้าขาว ผมจุก โผล่หัวออกมาจากใต้โต๊ะ แต่โต๊ะตัวนั้นมันเป็นขาเหล็กยังไม่ปิดถุงดำ ด้านใต้มันจึงโล่งๆ ไม่เห็นตัวเด็ก เห็นแค่ส่วนหัวที่โผล่ออกมาจากขาเหล็ก เราตกใจมากจนร้องออกมา แล้ววิ่งออกจากห้องไปเลย ในตอนนั้นเราร้องไห้เลยล่ะ เพราะไม่รู้ว่ามันโผล่มาได้ไง ช็อคมาก แล้วเพื่อนเราก็วิ่งมาปลอบกันใหญ่ ฃแต่ที่ทำให้ช็อคอีกก็ตอนที่เพื่อนเราคนที่มีเซนมันเดินมาบอกว่า “ชั้นเห็นนานแล้ว แต่ไม่กล้าพูด”
ด้วยความที่เราก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ว่าเพื่อนเราเห็นก็เลยถามไปทั้งๆ ที่ยังร้องไห้ว่าเห็นอะไร มันก็ตอบมา “ผู้หญิงแต่งชุดโบราณอุ้มเด็กผู้ชายยืนอยู่ด้านหลังแก แต่สักพักเด็กผู้ชายก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน” เท่านั้นล่ะ เราร้องไห้มากกว่าเดิม ก็เด็กคนนั้นหายเพื่อมาจ๊ะเอ๋เรานี่เอง - -"
แต่เรื่องก็ไม่จบแค่นี้ เพื่อนในห้องเห็นท่าไม่ดี เลยถามว่าจะยกเลิกบ้านผีสิงนี้มั้ย แต่ผลสรุปคือไม่ และต้องทำต่อให้จบ และแล้วก็มาถึงวันงาน ในเวลาเกือบๆ ห้าทุ่มเด็กในวิทยาลัยก็ยังต่อคิวยาวเหมือนเดิม เราทำหน้าที่เปิด-ปิดประตูทางออกจึงได้นั่งคุยกับคนที่เข้าไปด้านในแล้วออกมาแล้ว เราถามพวกเขาว่าสนุกมั้ย หลอนรึเปล่า แล้วพวกเธอก็บอกว่าน่ากลัวดีแต่ชอบผีอยู่ตัวนึงน่ารักมาก โผล่ออกมาจากถุงดำแล้วพูดว่าจ๊ะเอ๋ เป็นผู้หญิงขาวผมสั้นๆ เราก็หัวเราะ เพราะรู้เลยว่านั่นมันเพื่อน
จนเช้าวันรุ่งขึ้น เรามาเล่าให้เพื่อนคนนั้นฟัง มันบอกว่าคืนนั้นมันไม่ได้เข้าไปเล่นเป็นผีแล้ว แต่วันนั้นมันมานั่งขายตั๋วอยู่ตรงประตูทางเข้า คือ...เราช็อคมาก ถ้างั้นกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นก็เจอของจริงอ่าดิ ทุกคนก็หลอนกันหมด แล้วกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นก็ยังไม่รู้ว่าได้เจอของจริง!!
ลาเต้ลิขิต : ส่งเรื่องลี้ลับในสถาบันของคุณมาได้ที่ latae@dek-d.com
31 ความคิดเห็น
หลอนนน T^T
ผีเผออ่ะ จะกลัวไปไย เพราะเมื่อเราตายไป เราก็เป็นในสิ่งที่เรากลัว
ส่วนตัว เจอมาเยอะ ตั้งแต่เด็กยันโต โดยเฉพาะ 4 ปีในมหาลัย เจอเยอะที่สุดในชีวิต ยังไม่รู้สึกอะไรเลย
และทุกครั้งที่เจอ ก็เจอแต่สภาพสวย ๆ หล่อ ๆ ทั้งนั้น ไม่เคยเจอเละ ๆ สักที
อาจเป็นเพราะว่า "ขู่" เขาเอาไว้ก่อนแล้วก็เป็นได้
ที่ขู่ก็จะประมาณว่า ถ้าจะมาขอส่วนบุญ ก็ให้มาสภาพดี ๆ แบบเห็นแล้วเต็มใจอยากทำบุญไปให้น่ะ
เพราะถ้ามาแบบนี้ จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ได้บุญทั้งผู้ให้และผู้รับ
แต่ถ้ามาแบบเละ ๆ ก็จะมาทำให้เรากลัว เวลาทำบุญไปให้ ก็จะทำไปแบบกลัว ๆ บุญนั้นก็จะไปไม่ถึงคนที่มาขอ
แถมคนที่มาน่ะ ยังจะได้บาปกลับไปอีกด้วย อีกอย่าง ถ้าเละ ๆ มา จะแช่งให้เป็นสัมภเวสีอยู่อย่างนี้แหละ
ไม่ต้องไปผุดไปเกิดชั่วกัปชั่วกัลป์
เหอ ๆ เอากะมันสิ กับผี มันยังไม่เว้นนน
อ้อ ตอนเรียนปีสี่ มีรุ่นน้องคนหนึ่ง เรียน ESL กินยาฆ่าหญ้าฆ่าตัวตาย
ข่าวลือระลอกแรกมาเลย เครียดเรื่องเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง
ไ-อ้เราก็แบบ ยังพูดกับเพื่อนเลย ว่าถ้ามีปัญหา ทำไมไม่ปรึกษาอาจารย์ ทำไมต้องคิดสั้น
พอผ่านไปเกือบอาทิตย์ ความจริงปรากฏ นางอกหักจากหนุ่มเขมร ก็เลยฆ่าตัวตาย
เท่านั้นแหละ เราด่ายับเลย ความสงสาร เห็นใจที่มีก่อนหน้านั้นหายเกลี้ยง
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2556 / 14:16