สร้างมิติให้ตัวละคร: บทเรียนจากโครงการบ่มเพาะนักเขียนหน้าใหม่ ปีที่ 2



            สวัสดีครับ ชาว Dek-D Writer ที่รักทุกคน กลับมาพบกับพี่ภูมิอีกครั้งในคอลัมน์ "กลเม็ดเคล็ดลับ" เชื่อว่ามีหลายคนที่รอตามอ่าน ข้อ "ไม่ควรทำ" ในการเขียนนิยายรัก โดยนิโคลัส สปาร์คส์ ตามที่พี่ภูมิทิ้งท้ายเอาไว้ในตอน ข้อ "ควรทำ" รับรองว่า ได้อ่านสมใจอยากแน่ครับ แต่พี่ภูมิต้องขอเลื่อนออกไปก่อน เพราะคราวนี้ ขออนุญาตรายงานกิจกรรมซึ่งเพิ่งผ่านพ้นมาหมาดๆ รวมทั้งนำสาระดีๆ จากงานดังกล่าวมาเล่าสู่กันฟังด้วยครับ


            เมื่อวันเสาร์ที่ 18 และอาทิตย์ที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา พี่ภูมิได้ไปเข้าร่วมกิจกรรมครั้งที่ 2 ประจำเดือนพฤษภาคม ของโครงการบ่มเพาะนักเขียนหน้าใหม่ ปีที่ 2 จัดโดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยแห่งชาติ ร่วมกับนิตยสาร WRITER จุดหมายของการเดินทางคือ จังหวัดนครราชสีมา บ้านของศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ถึงสองคน ได้แก่ คุณลุงคำสิงห์ ศรีนอก (ลาว คำหอม) และชาติ กอบจิตติ นอกจากพวกพี่ภูมิจะได้ไปเยี่ยมและขอความรู้กับคำแนะนำจากนักเขียนรุ่นครูทั้งสองท่านถึงบ้านแล้ว ยังได้ฟังการบรรยายในหัวข้อ "เส้นทางสู่นักเขียนมืออาชีพ : การสร้างสรรค์เรื่องแต่งและตัวละครให้สนุกและสมจริง" จากนักเขียนที่เป็นพี่เลี้ยงประจำโครงการอีกด้วย ซึ่งพี่ภูมิก็ตั้งใจฟังและจดบันทึกอย่างเต็มที่เลย เพราะเห็นว่า น่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆ เพื่อนๆ และพี่ๆ ชาว Dek-D Writer ทุกคนครับ



            พี่ภูมิขอเปิดฉากด้วยการนิยามความหมายของคำว่า "ตัวละคร" โดย คุณบินหลา สันกาลาคีรี เจ้าของหนังสือรวมเรื่องสั้นรางวัลซีไรท์ ปี 2548 ชื่อประหลาดที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีอย่าง เจ้าหงิญ คุณบินหลากล่าวว่า ตัวละครคือ "มนุษย์ที่ถูกลดทอดบางส่วน และถูกเพิ่มบางส่วน" นั่นคือ เวลาเราจะบรรยายหรือเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวละครตัวหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียดทั้งหมดในชีวิตของเขาหรือเธอ ส่วนไหนที่ไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต่อการดำเนินเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง หรือพูดถึงแค่น้อยๆ แต่ให้เน้นส่วนที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่อง เช่น เราไม่จำเป็นต้องบอกว่า ตัวละครสระผมหรือถูสบู่ก่อนกันเวลาอาบน้ำ ทว่าเราอาจเล่าว่า ตัวละครมักเก็บมีดโกนไว้ที่ไหน ถ้าหากมีดโกนที่ว่าจะมีบทบาทสำคัญในตอนหลัง


            คุณโชคชัย บัณฑิต' (ของแท้ต้องมี ' ต่อท้าย) กวีรางวัลซีไรท์ ปี 2544 สานต่อประเด็นด้วยการเจาะลงไปถึงเบื้องลึกของตัวละคร "เบื้องใต้ของมนุษย์คือกระดูก เบื้องใต้ของตัวละครคือความรู้สึกนึกคิดจิตใจ" จะให้ตัวละครดูสมจริง ดูมีมิติ ต้องมีการบรรยายให้ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละครในเหตุการณ์แต่ละช่วง ขณะที่เขียน ตัวละครของเรารู้สึกเช่นไร ดีใจ เสียใจ โกรธ เซ็ง หดหู่ ฯลฯ อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ จะเป็นมิติทางจิตวิทยาที่ทำให้ตัวละครดูสมจริงกว่าการบอกแค่ว่า ตัวละครเป็นใคร กำลังทำอะไรที่ไหน



            นักเขียนพี่เลี้ยงคนถัดมา คุณอุทิศ เหมะมูล นักเขียนนวนิยายรางวัลซีไรท์ ปี 2552 เสริมว่า การบรรยายความรู้สึกของตัวละครจะยิ่งดูสมจริงขึ้นไปอีกหากบรรยายด้วย "ภาพ" คือ แทนที่จะบอกว่า ตัวละครกำลังโกรธ เศร้า หรือเบิกบาน ก็ควรเล่าว่า ตัวละครแสดงความโกรธ เศร้า หรือเบิกบานออกมาอย่างไร ทั้งนี้เพราะแต่ละคนจะแสดงกิริยาอาการเวลามีความรู้สึกต่างๆ อย่างแตกต่างกันไป เช่น เวลาโกรธ พี่หวายอาจเอากำปั้นทุบอก ส่วนพี่ภูมิอาจยิ้มกว้างผิดปกติ การแสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างแตกต่างกันไปนี้ คือวิธีหนึ่งในการสร้างเอกลักษณ์ของตัวละคร

            นอกจากนั้น คุณอุทิศยังแนะนำอีกว่า ถ้าเรื่องที่เราเขียนมีตัวละครหลายตัว และเรายังไม่ได้กำหนดลักษณะนิสัยของตัวละครแน่ชัด ก็อย่าเพิ่งเขียนบทสนทนา เพราะองค์ประกอบของบทสนทนา ทั้งถ้อยคำ สำนวน ลีลาการพูด และน้ำเสียงของตัวละคร ล้วนเป็นเครืองมือแสดงบุคลิกลักษณะของตัวละคร เช่น ตัวละครที่ชอบดูถูกคนอื่นว่าโง่กว่าตัวเองมักชอบใช้ศัพท์แสงที่ฟังดูเข้าใจยาก ตัวละครที่พูดติดอ่างมักขาดความมั่นใจในตนเอง ฯลฯ หากเราเขียนบทสนทนาโดยที่ยังไม่ได้กำหนดลักษณะนิสัยตัวละคร ก็อาจกลายเป็นว่า ตัวละครสองตัวของเราพูดจาเหมือนกันอย่างกับเป็นคนเดียวกัน หรือบทพูดของตัวละครดูราบเรียบ ไร้ชีวิตชีวา เหมือนบทบรรยายก็ได้


            พี่เลี้ยงคนสุดท้าย คุณอนุสรณ์ ติปยานนท์ ผู้มีผลงานเรื่องสั้นเข้ารอบชิงชนะเลิศรางวัลซีไรท์ถึงสองสมัย เปิดเผยเคล็ดลับส่วนตัวในการสร้างตัวละครอย่างสมจริงว่า นักเขียนต้องตอบคำถามสามข้อนี้ให้ได้เสียก่อน:

            1. ตัวละครตัวนี้มีพฤติกรรมการกินอาหารอย่างไร เขาหรือเธอชอบกินอาหารรายการไหน รสชาติแบบไหน ชอบกินอาหารที่ไหน นอกบ้านหรือที่บ้าน ถ้ากินนอกบ้านชอบไปที่ไหน ร้านอาหารตามห้ามสรรพสินค้าหรือฟู้ดคอร์ตตามซูเปอร์มาร์เก็ต ถ้ากินที่บ้าน ชอบทำกินเองหรือซื้ออาหารสำเร็จรูปมากิน...คำตอบของคำถามชุดนี้จะบ่งบอกว่า ตัวละครมีพฤติกรรมการดำรงชีวิตประจำวันเช่นไร ใช้ชีวิตอย่างรีบร้อนหรือไม่ ชอบออกสังคมกับเพื่อนฝูงหรือชอบอยู่กับครอบครัวพร้อมหน้า และระดับของอาหารกับร้านอาหารจะเป็นตัวบอกให้ผู้อ่านทราบถึงรสนิยมและฐานะของตัวละคร

            2. ตัวละครตัวนี้ชอบหรือหลงใหลคลั่งไคล้อะไร เขาหรือเธอนิยมชมชอบสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นพิเศษหรือไม่ ชอบเก็บสะสมอะไรเป็นพิเศษไหม มีลักษณะการแต่งกายอย่างไร ชอบซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องอุปโภคบริโภคแบรนด์ไหน ยี่ห้อใดเป็นพิเศษหรือเปล่า แล้วในทางกลับกันล่ะ มีสิ่งของหรือแบรนด์ไหนที่เขาตั้งแง่รังเกียจเป็นพิเศษมั้ย...การตอบคำถามเหล่านี้ได้เป็นเครื่องบอกว่า ตัวละครของเรามีรสนิยมและฐานะอย่างไร บางครั้งอาจโยงไปถึงประเด็นทางจิตวิทยาว่า เขามีปมทางจิตหรือความฝังใจในเรื่องอะไรในอดีต ตัวอย่างเช่น สมัยเด็กๆ ถูกงูพิษกัดจนเกือบตาย เลยกลัวสิ่งของที่มีรูปงูมานับแต่นั้น เป็นต้น

            3. ตัวละครตัวนี้มีรสนิยมทางเพศแบบไหน เป็นคนรักต่างเพศหรือรักร่วมเพศ ชอบคนอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า คู่รักในอุดมคติมีลักษณะอย่างไร (สีผิว ทรงผม รูปร่าง หน้าที่การงาน ฯลฯ) คิดจะแต่งงานเมื่อไร มีทัศนคติเกี่ยวกับการชิงสุกก่อนห่ามอย่างไร ชอบลีลาการจูบแบบไหน...แน่นอนว่า บางประเด็นในคำถามชุดนี้อาจเข้าข่ายติดเรตไปบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ ให้นักเขียนเก็บเป็นข้อมูลอ้างอิงของตัวละครแต่ละตัวเท่านั้น ส่วนที่ไม่จำเป็นกับเนื้อเรื่องก็ไม่ต้องกล่าวถึง (อย่างที่คุณบินหลาว่าไว้ตอนต้น) คำตอบของคำถามเหล่านี้ไม่เพียงบ่งบอกรสนิยมของตัวละคร แต่ยังบอกด้วยว่า ตัวละครมีนิสัยโดยธาตุแท้เป็นเช่นไร เพราะความรัก ความปรารถนา รวมถึงอารมณ์ทางเพศ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับสัญชาตญาณดิบของมนุษย์แต่ละคนนั่นเอง


            อย่างไรก็ดี แม้คำถามเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เขียนเข้าใจตัวละครของตัวเองมากขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เราต้องใช้คำตอบชุดเดิมเสมอไป เพราะหลายครั้งที่ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินไป ตัวละครก็ยิ่งมีพัฒนาการ ยิ่งเปลี่ยนแปลงนิสัยและการแสดงออก ทำให้รสนิยมและทัศนคติเปลี่ยนไปด้วย หรือบางกรณีก็อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันกับตัวละคร ทำให้เขาหรือเธอเปลี่ยนความชอบจากแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ ไม่ว่าตัวละครจะเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าใด ผู้เขียนก็ต้องเข้าใจในตัวละครของตัวเองอย่างถี่ถ้วนอยู่เสมอ

            ว่าอย่างไรกันบ้างครับกับเทคนิคและคำแนะนำว่าด้วยการสร้างตัวละครให้สมจริงโดยนักเขียนผู้มากประสบการณ์และผลงานทั้งสี่ท่าน หวังว่าจะเป็นที่ถูกใจและเป็นประโยชน์กับการเขียนนิยายของชาว Dek-D Writer นะครับ

            ก่อนจะจากกันในคราวนี้ พี่ภูมิขอนำคำพูดให้ขอคิดดีๆ ที่ตัวเองบันทึกโดยตรงจากปากคำของคุณชาติ กอบจิตติ วิทยากรพิเศษประจำโครงการ มาฝากทุกๆ คนครับ


"ห้ามเขียนหนังสือไปพลาง คิดไปพลางว่าจะขายใคร
แต่ให้เขียนไอ้แบบที่เราอยากอ่าน แล้วค่อยคิดเรื่องเอาไปขายทีหลัง
"

-ชาติ กอบจิตติ, 19 พ.ค. 2556

           


            พี่ภูมิขอจบบทความ "กลเม็ดเคล็ดลับ" สกู๊ปพิเศษลงแต่เพียงเท่านี้ละครับ คราวหน้า ตามสัญญาเดิมครับ เตรียมตัวพบกับข้อ “ไม่ควรทำ” ในการเขียนนิยายรักตามสไตล์นิโคลัส สปาร์คส์ ได้เลยครับ

ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก
กรุ๊ปเฟซบุ๊ค โครงการบ่มเพาะนักเขียนหน้าใหม่ ปีที่ 2
https://www.facebook.com/groups/321747697952934/


Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

18 ความคิดเห็น

White Frangipani Member 24 พ.ค. 56 06:36 น. 1
สวัสดีค่ะ

 "คำแนะนำที่ดีๆจากรุ่นครู" มีประโยชน์มากสำหรับมือใหม่ที่อยากจะหัดเขียน อ่านและดูภาพแล้วทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจขึ้นมาด้วย ^__^

ขอบคุณสำหรับของฝากค่ะ^__^


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Gif_Pim2772 Member 24 พ.ค. 56 09:24 น. 3
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ เราอยากเเต่งนิยายเรื่องยาวเเต่ไม่รู้ต้องเขียนยังไงดี ขอบคุณจริงๆค่ะ^^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Scheherazade Member 24 พ.ค. 56 22:56 น. 5
ขอบคุณค่ะพี่ภูมิ

ฟังคุณบินหลาแล้ว ก็ชวนให้นึกถึงเมื่อสมัยที่หัดเขียนนิยายใหม่ๆ ตอนนั้นกลัวตัวละครไม่สมจริง แต่ความอ่อนประสบการณ์ทำให้ไม่ได้นึกถึงวิธีการออกแบบตัวละครก่อนเริ่มเขียน ดันเลือกค่อยๆ เขียนไปก่อร่างสร้างตัวตนของตัวละครไปพลาง ทำให้ในเนื้อเรื่องเต็มไปด้วยฉากหรือกิริยาอาการต่างๆ ในชีวิตประจำวันของตัวละคร ซึ่งแทบจะไม่เกี่ยวเนื่องกับเนื้อเรื่องหลัก ไม่ต้องพูดถึงก็ได้

เลยกลายเป็นว่าตอนนั้นเนื้อเรื่องหลักดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงขั้นล่าช้า จำได้ว่าเนื้อหาแค่ 1/4 ของเรื่องก็ทะลุ 150 ถึง 200 หน้าเอสี่ไปแล้ว(ฟรอนท์ 14 ซะด้วย)

อ่านเองยังเพลีย ฮ่าๆ
0
กำลังโหลด
เขียนไปอายไป 25 พ.ค. 56 00:30 น. 6
เป็นบทความที่ให้ความรู้กับนักเขียนมือใหม่มากๆครับ
แต่ขอสารภาพอย่างไม่อายนะครับว่า
ผมอ่านข้อแนะนำทั้งหมดนี่ จำเคล็ดได้ไม่ค่อยหมดครับ
แต่จำที่พี่ชาติมาตบท้ายด้วยข้อความสั้นๆไม่กี่บรรทัดได้แบบเข้าใจหมดแบบเด็ดขาดไปเลยครับ !
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ศุภมงคล อุ่นใจ Member 26 พ.ค. 56 05:02 น. 8
   ข้อความไม่กี่บรรทัดให้ความรู้ได้มากมาย อ่านดูแล้วเหมือนจะง่ายแต่ทำยาก แต่ก็น่าทำครับ การสร้างมิติให้ตัวละคร  เมื่อไรผมจะทำได้เนี่ย 
     ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆแบบนี้นะครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Ray_11 Member 27 พ.ค. 56 01:12 น. 11
ขอบคุณมากเลยครับ ผมชอบหลักการสร้างตัวละครที่กล่าวมามากเลยครับ สำหรับคำถามที่ตั้งไว้ให้ เดี๋ยวต้องนำไปใช้เสียหน่อยละ ^^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คิดนึก 24 มิ.ย. 56 20:22 น. 15
ตัวละครตัวนี้มีพฤติกรรมการกินอาหารอย่างไร...

ข้อแรกก็ตอบไม่ได้แล้วอ่ะ ฮ่าๆๆ... ต้องกลับไปนั่งนึก ๆ และนึก...
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด