ปราปต์ : แค่หยุดเขียนวันเดียว เราก็ถอยหลังลงไปแล้ว

สวัสดีชาวนักเขียนนักอ่านเว็บเด็กดีทุกคนจ้า พี่อตินกลับมาแล้ว กับคอลัมน์พบปะพูดคุย โดยเป้าหมายของคอลัมน์นี้คือ เราจะชวนนักเขียนเด็กพีรุ่นพี่ที่มีความสามารถ เขียนนิยายได้น่าสนใจมาพบปะนักเขียนรุ่นน้อง บอกเล่ากลเม็ดเคล็ดลับ ตลอดจนอัพเดทเรื่องราวผลงานของตัวเองให้ทุกคนได้ฟังกัน และสำหรับวันนี้ พี่ตินได้เชิญ “ปราปต์” กลับมาพบปะทุกคนอีกครั้ง
 
“ปราปต์” เป็นนักเขียนยุคแรกๆ ของเว็บเด็กดี และมีผลงานหลากหลาย ตั้งแต่แนวรักหวานแหวว ตลกขบขัน หรือแม้แต่เรื่องสั้น ปัจจุบัน ปราปต์หันมาเอาดีทางด้าน “นิยายสืบสวนสอบสวน” ที่เน้นการบอกเล่า “เชิงสัญลักษณ์” อันเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากมากในตัวนักเขียนไทย และเพราะประเด็นนี้นี่แหละ พี่ตินเลยตัดสินใจชักชวน “ปราปต์” มาพูดคุยกับน้องๆ อีกครั้ง จะได้ศึกษากลเม็ดเคล็ดลับและเทคนิคการเขียนที่เขาใช้ในผลงานใหม่ที่จะออกวางแผงในงานหนังสือครั้งนี้ (13-24 ตุลาคม 2559)

ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงเรื่อง ห่มแดน ที่จะตีพิมพ์กับ สนพ. กรู๊ฟพับลิชชิ่ง นั่นเองค่ะ  
 
พี่อติน : สวัสดีค่ะชายปราปต์ ทักทายคนอ่านและเพื่อนๆ นักเขียนนักอ่านหน่อย  
ปราปต์ : สวัสดีครับชาวเด็กดี ปราปต์ครับ เจ้าของเดียวกับ ‘กาหลมหรทึก’ และ ‘นิราศมหรรณพ’ วันนี้มาพร้อมหนังสือเล่มใหม่ ‘ห่มแดน’  
 
พี่อติน : ว่าด้วยเรื่อง ห่มแดน ขอให้เล่าที่มาที่ไป เห็นว่าเรื่องนี้เขียนเพื่อประกวดในโครงการของททท. ใช่ไหม  
ปราปต์ : ใช่แล้วครับ ราวๆ ปลายปีก่อนได้เห็นข่าวการประกวดนวนิยายโครงการ ‘เที่ยว เขียน ไทย’ ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสารสกุลไทยร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแชร์อยู่ในเฟซบุ๊คครับ เป็นโครงการที่เตะตามากเพราะปกตินิยายของผมจะมีการแทรกฉากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อยู่แล้ว เรียกว่าเป็นทางของเราเลย แล้วเรื่องที่ชนะก็จะได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทยด้วย สกุลไทยเป็นนิตยสารที่ผมอ่านตั้งแต่เด็กและรู้สึกอยากมีผลงานลงพิมพ์สักครั้งครับ แถมทางโครงการยังแจ้งว่ามีของรางวัลอื่นๆ อีก ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก พ็อคเก็ตมันนี่ ทุกอย่างนี้ปราปต์ไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดด้ายยย 555
 
พี่อติน : แปลว่าเป็นคนที่ชอบประกวด...? เพราะเห็นประกวดหลายงานอยู่เหมือนกัน และเห็นว่าจะตีพิมพ์เรื่องสั้นกับสนพ. โซฟาด้วย ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
ปราปต์ : จริงๆ ตั้งแต่เด็กมาแม่เห็นว่าชอบเขียนหนังสือ ก็มักจะคะยั้นคะยอให้ผมประกวดงานเขียนอยู่บ่อยๆ แต่ผมปฏิเสธตลอดเพราะไม่คิดว่าเป็นทางของตัวเอง และรู้สึกว่าการประกวดเป็นเรื่องที่ยากเกินตัว จนได้จับพลัดจับผลูประสบความสำเร็จในการประกวด ‘กาหลมหรทึก’ เมื่อปี 2557 ทำให้มุมมองเปลี่ยนไป เห็นข้อดีของการประกวดหลายอย่าง ทั้งในด้านของรางวัล (รู้สึกจะมาเป็นอันดับหนึ่ง แหะ ^^”) ด้านการเปิดโอกาสให้ตัวเอง ด้านการประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะการพัฒนาและบริหารตัวเองให้ทำต้นฉบับสำเร็จตามเส้นตายที่ทางกองประกวดกำหนด ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้ชอบขึ้นมาครับ งานประกวดเรื่องสั้นผีของสนพ.โซฟาก็เหมือนกัน ผมมองในแง่เป็นการเปิดโอกาสเสนอผลงานของตัวเองไปสู่ตลาดที่กว้างกว่าเก่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะดูแนวทางของการประกวดด้วย ถ้าอันไหนห่างไกลตัวเองเกินไปก็อาจจะไม่ได้ส่งครับ
                       
พี่อติน : เพราะอะไรถึงต้องชื่อ ห่มแดน ได้แรงบันดาลใจจากอะไร  
ปราปต์ : เรื่องนี้ทางกองประกวดมีข้อกำหนดให้โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ผมมานั่งคิดว่างานของคนอื่นคงเน้นสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นหลัก เลยวางแผนว่าเราน่าจะใส่หลายๆ ที่ให้ครอบคลุมไปทั่วประเทศเลยดีกว่าจะได้แตกต่าง จากนั้นมาหาคอนเซ็ปต์ว่าจะเอาอะไรเป็นแกนดี ก็คิดถึง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของในหลวงครับ คือสมัยอยู่ที่มหาลัยเคยได้มีโอกาสไปข้องแวะด้วยหน่อยๆ ก็เลยคิดว่าเอามาต่อยอดดีกว่า ทีนี้พอเซิร์ชหาข้อมูลหลายๆ แห่งเข้าก็ไปสะดุดกับแนวพระราชดำริเรื่องการ ‘ห่มดิน’ คือการเอาพวกเศษหญ้ามาคลุมดินให้ดินข้างใต้มีความสมบูรณ์พอจะปลูกพืชได้ คอนเซ็ปต์ของการห่มดินนี้โดนใจผมมาก แล้วพอนำมาบวกกับการคิดจะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวทั่วแดนไทย ก็เลยรวมกันกลายเป็นชื่อ ห่มแดน ครับ
 
พี่อติน : แดนเลฑฑุ์ กูรข่า โรทัน ลมูล ฯลฯ ดูเหมือนชื่อตัวละครในเรื่อง จะเป็นสัญลักษณ์สำคัญทั้งหมด แปลว่าตัวปราปต์ สนใจเรื่องสัญญะ...? นำมาปรับใช้ในงานเขียนอย่างไรบ้าง  
ปราปต์ : เมื่อก่อนอีกเหมือนกัน ไม่เคยสนใจสัญญะเลย เวลาอ่านงานที่แฝงนี่นั่นแล้วรู้สึกรำคาญว่าทำไมคนเขียนไม่บอกตรงๆ (วะ) เวลาตั้งชื่อตัวละครก็เน้นชื่อที่ตัวเองชอบเป็นหลัก ไม่สนความหมายเท่าไหร่ จนเรื่องที่แล้ว ‘นิราศมหรรณพ’ เป็นเรื่องที่ทุกอย่างเป็นสัญญะหมดเลย รวมไปถึงการสร้างชื่อตัวละครด้วย แล้วปรากฏว่าทำไปทำมารู้สึกสนุกดี เพิ่งเข้าใจว่าอ๋อ มันทำให้เรื่องมีมิติและลึกซึ้งขึ้นแบบนี้นี่เอง แล้วคนอ่านส่วนใหญ่ก็พูดถึงมันในแง่ดีด้วย พอมาเขียนเรื่องนี้ก็เลยค่อยๆ เอามาประยุกต์ใช้ต่อครับ อย่างแดนเลฑฑุ์เป็นตัวเดินเรื่อง พอคิดคอนเซ็ปต์เรื่อง ‘ห่มดิน – ห่มแดน’ ได้แล้ว ก็เอามาคิดชื่อตัวละครนี้ต่อ ตอนแรกจะใส่แค่ตัวละครนี้ตัวเดียว แต่พอเขียนไปๆ บุคลิกตัวอื่นๆ ก็เริ่มชัด และพบว่าเราสามารถบอกบางอย่างจากชื่อของมันได้ เลยค่อยๆ ปรับจนได้ชื่ออื่นๆ มาอย่างที่ปรากฏในเนื้อเรื่องครับ
 
แวะไปอุดหนุน "ห่มแดน" ได้ที่บูธสนพ. กรู๊ฟ
N22 โซน C1 ในงานสัปดาห์หนังสือ 13-24 ตุลาคม 2559 

 
พี่อติน : เรื่องนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ทำการบ้านอย่างไร เดินทางไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ บ้างไหม และเวลาเลือกสถานที่เหล่านั้น มีเหตุผลอย่างไรบ้าง
ปราปต์ : ต้องขอออกตัวจริงๆ ว่าไม่ค่อยได้ไปที่ไหนเลย ส่วนตัวผมเป็นคนชอบทะเลมาก และเนื่องจากทำงานประจำไม่ค่อยมีเวลา พอได้ไปเที่ยวก็เลยมักจะเลือกแต่ทะเลครับ กอปรกับช่วงเวลาที่เขียนเรื่องนี้มีค่อนข้างน้อย ทำให้ไม่สามารถเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปหาข้อมูลได้อย่างสมัยเขียนกาหลฯ กับนิราศฯ ซึ่งเป็นฉากที่อยู่ใกล้ๆ แค่ในกรุงเทพ การเขียนสถานที่เกือบทั้งหมดใน ‘ห่มแดน’ ก็เลยต้องเน้นการหาข้อมูลเอา ไปๆ มาๆ เรื่องนี้เลยกลายเป็นเรื่องที่มี reference ข้อมูลเยอะมากที่สุดเลยตั้งแต่เขียนมา
 
ส่วนการเลือกสถานที่ ผมยังคงใช้สัญญะมาเป็นตัวกำหนดครับ การเขียน ‘ห่มแดน’ เป็นการเขียนที่ใช้วิธีแตกต่างจากกาหลฯ นิราศฯ ไปอีก เพราะสองเรื่องนั้นจะค่อนข้างมีพล็อตชัดว่าเดี๋ยวตัวละครจะต้องเดินไปเจออะไรอีกบ้าง แต่ห่มแดนทุกอย่างต้องการความยืดหยุ่น สร้างทางเลือกไว้หลายทางเพื่อปรับให้เข้ากับโจทย์และคอนเซ็ปต์ของตัวเองมากที่สุด สถานที่ท่องเที่ยวที่เลือกมา หลายอันก็ส่งผลกับเหตุการณ์ในเรื่อง และหลายๆ เหตุการณ์ในเรื่องก็ส่งผลต่อการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวด้วย เช่น เขาจูบกัน หรือ กำแพงดิน เป็นต้นครับ
 
พี่อติน : เชื่อว่าปราปต์เป็นคนที่มีโจทย์ในใจเสมอเวลาเขียนนิยาย ขอถามว่า... เป้าหมายและโจทย์ที่ตั้งไว้ เกี่ยวกับ ห่มแดนคืออะไร มีความคาดหวังอย่างไรบ้างกับนิยายเรื่องนี้
ปราปต์ : โจทย์ของเรื่องนี้คือการตีความหลายๆ แง่มุมจาก ‘สถานที่’ และการ ‘ท่องเที่ยว’ ครับ ดังจะเห็นจากบทแรกๆ ซึ่งเรื่องจะเล่าถึงสัจธรรมของการมองข้ามของดีใกล้ตัว (เปรียบกับเลือกไปเที่ยวที่ไกลๆ) หรือการเดินทางที่อาจหลงบ้างแต่จะทำให้เห็นโลกกว้างขึ้น เป็นต้น ในส่วนนี้ก็นับเป็นวิธีการเขียนของตัวเองที่โตขึ้นจากเรื่องเก่าๆ คือในเรื่องหลักที่มีแก่นหลักก็จะมีแก่นย่อยแทรกอยู่ด้วย พวกนี้เป็นอะไรยิบๆ ย่อยๆ ที่คนอ่านอาจมองไม่เห็น แต่มันเป็นสิ่งที่เราคาดหวังจากตัวเองครับ นอกจากนั้น เรื่องนี้ก็จะนำเสนออย่างค่อนข้างฉีกออกไปจากกาหลฯ และนิราศฯ คือเป็นงานสืบสวนที่เน้นไปทางดราม่า การเรียนรู้ และชีวิตของมนุษย์มากขึ้น มันเหมือนกับการเดินทางที่ยิ่งไกลเรากลับยิ่งได้พบตัวเองและรู้ความจริงลึกมากขึ้นครับ
 
พี่อติน : จุดเด่นในนิยายของปราปต์ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน คืออะไร
ปราปต์ : ให้ตัวเองตอบคงยาก เพราะนับจากเรื่องแรกก็เป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว แถมแนวเรื่องที่เขียนตอนแรกกับหลังๆ ก็ต่างกันไปอีก แต่ถ้าถามตัวเอง ผมคิดว่าในการนำเสนอเรื่องใดๆ ก็ตาม ผมคงพื้นฐานของความสนุกไว้ก่อนนะครับ แต่สนุกมากสนุกน้อยหรือสนุกแบบไหนก็อาจต้องแจกแจงกันไป เพราะนิยายแต่ละเรื่องถูกสร้างขึ้นมาจากโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน บางเรื่องอาจจะสนุกจากความเคร่งเครียดจากการขบคิด บางเรื่องสนุกจากความลุ้นระทึก สนุกจากความตลก อะไรแบบนี้ครับ
 
พี่อติน : มีเคล็ดลับการเขียนไหม เวลาเขียนไม่ออก ทำอย่างไรบ้าง
ปราปต์ : การเขียนไม่ออกเกิดจากคิดไม่ออกครับ มันจะต่างจากเวลาที่เราไม่มีอารมณ์ เพราะบางทีเราขี้เกียจหรือไม่มีอารมณ์ แต่เรามีอะไรอยู่ในหัว เรายังพอจะเขียนออกมาได้ บางทีเขียนได้รื่นและยาวกว่าตอนตั้งใจๆ อีกตะหาก แต่ถ้าไม่มีอะไรในหัวเนี่ยจะเขียนออกมาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ทางแก้ของตัวเองเวลาที่เขียนไม่ออก ก็คือจะต้องคิดให้มากขึ้น อย่างบางฉากอาจจะต้องแตกออกมาเป็นประเด็นเลยว่าเราอยากบอกอะไร จะมีใครเข้ามาบ้าง แต่ละคนจะทำจะพูดอะไร จากนั้นพอได้ค่อนข้างครบแล้ว ก็ค่อยเอามาผสมกันเป็นก้อนเหมือนก้อนแป้ง แล้วเอาก้อนแป้งไปปั้นต่อให้เป็นเนื้อเรื่อง แบบนี้ก็จะทำให้เขียนออกและได้ภาพครบชัดครับ
 
พี่อติน : พัฒนาการของตัวเอง จากอดีตจนวันนี้ คิดว่าสไตล์การเขียนเปลี่ยนแปลงไปมากไหม  
ปราปต์ : ที่ผมคิดคือ ผมใช้เวลาสิบปีเพื่อพัฒนาจนพบว่าตัวเองเขียนได้ตรงประเด็นมากขึ้นครับ ไม่ได้หมายถึงแค่แก่นเรื่องที่จะนำเสนอนะครับ แต่หมายถึงการจะสื่อสารด้วยว่าตอนนี้เรื่องราวมันกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว และเราคาดหวังจะให้คนอ่านรู้สึกอย่างไร และอย่างไรต่อไป คือเมื่อก่อนผมจะเล่าไปเฉยๆ บางช่วงก็ย้วย บางช่วงก็ยานจนรู้สึกออกทะเลหรือหาสิ่งที่ต้องการจะเล่าจริงๆ ไม่เจอ แต่เดี๋ยวนี้ฝึกให้ตัวเองคิดเป็นระบบมากขึ้น คิดเยอะมากขึ้น คืองานทุกชิ้นทุกซีนทุกคำพูดจะต้องผ่านการกลั่นกรองก่อน ว่าเราเขียนมันไปเพื่ออะไร บางอย่างอาจไม่ได้สื่อให้เรื่องมันเดินต่อ แต่เรากำลังสื่ออารมณ์ หรือเรากำลังล่อคนอ่าน แบบนี้เป็นต้น คือเราต้องตอบตัวเองได้ ถ้าจุดไหนตอบตัวเองไม่ได้ หรือได้ไม่เป็นเหตุเป็นผลพอ แสดงว่ามันไม่เวิร์กและเราควรจะต้องคิดใหม่ ส่วนถามว่าตัวเองเป็นนักเขียนแนวไหน ผมว่าตัวเองเป็นแนวถึกนะ คือถ้าอยากเขียนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแนวยากเย็นยังไงก็จะพยายามทำให้มันสำเร็จให้ได้น่ะครับ
 
จากซ้ายมาขวา ปองวุฒิ, ปราปต์ และคุณหมอพงศกร 
 
พี่อติน : ฝากอะไรถึงแฟนคลับ คนอ่านของปราปต์  
ปราปต์ : ผมรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจจริงๆ ครับ หลายๆ ครั้งคนอ่านคือพลังที่ทำให้ผมเขียนต่อไปได้จริงๆ นะ การมีคนอ่านที่ดีที่รักเรานี่มันเหมือนเป็นพรวิเศษเลย และผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เจอคนอ่านแบบนี้ สิ่งที่จะตอบแทนได้ก็คือพยายามพัฒนาตัวเองต่อไป และไม่อยากทำให้ทุกคนผิดหวัง อย่างตอนนี้ก็คิดว่า ห่มแดน จะไม่ทำให้ผิดหวังนะครับ ^^
                
พี่อติน : อยากบอกอะไรกับนักเขียนรุ่นใหม่ๆ ของเว็บเด็กดีบ้าง  
ปราปต์ : ผมขอบอกแบบเดียวกับที่บอกตัวเองทุกวันครับ คือถ้าเราอยากเป็นนักเขียน ก็จงอย่าหยุดเขียน เพราะแค่หยุดวันเดียว เราก็ถอยหลังลงไปแล้ว เราพักผ่อนได้ เราเหนื่อยได้ แต่เราต้องไม่พักหรือมัวท้อนาน ประสบการณ์ของตัวเองมันสอนผมว่าดอกผลของงาน บางทีมันไม่ได้เบ่งบานภายในวันเดียว แต่การสู้และอดทนสะสมไปเรื่อยๆ มันจะตอบแทนเราได้ในวันข้างหน้า ถ้าเรารักและสู้เพื่อมันจริงๆ มันจะไม่ทำให้เราผิดหวังเลย
 
พี่อติน : อนาคตของปราปต์ จะเดินบนเส้นทางสายไหนอย่างไร
ปราปต์ : ตั้งแต่โตมา ผมไม่เคยรู้สึกว่าอยากเป็นอะไรเลยนอกจากนักเขียนอาชีพ ถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นความคิดเดียวในหัว เพราะฉะนั้นถ้ามีทางไหนทำให้มุ่งไปตามความฝันได้ ผมก็จะไม่ลดละและพยายามเดินต่อไปตามทางเส้นนั้นครับ
 
พี่อติน : ก่อนจากกันไป บอกลากันหน่อย
ปราปต์ : ขอบคุณเด็กดี พี่อติน พี่โน้ต ทีมงานและเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนในเว็บนี้ที่ให้การต้อนรับปราปต์อย่างดีเสมอมา แต่ผมจะไม่บอกลา เพราะว่ายังไงก็จะเสนอหน้ามาอีกครับ อิอิ
 
ต้องขอขอบคุณปราปต์มากๆ ค่ะ ที่มาร่วมพูดคุยกับเรา พี่ตินอ่านนิยายเรื่อง ห่มแดน ของเขาจบแล้ว ความที่อ่านนิยายของปราปต์ทุกเล่ม จึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงปรากฎในตัวอักษรและนิยายของเขาอย่างเห็นได้ชัด บอกเลยว่า นักเขียนคนนี้คือนักเขียนสายถึกอย่างแท้จริงค่ะ เพราะไม่ว่าจะตั้งโจทย์ไว้แตกต่าง แปลก แหวกแนวแค่ไหน เขาก็ยังพยายามบุกเบิกแผ้วถางไปจนได้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตัวเองตั้งใจ ไม่ว่ายังไงก็ขออวยพรให้ปราปต์ประสบความสำเร็จและเติบโตในวงการวรรณกรรมไทยอย่างที่เขาตั้งใจนะคะ ^ ^ 

ใครอยากลองอ่าน ห่มแดน ก็คลิกชื่อได้เลยค่ะ ปราปต์ใจดีลงไว้ในเด็กดีด้วยนะ ^ ^ 

อ่านนิยาย ห่มแดน ปราปต์ 
 
ปิดท้าย ปราปต์ ยังใจดี มอบหนังสือ ห่มแดน ให้กับชาวเว็บเด็กดีเป็นจำนวน 3 เล่มอีกด้วย เพียงเล่นเกมตอบคำถามง่ายๆ ว่า “มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนที่ประทับใจและถูกใจมากที่สุดในประเทศไทย เพราะอะไร” ในกล่องคอมเมนต์ด้านล่าง ผู้ที่ตอบถูกใจ จะได้รับรางวัลหนังสือ “ห่มแดน” พร้อมลายเซ็นจากปราปต์ไปเลยค่ะ ^ ^
 
เริ่มเล่นเกมตั้งแต่วันนี้จนถึงวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม
และจะประกาศผลในวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2559 ค่ะ

ผู้ได้รางวัล "ห่มแดน" จากปราปต์ ได้แก่ 
คุณ จ้าวสมุทร (@BlackTimeMagic)
คุณ ฌมรา (@Esthara)
คุณ _WUYUQING (@nam_yanisa)


ส่งชื่อที่อยู่และมายไอดียืนยันตัวตนที่อีเมล atin@dek-d.com
ภายในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2559 ค่ะ

 
อตินเอง
 
พี่อติน
พี่อติน - Writer Editor ผู้ดูแลหมวดนักเขียนที่หลงใหลการอ่านแบบสุดๆ และไม่เคยพลาดทุกข่าวสารในวงการวรรณกรรม!

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

_WUYUQING Member 10 ต.ค. 59 10:45 น. 3

อ่านดูแล้วแบบพี่ปราบต์เก่งมากเลย หนูเป็นคนที่ชอบแต่งนิยายเหมือนกันนะคะ แต่ไม่เคยแต่งจบซักเรื่องเลยอ่ะ5555555 สารภาพว่าตอนแรกๆหนูเคยคิดว่าผู้ชายอาจจะแต่งนิยายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอมาเจอพี่กับนักเขียนผู้ชายคนอื่นๆแล้วยกธงขาวยอมแพ้เลยค่ะ55555

ถ้าถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบ ต้องบอกไว้ก่อนว่าตัวหนูเองแทบจะไม่เคยไปต่างจังหวัดกับครอบครัวเลย เคยไปแค่ตอนไปเชงเม้งนั่นแหละค่ะ5555 ส่วนตอนอื่นๆที่เคยไปก็คือไปค่ายกับโรงเรียนนั่นแหละค่ะ โลกแคบมากเลยเนอะ รู้สึกเหมือนกับในกะลา5555555

แต่ถ้าคิดถึงที่ที่ชอบจริงๆหนูชอบตรงศาลเจ้าแม่เขาสามมุข บางแสน จังหวัดชลบุรีค่ะ แบบว่าหนูไปที่นั่นแทบทุกปีหลังจากไหว้เชงเม้งเสร็จน่ะค่ะ ไปตั้งแต่เด็กยันตอนนี้เลย5555 ที่นั่นบรรยากาศค่อนข้างดีเลยล่ะค่ะ อยู่ติดทะเลด้วย(มันเรียกทะเลใช่มั้ยอ่ะ555555) แล้วที่สำคัญคือลิงค่ะ ลิงเยอะมากกก ลูกพี่ลูกน้องหนูเคยโดนแย่งขนมไปกินด้วยนะคะ ตลกมาก55555 อ้อแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้หนูเคยได้อ่านหนังสือนิทานพื้นบ้านเล่มนึงค่ะ จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว ในนั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนานของสถานที่ต่างๆ แล้วมันมีตำนานเขาสามมุขด้วย เรื่องเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังนี่แหละค่ะ หนูจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่จำได้ว่าตอนสุดท้ายทั้งสองคนโดดหน้าผาตายทั้งคู่ ที่นี่เลยกลายเป็นอนุสรณ์ของความรักของทั้งสองคน รู้สึกว่าเจ้าแม่เขาสามมุขนี่ก็จะมาจากฝ่ายหญิงนะคะ มีความเชื่อกันด้วยแหละว่าถ้ามาขอเรื่องความรักที่นี่ก็จะสมหวัง (ถ้าว่างๆพี่ลองไปขอดูได้นะคะ แล้วอย่าลืมมาบอกหนูนะว่าสมหวังมั้ย55555) หลังจากที่อ่านแล้วได้ไปอีกครั้ง หนูก็ยิ่งชอบที่นั่นมากไปอีก (อาจจะเป็นเพราะหนูชอบอ่านนิยายด้วยมั้งคะเลยแบบดูเพ้อๆโลกเป็นสีชมพูไรงี้อ่ะ55555) เพราะถึงหนูจะจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้วแต่ความรักของพวกเขายังติดอยู่ในใจอยู่เลย (ดูเว่อร์วังมากเลยนะคะหนูเนี่ย555555) 

สรุปก็คือที่นี่เป็นที่ที่หนูชอบมากค่ะ เพราะแบบได้ไปไหว้เจ้ากับครอบครัว เขียนธงไปแขวนไว้บนต้นไม้ (ปกติแม่เป็นคนเขียน แต่ปีนี้หนูได้เขียนเองด้วยนะ!) สำหรับคนอื่นอาจจะดูแปลกๆที่หนูชอบศาลเจ้า แต่หนูชอบที่นี่จริงๆนะคะ ก็เพราะว่าได้ทำเรื่องต่างๆแล้วเก็บไว้เป็นความทรงจำร่วมกับคนที่รักทุกคน ก็เลยชอบมากเลยค่ะ

ปล1.เขาสามมุขถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมั้ยคะ คือหนูไม่ค่อยได้ไปที่ไหนอ่าเสียใจ

ปล2.จริงๆหนูชอบบ้านตัวเองมากที่สุดนะคะ เพราะทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันตลอด แถมหนูว่าอยู่แล้วสบายใจที่สุดด้วยค่ะเขิลจุง

สุดท้ายก็อยากจะบอกว่าที่พิมพ์มาเยอะๆนี่ไม่คิดหรอกค่ะว่าตัวเองจะได้ เพราะคนอื่นคงมีสถานที่น่าเที่ยวเยอะแยะไปหมด แต่หนูอยากให้พี่ลองไปที่นี่ดูนะคะ อาจจะให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบก็ได้นะคะ555555เยี่ยม

ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะคะว้าย

2
กำลังโหลด
ดินสอสีไม้ 10 ต.ค. 59 15:19 น. 5
ชอบอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กาญจนบุรีค่ะ ชอบอะไรหลายๆ อย่างในเมืองกาญจน์ แต่การเดินทางไปถึง อช. มันไกลและเดินทางค่อนข้างลำบากในวันที่ไม่มีรถส่วนตัว พอจะได้ไปเลยคาดหวังเอาไว้สูง แต่ อช. ก็ยังทำให้เราประทับใจได้สูงกว่าที่ตั้งใจเอาไว้อีก ชอบการนั่งรถสองแถวไต่ถนนแคบๆ ขึ้นเขา เบียดแน่นๆ ไปกับชาวบ้านและข้าวของที่จะเลยไปถึงบ้านอีต่อง อากาศค่อยๆ เย็นลงเมื่อยิ่งสูง ภาพต้นไม้สูงใหญ่เขียวชุ่มฉ่ำ หมอกและฝนโปรยๆ ไปถึง อช. ก็ร้างๆ ค่ะ แทบไม่มีใครมากางเต๊นท์เลย ป่าเป็นของเรา ประทับใจแจ๋วแหวว นกเงือกจอมโกงแต่เป็นกันเอง ประทับใจทุกอย่างและอีกหลายอย่างที่เอ่ยไม่หมด รักทองผาภูมิค่ะ รักเลย
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Riz-Zy Member 10 ต.ค. 59 09:35 น. 2

การเขียนดูนุ่มๆ อ่ะ อยากเขียนได้แบบนี้บ้างจัง ตอนนี้คต้องเคี้ยวข้าวสารเคลือบซีเมนต์ไปก่อนสินะ เอ่อ.. จำได้ว่าตัวเองเคยเขียนนุ่มๆ ได้ครั้งนึง แต่พอหยุดเขียนไปแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็เขียนแบบเดิมไม่ได้อีกเลย แย่มาก!
สถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจเหรอคะ (เธอยังจะวกกลับมาได้นะ ฮ่าๆๆ) คงจะเป็นที่เขาใหญ่นะคะ มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั่นแล้วก็ไปบ่อยก็เลยผูกพันนิดหน่อยน่ะค่ะ แล้วแถวนั้นมันมีร้านก๋วยเตี๋ยวเพชรคือก๋วยเตี๋ยวเขาอร่อยมากกกกกก ร้านอาหารตามสั่งข้างๆ ก็สุดติ่งเหมือนกัน ร้านส้มตำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็สุดๆ เหมือนกัน แถวนั้นคือไปแล้วอยากสั่งที่เดียวสามร้านรวดเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ พอขึ้นไปที่อุทยาน เขาจะมีจุดให้ชมวิว เราชอบไปตรงจุดใหญ่สุด คือมองลงไปแล้วมันเห็นเมืองเล็กนิดเดียวเองค่ะ มันรู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกับว่าอยู่เหนือทุกอย่าง ฉันคือผู้ยิ่งใหญ่ เย้ สรุปคือที่ชอบไปเพราะอาหารอร่อยมากกกก อากาศเย็นสบาย ใช้ชีวิตชิลๆ ไปวันๆ และวิวสวยด้วยค่ะ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Riz-Zy Member 10 ต.ค. 59 09:35 น. 2

การเขียนดูนุ่มๆ อ่ะ อยากเขียนได้แบบนี้บ้างจัง ตอนนี้คต้องเคี้ยวข้าวสารเคลือบซีเมนต์ไปก่อนสินะ เอ่อ.. จำได้ว่าตัวเองเคยเขียนนุ่มๆ ได้ครั้งนึง แต่พอหยุดเขียนไปแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็เขียนแบบเดิมไม่ได้อีกเลย แย่มาก!
สถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจเหรอคะ (เธอยังจะวกกลับมาได้นะ ฮ่าๆๆ) คงจะเป็นที่เขาใหญ่นะคะ มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั่นแล้วก็ไปบ่อยก็เลยผูกพันนิดหน่อยน่ะค่ะ แล้วแถวนั้นมันมีร้านก๋วยเตี๋ยวเพชรคือก๋วยเตี๋ยวเขาอร่อยมากกกกกก ร้านอาหารตามสั่งข้างๆ ก็สุดติ่งเหมือนกัน ร้านส้มตำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็สุดๆ เหมือนกัน แถวนั้นคือไปแล้วอยากสั่งที่เดียวสามร้านรวดเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ พอขึ้นไปที่อุทยาน เขาจะมีจุดให้ชมวิว เราชอบไปตรงจุดใหญ่สุด คือมองลงไปแล้วมันเห็นเมืองเล็กนิดเดียวเองค่ะ มันรู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้ เหมือนกับว่าอยู่เหนือทุกอย่าง ฉันคือผู้ยิ่งใหญ่ เย้ สรุปคือที่ชอบไปเพราะอาหารอร่อยมากกกก อากาศเย็นสบาย ใช้ชีวิตชิลๆ ไปวันๆ และวิวสวยด้วยค่ะ

1
กำลังโหลด
_WUYUQING Member 10 ต.ค. 59 10:45 น. 3

อ่านดูแล้วแบบพี่ปราบต์เก่งมากเลย หนูเป็นคนที่ชอบแต่งนิยายเหมือนกันนะคะ แต่ไม่เคยแต่งจบซักเรื่องเลยอ่ะ5555555 สารภาพว่าตอนแรกๆหนูเคยคิดว่าผู้ชายอาจจะแต่งนิยายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอมาเจอพี่กับนักเขียนผู้ชายคนอื่นๆแล้วยกธงขาวยอมแพ้เลยค่ะ55555

ถ้าถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบ ต้องบอกไว้ก่อนว่าตัวหนูเองแทบจะไม่เคยไปต่างจังหวัดกับครอบครัวเลย เคยไปแค่ตอนไปเชงเม้งนั่นแหละค่ะ5555 ส่วนตอนอื่นๆที่เคยไปก็คือไปค่ายกับโรงเรียนนั่นแหละค่ะ โลกแคบมากเลยเนอะ รู้สึกเหมือนกับในกะลา5555555

แต่ถ้าคิดถึงที่ที่ชอบจริงๆหนูชอบตรงศาลเจ้าแม่เขาสามมุข บางแสน จังหวัดชลบุรีค่ะ แบบว่าหนูไปที่นั่นแทบทุกปีหลังจากไหว้เชงเม้งเสร็จน่ะค่ะ ไปตั้งแต่เด็กยันตอนนี้เลย5555 ที่นั่นบรรยากาศค่อนข้างดีเลยล่ะค่ะ อยู่ติดทะเลด้วย(มันเรียกทะเลใช่มั้ยอ่ะ555555) แล้วที่สำคัญคือลิงค่ะ ลิงเยอะมากกก ลูกพี่ลูกน้องหนูเคยโดนแย่งขนมไปกินด้วยนะคะ ตลกมาก55555 อ้อแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้หนูเคยได้อ่านหนังสือนิทานพื้นบ้านเล่มนึงค่ะ จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว ในนั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำนานของสถานที่ต่างๆ แล้วมันมีตำนานเขาสามมุขด้วย เรื่องเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังนี่แหละค่ะ หนูจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่จำได้ว่าตอนสุดท้ายทั้งสองคนโดดหน้าผาตายทั้งคู่ ที่นี่เลยกลายเป็นอนุสรณ์ของความรักของทั้งสองคน รู้สึกว่าเจ้าแม่เขาสามมุขนี่ก็จะมาจากฝ่ายหญิงนะคะ มีความเชื่อกันด้วยแหละว่าถ้ามาขอเรื่องความรักที่นี่ก็จะสมหวัง (ถ้าว่างๆพี่ลองไปขอดูได้นะคะ แล้วอย่าลืมมาบอกหนูนะว่าสมหวังมั้ย55555) หลังจากที่อ่านแล้วได้ไปอีกครั้ง หนูก็ยิ่งชอบที่นั่นมากไปอีก (อาจจะเป็นเพราะหนูชอบอ่านนิยายด้วยมั้งคะเลยแบบดูเพ้อๆโลกเป็นสีชมพูไรงี้อ่ะ55555) เพราะถึงหนูจะจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้แล้วแต่ความรักของพวกเขายังติดอยู่ในใจอยู่เลย (ดูเว่อร์วังมากเลยนะคะหนูเนี่ย555555) 

สรุปก็คือที่นี่เป็นที่ที่หนูชอบมากค่ะ เพราะแบบได้ไปไหว้เจ้ากับครอบครัว เขียนธงไปแขวนไว้บนต้นไม้ (ปกติแม่เป็นคนเขียน แต่ปีนี้หนูได้เขียนเองด้วยนะ!) สำหรับคนอื่นอาจจะดูแปลกๆที่หนูชอบศาลเจ้า แต่หนูชอบที่นี่จริงๆนะคะ ก็เพราะว่าได้ทำเรื่องต่างๆแล้วเก็บไว้เป็นความทรงจำร่วมกับคนที่รักทุกคน ก็เลยชอบมากเลยค่ะ

ปล1.เขาสามมุขถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมั้ยคะ คือหนูไม่ค่อยได้ไปที่ไหนอ่าเสียใจ

ปล2.จริงๆหนูชอบบ้านตัวเองมากที่สุดนะคะ เพราะทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันตลอด แถมหนูว่าอยู่แล้วสบายใจที่สุดด้วยค่ะเขิลจุง

สุดท้ายก็อยากจะบอกว่าที่พิมพ์มาเยอะๆนี่ไม่คิดหรอกค่ะว่าตัวเองจะได้ เพราะคนอื่นคงมีสถานที่น่าเที่ยวเยอะแยะไปหมด แต่หนูอยากให้พี่ลองไปที่นี่ดูนะคะ อาจจะให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบก็ได้นะคะ555555เยี่ยม

ขอบคุณที่ทนอ่านจนจบนะคะว้าย

2
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ดินสอสีไม้ 10 ต.ค. 59 15:19 น. 5
ชอบอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กาญจนบุรีค่ะ ชอบอะไรหลายๆ อย่างในเมืองกาญจน์ แต่การเดินทางไปถึง อช. มันไกลและเดินทางค่อนข้างลำบากในวันที่ไม่มีรถส่วนตัว พอจะได้ไปเลยคาดหวังเอาไว้สูง แต่ อช. ก็ยังทำให้เราประทับใจได้สูงกว่าที่ตั้งใจเอาไว้อีก ชอบการนั่งรถสองแถวไต่ถนนแคบๆ ขึ้นเขา เบียดแน่นๆ ไปกับชาวบ้านและข้าวของที่จะเลยไปถึงบ้านอีต่อง อากาศค่อยๆ เย็นลงเมื่อยิ่งสูง ภาพต้นไม้สูงใหญ่เขียวชุ่มฉ่ำ หมอกและฝนโปรยๆ ไปถึง อช. ก็ร้างๆ ค่ะ แทบไม่มีใครมากางเต๊นท์เลย ป่าเป็นของเรา ประทับใจแจ๋วแหวว นกเงือกจอมโกงแต่เป็นกันเอง ประทับใจทุกอย่างและอีกหลายอย่างที่เอ่ยไม่หมด รักทองผาภูมิค่ะ รักเลย
1
กำลังโหลด
Violet 10 ต.ค. 59 16:56 น. 6
สถานที่เที่ยวในเมืองไทย ผมชอบไปทะเลที่ปัตตานี ทะเลที่ปัตตานีจะเป็นทะเลโคลน แล้วก็มีต้นสนขึ้นเรียง ไม่ค่อยเหมือนที่อื่นในประเทศไทย เวลาลมบกลมทะเลพัด ผมชอบต้นสนมันจะคอยลู่ไปตามลม ชายทะเลเป็นเขตประมงบ้างอุตสาหกรรมบ้าง มีหาดทรายน้อยมากจริงๆ กลิ่นทะเลจะเป็นกลิ่นของพวกเศษหอยเศษปูมากกว่า เวลาที่เรือขึ้นเขาจะเอามากองๆ ไว้ ตรงที่ใช้ได้ก็ส่งไปสะพานปลา ส่วนที่เหลือๆ เป็นเศษหอย เขากองเป็นภูเขาไว้แถวโกดัง เด็กๆ ชอบไปคุ้ยหาเปลือกหอย บางทีก็มีพวกหอยกาบที่มีมุกซ่อนอยู่ หอยงวงช้างก็มี สมัยก่อนเค้าว่ามีแมงดาทะเลชอบมาเล่นบนหาดทราย แต่ผมไม่เคยเจอนะ ถ้าเคยอ่านเรื่อง กัลปังหา ... อารมณ์ประมาณนั้นแหละทะเลที่ปัตตานี แมงดาทิเล นี่ไม่เคยเห็น
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ฌองตอง Member 11 ต.ค. 59 09:41 น. 8

ภูเขาหญ้า หรือเขาหัวล้านค่ะ ที่ระนอง

จะบอกว่าไปเที่ยวก็ไม่เชิงนะ ใกล้บ้านมาก ดูฟ้าโปร่งๆ อยากไปก็ไป แค่ขับรถไปไม่เกินสิบนาที ปูเสื่อ นั่งๆนอนๆกินขนม ดูวิวภูเขาโล้นๆ บ้าง ดูวิวน้ำตกหงาวฝั่งตรงข้ามบ้าง หิ้วรองเท้าไปวิ่งบ้าง รับลมเย็นๆ ผ่อนคลายแต่ก็ต้องตื่นตัวเตรียมหลบฝนบ่อยๆ (ฮา)

ถ้าถามเหตุผลที่ชอบหลักๆ ก็เพราะมันใกล้นี่แหละ พาแม่ไปง่ายดี ก่อนไปก็ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย และทุกครั้งที่ไปก็ได้ผ่อนคลายทุกครั้ง เหมือนได้เอาอารมณ์เสียๆ ไปทิ้งกับลมกับฝน

ขำ

0
กำลังโหลด
Bumblebo 11 ต.ค. 59 10:50 น. 9
สถานที่ท่องเที่ยวที่ประทับใจมากที่สุด(เท่าที่เคยไปนะคะ :)) คือเกาะหลีเป๊ะค่ะ เพราะว่าชอบทะเลมากกกก (เหมือนพี่ปราปต์ อิอิ) แล้วทะเลที่หลีเป๊ะก็สวยมาก หาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าเวลากระทบกับแสงแดดแล้วสวยมากจริงๆค่ะ ปะการังก็สวย บรรยากาศบนเกาะก็ให้ความรู้สึกชิลชิล ผู้คนเป็นมิตร อาหารอร่อย ฯลฯ
0
กำลังโหลด
จ้าวสมุทร Member 11 ต.ค. 59 12:58 น. 10

วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง

ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์

(มาเป็นคำขวัญเกริ่นจังหวัดที่จะมาบอกความประทับใจ ให้ทายว่าจังหวัดไหน หุหุ...)

ขอร่วมสนุกด้วยคนค่ะ สำหรับเราแล้วสถานที่ที่ประทับใจและถูกใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นพระนารายณ์ราชนิเวศน์หรือที่เรียกกันติดปากว่าวังนารายณ์ แม้จะไม่ใช่สถานที่เที่ยวที่สวยงามประมาณวิจิตรวิลิศมาหรา แต่สำหรับเรา...มันเป็นสถานที่สถาปัตยกรรมของประวัติศาสตร์ที่หลงเหลืออยู่ให้ชนรุ่นหลังได้มาศึกษา พระนารายณ์ราชวิเวศน์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีมนต์ขลังแห่งหนึ่งของจังหวัดบ้านเกิด ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเมืองลิงที่บอกเล่าความเป็นมาของชาติไทยส่วนหนึ่ง หลายคนคงต้องร้องอ้อ...เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดลพบุรีนี่เอง ถ้าถามว่าทำไมเราถึงชอบ อันนี้คงตอบยาก เพราะว่าเราเกิดและเติบโตที่ลพบุรีตั้งแต่เด็ก จึงมีความผูกพันกับจังหวัดนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจัดขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ตั้งแต่เด็กยังจำได้ว่าพี่สาวชอบพาไปเที่ยวที่วังนารายณ์ ซึ่งเราชอบไปตอนกลางคืนเพราะอากาศจะเย็นสบาย แดดไม่ร้อน ถ้าไปตอนกลางวันจะมีการละเล่นและการแสดงย้อนยุค ร้านรวงสินค้าต่างๆ ที่ต้องใช้เงินสมัยก่อนซื้อ และร้านค้าสัญจรมากมาย แต่ถ้าไปตอนกลางคืนเราจะได้ไปสัมผัสกับแสงสีเสียงยุคพระนารายณ์มหาราช มีการจำลองเหตุการณ์ในสมัยนั้นและยังมีการแต่งกายย้อนยุคสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม บ้างก็แต่งกายด้วยชุดไทยสมัยพระนารายณ์ ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่ชาวจังหวัดลพบุรีทุกคนพร้อมใจกันแต่งชุดไทยทั้งจังหวัด ไม่เว้นแม้แต่สถานศึกษาหรือข้าราชการต่างๆ ถ้าใครเคยมางานนี้หรืออยู่จังหวัดใกล้เคียงน่าจะรู้ดี ซึ่งการที่เราได้ไปร่วมงานนั้น ในความรู้สึกส่วนตัวเหมือนว่าเราหลงไปอยู่อีกมิติประเทศไทยสมัยก่อนที่มีแต่คนแต่งชุดไทย มันดูประทับใจสวยงามมีความขลังและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ นอกจากเที่ยวชมงานยังได้ความสนุกแล้วยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัวอีกด้วย ซึ่งมันเคมีเข้ากับนิสัยที่ชอบนิยายพีเรียด ย้อนอดีต ไม่ว่าจะย้อนอดีตไทย จีนโบราณ อียิปต์ อนาโตเลีย เราล้วนชอบนิยายแนวนี้หมด ปัจจุบันลองแต่งแนวนี้ดู (แต่ดูเหมือนว่ายังคงต้องดองอีกนานToT) และที่สำคัญเรายอมรับเลยว่าไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหน เพราะไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีเพราะทรัพย์ในกระเป๋าไม่เอื้ออำนวย (ฮ่าๆๆๆ) นอกจากเที่ยวในจังหวัดลพบุรีนี่แหละ ประมาณว่าเที่ยวสถานที่บ้านเกิดให้ครบก่อนจะไปเที่ยวที่อื่น ลพบุรีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลายอย่าง โบราณสถานที่เก่าแก่เล่าถึงประวัติศาสตร์สมัยละโว้อันยาวนานของลพบุรีทั้งแต่ยุคพระนารายณ์ทรงติดต่อกับชาติตะวันตก ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์สมกับเป็น 1 ใน 7 ของบูรพระมหากษัตริย์ไทยโดยแท้ พระปรางค์สามยอดเล่าเรื่องยาวถึงยุคสมัยที่ขอมเรืองอำนาจในลพบุรี และยังมีตำนานเก่าแก่เล่าสืบต่อกันมาว่าลพบุรีคือเมืองของหนุมาน ซึ่งก็มีส่วนที่น่าเชื่อในตำนานปรัมปราเรื่องนี้อยู่มาก เพราะลพบุรีถูกขนานนามว่าเมืองลิง และยังมีตำนานสถานที่สำคัญมากมายที่เกี่ยวกับรามเกียรติ์ เช่น เขาทับควาย ทะเลชุบศร เขาวงพระจันทร์ เขาสมอคอน ตำนานดินสอพอง เป็นต้น ซึ่งลิงคือสัตว์ที่เป็นเอกลักษณ์ของลพบุรี ถ้าใครแวะผ่านแถวปรางค์สามยอดก็อย่าลืมทักทายเจ้าจ๋อแถวพระปรางค์ด้วยนะเออ และใกล้เคียงกันก็อย่าลืมแวะไหว้เจ้าพ่อศาลพระกาฬ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดลพบุรีด้วยนะคะ ซึ่งศาลอยู่ใกล้กับปรางค์สามยอด อะแฮ่ม...ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านความคิดเห็นนี้จนจบ ถ้าใครอ่านบรรทัดนี้แล้วก็อย่าลืมแวะเวียนไปเที่ยวชมวังนารายณ์ราชนิเวศน์ และงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าด้วยนะคะ แล้วจะประทับใจไม่รู้ลืมเลย...(โปรโมทจังหวัดตัวเองแปป) เที่ยวที่ไหนก็ไม่อุ่นใจเท่ากับเที่ยวบ้านเราเนอะ J

ปล.ขออนุญาตร่ายยาวนะคะ รู้สึกกำลังพิมพ์มันส์ ฮ่าฮ่าฮ่า

0
กำลังโหลด
staying Member 11 ต.ค. 59 20:51 น. 11

ชอบหาดปากเมง จังหวัดตรังครับ

อันที่จริงผมเองก็ไม่ใช่คนที่ได้ไปเที่ยวบ่อยนักด้วยข้อจำกัดบางประการ เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดเวลาทัศนศึกษาบ้าง แต่ได้แช่น้ำทะเลจริงๆ ก็ที่นี่ เพราะแม่กลับไปเยี่ยมญาติที่ตรัง และอยู่ที่นั่นนานมากเกือบตลอดปิดเทอม ได้เพื่อนใหม่มากมาย แล้วก็ไปผจญภัยกันหลายที่ เลยเป็นครั้งแรกที่ได้ลองวาดการ์ตูน เขียนนิยาย เกี่ยวกับการผจญภัยที่ตัวเองได้ไปลองมา เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้ตัวเองมีวันนี้ได้เลย ส่วนในแง่ของทิวทัศน์ก็สวยงามน่าประทับใจ เพิ่งไปมาอีกครั้งเมื่อปีที่แล้วก็ยังรู้สึกชอบอยู่ เพราะได้ไปเที่ยวที่เดิม กับกลุ่มเพื่อนเดิมๆ เลยเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ต่อให้ตัดเรื่องนี้ออกไป ก็รู้สกว่าทิวทัศน์ยามเย็นของชายหาดก็ให้ความรู้สึกสงบและยิ่งใหญ่เหมือนปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระได้อยู่ดี

0
กำลังโหลด
ฌมรา Member 11 ต.ค. 59 23:03 น. 12

ก่อนจะเล่นเกมส์...

อยากจะบอกว่าขอสมัครเป็นแฟนคลับคุณปราปต์ด้วยคนนะคะ เพราะว่าชอบผลงานเรื่อง กาหลมหรทึกนิยายสืบสวนไทยสไตล์มากกกกค่ะ

เล่นเกมส์ล่ะ..สถานที่ท่องเทียวที่่ประทับใจ ก็คือ เกาะสีชัง  ค่ะ

   และถูกใจที่สุดเลยก็คือ สะพานอัษฏางค์(สะพานไม้สีขาวที่รัชกาลที่ห้าโปรดเกล้าฯสร้างขึ้นทอดยาวลงไปถึงกลางทะเล)  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกาะสีชังก็ว่าได้ ตอนนั้นที่ได้ไปพบไปเยือนแห่งนี้ ความรู้สึกของเราเหมือนกาลเวลานั้นหยุดเดินแล้วถูกย้อนอดีตไปสัมผัสถึงความวินเทจกระโปรงบานๆแบบวนิดา เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งที่ฟังแล้วแสนละมุนละไม สายลมที่หอมบริสุทธิ์อบอวลเต็มไปด้วยความรักอยู่รอบตัวเรา ทุกครั้งที่มองตัวสะพานเหมือนมีมนต์ขลังบางอย่างสะกดร่ายไว้ เมื่อฉันกลับไปอีกไม่นานฉันจะต้องกลับมาอีก มันคือความเสน่หาที่ตรึงตาตรึงใจที่สุด (มีความอยากเอาฉากเกาะสีชังเขียนลงนิยายทันใด)

    เกาะสีชังเป็นเกาะที่ไม่ใหญ่มาก ตั้งอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ยังมีอีกสถานที่เที่ยวหลายแห่งที่ห้ามพลาด เช่น ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ หาดถ้ำพัง แหลมจักพงษ์ ช่องเขาขาด พระจุฑาธุชราชฐาน(เป็นที่ตั้งของสะพานอัฐฏางค์) ฯลฯ เกาะสีชังแห่งนี้นอกจากมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติมากมายแล้วที่นี่มียังมีสถานที่ประวัติศาสตร์ยาวนานให้ลองเข้ามาสัมผัสกัน

ปล.ในนิยายเรื่องห่มแดน มีการนำปราสาทสัทจธรรม(อยากเข้าไปสักครั้ง ด้วยความหวัง) เขียนลงในนิยายด้วย ชอบมากๆเลยค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด