สวัสดีครับ พี่ลาเต้ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินเรื่องนี้.. พระนางมัสสุหรีผู้รับเคราะห์กรรมจากการทรยศหักหลัง จนถูกตัดสินให้นางถึงแก่ความตาย นางสิ้นชีวิตลงพร้อมกับคำสาปแช่งว่า ''จะไม่เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้ เป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน" ซึ่งเกาะที่ว่านี้ ปัจจุบันคือเกาะลังกาวี วันนี้ พี่ลาเต้ จะพามาย้อนรอยเรื่องราวตำนานในครั้งนี้กันครับ
เกาะต้องคำสาป หรือเกาะลังกาวี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวของประเทศมาเลเซีย อยู่ใกล้กับเกาะภูเก็ตของประเทศไทย ตำนานเล่าว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนบุตรสาวของพ่อค้าจากเกาะภูเก็ตชื่อ มัสสุหรี เป็นเด็กจิตใจดีเป็นที่รักของคนทั่วไปได้แต่งงานกับองค์รัชทายาท (เจ้าชายวันดารุส) ผู้ครองเกาะลังกาวี และมีโอรสด้วยกัน 1 พระองค์ นามว่า "วันฮาเกม" ต่อมาพระนางมัสสุหรีถูกพระมารดาขององค์รัชทายาทกล่าวหาว่าคบชู้ ตอนพระสวามีออกไปทำศึกสงคราม จึงถูกตัดสินประหารชีวิต

(ซ้าย) ภาพวาดจำลองพระนางมัสสุหรี
(ขวา) ภาพหาดทรายสีดำ หลังจากการถอนคำสาป เริ่มกลายเป็นสีขาว
ขอบคุณภาพจาก http://board.postjung.com/760781.html และ http://chanelnews.sayhibeauty.com/
ก่อนตายนางได้อธิษฐานว่าหากตนบริสุทธิ์ขอให้เลือดไหลออกมาเป็นสีขาว พร้อมสาปแช่งให้ผู้คนบนเกาะลังกาวีประสบแต่ความทุกข์ยากตลอด 7 ชั่วอายุคน ขณะที่คมกริชจดลงไปบนคอโลหิตสีขาวก็พวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ของนาง
เมื่อองค์รัชทายาทพระสวามีของพระนางมัสสุหรีเสด็จกลับมา สภาพเกาะเหมือนเกาะร้าง แทนที่จะมีเสียงประชาชนเข้ามาล้อมต้อนรับเช่นทุกครั้ง แต่กลับเงียบเหมือนเมืองร้าง ผู้คนไม่รู้หายไปไหนหมด และเมื่อทรงทราบเรื่องภรรยาผู้เป็นที่รักตายจากไป ก็ทรงโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ทรงตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ แล้วหอบโอรสกลับไปยัง จ.ภูเก็ต บ้านเกิดของพระนางมัสสุหรีแล้วอาศัยอยู่ที่นั้นจนช่วงสุดท้ายของชีวิต
ทางด้านพระมารดาขององค์รัชทายาท เมื่อสิ้นพระชนม์ พระศพก็ไม่สามารถฝั่งที่ใดบนเกาะลังกาวีได้เลย ฝังที่ใดทรายก็จะดันร่างขึ้นมาเสมอ จนต้องไปกลับทำพิธีบนบานที่สุสานพระนางมัสสุหรี จึงสามารถนำพระศพไปฝั่งไว้ที่บริเวณหาดทรายได้ แต่สีของหาดทรายกลายเป็นสีดำในทันทีเมื่อร่างถูกฝังลงไป อย่างที่ปรากฏหาดทรายสีดำในปัจจุบัน
สำหรับสุสานของพระนางมัสสุหรีนั้น ปัจจุบันตั้งอยู่บนเกาะลังกาวี สร้างด้วยหินอ่อน และคำจารึกภาษามาเลเซียและภาษาอังกฤษ ซึ่งมีข้อความว่า.... "มัสสุหรีผู้รับเคราะห์กรรมจากการทรยศหักหลัง และความอิจฉาริษยาจนถูกตัดสินให้นางถึงแก่ความตายลง เมื่อศักราช (อิสลาม) 1235 หรือ คริสต์ศักราช 1819 (พ.ศ. 2362) นางสิ้นชีวิตลงพร้อมกับคำสาปแช่งที่แห่งนี้ว่า ''จะไม่เกิดสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองบนเกาะแห่งนี้ เป็นเวลา 7 ชั่วอายุคน'' และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา "เกาะลังกาวี" ก็กลายเป็นดินแดนที่เงียบเหงา ผู้คนอยู่กันอย่างไม่มีความสุข มาตั้งแต่ พ.ศ.2362 กินเป็นเวลา 181 ปี เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง 7 ชั่วอายุคน จนกลายเป็นที่มาของการตามหาทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี เพื่อไปถอนคำสาป

สุสานพระนางมัสสุหรี บนเกาะลังกาวี
ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/mickeyjal/2013/10/27/entry-1

นี่คือ "กริซ" ที่ใช้ในการปลงพระชนม์พระนางมัสสุรี จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์พระนางมัสสุหรี บนเกาะลังกาวี
ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/mickeyjal/2013/10/27/entry-1
จนกระทั่งในช่วงปีราวๆ พ.ศ.2542 หนังสือพิมพ์หลายสำนักของมาเลเซีย และรัฐบาลมาเลเซีย ต่างพากันออกตามหาผู้สืบทอดเชื้อสายของพระนางมัสสุหรี จนมาพบว่าทายาทรุ่นที่ 7 ได้อาศัยอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ซึ่งก็คือ นางสาวศิรินทรา ยายี มีหลักฐานมากมายที่แสดงถึงความเป็นทายาทผู้ถอนคำสาป ไม่ว่าจะเป็นกริซประจำตระกูล รูปภาพ และบรรพบุรุษชื่อ "วันฮาเกม" ทางรัฐบาลจึงเชิญพระนางทายาทรุ่นที่ 7 กลับสู่เกาะลังกาวี เพื่อถอนคำสาป
จากคำบอกเล่าของ นางสุนี ยายี (แม่ของศิรินทรา ยายี) เล่าว่า.. นับจากรุ่น "วันดารุส" และ "วันมัสสุหรี" แล้ว ก็เป็นรุ่น "วันฮาเกม" สู่รุ่น "วันฮาเก" สู่รุ่น "วันฮูเซน" สู่รุ่น "วันฮาเฉน" สู่รุ่น "วันนาวาวี" โดย 6 ชั่วคนนี้ สืบทอดเชื้อสายเป็น 4 ตระกูล คือ "ยายี" "ดุมลักษณ์" "สังวาล" และ "แสงทอง"
นางสาวศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี ได้ให้สัมภาษณ์ในวันที่เดินทางไปเกาะลังกาวีอีกครั้งว่า... "ตอนนั้นอายุ 13-14 เขาก็ชวนให้มาทำพิธีแก้คำสาปที่ลังกาวี วันที่มาก็ได้พบกับ ดร.มหาธีร์ (นายกรัฐมนตรีมาเลเซียขณะนั้น) ท่านก็ถามว่าหนูเกิดวันที่ 8 เดือนสิงหาคม พ.ศ.2528 แรม 8 ค่ำ ใช่มั้ย หนูบอกว่าใช่ค่ะ ท่านก็บอกว่าเราเป็นคนลังกาวีเหมือนกันนะ ได้คุยกันนิดเดียว
วันนั้นเขาพาไปที่พิพิธภัณฑ์ มีการแสดงละครเรื่องวันมะห์ซูรี แดดออกอยู่ดีๆ พอถึงฉากประหารฝนก็ตก พอจบฉากประหารฝนหยุด ฟ้ากลายเป็นแดดเปรี้ยงเหมือนเดิม วันนั้นทุกคนที่ดูละครร้องไห้กันหมด หนูก็ร้องด้วย ละครจบเขาก็พาไปที่สุสาน ให้กินข้าวเหนียวกับไก่เหมือนเป็นพิธีแก้คำสาป แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้บอกอะไร วันรุ่งขึ้นก็มีโอกาสได้เข้าเฝ้าสุลต่านรัฐเคดาห์"

นางสาวศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี ผู้ไถ่ถอนคำสาปที่จองจำมานานกว่า 200 ปี
ขอบคุณภาพจาก http://oknation.nationtv.tv/blog/tastesunday/2009/02/18/entry-5
รายการช่อง 7 ได้เชิญ คุณศิรินทรา ยายี ทายาทรุ่นที่ 7 ของพระนางมัสสุหรี
ไปสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวหลังการเดินทางไปถอนคำสาป
เรื่องราวของพระนางมัสสุหรี ได้ถูกนำมาเล่าผ่านบทเพลงลูกทุ่งโดยศิลปินชื่อดังหลายท่าน
อาทิ เอกชัย ศรีวิชัย, ดวงจันทร์ สุวรรณี สองนักร้องลูกทุ่งผู้โด่งดังของภาคใต้
หลังเหตุการณ์ในวันนั้น น้องเมย์เด็กหญิงธรรมดาในประเทศไทย ก็กลายเป็นเจ้าหญิงทายาทพระนางมัสสุหรีที่ชาวมาเลเซียให้การเคารพนับถือเป็นอย่างมากในฐานะทายาท และผู้ปลดเปลื้องคำสาป เรื่องราวและภาพถ่ายของเธอได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับในมาเลเซีย
โดยหลังการไปถอนคำสาปที่เกาะลังกาวีในครั้งนั้น ทำให้เกาะต้องคำสาปแห่งนี้ เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประกอบทางรัฐบาลมาเลเซียได้ใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นคืนชีพเกาะลังกาวี จนกลายเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน แม้วันนี้เวลาจะผ่านไปนานร่วม 7 ชั่วอายุคน ยาวนานกว่า 200 ปี แต่เรื่องเล่าและหลักฐานความบริสุทธิ์ของพระนางมัสสุหรียังคงปรากฏชัดอยู่ ณ เกาะลังกาวี ให้ระลึกถึงตลอดไป

แผนที่ตั้ง "เกาะลังกาวี" อยู่ในเขตปกครองประเทศมาเลเซีย
อยู่ใกล้กับเกาะตะรุเตา และจังหวัดสตูลมาก


ภาพล่าสุดบนเกาะลังกาวี หลังสิ้นสุดคำสาป กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนใฝ่ฝัน
ขอบคุณภาพจาก http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9570000015413
หากน้องๆ คนไหนมีโอกาสเดินทางไปเที่ยว อย่าลืมแวะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์และสุสานพระนางมัสสุหรีกันนะครับ
แม้วันนี้.. เวลาจะผ่านไปนานร่วม 7 ชั่วอายุคน
แต่เรื่องเล่าและหลักฐานความบริสุทธิ์ของพระนาง
ยังคงปรากฏชัดอยู่ ณ เกาะลังกาวี ให้ระลึกถึงตลอดไป
(1).jpg)
25 ความคิดเห็น
เคยมีเพลงลูกทุ่งหลายเพลงที่เอาตำนานเกี่ยวกับพระนางมัสสุหรีมาแต่งเพลงด้วยค่ะ
ขนลุกเลย *.* เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้
ข้อมูลแน่นมากเลยค่ะ ขอบคุณพี่ลาเต้ที่แบ่งปันเรื่องราวน่าสนใจนะคะ
ได้อ่านตำนานพระนางมัสสุหรีแล้วนึกถึงตำนานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวขึ้นมาเลยค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคำสาปแช่งเหมือนๆ กัน จิตใจที่บริสุทธิ์มีอานุภาพมากจริงๆ
เคยได้ยินผ่านๆ ได้อ่านเต็มๆ วันนี้ ขอบคุณค่าาา><
#ถ้าศักราชอิสลาม น่าจะคือ ฮิจเราะห์ นะคะ
เพลงนี่เล่าได้เข้าใจมากเลยค่ะ
มีเรื่องเล่าเพิ่มเติมอยู่ว่าโดยแท้แล้วครอบครัวของพระนางชาวภูเก็ต เป็นคนที่มีบุญญาธิการ มีใบหน้าที่งดงาม
หลังได้ให้กำเนิดบุตรของกษัตริย์ก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีว่าคบชู้ เพราะเป็นเมียที่รักมากของกษัตริย์ โดนชาวลังกาวีรุมประณามหยามเหยียดในความผิดที่ตนเองไม่ได้ทำ
เมื่อถึงวันที่ตัดสินประหาร ใช้กริดเล่มไหนก็ไม่สามารถปลงพระชนพระนางได้ พระนางเลยบอกว่าหากต้องการจะฆ่ากันจริงๆมีวิธีเดียวที่จะทำได้คือต้องใช้กริดประจำตระกูล
พระนางก็กล่าวว่าหากตนเองบริสุทธิ์ขอให้เลือดที่หลั่งเป็นสีขาวและขอสาปแช่งเกาะลังกาวีให้ตกต่ำและเกิดอาเพศ ไปชั่ว7อายุคน พอแทงกริดเลือดที่ไหลออกมาก็กลายเป็นสีขาว เป็นที่ตื่นตระหนกตกใจของชาวเมืองและสร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่กษัตริย์เป็นอย่างมาก
เมื่อสิ้นใจบิดาของพระนางได้เดินอุ้มร่างของพระนางกลับบ้านไปตามถนน ตั้งแต่นั้นมาถนนเส้นนั้นก็ทำนุบำรุงอย่างไรก็ไม่เจริญ หาดทรายสีขาวสวยก็กลายเป็นสีดำ หาความงดงามไม่ได้
ปัจจุบันนี้หลังจากถอนคำสาปหาดก็ค่อยๆมีสีขาว แต่เมื่อขุดลงไปก็ยังมีสีดำเป็นร่องรอยแห่งความอาเพศที่เกาะลังกาวีได้พบเจอเกือบสองร้อยปี แต่ก็สาสมนะกับความโชคร้ายที่ผู้หญิงดีๆคนหนึ่งได้เจอ
เคยได้ยินครูเล่าให้ฟัง เเต่จำชื่อบุคคลไม่ได้
เพิ่งเคยได้อ่านเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
เคยได้ยินแค่ชื่อ แต่ไม่เคยได้อ่านพึ่งจะเคยได้อ่านก็วันนี้แหละค่ะแอบขนลุกหน่อยๆ ::>_<::
เพราะความอิจฉาริษยาแท้ๆเลย
เกาะลังกาวีสวยมากค่ะ ชาวต่างชาติเต็มไปหมดเลย
คนๆ หนึ่งต้องมาจบชีวิตลงเพียงเพราะความอิจฉาริษยาของอีกคน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรที่เสื่อมเสียพระเกียรติของพระสวามีเลยแม้แต่น้อย เฮ้อ.......
ยิ่งอ่านยิ่งขนลุก
เห็นใจพระนางมาก
สวยมากนะ หน้าคมเข้ม
ขนลุกเพราะมันเรียลมาก
คือจะทำเรื่องนี้เป็นการย่อความคะ แล้วมันต้องเขียนของ... จาก... ซึ่งต้องเอาจากหนังสือหรือเอามาจาแหล่งที่เชื่อถือได้นะคะ ขอข้อมูลส่วนนี้หน่อยได้ไหมคะ
ใด้ยินผ่านๆๆมาเหมือนกันวันนี้ใด้มาเกาะลังกีวีใด้ผ่านสุลานแล้วคัฟพอใด้มาอ่านเรืองราวเต็มๆน่าเห็นใจนางมากคัฟ และขอขอบคุนความรู้ดีๆมากๆๆๆคัฟ