มองนิยายให้เหมือนอาหาร เติมรสชาติให้ละมุนลิ้น เติมสีสันให้น่าสนใจ
อ่านแล้วดีต่อใจ เพราะดีต่อใจใครๆ ก็ชอบ
,เย็นวันศุกร์
สวัสดีค่ะชาวเด็กดีไรเตอร์ทุกคน วันนี้กลับมาเจอกับพี่หญิงกันอีกครั้งในคอลัมน์ 'พบปะพูดคุย' บทความดีดีที่จะชักชวนให้ทุกคนมารู้จักนักเขียนเด็กดีของเรากันมากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งนักเขียนที่น่าสนใจมากๆ พี่หญิงคิดว่านักอ่านหรือชาวเด็กดีคนไหนที่ฝังตัวอยู่ในนิยายหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต บ่อยๆ จะต้องรู้จักหรือไม่ก็เคยติดตามนิยายของเธอคนนี้เป็นแน่แท้ เพราะก่อนได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม นิยายเรื่องนี้เคยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในท็อปนิยายพักใหญ่ๆ พอจะนึกออกหรือยังคะ ว่าเรื่องอะไร ถ้ายังคิดไม่ออก พี่หญิงใบ้ให้อีกนิด นิยายเรื่องนี้คำพูดแรกที่นางเอกของเราเอ่ยกับพระเอกก็คือ “ท่านลุงนี่ยามใดแล้วเจ้าคะ” แหมมมม หลายคนคงรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า นักเขียนที่จะมาพูดคุยกับเราในวันนี้เป็นใคร เอาเป็นว่าเราอย่ารอช้ากันอยู่เลย มาดูเฉลยในบทสัมภาษณ์นี้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยช่วยทักทาย แนะนำตัวให้ชาวเด็กดีรู้จักกันหน่อย

เย็นวันศุกร์ : สวัสดีพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาวเด็กดีทุกคนนะคะ เราชื่อเล่นว่ามุกนะคะ เจ้าของนามปากกา เย็นวันศุกร์ เองค่ะ ตอนนี้มุกกำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม คณะศิลปศาสตร์ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วมุกเป็นคนตลกออกแนวแปลกๆนิดๆ เวลาแต่งนิยายก็จะออกแนวฮาๆ ตอนให้เพื่อนอ่านเรื่องนี้ เพื่อนบอกว่า “นึกท่าทางตอนแต่งของมุกออกเลยอ่ะ จะต้องนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวหน้าคอมแน่ๆ” เพื่อนจะไม่จินตนาการตามนิยาย แต่จินตนาการหน้าและท่าทางของมุกแทน =..=55555 สรุปมุกควรดีใจมั้ยอันนี้ก็ต้องคิดอีกครั้ง ก็มุกรู้สึกยินดีมากที่ได้มาพบชาวเด็กดีทุกคนในคอลัมน์นี้ค่ะ
‘เย็นวันศุกร์’ นามปากกานี้ท่านได้แต่ใดมา มีความหลังฝังใจอะไรกับเย็นของวันศุกร์เป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย
เย็นวันศุกร์ : นามปากกานี้ ได้มาจากการที่คิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ เพราะพิมพ์ชื่ออะไรก็ซ้ำไปหมดเลย TT ก็ไล่คิดในหัวว่าอะไรที่เราชอบบ้าง อะไรที่ฟังดูแล้วน่าสนใจบ้าง อะไรที่แอบซ่อนความหมายเล็กๆไว้ คิดไปคิดมาก็ อ้อ เย็นวันศุกร์นี่แหละ ฟังดูน่าจะติดหู และเป็นวันที่เราชอบด้วย มักจะมีประโยคที่พูดกับเพื่อนว่า “ศุกร์หรรษา” เพราะเป็นช่วงสุดสัปดาห์ เป็นวันพักผ่อนของใครหลายๆคน มุกจะได้ดูซีรีส์ อ่านนิยาย ยาวๆไป ก็เป็นที่มาของนามปากกานี้ อีกอย่างคือคำว่าศุกร์พ้องกับคำว่าสุข ที่แปลว่ามีความสุข เมื่อถึงช่วงเย็นวันศุกร์ ก็อยากให้นักอ่านทุกคนหยิบนิยายของเย็นวันศุกร์ขึ้นมาอ่าน เราจะได้มีความสุขวันหยุดไปด้วยกัน ฮิ้ววว
ช่วยเล่าถึงผลงานเรื่อง ‘จอมนางกระชากวิญญาณ’ กันหน่อย เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
เย็นวันศุกร์ : ที่มาที่ไปเรื่องนี้ คือ ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอมแล้วก็อยู่บ้านคนเดียว พ่อกับแม่ก็ไปทำงาน น้องสาวก็ไปโรงเรียน แบบว่าเหงาสุดๆ แล้วช่วงนั้นว่างมาก อ่านนิยายแนวจีนต่อเนื่อง ดูซีรีส์บ้าง ดูหนังบ้าง เมื่อทำจนเบื่อก็คิดต่อไปว่า “ฉันจะทำอะไรต่อ?” ตอนนั้นทุกอย่างที่มุกทำมันมารวมอยู่ในหัว มันกระตุ้นให้มุกอยากทำออกมาเป็นแนวของตัวเอง เพราะบางครั้งเวลามุกอ่านนิยายหรือดูซีรีส์มันไม่ได้ดั่งใจเลย เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ ก็เลยตัดสินใจลองแต่งเองดีกว่า ประกอบกับที่มุกคิดไว้นานมากๆแล้ว ว่าอยากแต่งนิยายโดยเอาเหตุการณ์ที่นอนแล้วสะดุ้งตื่นเข้ามาแต่งถึงวิญญาณออกจากร่างไปอยู่ที่อื่นบ้าง ก็เลยเอาสิ่งที่ได้ทำช่วงปิดเทอมมาใส่ในนิยาย ดูเหมือนนิยายเรื่องนี้เป็นยำรวมมิตรเลยจริงๆ แต่ทุกอย่างมุกเชื่อว่ามันมีจุดเชื่อมโยงเสมอ ถึงจะเป็นยำรวมมิตรมันก็ดูลงตัวและอร่อยด้วยนะตัวเองง><
และที่พีคกว่านั้นคือนิยายเรื่องนี้พล็อตอยู่ในหัว ไม่ได้เอาออกมาร่างในกระดาษเลย 55555 (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอย่างยิ่ง) มุกจะเรียบเรียงเนื้อหาทั้งหมดอยู่ในหัว ถ้ามีเหตุการณ์นี้แล้วจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไป ถ้าเป็นอย่างนี้ จะทำอะไรต่อ มันเรียงอยู่ในหัวหมดเลย มุกจะคิดและหาเหตุผลให้เหตุการณ์ตลอดเวลา เพื่อให้มันดูสมเหตุสมผล ตอนนั้นมุกจริงจังมาก ตื่นมาก็คิด ทำงานบ้านก็คิด กินข้าวก็คิด เข้าห้องน้ำก็คิด ก่อนนอนก็คิด แต่จะมีพวกชื่อตัวละครจะจดไว้ เพราะกลัวว่าแต่งไปแต่งมา อ้าว พระเอกไม่ใช่ชื่อนี้นี่ (ฮ่าๆๆ) กลัวไปเปลี่ยนพระเอกกลางเรื่อง จึงต้องจดไว้
.jpg)
หน้าปกหนังสือจอมนางกระชากวิญญาณ
‘จอมนางกระชากวิญญาณ’ แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจแล้ว ช่วยเล่าหน่อยว่า มีพล็อตเรื่องเป็นแนวไหน อะไรยังไงกันคะ
เย็นวันศุกร์ : ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่านิยายเรื่องนี้มุกเขียนออกแนวจีนๆ แต่ไม่ได้เน้นยุคของจีนโบราณ มันเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่คล้ายยุคจีนโบราณ มีเทพเซียนปรากฎอยู่ เป็นโลกที่มุกได้สร้างขึ้นตามจินตนาการของตัวเอง โดยหาข้อมูลตามอินเทอร์เน็ตบ้างเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับตัวเอง
เป็นเรื่องของนักศึกษาสาวคนหนึ่งนามว่ามะลิซ้อนที่กลับจากเรียนแล้วนอนหลับไปในช่วงเย็น แต่เหมือนเทพที่ดูแลดวงวิญญาณของมนุษย์เล่นสนุกจึงดึงวิญญาณของมะลิซ้อนไปอยู่ในร่างอีกร่างหนึ่งในอีกโลกหนึ่งที่ตายเพราะได้รับพิษติดต่อกันนาน ซึ่งร่างใหม่ที่มะลิซ้อนเข้าไปอยู่เนี่ย เป็นร่างพิเศษด้วยแสนพิษมิกร่ำกรายและสามารถนำเลือดมาสะกัดเป็นยาถอนพิษได้ทุกชนิด และร่างนี้ก็เป็นถึงฮองเฮาของแผ่นดิน นามว่าหลิงซิ่นเซีย แต่ปรากฏว่าฮองเฮาเนี่ยสติไม่ดีเพราะบังเอิญไปเห็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจะใจอย่างรุนแรงในเหตุการ์ลอบปลงพระชนรัชทายาทเป่ยเพ่ยจิน และเป็นคนเดียวที่เห็นหน้าคนบงการ เวลาผ่านไปรัชทายาทสืบบัลลังก์ก็ได้รับหลิงซิ่นเซียไปดูแล ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็เป็นถึงฮ่องเต้ที่มีนางสนมถึงสองพันคน มะลิซ้อนทั้งต้องระวังตัวจากคนลอบทำร้ายแล้วยังต้องมาจัดการนางสนมอีก ซึ่งมะลิซ้อนก็จะมีวิธีที่แสบๆ แบบไม่เหมือนนิยายทั่วไปสักเท่าไหร่ และยังมีเทรนเนอร์ขั้นเทพสุดหล่อที่คอยสอนกำลังภายในและคอยปกป้องอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ อีกด้วยย
ในเนื้อเรื่องจะออกแนวตลกๆ หวานๆ น่ารัก น่าหยิก น่าหยอก โดยเฉพาะเทรนเนอร์ขั้นเทพ ซึ่งเนื้อเรื่องไม่ได้น่ากลัวเหมือนชื่อเรื่องเลยค่ะ เพื่อนชอบถามว่า แต่งนิยายผีเหรอ? ไม่นะ ไม่ใช่ ชื่อเรื่องมันมีที่มา อยากรู้ว่าที่มาเป็นยังไงก็ติดตามในเล่มนะคะ อิอิ
พูดถึงตัวละครในเรื่อง มีตัวละครไหนที่เขียนยาก หรือประทับใจเป็นพิเศษบ้างไหมเอ่ย
เย็นวันศุกร์ : ถ้าพูดถึงตัวละครในเรื่องที่เขียนยากมากคือตัวละครที่เป็นเพศชายทุกตัว เพราะมุกเป็นผู้หญิงมุกจะไม่ค่อยรู้ถึงความรู้สึกของผู้ชาย บรรยายออกมาไม่ค่อยถูกว่าถ้าเป็นผู้ชายแบบนี้ สถานการณ์นี้จะรู้สึกยังไงดี คำบรรยายแบบไหนถึงจะเหมาะ เช่น พี่ชายของนางเอกทั้งสี่คน ที่คาแรคเตอร์ต่างกันไปคนละแบบ มันยากจริงๆ พิมพ์แล้วลบหลายรอบมากกว่าจะได้คำบรรยายที่ตรงกับคาแรคเตอร์ที่เราวางไว้
ส่วนตัวละครที่ประทับใจ ก็คือเจ้าสโนว์ หมาป่าผู้อยู่บนหน้าปกนั่นเอง ไม่ต้องถามเลยว่าได้มาจากไหน (ฮ่าๆๆ) มาจากซีรีส์ที่หลายคนคงจะรู้จัก Game of Thrones นั่นเอง ตอนดูซีรีส์รู้สึกว่าอยากเลี้ยงไดร์วูล์ฟมาก แต่คงได้แค่ฝัน เลยเอามาใส่ในนิยายเสียเลย ดูน่าสนใจไปอีกแบบ ตัวใหญ่ๆ ขนฟูๆ แถมรู้คุณอีก ชอบสุดๆ
เห็นว่านิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ความรู้สึกแรกที่ทราบ ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
เย็นวันศุกร์ : ตอนที่สำนักพิมพ์ติดต่อมา ตอนนั้นกำลังนั่งเรียนวิชาหนึ่งอยู่ค่ะ บรรยากาศในห้องเรียนกำลังมาคุมาก ก็เห็นเบอร์แปลกโทรมากดรับ ตอนแรกเขาถามก่อนว่าสะดวกคุยมั้ย มุกก็ขอออกไปข้างนอกห้องเรียน แล้วก็คุยเขาบอกว่า “นิยายเรื่องจอมนางกระชากวิญญาณผ่านการพิจารณา...” ประโยคต่อไปเขาพูดอะไรก็ไม่รู้เรื่องแล้ว (ฮ่าๆๆ) ตอนนั้นกำลังช็อคอยู่ “อะไรนะคะเดี๋ยวนะคะ" ความรู้สึกแบบน้ำตาไหล ดีใจมากกกพูดไม่ถูกเลยไม่ได้เวอร์นะแต่ร้องไห้จนคนที่ผ่านไปมาหน้าห้องเรียนถามว่าเป็นอะไร ใจเย็นๆนะมุกแล้วก็คุย นั่นเป็นความรู้สึกแรกก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะผ่าน
ความจริงตอนแรกนิยายเรื่องนี้ เขียนเล่นๆ จะจบหรือเปล่ายังไม่แน่ใจในตัวเองเลย (ฮ่าๆๆ) แต่พอมีคนถามว่าจะทำเป็นรูปเล่มมั้ย จะมีอีบุ๊คมั้ย ได้แต่คิดในใจมันจะเป็นไปได้ยังไง ยังเป็นมือใหม่อยู่เลย แต่มีหลายคนอยากได้ ก็ลองหาข้อมูลดูเผื่อทำมือ ทำเป็น E-book เอง แต่มันไม่เวิร์ค มองดูในสมุดบัญชีธนาคาร ต้นทุนอันแสนน้อยนิด พับโครงการ ลองส่งสำนักพิมพ์ดีกว่า ไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร แต่ในใจภาวนาขอให้ผ่าน และก็ผ่านมาเป็นรูปเล่มและ E-book ให้หลายๆคนได้เก็บเอาไว้ ><
ถ้าให้เปรียบนิยายเรื่องนี้กับอะไรสักอย่างบนโลก คิดว่านิยายเรื่องนี้คืออะไร และเพราะอะไรถึงเปรียบกับสิ่งนั้น
เย็นวันศุกร์ : ถ้าเปรียบนิยายเรื่องนี้เป็นอะไรสักอย่างก็คงจะเป็น “ยำรวมมิตร” ค่ะ 5555 จากที่เล่ามาว่าเนื้อเรื่องมาจากหลายที่มามาก รวมกันเป็นอาหารรสเลิศพร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนรับประทาน
มุกมองว่านิยายก็เหมือนอาหารนะคะ ที่เราต้องหาเครื่องปรุงรสมาปรุงแต่งให้มันมีรสชาติและสีสันมากขึ้น ในอาหารทุกชนิดมีรสชาติที่หลากหลายเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และบางครั้งก็ให้ความรู้สึกเผ็ดร้อนด้วย ทุกคนมองเห็นมั้ยค่ะว่า แต่ละรสชาติมันจะต่างกันมาก แต่พอเอามารวมกันก็กลายเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ นิยายของเราก็เหมือนกันค่ะ เราจะให้มันเค็ม(เพราะน้ำตา)อย่างเดียวไม่ได้เราต้องเติมความหวานให้ละมุนไปด้วย ถ้าเปรี้ยวเกินก็ต้องหาอะไรมาจิ้มๆให้มันเค็มๆ แต่บางครั้งรสชาติมันก็จะโดด เผ็ดเกินไป อะไรล่ะที่สามารถทำให้ความเผ็ดจางลง รสหวานหรือรสเค็ม ก็อยู่ที่เราเลือกที่จะรังสรรค์มัน
นิยายเรื่องนี้มากจากหลายที่มาก็จริง แต่มุกปรุงแต่งมันด้วยการหาอะไรมาเชื่อมให้มันเป็นรสกลมกล่อมจึงกลายเป็นนิยายที่น่าอ่านเลยทีเดียว (หลงตัวเองไปมั้ย? 555555)
เคล็ดลับในการหาแรงบันดาลใจของเราคืออะไรกันคะ
เย็นวันศุกร์ : แรงบันดาลใจหาได้ง่ายๆ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเลยค่ะ การที่เราดูซีรีส์ ภาพยนตร์ หรืออ่านนิยายเรื่องอื่นๆก็เอามันมาต่อยอดในจินตนาการของตัวเอง เหมือนเรื่องนี้ที่เกิดจากการที่นอนๆแล้วสะดุ้งตื่น ซึ่งมันก็มีความเชื่อว่าวิญญาณกำลังจะออกจากร่างบวกกับการอ่านนิยายที่นางเอกวิญญาณเข้าไปอยู่ในร่างอื่น สถานที่อื่นอ่านนิยายแนวเทพเซียนเรื่องเหลือเชื่อเอาไดร์วูล์ฟที่ดูมาจากซีรีส์เข้ามาใส่ทำให้เนื้อเรื่องมันดูแปลกและน่าสนใจคือมุกเอามาสร้างตามจินตนาการตามที่เราอยากให้มันเป็นสร้างเรื่องราวให้มันลงตัวทุกอย่างมันมีจุดเชื่อมต่ออยู่ เราทำยังไงก็ได้ให้หาจุดนั้นเจอ หาข้อมูลในบางส่วนเพื่อเพิ่มความเข้าใจของตัวเองแล้วนำมาเขียน
อุปสรรคหนักสุด ที่เราเจอระหว่างเขียนนิยายคืออะไร แล้วเรามีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรบ้างคะ
เย็นวันศุกร์ : อุปสรรคหนักๆ ก็คือตัวเองนี่แหละ เพราะมุกเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำและก็จะจริงจังมาก เหมือนเรื่องนี้คือมุกจะคิดทั้งวันทั้งคืน ไม่คิดอย่างอื่น ตอนล้างถ้วย ซักผ้า กวาดขยะ ถูพื้น ก็คิดว่ามันจะเป็นยังไงต่อน่า จมแม่ทักว่า “เป็นอะไร สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย” (สติอยู่ในจินตนาการค่ะแม่) ถ้ามีอะไรดึงความสนใจมุกออกจากตรงนี้มุกก็จะเขวทันที แล้วตอนนั้นมันติดช่วงเปิดเทอมใหม่ แต่นิยายยังแต่งไม่จบ เริ่มคิดว่ามันจะจบมั้ยเนี่ย แบบ พอเปิดเทอมสิ่งเร้ารอบข้างเยอะ และต้องยอมรับว่าตัวเองนี่ค่อนข้างที่จะติดเพื่อน (ฮ่าๆๆ) เรียนเสร็จ เดี๋ยวเพื่อนชวน เดี๋ยวชวนเพื่อนไปโน่นไปนี่ เริ่มมีงานที่ต้องส่งอาจารย์เข้ามา ทำยังไงดี? เอาวะ ยังไงก็มีพล็อตอยู่ในหัว เอาให้มันจบสักเรื่องหนึ่ง มีคนที่ติดตามเรื่องของเรารออยู่นะ มีนักอ่านหลายคนคอยให้กำลังใจอยู่ จึงได้แต่งจนจบ กำลังใจจากนักอ่านสำคัญมากที่ทำให้เรื่องนี้จบลงได้
เป็นนักเขียนเต็มตัวแล้ว คิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่นักเขียนจำเป็นต้องมี
เย็นวันศุกร์ : ไม่นะ มุกยังไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักเขียนเต็มตัวจริงๆนะ (ฮ่าๆๆ) ด้วยความที่มุกยังเรียนอยู่ (และกำลังจะขึ้นปีสี่) ต้องรอถึงช่วงปิดเทอมมากกว่าที่จะได้แต่งนิยายแบบจริงๆ มุกต้องอยู่คนเดียวไม่มีสิ่งรอบข้างมาทำให้มุกออกนอกลู่นอกทาง (ฮ่าๆๆ) และมีเวลามากๆ ถึงจะแต่งนิยายได้จริงๆ เหมือนที่มุกบอกในตอนแรกว่ามุกจริงจังเวลาแต่งนิยาย คิดเรื่องนิยายตลอดเวลา ถ้ามุกเอานิยายมาคิดในเวลาเรียนก็ไม่โอเคนะคะ (ฮ่าๆๆ) และอีกอย่างคือประสบการณ์มุกยังน้อย เป็นเด็กที่เพิ่งหัดเดินในเส้นทางนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาและปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ ทุกคอมเม้น ทุกคำติชมมุกจะนำมาพัฒนาอย่างแน่นอนค่ะ
แต่มุกคิดว่าสิ่งที่สำคัญและนักเขียนจำเป็นต้องมีก็คือมุ่งมั่นและความอดทนค่ะ เวลาแต่งนิยายมันต้องมีทั้งความมุ่งมั่นและความอดทน ต้องมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครที่เราแต่ง ถ้าเราหมดไฟไม่มีความมุ่งมั่นต่อ หมดความอดทนเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบ เราต้องพยายามหาแรงบัลดาลใจ ต้องหาสิ่งมากระตุ้นใส่ไฟให้เราเดินต่อไปค่ะ ซึ่งนั่นก็คือคอมเมนต์จากนักอ่านทุกท่านเลยค่ะ อิอิ
คำคมประจำตัวในการเขียนของ ‘เย็นวันศุกร์’ คือ.....
เย็นวันศุกร์ : มองนิยายให้เหมือนอาหาร เติมรสชาติให้ละมุนลิ้น เติมสีสันให้น่าสนใจ อ่านแล้วดีต่อใจ เพราะดีต่อใจใครๆ ก็ชอบ แบบนี้ได้มั้ยค่ะ (ฮ่าๆ)
อยากบอกอะไรกับแฟนๆ นิยายที่คอยติดตามผลงานของเรา
เย็นวันศุกร์ : อยากจะบอกว่าขอบคุณที่ติดตามกันมานะคะ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ ตอนแรกกลัวมาก กลัวไม่มีคนอ่าน แต่ได้อ่านเจอข้อความหนึ่งในเพจของนักเขียนเด็กดีว่า “คนอ่านคนเดียวก็จะลง” ก็เลยลองลงดู เห้ย มีคนมาเมนต์อ่า มีคนมาติดตามเยอะเลย แล้วก็เริ่มกดดัน (ฮ่าๆ) แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
และมุกก็อยากจะบอกว่า อย่าคิดว่าคอมเมนต์เยอะ คนติดตามเยอะแล้วรู้สึกกดดัน ให้คิดว่าทุกคอมเมนต์ ทุกคนติดตามเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้เรามีงานที่ดี มาสร้างความสุขตอบแทนพวกเขาที่คอยติดตามและให้กำลังใจดีกว่าค่ะ
ต้องบอกลากันแล้ว มาฝากผลงานพร้อมกล่าวลาชาวเด็กดีกันหน่อย
เย็นวันศุกร์ : ต้องขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย (ฮ่าๆ) ก็ฝากติดตามผลงานเรื่อง “จอมนางกระชากวิญญาณ” ของ “เย็นวันศุกร์” ด้วยนะคะ เป็นผลงานเล่มแรก ของนักเขียนมือใหม่อย่างมุกคนนี้ ช่วงปิดเทอมที่กำลังจะถึงนี้ ก็อาจจะมีผลงานมาฝาก นักอ่านทุกๆท่านอีก แต่จะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องรอดูกันค่ะ อาจจะเป็นลูกๆของหลิงซิ่นเซียกับเป่ยเพ่ยจินมาโลดแล่นผ่านตัวหนังสือก็ได้ อิอิ หรือไม่ก็จะเป็นแนวอื่นๆ ค่ะ ก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
จบกันไปแล้วนะคะ กับบทสัมภาษณ์นักเขียนเด็กดีในวันนี้ พี่หญิงต้องขอขอบคุณนักเขียนนามปากกาเย็นวันศุกร์ อีกครั้งนะคะ ที่มาพูดคุยกับเราในวันนี้ สนุกสนานกันมากมายเลยจริงๆ หวังว่าบทสัมภาษณ์ในวันนี้จะเป็นแรงบันดาลใจ กำลังใจให้นักเขียนเด็กดีทุกคนพัฒนาผลงานของตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย
สุดท้ายนี้พี่หญิงขอลาทุกคนไปก่อน เจอกันใหม่ในครั้งหน้า วันนี้สวัสดีค่ะ ^^
พี่หญิง

1 ความคิดเห็น