มีนิยายเรื่องหนึ่งที่เขียนแล้วคนอ่านบอกว่ามันคือเดธโน้ต! ณกันต์



...ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ
แต่คือต้องทำให้ดี...

ณกันต์


สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีไรเตอร์ทุกคน วันนี้กลับมาเจอกับพี่หญิงอีกแล้วนะคะ ในคอลัมน์ “พบปะพูดคุย” คอลัมน์ดีดี ที่จะมาแนะนำนักเขียนเด็กดีของเราให้ทุกคนรู้จักกัน ซึ่งครั้งนี้จะเป็นใครกันนั้น อย่ารอช้ากันอยู่เลย เรามาทำความรู้จักกับนักเขียนนามปากกานี้กันเลยดีกว่า ‘ณกันต์’ เจ้าของผลงานเรื่อง รักต้องเซฟ นิยายรักกลิ่นอายละมุน บรรยากาศสดใสจากสำนักพิมพ์อรุณ...


สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยช่วยทักทาย แนะนำตัวกับชาวเด็กดีกันหน่อย

ณกัณต์ : สวัสดีชาวเด็กดีค่ะ ณกันต์เองค่ะ เรียกแคลร์ก็ได้ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่บริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งค่ะ แล้วก็เป็นนักเขียนด้วยค่ะ


หลังจากรู้จักกันไปพอสมควรแล้ว เรามาพูดถึงผลงานกันบ้างดีกว่า ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และในอนาคตนี้ มีผลงานอะไรออกมากันบ้างแล้ว และกำลังวางแผนเขียนเรื่องไหนอยู่หรือเปล่าเอ่ย

ณกัณต์ : เอาอะไรก่อนดี เริ่มจากอดีตก่อนแล้วกันนะคะ ก่อนหน้านี้แคลร์เป็นนักเขียนแนวทีนค่ะ ใช้อีกนามปากกาหนึ่ง มีงานออกมา 8 เรื่องที่ได้ตีพิมพ์ในนามปากกาโฟลลี่แลคร์ค่ะ 

ปัจจุบันเขียนนิยายรัก ใช้นามปากกา ณกันต์ ค่ะ เพิ่งมีงานออกมาเรื่องแรก คือ รักต้องเซฟ กับสำนักพิมพ์อรุณค่ะ 

อนาคตอันใกล้ก็มีตีพิมพ์อีก 2 เรื่อง เรื่อง Mistletoe Kiss จูบรักให้อุ่นใจ เรื่องนี้พิมพ์มือค่ะ แล้วก็มีงานอีกเรื่องหนึ่ง ตีพิมพ์กับพิมพ์คำสำนักพิมพ์ เรื่อง Trust ให้รักระบายใจ ค่ะ 

ส่วนปัจจุบันกำลังปั่น Magic! เสกหัวใจร่ายรัก อยู่ค่ะ อัปทุกวันนะ ไปอ่านกันได้เลย 5555
 


 

ช่วยแนะนำผลงานเรื่องล่าสุด “รักต้องเซฟ” ให้ชาวเด็กดีรู้จักกันหน่อย ว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรกันคะ 

ณกัณต์ : รักต้องเซฟ เป็นเรื่องของน้องธาม หญิงสาวผู้แข็งแรง เป็นนักเทควันโดเก่าค่ะ พอคุณพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิตไป น้องธามเลยต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว คอยดูแลแม่กับน้องสาว แล้วก็โดนผีผลักไปเป็นบอดี้การ์ดให้คุณตุลย์ ทายาทเจ้าของห้างหรู ที่อยากได้น้องธามมาทำงานด้วย ก็เลยหว่านล้อมปนมัดมือชก สรุปนางเอกก็ต้องมาทำงานกับพระเอก แล้วความสัมพันธ์ก็ดำเนินไป ประมาณนี้ค่ะ


เรื่องอื่นเขาให้ผู้ชายเป็นบอดี้การ์ด คอยปกป้องนางเอก ทำไมเรื่องนี้ถึงให้นางเอกของเราไปปกป้องพระเอกกันล่ะคะ ไอเดียนี้มีที่มาอย่างไร

ณกัณต์ : แคลร์ชอบผู้หญิงเก่งค่ะ ชอบคน independent รู้สึกว่าเท่ดี มีเสน่ห์ดี อีกอย่างยุคนี้มีความเสมอภาคค่ะ 5555 ผู้หญิงก็เป็นบอดี้การ์ดได้ แต่จริงๆ คุณตุลย์เขาก็ถนอมน้องธามอยู่นะ พระเอกเราแอบเจ้าเล่ห์หน่อยๆ หาเรื่องจ้างบังหน้า อยากอยู่ใกล้สาวมากกว่า 5555 สรุปก็คือแคลร์ชอบผู้หญิงเก่งๆ เท่ๆ เลยจับนางเอกเป็นบอดี้การ์ดเลยค่ะ

ไอเดียคือ ตอนนั้นยืนงงๆ อยู่ ไม่รู้จะเขียนอะไรดี น้องที่น่ารักคนหนึ่งบอกว่า อยากได้นางเอกเก่งๆ เป็นบอดี้การ์ด ได้ยินแล้วถูกใจมาก ชอบ เลยเอามาร่างต่อจนเป็นพลอต แล้วก็เขียนจนเป็นเรื่องนี้ค่ะ


มาพูดถึงตัวละครในเรื่องกันบ้าง มีตัวละครไหนที่ประทับใจหรือเขียนยากเป็นพิเศษบ้างไหมเอ่ย

ณกัณต์ : ประทับใจความป๋าของคุณตุลย์ 555 แต่ประทับใจที่สุดคงเป็นภัทรค่ะ เป็นตัวละครที่ชอบมากเลย แคลร์แพ้ทางความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิท แอบชอบเพื่อนหรืออะไรแนวนี้ค่ะ รู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่ฉาบฉวย เหมือนเราใกล้ชิดเขา รู้จักเขาในระดับหนึ่งแล้วเกิดเป็นความรักขึ้นมา มันดูลึกซึ้ง ภัทรก็เป็นแบบนั้นค่ะ ส่วนตัวละครที่เขียนยากก็คงเป็นคุณตุลย์ พระเอกของเรานี่แหละค่ะ ชีวิตเขาเจออะไรมาเยอะเหมือนกัน มีอารมณ์ที่หลากหลายมาก ไม่ได้ป๋าอย่างเดียวนะ 555


เห็นว่านอกจากเขียนนิยายรักแล้ว ได้ข่าวว่ายังเขียนนิยายแฟนตาซีอีกด้วย ช่วยพูดถึงนิยายสองแบบนี้กันหน่อย ว่ามีความยากง่าย เทคนิคการเขียน เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง 

ณกัณต์ : แฟนตาซีนี่... เกิดจากความอยากลองล้วนๆ เลยค่ะ อยากลองว่าเราจะรอดมั้ย 5555 เราจะเขียนแนวอื่นนอกจากนิยายรักได้หรือเปล่า เป็นการท้าทายตัวเองอย่างหนึ่ง ก็เขียนจบไป 2 ภาคค่ะ (The Dragon Guardian ริวยู องครักษ์หัวใจมังกร กับ The Dragon Mansion โรงแรมมังกรหรรษา) ตอนนี้เปิดให้อ่านเป็นระบบเหรียญของเด็กดีอยู่นะคะ ลองไปอ่านกันได้นะคะ (โฆษณา) 

แฟนตาซีที่แคลร์เขียนจะเป็นแฟนตาซีแนวทีนค่ะ ใช้บรรยายแบบบุรุษที่หนึ่ง ซึ่งแคลร์จะชินกับบรรยายแบบนี้มาจากนิยายทีนค่ะ  ภาษา การเล่าเรื่องจะคล้ายนิยายทีนที่คุ้นเคยมากเลยค่อนข้างถนัด แต่ความยากจะอยู่ที่ตัวพลอตค่ะ คือแฟนตาซีพลอตมันต้องใหญ่ ต้องแปลกมันถึงเป็นแฟนตาซี ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างตัวละครให้น่าสนใจ ให้คนชอบด้วย ก็ยากตรงนี้ค่ะ 

ส่วนนิยายรักนี่ก็ยากมากเลยค่ะ 555 เพราะว่าแคลร์ไม่เคยเขียนบรรยายแบบบุคคลที่สาม แล้วก็มีเรื่องราวของตัวละครที่โตขึ้น ไม่ได้มีแต่ไปโรงเรียนแล้วนะ พวกเขามีอาชีพ มีหน้าที่การงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเราก็ต้องหาข้อมูลเรื่องงานอีก พวกเขามีมุมมอง มีความคิดที่โตขึ้น คือมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้เยอะมากค่ะ เพราะฉะนั้นเลยเขียนต่อเนื่องเรื่อยๆ เพื่อฝึกมือค่ะ ตอนนี้ก็ยังฝึกอยู่เลย คอลัมน์นักเขียนของเว็บไซต์เด็กดีนี่ก็เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีเลยค่ะ แคลร์ชอบแวะมาอ่านบ่อยๆ ขอบคุณมากนะคะ

สรุปว่าทั้งสองแบบก็ยากง่ายต่างกันไปค่ะ แต่เขียนแล้วสนุกทั้งคู่เลย


เขียนนิยายมาแล้วก็หลายเรื่อง ช่วยเล่าถึงประสบการณ์ที่พีคๆ หรือเหตุการณ์ที่ประทับในการเขียนนิยายให้ฟังกันหน่อย

ณกัณต์ : พีคๆ เหรอคะ (คิดก่อน) มีนิยายเรื่องหนึ่งที่แคลร์เขียนแล้วมีคนเรียกมันว่าเดธโน้ตค่ะ 55555 

คือมีเรื่องหนึ่งที่ใช้พี่คนหนึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง เพราะเห็นว่าคาแรคเตอร์เขาน่าสนใจดีค่ะ เลยยืมมาร่างเป็นคาแรคเตอร์นางเอก แล้วทีนี้เรื่องที่เกิดในนิยาย มันดันไปเกิดในชีวิตเขาจริงๆ ในวันเดียวกับที่เราลงนิยายในเด็กดีน่ะค่ะ อย่างวันหนึ่งพี่เขาบ่นว่า มีคนเอาหนังสือระบายสีของผู้ใหญ่มาแจก แต่พี่เขามัวแต่เลือกสีอยู่ คนที่เอามาแจกเลยกลับไปแล้ว เขาเลยไม่ได้หนังสือระบายสี แล้วคือแคลร์เพิ่งอัปนิยายลงเด็กดี เป็นฉากที่พระเอกเอาภาพระบายสีมาให้นางเอกพอดี เหมือนจะบอกว่า ไม่ได้ของแจกอันนั้นไม่เป็นไร พระเอกเอามาให้แล้วนะ 555 แล้วมีอีกหลายเหตุการณ์มากจากเรื่องนี้ คือมันฮามากเลย จนพี่เขาบอกว่า อย่าไปเขียนนิยายสยองขวัญนะ น่ากลัว


เขียนนิยายมาแล้วก็หลายปี คิดว่าจุดเด่น เอกลักษณ์การเขียนของเราคืออะไรคะ

ณกัณต์ : อย่างหนึ่งคงเป็นสำนวนค่ะ มันอาจจะห้วนสั้นสำหรับบางคน แต่คือเป็นสไตล์ที่แคลร์ชอบมาก คือเป็นคนชอบอ่านนิยายแปลเลยชอบสำนวนแบบนั้น งานแคลร์จะอ่านง่ายเพราะอยากให้คนอ่านอ่านเพลินๆ ค่ะ กับอีกอย่างที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นคือ “โรคจิต” กับ “อาการทางจิต” ค่ะ คือชอบจิตวิทยามาก ไม่ได้เรียนโดยตรงแต่เป็นเรื่องที่แคลร์สนใจมาก เลยหาหนังสือ หาบทความมาอ่านเรื่อยๆ พอมาเขียนนิยาย เรารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้น่าสนใจ และหลายๆ คนอาจยังไม่รู้จัก เลยหยิบอาการทางจิตหรือโรคทางจิตเวชมาใส่ไว้ในเรื่องด้วยค่ะ ส่วนหนึ่งคือแคลร์คิดว่านักเขียนก็คือสื่อ งานของเราออกมาสู่สาธารณะ มีคนรับสาร แล้วเราใส่อะไรลงไปในเรื่องได้บ้าง อะไรที่เป็นความรู้ คือนอกจากความบันเทิงแล้ว ให้อะไรอย่างอื่นกับคนอ่านได้บ้าง เลยใส่ข้อมูลเรื่องพวกนี้ลงไปค่ะ 


อุปสรรคหนักสุดที่เคยเจอระหว่างเขียนนิยายคืออะไร แล้วเรามีวิธีแก้ปัญหานั้นอย่างไรคะ

ณกัณต์ : ความเหนื่อย ความเครียด คือบางช่วงงานประจำแคลร์หนักมากค่ะ บางทีเลิกงานมาเราก็หมดแรงแล้ว อยากเขียนต่อนะ แต่มันไม่ไหว ถ้าฝืนเขียนต่อ พอหายเหนื่อยแล้วมาอ่านทวน ต้องมานั่งลบทิ้งทุกทีเป็นหลายๆ หน้า คือเขียนออกมาแล้วใช้ไม่ได้เลยค่ะ วิธีแก้คือ ไม่เขียนค่ะ ไปพัก สบายใจแล้วค่อยมาเขียนค่ะ


เทคนิคในการหาแรงบันดาลใจของเราคืออะไร

ณกัณต์ : การเขียนเป็นงานที่แคลร์รักมากค่ะ มันมีแรงบันดาลใจในตัวมันเองอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เราอยากทำ แต่ถ้าถามถึงแรงบันดาลใจที่จะเอามาใส่ในเรื่อง แคลร์ว่าแคลร์ไม่มีเทคนิคนะคะ คือมันอยู่รอบตัว หันไปเจอแล้วก็หยิบมาเป็นประเด็นให้เขียนได้เลย การอ่านเยอะๆ ก็เป็นแรงบันดาลใจได้เหมือนกันค่ะ


คิดว่าคุณสมบัติอะไร ที่สำคัญที่สุดในการเป็นนักเขียน

ณกัณต์ : การเป็น observer กับ daydreamer ค่ะ คือต้องเป็นคนช่างสังเกตแล้วก็ช่างฝัน ช่างเพ้อเจ้อ 5555 นักเขียนทุกคนจะมีสองอย่างนี้ในตัวค่ะ เราจะช่างสังเกต และเราก็จะช่างฝัน ช่างจิ้น ทีนี้เราก็ต้องจับการจิ้นของเราให้อยู่ค่ะ คืออย่าจิ้นทิ้งๆ ขว้างๆ จดลงสมุดดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไอเดียหาย แล้วก็เอามาร่างต่อเป็นพลอต เอามาเขียนเป็นเรื่องค่ะ

อีกอย่างที่แคลร์คิดว่าสำคัญมากๆ คือความรับผิดชอบต่อสังคมค่ะ อย่าลืมว่าเราก็คือสื่อชนิดหนึ่งค่ะ


ถ้าให้เปรียบนิยายเรื่องนี้กับอะไรสักอย่างบนโลก คิดว่านิยายเรื่องนี้คืออะไร

ณกัณต์ : คงเหมือนน้ำหวานนะคะ เวลาๆ เหนื่อยๆ ร้อนๆ มา ถ้าได้นั่งพักแล้วดื่มน้ำหวานเย็นๆ มันชื่นใจดีเนอะ ถ้าเหนื่อยๆ มา ลองนั่งพักแล้วอ่าน รักต้องเซฟ ดูนะคะ มันน่าจะทำให้คุณยิ้มได้ค่ะ


คติประจำใจของ ณกันต์ ในการเขียนนิยาย คือ

ณกัณต์ : “ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ แต่คือทำให้ดี” อันนี้แปะฝาบ้านไว้เลยค่ะ ตรงหน้าโต๊ะทำงาน ไว้เตือนใจตัวเอง ต้องตั้งใจกับงานทุกชิ้น อย่าดูถูกงานตัวเองค่ะ


ฝากอะไรถึงชาวเด็กดี ที่อยากเป็นนักเขียนกันหน่อย

ณกัณต์ : จากประสบการณ์ที่ผ่านมา อยากบอกว่า อย่าท้อ และอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วค่ะ นักเขียนต้องเรียนรู้แทบตลอดเวลา ต้องฝึกฝน เขียนเยอะๆ อ่านเยอะๆ เรียนรู้เยอะๆ ค่ะ


มาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้ว ก่อนจากลากันไป มาบอกลาแฟนๆ พร้อมฝากผลงานกันหน่อย

ณกัณต์ : ก็ รักต้องเซฟ เป็นนิยายเรื่องแรกของแคลร์ในแนวนี้เลยนะคะ แคลร์ตั้งใจมาก ใช้เวลากับมันเป็นปีๆ เลยค่ะกว่าจะเขียนจบ รีไรท์หลายรอบมากเพราะอยากให้ออกมาดีที่สุดค่ะ ความที่แคลร์ยังใหม่อยู่ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ติได้ ชมได้ แคลร์น้อมรับเพื่อนำไปพัฒนางานตัวเองต่อไปค่ะ หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความสุข เหมือนที่แคลร์มีความสุขตอนที่เขียนนะคะ หวังว่าคุณตุลย์กับน้องธามจะทำให้ผู้อ่านยิ้มได้ เหมือนที่สองคนนี้ทำให้แคลร์ยิ้มได้ค่ะ  ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ


จบกันไปแล้วนะคะ กับบทสัมภาษณ์นักเขียนในวันนี้ พี่หญิงต้องขอขอบคุณคุณแคลร์ นักเขียนเจ้าของนามปากกา 'ณกันต์' มากๆ เลย ที่ได้มาพูดคุยตอบคำถาม สร้างความสนุกสนานให้กับเรา พี่หญิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจให้นักเขียนเด็กดีทุกคน พัฒนากันต่อไปนะคะ สุดท้ายนี้พี่หญิงขอลาทุกคนกันไปก่อน เจอกับใหม่ในครั้งหน้า วันนี้สวัสดีค่ะ^^



พี่หญิง

พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Shiny Terra Member 1 เม.ย. 60 20:56 น. 1

“ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ แต่คือทำให้ดี” อ่านถึงตรงนี้แล้วขนลุกเลยค่ะ เป็นคติเตือนใจที่ดีมากๆ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

Shiny Terra Member 1 เม.ย. 60 20:56 น. 1

“ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จ แต่คือทำให้ดี” อ่านถึงตรงนี้แล้วขนลุกเลยค่ะ เป็นคติเตือนใจที่ดีมากๆ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด