วิจารณ์หนังสือ : ชายใดเล่าจะแซ่บเท่าแฟนเก่าแม่
ชื่อ (เรื่อง) ก็ฮอต นิยายก็ฮิป
สวัสดีชาวเด็กดีไรท์เตอร์ทุกคนนะคะ ด้วยฤกษ์งามยามดีฟ้าฝนอากาศเป็นใจ (ร้อนตับแตกสลับฝนตกเป็นระยะ ที่ไม่ชวนให้ออกจากบ้านกันสุดๆ) วันนี้พี่หญิงก็เลยอยากจะชวนมาพูดคุยถึงนิยายที่อ่านกัน ซึ่งนิยายที่พี่หญิงเลือกมาในวันนี้เนี่ยบอกเลยว่าเพิ่งอ่านจบกันไปอย่างสดๆ ร้อนๆ และคาดว่าจะถูกใจสาววายกันเป็นพิเศษแน่ๆ แค่ชื่อเรื่องนี่ก็โดนสุดๆ อ่านแล้วสะดุด ต้องหยิบมาดูซ้ำอีกครั้งว่าชื่อนี้แน่หรือ...? พี่หญิงเองได้ยินครั้งแรกนี่แบบฮือฮามาก แอบเม้ากับเพื่อนรัวๆ ชื่อแบบนี้แปลว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอ... แล้วก็นั่นแหละค่ะ เพราะชื่อเรื่องฮิปๆ ของคนเขียนนี่แหละ ทำให้พี่หญิงไม่พลาด ต้องหยิบมาอ่านทันที
ชายใดเล่าจะแซ่บเท่าแฟนเก่าแม่
ผู้แต่ง : ร เรือในมหาสมุทร
สำนักพิมพ์ : every
ราคาปก : 295 บาท จำนวน : 285 หน้า
คำโปรยปกหลัง
‘แม่บอกว่าแปลกใจที่วีธไม่มีแม่ แต่อย่างภุชงค์ ถ้าไม่บวชถึงจะจัดว่าน่าแปลกใจ’
พอมานึกทบทวนถึงประโยคนี้ ผมคิดว่าแม่น่าจะแปลกใจได้มากกว่านั้น
หากรู้ว่าคนที่แม่พูดถึงทั้งสองคนกำลังจะกลับเข้ามาในชีวิตแม่อีกครั้ง
ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนของแม่ หรือแม้แต่ในฐานะ ‘อาภุชงค์’ หรือ ‘ลุงวีธ’
แต่จะเข้ามาผูกพันกับลูกชายของแม่อย่างลึกซึ้งมากกว่านั้นอีก
ความรู้สึกหลังอ่าน
เรื่องนี้ต้องเกริ่นก่อนเลยว่าอย่างแรกของหนังสือเล่มนี้ที่ทำให้สะดุดตาสะดุดใจ มือสั่นจนอยากได้มาครอบครองนั้นไม่ใช่อะไรเลยเธอจ๋า เพราะชื่อเรื่องอันดึงดูดนี้เลย ‘ชายใดเล่าจะแซ่บเท่ากับแฟนเก่าแม่’ แค่เห็นชื่อเรื่องก็สัมผัสได้ถึงความแซ่บที่อยู่ข้างในจนอดไม่ไหวต้องหยิบขึ้นมาอ่าน แต่ว่า... ท้ายที่สุด นิยายเรื่องนี้ก็ทำให้พี่หญิงเซอร์ไพรส์เล็กๆ อยู่เหมือนกันนะคะ เพราะจากตอนแรกที่คิดว่าจะเป็นแนวตลาดทั่วไป เน้นขายความฟินรุนแรง แต่ไม่ใช่เลยภายในเรื่อง กลับเป็นการสะท้อนทัศนคติทางสังคม และการอยู่รวมเป็นครอบครัวได้อย่างน่าสนใจ
เรื่องเริ่มจากการกลับมาอาศัยอยู่บ้านเกิดของ อโนชา แฟนเก่าของ ‘ภุชงค์’ และมันทำให้เขาต้องโคจรมาพบกับเด็กประหลาดอย่าง ‘พันธ์สัญญา’ ผู้มาเยี่ยมเยียนเขาถึงบ้านด้วยเหตุผลแปลกๆ ว่าอยากมาทำความรู้จักกับแฟนเก่าแม่ ด้วยเห็นว่าเป็นลูกชายของคนคุ้นเคยภุชงค์จึงอนุญาตให้เด็กหนุ่มมารบกวนได้ตลอด แต่เพราะเหตุใดก็ไม่รู้ อยู่ไปอยู่มา เขากลับเริ่มรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันนั้นแปลกแปร่ง และทำให้รู้สึกว่าเตียงเริ่มกว้างเกินไปที่จะนอนคนเดียวแล้วล่ะ
ในส่วนของ ‘วีธ’ ชายหนุ่มรุ่นใหญ่หน้าฝรั่งผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารหลายแห่ง เริ่มแรก ‘เย็น ธามธารา’ ก็เป็นเพียงลูกชายแฟนเก่าที่ถูกฝากให้มาพักพิงบ้านเขาเพื่อเรียนหนังสือเหมือนๆ กับเด็กคนอื่นที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ แต่พอนานเข้าไม่รู้เป็นอย่างไรเขาถึงเริ่มเห็นเสน่ห์ของเด็กคนนี้ ถึงขนาดตามไปรับส่งอยู่ตลอดเวลา เอาวะ อยู่มาเกินสี่สิบกว่าปีจะเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางก็คราวนี้แหละ ในเมื่อรู้ตัวว่ารัก คนอย่างวีธก็ขอทุ่มสุดตัวจะคอยตามรับส่ง เลี้ยงดู ตามใจกันให้ถึงขีดสุด และมีถึงเวลารับรองเลยว่าเด็กน้อยคนนี้หนีเขาไปไหนไม่รอดแน่นอน
‘ชายใดเล่าจะแซ่บเท่าแฟนเก่าแม่’ จากชื่อเรื่องก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องนี้มีจุดขายอยู่ที่เป็นแนวโอจิค่อน คือเป็นความรักข้ามรุ่นระหว่างรุ่นลุงรุ่นหลาน สาวๆ คนไหนที่แนวอายุมากกว่าบอกเลยว่าเรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ดีสุดๆ ซึ่งในเรื่องเนี่ยจะแบ่งเป็นเรื่องราวความรักสองคู่ สองมุม คือ หนึ่ง พันธ์สัญญาและอาภุชงค์ (อันนี้จะเป็นหลานกินอา) ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดำเนินไปอย่างละมุนๆ ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน เปลี่ยนโลกของภุชงค์ที่มีสีเทาหม่นๆ จากปมในจิตใจเรื่องของพ่อ ให้ดูสดใสและอบอุ่นขึ้น สอง คือคู่ของลุงวีธและธาม (อันนี้เป็นลุงกินหลาน) พี่หญิงชอบเรื่องราวของคู่นี้นะคะ เพราะนอกจากความรักความสัมพันธ์ที่ดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรัด (ลุงวีธ นางละมุนมาก เลือกที่จะรอเย็นให้โตพอที่จะตัดสินใจในเรื่องความรักได้) และความน่ารักที่สัมผัสได้จากทั้งคู่ตลอดการอ่านแล้ว มุมมองความคิดของลุงวีธในเรื่องของครอบครัวยังน่าสนใจมากๆ ซึ่งในจุดนี้พี่หญิงคิดว่าเป็นการสะท้อนให้ถึงความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัวได้อย่างดีเลย ลูกที่บางครั้งก็ไม่เข้าใจความห่วงใยของพ่อแม่คิดว่ามากเกินไปจนไม่เข้าใจตัวเอง และในบางครั้งพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจในความคิดความต้องการของคนเป็นลูกเช่นกัน
“เพราะการเป็นพ่อแม่มันยากน่ะสิ การเลี้ยงอีกชีวิตหนึ่งให้โตขึ้นเรื่อยๆ มันยากมากเลยนะ ตอนเลี้ยงเด็กมันก็ง่าย เพราะเด็กยังเป็นแค่เด็ก สั่งให้ทำอะไรก็ทำ แต่พอเธอเริ่มโต เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง พ่อแม่ก็ยังต้องเลี้ยงเธอต่อไป ยังต้องอยู่กับเธอ และพวกเขาจะไม่มีวันหยุดดูแลเธอ แต่การเลี้ยงผู้ใหญ่ที่มีเส้นทางของตัวเอง มีความต้องการควบคุมไม่ได้ มันยากกว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเยอะเลย แล้วพวกเข้าก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก มันไม่มีตำราหรือวิธีการแน่นอน พ่อแม่ทุกคนจะทำสิ่งที่ผิดพลาดต่อลูกเสมอ ”
“แต่พวกเขาจะไม่ขอโทษต่อบาดแผลที่ทำต่อลูก น้อยคนนักที่จะขอโทษ การเป็นพ่อแม่มันได้รับการเชิดชูจากสังคมว่าเป็นสิ่งที่ดีงามและทรงคุณค่า มันทำให้พ่อแม่ล้วนแต่รู้สึกว่าตัวเองถูก และไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
“ไม่ยุติธรรมเลย”
“เห็นใจเขาหน่อยสิ พวกเขาอาจควรได้รับการเชิดชูก็ได้นะ เพราะ..การเลี้ยงลูกนี่มันอาจยากกว่าการประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ก็ได้ แล้วพวกเขาก็ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลนะ เป็นแค่คนธรรมดาๆ บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ บางคนไม่มีความเข้าใจในชีวิต แต่กลับต้องมาทำเรื่องที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ พวกเขาสมควรได้รับคำชมและควรได้รับการอภัยเมื่อทำผิดพลาด...และถ้าวันหนึ่งแม่ของเธอขอโทษเธอ เธอจะรู้ว่า..มันรู้สึกผิดมากเลย...”
(ชายใดเล่าจะแซ่บเท่าแฟนเก่าแม่ หน้า 179 - 180)
(เป็นประโยคที่พี่หญิงอยากให้ลูกทุกคนได้อ่านมากๆ พี่หญิงอ่านแล้วอดคิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาไม่ได้เลยจริงๆ)
นอกจากมุมมองในเรื่องของครอบครัวที่ถูกสื่อออกมาแล้ว พี่หญิงยังสัมผัสได้ถึงการแอบแฝงการเสียดสีค่านิยมลูกครึ่งได้อย่างเจ็บแสบมากอีกด้วย จะมีวัยรุ่นสักกี่คนที่รู้ว่าช่วงก่อนหน้าคนไทยจะนิยมแต่งงานกับชาวต่างชาติจนเกิดเป็นเด็กลูกครึ่งที่มีมากมายในปัจจุบันนี้ เด็กลูกครึ่งซึ่งเกิดขึ้นมาในช่วงสงคราม ได้เคยถูกมองยังไงและรู้สึกกดดันกันแค่ไหน
“เธอคิดยังไงกับลูกครึ่งแบบฉัน เด็กรุ่นนี้จะคิดว่ามันดูโก้เก๋ แต่เมื่อหลายสิบปีก่อน สมัยฉันยังเด็ก การเป็นลุกครึ่งมันบ่งบอกว่าเธอเป็นอะไรบางอย่าง...สมัยก่อน แม่ฉันอยู่โคราช ตอนนั้นทหารอเมริกันมารบสงครามเวียดนามพวกเขาตั้งฐานทัพในไทย แม่ได้พบพ่อที่นั่น แต่พ่อก็กลับอเมริกาไปตั้งแต่ฉันยังแบเบาะ ฉันจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ มีเด็กจำนวนมากถูกทิ้งแบบนี้ พอเห็นลูกครึ่งฝรั่งอีสาน ใครๆ ก็รู้ว่าเราเป็นลูกจีไอ คนอื่นรู้สึกยังไง แต่ตัวฉันเองไม่ค่อยชอบใจ เพราะถ้าแม่แต่งงานกับผู้ชายไทยก็คงไม่ลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว มันไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงไทยแต่งงานกับฝรั่งแล้วฝรั่งไม่กลับประเทศ แต่ย้ายมาอยู่บ้านเราเลย พวกเธอก็เลยไม่ลำบาก มีชีวิตร่ำรวย ใครๆ ก็อยากแต่งงานกับเขยฝรั่ง มีลูกเป็นลูกครึ่งน่ารักน่าชัง มีเงินมีทอง คนบ้านอื่นก็อิจฉา”
(ชายใดเล่าจะแซ่บเท่าแฟนเก่าแม่ หน้า 138)
หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้จบแล้วนอกจากความน่ารักของเรื่องราว และความฟินเป็นระยะ ที่พี่หญิงสัมผัสได้ตลอดทั้งเรื่องแล้ว สิ่งที่พี่หญิงคิดว่าน่าสนใจมากๆ อีกอย่างของเรื่องนี้เลยก็คือ ลักษณะการเล่าเรื่อง หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ..มันจะน่าสนใจกันแค่ไหนเชียว น่าสนใจมากสิคะ เพราะผู้เขียนเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองตัวละครทุกๆ ตัว เรียงร้อยดำเนินต่อกันไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องราว ซึ่งมันทำให้การนำเสนอเนื้อหาของเรื่องมีความแตกต่างน่าสนใจและยังทำให้ผู้อ่านเข้าถึงความรู้สึกทุกมุมมองของตัวแต่ละตัวได้อย่างชัดเจนอีกด้วย แต่ในข้อดีของการเลือกนำเสนอเรื่องราวแบบนี้นั้นก็แอบแฝงข้อเสียบางอย่างด้วยเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนตัวละครในการเล่าเรื่องบ่อยๆ (บางครั้งหนึ่งคนต่อหนึ่งบทเลย) มันเลยทำให้ความรู้สึกร่วมในการอ่านมันขาดตอนไป ทำให้อินไปกับเรื่องราวไม่ถึงขีดสุดนั้นเอง
เรื่องนี้พี่หญิงอยากให้ทุกคนได้อ่านนะคะ เพราะนอกจากเป็นนิยายรักรสละมุนแล้ว ยังแฝงมุมมองทางความคิดดีๆ ที่น่าสนใจอีกด้วยทั้งในเรื่องของครอบครัว และมุมมองความรักของคนต่างวัย ซึ่งในจุดนี้แหละ ที่พี่หญิงถือเป็นจุดพีคในการนำเสนอเรื่องราวของนิยายเรื่องนี้เลย มันทำให้อยากรู้ว่าเส้นทางความรักต่างวัยนี้จะไปลงเอยกันแบบไหน จะเป็นอย่างไรต่อไป เมื่อไหร่คุณแม่จะรู้ตัวสักทีว่าอดีตแฟนเก่าของเธอได้เลื่อนสถานะไปเป็นลูกเขยกันไปเรียบร้อยแล้ว (จุดนี้ลุ้นนานมาก ฮา) ส่วนใครที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้กันมาบ้างแล้วคิดเห็นอย่างไร มาพูดคุยแชร์ความรู้สึกกันได้นะคะ
สุดท้ายนี้พี่หญิงขอลาทุกคนกันไปก่อนเจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ วันนี้สวัสดีค่ะ
พี่หญิง ^^




5 ความคิดเห็น
ตอนแรกเห็นแล้วคิดว่าไม่ได้อยากซื้อเลย เพราะไม่ค่อยชอบอ่านแนวข้ามรุ่นเท่าไร
แต่พอเห็นรีวิวนี้แล้วก็กะจะไปหาซื้อมาอ่านบ้างค่ะ ดูน่าจะมีอะไรๆมากกว่านั้น
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆที่มาแบ่งปันนะคะ ^^
เรื่องนี้เราเชียร์มาก ๆ เลยค่ะ ติดตามพี่นักเขียนมาตั้งแต่ตอนลงในเว็บเด็กดีแล้ว
เราชอบความละมุนในการดำเนินเรื่อง การใช้ภาษา การได้เห็นมุมมองหลายด้าน
(เรื่องมุมมองจากหลายคน อาจจะงงนิดหน่อย แต่เราว่าพี่นักเขียนเขียนได้ดีนะคะ เพราะคนอ่านสามารถตามได้โดยไม่สับสนว่าใครเป็นใคร)
นอกจากนี้แล้วคือพลอตที่แตกต่างจากนิยายวายทั่วไป ทั้งเรื่องความไม่เข้าใจในครอบครัว แฝงเรื่องการเมืองซึ่งอาจจะไม่ใช่ทางตรง แต่ในฐานะจากครอบครัวที่ถูกผลกระทบจากการเมือง (จุดนี้เราชอบมาในฐานะเด็กรัฐศาสตร์ และเราคิดว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้)
นิยายวายตลาดทั่วไปมักวน ๆ อยู่ชีวิตนักศึกษา แน่นอนว่าเป็นฐานนักอ่านส่วนมาก
เราก็ตามอ่านมาจากตรงนั้น พออ่านมาก ๆ เข้าก็เริ่มเบื่อ เพราะเนื้อเรื่องมักเหมือนกัน วนกับเรื่องเดิม ๆ
แต่เราอยากเห็นความแปลกใหม่ เนื้อหาของนิยายวายที่ก้าวข้ามไปมากกว่านั้น เรื่องที่แหวกแนวออกไป ซึ่งหายาก เพราะพลอตมันเข้าถึงยาก และคนอ่านส่วนมากไม่สนใจ สำนักพิมพ์ก็ไม่หยิบมาทำ เพราะขายไม่ได้ เราดีใจมากที่เรื่องนี้ได้ตีพิมพ์กับทางeverY ตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะหยิบเรื่องนี้มา เพราะดูไม่ใช่แนวเลย ฮาา
เรื่องนี้น้องก็อ่านแล้วเหมือนกัน ชอบมากเลยยยยยย >< มันดีงาม ลึกซึ้ง จับใจมากค่ะ
น่าอ่านอะแต่ติดไม่ใช่สายวายนี่สิ เงินก็ไม่พอเปย์
ขอบเรื่องนี้มากก ติดใจสำนวนการเขียน