นักเขียนคือผู้นำความคิด ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
โรส
สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีไรเตอร์ทุกคน แน่นอนว่ากลับมาเจอกับพี่หญิงในคอลัมน์ “พบปะพูดคุย” ทั้งที วันนี้ก็ต้องจับมือนักเขียนเด็กดีมากฝีมือมาร่วมพูดคุยแชร์ประสบการณ์กับชาวเด็กดีทุกๆ กัน และนักเขียนรับเชิญในวันนี้ก็คือ “โรส” ผู้เขียน “หวานยิหวา” นิยายรักรสละมุนซึ่งเคยติดท็อปเด็กดีอยู่พักใหญ่นั้นเอง แหม อยากทำความรู้จักกับนักเขียนคนนี้กันแล้วใช่หรือเปล่าเอ่ย ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า มาติดตามไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ ^____^
โรส : สวัสดีค่าชาวเด็กดี โรสนะคะ โรสเขียนนิยายรักโรแมนติก จิกหมอน นอนฟิน เขียนนิยายมาสามปีนิด ๆ แล้วค่ะ และก็คงเขียนไปเรื่อย ๆ ตราบที่ยังมีคนรออ่านอยู่ค่ะ
นามปากกานี้มีที่มาอย่างไรกันคะ เห็นว่านอกจาก “โรส” แล้ว ยังใช้นามปากกาอื่นอีกด้วยใช่เด็กดีหรือเปล่าเอ่ย
โรส : นิยายสามเรื่องแรกที่เขียน ใช้นามปากกา ‘รุ่งธิวา’ ค่ะ และตอนนั้นเคยคิดว่าการเป็นนักเขียนนี่ไม่เห็นยากเลย เพราะตอนนั้นเขียนเรื่องแรกจบไปและเรื่องที่สองกำลังจะจบ ก็มีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งมาติดต่อขอนำนิยายทั้งสองเรื่องไปตีพิมพ์ เลยทำให้คิดว่ามันง่าย ฮ่า ๆ ก่อนที่จะมาเจอกับความเป็นจริงของชีวิตในเรื่องที่สาม นั่นคือส่งไปที่ไหนก็ไม่ผ่าน มีที่หนึ่งเกือบผ่านแต่สุดท้ายก็มีเหตุให้ต้องขอถอนต้นฉบับ ทำให้รู้ว่า การจะเป็นนักเขียน มีผลงานตีพิมพ์ มันไม่ใช่ง่าย ๆ อย่างที่เคยคิด และจากเหตุการณ์นั้นทำให้เกิดความคิดว่า ถ้าเราอยากทำงานเขียนเป็นอาชีพ เราต้องหาทางทำเงินจากงานของเรา โดยไม่ต้องรอสำนักพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว เพราะตามประสบการณ์ที่เจอ หกเดือนกับการเขียนนิยาย และหนึ่งปีเต็ม (4 ที่ ที่ละ 3 เดือน) กับการรอผลแล้วไม่ผ่าน มันเสียเวลามาก ปีครึ่งกับรายได้ 0 บาท ซึ่งเรารู้สึกว่า แบบนี้ไม่ไหว แล้วตอนนั้นก็เห็นมีตลาดอีบุ๊ก บางคนเขียนขายเป็นอีบุ๊กอย่างเดียว ก็เลยจะลองบ้าง นามปากกา ‘โรส’ จึงถือกำเนิดขึ้นค่ะ
ในตอนแรก ‘โรส’ ตั้งใจเขียนนิยายสั้น ๆ ขายเฉพาะในรูปแบบอีบุ๊ก แต่พอเขียนไปแล้วคนอ่านถามหารูปเล่ม ทำให้ลองศึกษาการทำหนังสือทำมือ ซึ่งในการทำมือครั้งแรกผลตอบรับจากคนอ่านและยอดขายค่อนข้างดี ทำให้ติดใจและทำมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็จดทะเบียนธุรกิจเป็นสำนักพิมพ์ พิมพ์งานในนามปากกาโรส โดยเปิดขายพรีออเดอร์กับนักอ่านโดยตรง และวางหน้าร้านนายอินทร์ด้วยค่ะ
เมื่อตั้งใจทำสำนักพิมพ์และค่อนข้างไปได้ดี จึงตั้งใจว่า จะใช้นามปากการุ่งธิวา เขียนส่งสำนักพิมพ์อื่น และใช้โรส พิมพ์กับสำนักพิมพ์โรสบุ๊คส์ของตัวเอง ซึ่งในตอนแรกสองนามปากกานี้จะแตกต่างในสำนวนการเขียน รุ่งธิวาจะเป็นสำนวนที่เป็นทางการมากกว่า เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เป็นภาษานิยายมากกว่า ส่วนโรสจะมีชีวิตชีวากว่า ใช้ภาษาที่สนุกสนานและผ่อนคลายกว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้เขียนนิยายเฉพาะนามปากกาโรสเพราะไม่มีเวลาเขียนส่งพิจารณากับสำนักพิมพ์เลย โรสก็เลยเปลี่ยนมาใช้สำนวนภาษาแบบรุ่งธิวา และพอมีโอกาสพิมพ์กับสำนักพิมพ์ก็เลยตัดสินใจใช้นามปากกาโรสที่มีฐานแฟนคลับอยู่จำนวนหนึ่งอยู่แล้วค่ะ และเป็นการพิมพ์งานกับสำนักพิมพ์เป็นครั้งแรกของโรสค่ะ
ผลงานของ 'โรส' ในนามปากกา 'รุ่งธิวา'
โรส : ตามปกติของตัวเองนี่ มีอะไรมาสะกิดนิดหน่อยก็ทำให้เกิดพล็อตได้ อย่างเรื่องนี้ก็ได้กลิ่นกุหลาบที่ปลูกไว้ข้างหน้าต่างห้องทำงาน หอมมากค่ะ ภาพไร่กุหลาบปรากฏขึ้นมาทันที จากนั้นก็เป็นกระบวนการเติมรายละเอียด เราอยากได้นิยายที่พระเอกเป็นเจ้าของไร่แต่ไม่ได้ปลูกกุหลาบอย่างเดียว แต่พัฒนาปรับปรุงพันธุ์โดยใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรม ก็เลยปรึกษาเพื่อนที่จบดอกเตอร์ทางด้านชีวสารสนเทศ (Bioinformatics) เนื่องจากเป็นสาขาวิชาที่เกี่ยวพันกันอยู่กับสาขาวิชาของพระเอกของเรา หลังจากคุยกันก็ได้ข้อสรุปว่า เรามาทำให้สาขาวิชา Bioinformatics ที่เพื่อนจบมาเป็นที่รู้จักในประเทศไทยกันเถอะ ก็เลยเป็นที่มาของนิยายเรื่องนี้ ให้นางเอกเป็นเด็กมัธยมปลายที่กำลังเลือกสาขาวิชาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป้าหมายคนอ่านที่ตั้งไว้คือเด็กนักเรียนมัธยม ตั้งใจว่าแค่มีนักเรียนสักคนอ่านนิยายเรื่องนี้แล้วอยากจะเรียนสาขาวิชาเดียวกับหนูดีหรืออยากทำงานแบบคุณภู ก็มีความสุขแล้วค่ะ
เรื่องนี้ใช้เวลาวางพล็อต และหาข้อมูลนานไหม
โรส : วางพล็อตไม่นานค่ะ แต่การหาข้อมูลค่อนข้างเยอะ คืออ่านบทความงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องยีนกุหลาบเยอะ ทำความเข้าใจกระบวนการการทำงานของตัวละคร คือเราต้องเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งก่อนแล้วจึงเขียนออกมาในภาษานิยายที่ให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ ก็จะเขียนไปอ่านไปตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่เขียนนิยาย อ่านจนวันสุดท้ายที่เขียนนิยายเลยค่ะ เพราะบางทีมันต้องอ่านทำความเข้าใจแล้วก็เขียนเลย ไม่งั้นเดี๋ยวลืม ฮ่า ๆ
เห็นว่าในเรื่องพระเอกของเรา “คุณภู” อายุเยอะกว่านางเอกมากกกกก เป็นธีมโคแก่หญ้าอ่อนชัดๆ ทำไมถึงเลือกเขียนเป็นธีมนี้กันคะ ชื่นชอบ หรือได้แรงบันดาลใจจากอะไรมาเป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย
โรส : ไม่ได้ตั้งใจเป็นพิเศษค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าอยากเขียนให้นักเรียนมัธยมอ่าน ก็เลยให้นางเอกเป็นเด็กนักเรียนมัธยมที่อยู่ในช่วงเวลาเลือกสาขาวิชาเรียน ในขณะที่คุณภูก็จำเป็นต้องมีอายุในระดับหนึ่ง จึงจะมีความสมจริงกับคุณวุฒิดอกเตอร์ที่มี อีกทั้งการประสบความสำเร็จในธุรกิจ ในงานที่ทำ จะให้พระเอกเป็นเด็ก ๆ ก็ไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็พยายามมากแล้วที่จะไม่ให้ห่างมากเกินไป แต่ก็ได้เท่านี้ค่ะ ไม่งั้นก็จะไม่สมจริง ก็เลยเข้าธีมโคแก่หญ้าอ่อน (เลี้ยงต้อยด้วย) ไปโดยปริยายค่ะ
คิดว่าอะไรเป็นจุดเด่นที่สุดของนิยายเรื่องนี้กัน
โรส : น่าจะเป็นความสมจริงนะคะ พระเอกทำงานจริง อิงทฤษฎีและการศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์จริง เอาข้อมูลในเรื่องไปใช้ได้จริง อย่างมีน้องนักอ่านคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ในช่วงอ่านหนังสือสอบได้เข้าไปอ่านนิยายในเว็บเด็กดีเพื่อผ่อนคลายในคืนก่อนสอบ ปรากฏว่า รุ่งเช้าไปสอบวิชาชีววิทยา และข้อสอบถามถึงเรื่องการตัดต่อพันธุกรรม น้องก็ใช้ความรู้จากนิยายที่อ่านตอบข้อสอบ และผลออกมาได้คะแนนท็อปของห้องเลยค่ะ คนเขียนนี่หน้าบานไปเลย
ในนิยายเรื่องนี้ มีฉากไหนที่เรารู้สึกว่าเขียนยากบ้างไหม หรือมีฉากไหนที่เราเขียนแล้วรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าเอ่ย
โรส : ฉากเข้าพระเข้านาง (แง) เขียนยากจัง แต่มันก็ต้องมีเนอะ ไม่งั้นก็จะไม่เป็นนิยายรัก ส่วนที่ต้องพยายามมากคือการบรรยายที่ต้องบรรยายการทดลอง การพูดถึงทฤษฎี ซึ่งต้องเอาสิ่งที่เราศึกษามาเขียนเป็นภาษานิยาย ให้คนอ่านทั่วไปเข้าใจได้ แล้วเราอ่านงานวิจัยภาษาอังกฤษด้วย แต่ต้องเขียนออกมาเป็นภาษานิยายไทย โดยไม่ให้คนอ่านรู้สึกว่าเราแปลมา หรือกำลังถูกยัดเยียดข้อมูล การเขียนตรงนี้จะยากค่ะ ส่วนฉากที่ประทับใจ เอาเป็นว่าเป็นความชอบส่วนตัวเนอะ ฉากในบทส่งท้าย เรารู้สึกว่ามันโรแมนติกจัง อยากเห็นนิยายเรื่องนี้เป็นละครเลยค่ะ ภาพหิมะโปรยปราย หนุ่มสาวจับมือกันเดินเลียบริมฝั่งแม่น้ำแซนในกรุงปารีส โหย โรแมนติกมากเลย อยากเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหว
โรส : มีนักอ่านบอกว่าเหมือนไข่เจียวหมูสับ อาหารสามัญ ไม่วิริศมาหรา แต่กินง่าย กินได้ทุกเพศทุกวัย และมีประโยชน์ เราก็ว่าใช่อยู่เหมือนกันนะคะ
เขียนกันมาแล้วก็หลายเรื่อง เคล็ดลับในการหาแรงบันดาลใจของเราคืออะไรกันคะ ถึงสามารถผลิตงานใหม่ๆ มาให้นักอ่านได้ชื่นชมกันอยู่ตลอดแบบนี้
โรส : หลาย ๆ อย่างนะคะ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยว ดูข่าว หรือการหาข้อมูลสำหรับเขียนนิยายเรื่องหนึ่ง ก็อาจจะทำไปสู่พลอตเรื่องใหม่ ๆ ได้ จริง ๆ ทุกสิ่งรอบตัวเราจับมาเขียนได้หมดเลยค่ะ
เคยตัน เขียนไม่ออก บ้างไหมคะ
โรส : บ่อยมาก ฮ่า ๆ เวลาตันนี่บางทีนั่งจ้องหน้าจอทั้งวันเขียนได้บรรทัดเดียว ถึงขนาดนั้นก็ต้องหยุดแล้วละค่ะ ไปทำอย่างอื่น ออกไปสูดอากาศ เดินดูดอกไม้ใบหญ้า หาหนังสืออ่าน ซึ่งตัวเองจะได้ผลมากในการอ่านหนังสือของคนอื่น พออ่านงานคนอื่นความรู้สึกอยากเขียนมันจะมา คือคำว่าตันของตัวเองไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรนะคะ รู้...เพียงแต่ว่าเขียนออกมาไม่ได้ หรือไม่อยากจะเขียน พูดแบบติสต์ ๆ ก็ ‘ไม่มีอารมณ์’ นั่นเอง พออ่านงานคนอื่น อารมณ์มา ความอยากเขียนมา ก็กลับมาเขียนต่อได้
นักเขียนสำหรับเรานั้นคืออะไร
โรส : นักเขียนคือผู้นำความคิด ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเขียนอะไร ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมเสมอ เป็นสิ่งที่ตัวเองยึดถือและปฏิบัติเสมอมาค่ะ
รู้สึกอย่างไรกับนิยายเรื่องแรกที่ตีพิมพ์กับสนพ. ทางสถาพรดูแลดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง ความรู้สึกของการเข้าสู่สนพ. กับการเป็นนักเขียนอิสระ ไม่มีสังกัดนั้น แตกต่างกันอย่างไร
โรส : จริง ๆ ตอนนี้ก็ยังอิสระ ไม่ได้สังกัดกับสำนักพิมพ์นะคะ เพียงแต่ว่าลองพิมพ์กับสำนักพิมพ์ดู ซึ่งก็โอเคในแง่ที่ว่า เราเข้าถึงคนอ่านมากขึ้น เพราะสำนักพิมพ์เขามีฐานคนอ่านอยู่แล้ว คนที่ไม่เคยรู้จักเรา ไม่เคยอ่านงานเรา ก็ได้ลองอ่าน และผลตอบรับจากนักอ่านก็ค่อนข้างดีค่ะ
ความแตกต่างก็ในแง่การทำต้นฉบับ พิมพ์กับสำนักพิมพ์เรามีหน้าที่แค่เขียน จบแล้วก็ส่งต้นฉบับให้บก. แม้ว่าจะต้องมีการตรวจแก้แต่ก็ถือว่างานจบเกือบสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่การทำเอง เราต้องดูแลเองในทุกกระบวนการ เขียนจบแล้วก็ยังไม่จบ ยังมีเรื่องปก เรื่องกระบวนการตีพิมพ์ การขาย ทำการตลาด คือเราทำทุกอย่างที่สำนักพิมพ์ทำด้วยตัวเองหมด เพราะฉะนั้นงานเราจะไม่มีวันจบ ซึ่งก็ดีกันไปคนละอย่างนะคะ พิมพ์กับสำนักพิมพ์ก็สบาย เขียนอย่างเดียว ส่วนทำเองก็เหนื่อยหน่อย แต่ผลตอบแทนก็คุ้มเหนื่อยค่ะ
คติประจำใจในการเขียนของ “โรส” คือ
โรส : อย่าดูถูกคนอ่านค่ะ เวลาจะเขียนนิยายไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ตาม จะบอกตัวเองเสมอว่า มีคนอ่านที่รู้ดีในเรื่องนั้น ๆ มากกว่าเราเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องหาข้อมูลให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่านั่งเทียนเด็ดขาด ซึ่งมันก็เป็นจุดเด่นของนิยายโรสที่จะมีความเรียลค่อนข้างมากค่ะ
นิยายเรื่องต่อไป กำลังเขียนอะไรอยู่ เป็นแนวไหน สปอยล์คร่าวๆ ได้ไหมเอ่ย
โรส : เป็นภาคต่อของ ‘หวานยิหวา’ ค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อเรื่องเลย เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทยิหวากับอดีตผู้จัดการไร่ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากหวานยิหวาจบไปแล้วห้าปี แนวผสม ๆ เป็นโรแมนติกดราม่า มีเล่นเรื่องผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าว เอามารวม ๆ กัน น่าจะมีหลายรสชาติค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ
ช่วยฝากอะไรกับชาวเด็กดีทุกคนที่อยากเป็นนักเขียนกันหน่อย
โรส : อยากเป็นนักเขียนก็ต้องเขียนค่ะ แต่การจะเขียนให้ดีได้ เราเชื่อว่าต้องเป็นนักอ่านก่อน การอ่านคือการสั่งสมประสบการณ์ คำคลังต่าง ๆ จนเมื่อวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลา เราจะสามารถเขียนออกมาได้ค่ะ แต่ถ้าลองแล้วยังไม่ได้ ก็อย่าท้อ อ่านต่อไป อ่านไปเรื่อย ๆ อ่านให้เยอะ ๆ ทุกแนว ทุกอย่าง อย่างตัวเองนี่เป็นหนอนหนังสือ อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้าจริง ๆ (แม้แต่ถุงห่อกล้วยแขก) และรู้ตัวว่าอยากเป็นนักเขียนตั้งแต่เด็ก ๆ เลย แต่มาเขียนได้จริง ๆ ก็ตอนอายุสามสิบกว่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนเด็กกว่านี้ก็เคยลอง แต่ทำไม่ได้จนคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่มีจินตนาการ คงไม่มีวันจะเป็นนักเขียนได้ แต่เมื่อถึงเวลาเราจะทำได้เอง เพียงแต่อย่าท้อ อย่าทิ้งความฝัน อย่าหยุดพยายาม สักวันฝันของเราต้องเป็นจริงแน่นอนค่ะ
อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ที่คอยติดตามงานเขียนของเรา
โรส : ขอบคุณคนอ่านที่ติดตาม รวมทั้งคำแนะนำ ติ-ชม และกำลังใจต่าง ๆ คนอ่านคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้โรสเขียนนิยายออกมาได้เรื่อย ๆ ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
มาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้ว ก่อนจากลากันไป มาฝากผลงาน และบอกลาชาวเด็กดีกันหน่อย
โรส : ก็ขอฝากผลงานเรื่อง ‘หวานยิหวา’ ไว้ด้วยนะคะ ตีพิมพ์กับพิมพ์คำสำนักพิมพ์ ในเครือสถาพรบุ๊คส์ เป็นนิยายที่อ่านได้ทุกเพศ ทุกวัย และเหมาะสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่กำลังตัดสินใจเลือกสาขาวิชาเรียนในระดับมหาวิทยาลัย หวานยิหวาขอเป็นอีกหนึ่งแหล่งข้อมูลประกอบการตัดสินใจ เผื่อใครอยากจะเรียนอย่างยิหวา หรือทำงานอย่างคุณภูนะคะ
นอกจากนี้ ตอนนี้ก็กำลังเขียนตอนพิเศษของหวานยิหวา ให้อ่านกันฟรี ๆ ที่เว็บไซต์เด็กดี ซึ่งจะเป็นเรื่องราวในช่วงหลังจากหวานยิหวาจบ ไปจนถึงช่วงเริ่มของภาคต่อ เป็นเหตุการณ์ในรอยต่อห้าปีนั้น จะเขียนให้อ่าน (ฟรี) ไปเรื่อย ๆ คืนกำไรคนอ่านที่น่ารักค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณผู้อ่านชาวเด็กดีที่ติดตามอ่านงานของโรส อย่างที่บอกว่าผู้อ่านคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้โรสสร้างสรรค์งานออกมาได้เรื่อย ๆ ก็ขอขอบคุณมาก และสัญญาว่า หากยังติดตามกันอยู่แบบนี้ก็จะเขียนนิยายออกมาให้อ่านกันเรื่อย ๆ แน่นอนค่ะ
ขอบคุณค่ะ
...โรส...
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับบทสัมภาษณ์นักเขียนในวันนี้ มีใครเป็นแฟนนิยายคุณโรสกันบ้างไหมเอ่ย "หวานยิหวา" นิยายออกใหม่เล่มล่าสุดนี้ ถ้าใครยังไม่อ่านพี่หญิงแนะนำแรงเลย เพราะนอกจากจะเป็นนิยายรสละมุนดีต่อใจอ่านได้ทุกเพศทุกวัยแล้ว ยังแฝงสาระอย่างความรู้ด้านชีววิทยาอย่างจัดเต็มอีกด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนิยายที่ไม่ควรพลาดเลย ว่าแล้วพี่หญิงก็ขอไปหยิบนิยายเรื่องนี้มาอ่านก่อนล่วงหน้าเลย ใครอยากฟินและได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน ก็รีบตามพี่หญิงมาด่วนๆ เลยนะคะ
สุดท้ายนี้พี่หญิงขอลาทุกคนกันไปก่อน เจอครั้งใหม่ครั้งหน้า
จะเป็นนักเขียนมากฝีมือคนไหนอย่าลืมมาติดตามน้า สวัสดีค่ะ
พี่หญิง





0 ความคิดเห็น