ลองถามตัวเองดูก่อนว่าทำเพราะอะไร ถ้ามีใจรักทุกเรื่องก็ไม่ใช่ปัญหา,ไป๋ชิงหง




"ลองถามตัวเองดูก่อนว่าทำเพราะอะไร
ถ้ามีใจรักทุกเรื่องก็ไม่ใช่ปัญหา"


ไป๋ชิงหง




สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน ถ้าถามว่าช่วงนี้นิยายแนวไหนมาแรงแซงทางโค้งมากๆๆๆๆ พี่หญิงว่าหลายคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องนิยายแนวจีนน่ะสิ ไม่ว่าจะเป็นนิยายจีนแปล หรือนิยายจีนที่เขียนโดยคนไทยก็ตาม ประกอบกับพี่หญิงแอบได้ข่าวล่ามาไวว่า ช่วงนี้มีนักเขียนเด็กดีของเรากำลังเปิดสั่งจองหนังสือนิยายแนวจีนอยู่พอดี ก็เลยไม่พลาดที่จะไปดักฉุด…แค่ก! ป..ไปติดต่อขอสัมภาษณ์ออกมาเป็นคอลัมน์ “พบปะพูดคุย” ในวันนี้นี่เอง... 

เอาเป็นว่าเราอย่ารอช้าไปรู้จักนักเขียนรูปงาม นามไพเราะคนนี้เลยดีกว่ากับ “ไป๋ชิงหง” ผู้เขียน “บันทึกจอมยุทธ์” นิยายจีนกำลังภายในที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของมิตรภาพลูกผู้ชาย คนนี้กันเลยค่ะ!!



สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยช่วยทักทาย แนะนำตัวกับชาวเด็กดีหน่อยเร็ววว

ไป๋ชิงหง : สวัสดีค่ะ ไป๋ชิงหงคนเดิมเพิ่มเติมคือน้ำหนัก แฮ่ๆๆๆ ยินดีที่ได้รู้จักกับชาวเด็กดีทุกท่านค่ะ นักอ่านขาประจำมักจะเรียกติดปากว่า “ไป๋” ซึ่งที่จริงก็แทนตัวเองว่า “ไป๋” จนติดปาก บางทีเกือบจะหลุดมาใช้ในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ไป๋เป็นนักเขียนหน้าใหม่ดำเนินการเขียนจริงจังมาแล้วราวๆ ปีกว่าค่ะ ได้รับโอกาสตีพิมพ์ครั้งแรกจากสำนักพิมพ์ปริ๊นเซส ในเครือสถาพรบุ๊คส์ ค่ะ ส่วนชื่อเล่นกับชีวิตส่วนตัวนั้นขอสงวนเอาไว้ เนื่องจากกลัวว่าจะทำลายฝันอันสวยงามของนักอ่านทุกท่านค่ะ >3<
 

“ไป๋ชิงหง” นามปากกานี้ท่านได้แต่ใดมาคะ ชอบหรือมีความหมายอะไรสำหรับเราเป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย

ไป๋ชิงหง :  มาจากการเริ่มเขียนนิยายเรื่องแรกแบบงงๆ ค่ะ นามปากกาก่อนหน้านั้นที่เขียนๆ ลบๆ ก็คือ ScarletWhite แล้วก็ใส่อากู๋ ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก ขอเอาเท่ๆ จีนๆ ไว้ก่อนก็แล้วกัน แต่ที่จริงพอเขียนนิยายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าใจความหมายของสามคำนี้ นักอ่านนิยายจีนส่วนมากจะคุ้นเคยกับคำว่า ไป๋ (白) ซึ่งแปลว่าสีขาว ส่วน ชิงหง (猩红) สองคำนี้มีความหมายมาจากคำว่า Scarlet จะมีความหมายทำนองสีแดงเลือดค่ะ บางความหมายก็ใช้เรียกสีเลือดหมู ซึ่งสีเลือดหมูเป็นสีประจำคณะที่ไป๋เรียนค่ะ
 

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เรามาเริ่มเขียนนิยายได้คะ 

ไป๋ชิงหง : เริ่มจากความผิดหวังในนิยายเรื่องหนึ่ง จนทำให้เราเกิดแรงฮึดว่าเอาแต่ติเอาแต่บ่นทำไม ทำไมเราไม่ลงมือทำเองบ้าง เลยลงมือเขียนและกระโดดลงมาศึกษาเรื่องวัฒนธรรม ธรรมเนียมจีน การแพทย์จีน และประวัติศาสตร์จีนอย่างเต็มตัวจนหลงใหลในเรื่องเหล่านั้น อีกอย่างชอบดูซีรีส์จีนโบราณ กำลังภายในมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันสามารถพัฒนาได้เรื่อยๆ ก็ต้องค่อยๆ พัฒนาและไม่คิดว่าจะหยุดพัฒนางานอย่างแน่นอนค่ะ
 

ตอนนี้เขียนนิยายและพิมพ์หนังสือไปกี่เรื่องแล้วคะ  อัพเดตสถานการณ์ให้ฟังกันหน่อย

ไป๋ชิงหง : ตอนนี้ที่มีผลงานออกมาอย่างเต็มรูปแบบคือเรื่อง “จารใจ” ที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปริ๊นเซส ในเครือสถาพรบุ๊คส์ค่ะ เป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนจริงจังและโอกาสครั้งแรกในชีวิตที่ทางบรรณาธิการติดต่อเรามา เหมือนเราเข้าใกล้ความฝันของใครหลายคนมากขนาดนี้ ตอนนั้นทั้งกังวลทั้งดีใจ เพราะยังประเมินตัวเองไว้ว่ามันเร็วเกินไปไหม แต่สุดท้ายด้วยแรงเชียร์และโอกาสที่ไม่ได้มีมาง่ายๆ ไป๋จึงส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ค่ะ 

อีกสองเรื่องคือ “หนึ่งภพผูกพัน ม่านฝันบังตา” ซึ่งทำมือไปแล้วและเหลือแต่ E-Book อีกเรื่องก็คือเรื่องปัจจุบัน “บันทึกจอมยุทธ์” ค่ะ


                  

       "จารใจ" นิยายเรื่องแรกที่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์      "หนึ่งภพผูกพัน ม่านฝันบังตา" นิยายซึ่งทำมือไปแล้ว



มาพูดถึงนิยายเรื่องล่าสุดที่กำลังเปิดพรีออเดอร์กันอยู่บ้าง “บันทึกจอมยุทธ์” เรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันคะ

ไป๋ชิงหง : บันทึกจอมยุทธ์เปิดเรื่องขึ้นมาพร้อมๆ กับ หนึ่งภพฯ เริ่มแรกได้ไอเดียมาจากหมอเทวดาฮวาโถว หรือที่คนรู้จักในนามหมอฮูโต๋ค่ะ ที่จริงจะเป็นการใช้อิงประวัติศาสตร์สมัยสามก๊ก แต่ว่ามีนักอ่านหลายคนทักท้วงว่าบางคนเขาอาจจะซีเรียสเพราะฮูโต๋ถือเป็นเทพในความเชื่อของบางคนค่ะ สุดท้ายจึงลงเอยที่การรื้อโครงเรื่องใหม่แล้วเขียนพล็อตใหม่ เรื่องนี้ต้องอ่านตำราแพทย์จริงๆ และก็ต้องมานั่งอ่านสูตรยาจริงๆ เพื่อปรับใช้ในเรื่อง นิยายเรื่องนี้มีครั้งแรกหลายอย่างค่ะ เริ่มตั้งแต่การปรับการบรรยายจากบุรุษที่สามเป็นบุรุษที่หนึ่งครั้งแรก ตัวละครที่ดำเนินเรื่องเป็นผู้ชายครั้งแรก เป็นเรื่องที่เสียเวลาอ่านหนังสือเยอะๆ เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นนิยายกำลังภายในเรื่องแรกที่เขียน


บันทึกจอมยุทธ์ นิยายเรื่องล่าสุดของไป๋ชิงหง


คาแรคเตอร์ตัวเอกของเรื่อง “หย่งหมิง” แอบเห็นว่ามีความโดดเด่นมากๆ ช่วยกล่าวถึงตัวละครนี้กันหน่อย

ไป๋ชิงหง : เป็นเด็กที่ถูกคนอ่านสปอยล์ค่ะ ฮ่า...

เป็นตัวละครที่มีความสับสนในตัวเองสูงตัวละครหนึ่งค่ะ เพราะชาติก่อนเป็นหมอเทวดาที่อายุยืนยาวหลายร้อยปีจนอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดเริ่มหาย ว่างเปล่าแบบสุดๆ คนที่รัก คนที่ใส่ใจก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ มีชีวิตอยู่เพราะต้องสานต่อหน้าที่บางอย่าง แต่ระหว่างนั้นเขากลับถูกฆ่าตาย เมื่อหลายสิบปีต่อมาก็มาเกิดใหม่เป็นเด็กคนหนึ่งที่ความทรงจำด้านการแพทย์อัดแน่น แต่ความทรงจำเรื่องอื่นๆ ยังเลือนลางมากจนไม่ได้ใส่ใจ ทั้งยังเป็นคุณชายน้อยในตระกูลแพทย์หลวง ตั้งแต่เด็กมาก็โดนครอบครัวสปอยล์ เพราะพี่ชายได้ดั่งใจทุกอย่าง และด้วยความรู้ที่มีจึงไม่คิดอยากเป็นหมออีก ความฝันวัยเด็กก็คืออยากเป็นจอมยุทธ์ ครั้นได้ไปเรียนสำนักยุทธ์จริงๆ จึงมีเรื่องมีราวมากมายเกิดขึ้น หลังจากที่ครอบครัวโดนสังหารก็เริ่มตระหนักในชีวิตตัวเองแล้วว่าพลาดอะไรไปหรือเปล่า หรือเขาทำเป็นเล่นมากเกินไป ทำไมเพราะความฝันของตัวเองจึงทำให้ลืมคนที่บ้าน กว่าจะรู้ตัวว่าละเลยครอบครัวก็ตอนที่สูญเสียไปแล้ว จากนั้นก็จะเริ่มพลิกคาแรคเตอร์ของหย่งหมิงไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่ถึงขั้นเติบโตแบบก้าวกระโดดแต่กลายเป็นตัวละครที่คิดมากขึ้น และความทรงจำบางอย่างก็เข้ามาแบบไม่ปะติดปะต่อ ความทรงจำในอดีตชาติน่ะค่ะ ตัวละครตัวนี้ จะว่าเก่งก็เก่ง จะว่าโชคดีก็ใช่ แต่ที่จริงแล้วเป็นตัวละครที่มีความกดดันในตัวเองสูงมาก และโหยหาอิสระอย่างมากค่ะ และด้วยพื้นฐานของการเป็นแพทย์ พระเอกของเราเลยไม่เคยฆ่าใครแม้แต่คนเดียว เป็นคนที่จิตใจดีและรักเพื่อนพ้องมากๆ เลยละค่ะ(อวยลูกชาย) 

นิสัยบางอย่างของพระเอกเราบางส่วนสะท้อนมาจากอดีตชาติ เพราะชาติก่อนเคร่งครัดในตัวเองมาก ต้องสำเร็จ ต้องทำได้ ต้องเอาชนะ มาชาตินี้อะไรๆ ก็อยากทำไปหมด เหมือนเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งละมั้งคะ สารภาพว่าเขียนเรื่องนี้แล้วไม่ใช่ผู้เขียนสร้างตัวละคร แต่เป็นตัวละครชี้นำผู้เขียนค่ะ เคยถึงขั้นดิ่งลึกจนเขียนงานไม่ได้เป็นเดือนก็มี
 

สปอยล์เรื่องคร่าวๆ ให้ฟังกันหน่อย ขอไม่ยาว แต่ครอบคลุม!

ไป๋ชิงหง : เล่าไปด้านบนหมดแล้วแฮ่ๆๆ เอาเป็นว่าเรื่องนี้พระเอกเป็นหมอเทวดามาเกิดใหม่เพื่อสะสางหน้าที่เก่าแต่แม้จะความทรงจำเดิม ชาตินี้กับชาติก่อนก็คนละคนกัน พระเอกในชาติใหม่จึงมีความเป็นตัวของตัวเองสูง และมีวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ที่ค่อนข้างจะตามใจตัวเองมากกว่า มีจุดเปลี่ยนเรื่องครอบครัวที่ทำให้ฉุกคิดและเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ มีมิตรแท้ที่ร่วมเป็นร่วมตาย กว่าพระเอกของเราจะยอมรับใครสักคนก็เป็นปีเหมือนกันค่ะ เรื่องนี้หน้าที่เก่าเหมือนภารกิจที่คั่งค้าง เป็นเหมือนสายป่านที่คอยรั้งไม่ให้ว่าวลอยไปไกล ทุกอย่างมันประจวบเหมาะไปหมด โชคชะตาเล่นตลก ทุกตัวละครมีเหตุให้ต้องมาพบปะและรู้จักกันค่ะ และสุดท้ายพระเอกของเราขี้บ่นมาก ใครอยากให้มีฉากหวานๆ ดราม่า รักสามเส้า อาจจะผิดหวังหน่อยๆ เพราะนิยายเรื่องนี้เน้นมิตรภาพล้วนๆ ค่ะ
 

คิดว่า...อะไรคือจุดเด่นของนิยายเรื่องนี้

ไป๋ชิงหง : ตงฟางหย่งหมิงและมิตรภาพลูกผู้ชาย ฮ่าๆ
 

เรื่องนี้เปิดขายทั้งเป็นรูปเล่ม และขายออนไลน์เลยใช่ไหมคะ สองอย่างนี้มีขั้นตอนอะไรยังไงบ้างเอ่ย ยากไหม ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย

ไป๋ชิงหง : เปิดขายทั้งออนไลน์และเป็นรูปเล่มค่ะ

การเปิดขายออนไลน์ไม่ยากเท่าไรค่ะ หลังจากรีไรท์ แก้ไขเนื้อหา และพิสูจน์อักษร ก็ทำการจัดหน้า พยายามให้คำหรือมาตรฐานการใช้คำสม่ำเสมอทั้งเล่ม แล้วจัดหน้าขนาด A5 เพื่อส่งให้กับเว็บไซต์อีบุ๊ค ส่วนใหญ่จะส่งเป็นไฟล์ word ให้เลยเพราะเขาจะได้จัดรูปแบบได้ทั้ง e-pub และ e-book ค่ะ

การขายในเว็บเด็กดีช่วงแรกก็งงนิดหน่อยค่ะ เพราะเราไม่เคยขายมาก่อน แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากทีมงานเลยทำให้ภาคแรกกลายเป็นนิยายขายออนไลน์ของเด็กดีไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังทยอยแก้ไขภาคสองเพื่อลงต่อค่ะ

ส่วนการทำรูปเล่มค่อนข้างยากมากกว่า เพราะนอกจากจะทำคล้ายอีบุ๊ค ก็ต้องมาจัดปรู๊ฟเล่ม จัดหน้ากระดาษ จ้างทำปก พยายามไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์เจ้าของผลงาน และก็ตรวจสอบเนื้อหาอีกทีก่อนส่งโรงพิมพ์ 
 

ทำหนังสือทำมือเองแบบนี้ เราต้องหานักวาดเอง และจัดหาโรงพิมพ์เองด้วยใช่ไหมเอ่ย เหนื่อยไหมคะ เรามีวิธีจัดการขั้นตอนส่วนนี้อย่างไรบ้าง 

ไป๋ชิงหง : หานักวาดเองค่ะ ก็ได้พี่ๆ ในวงการนักเขียนคอยช่วยบ้าง แต่ในเฟสบุ๊คมีกลุ่มนักวาดที่รับคอมมิชชันอยู่ค่ะ งานแบบนี้บางทีต้องลงทุนหน่อย แม้ว่าผลกำไรจะน้อยเมื่อเทียบกับการทำปกกราฟฟิกแบบธรรมดา แต่ว่ารูปเล่มที่ออกมาสำหรับไป๋มันคืองานชิ้นหนึ่งที่เหมือนงานศิลปะ ก็เลยต้องลงทุนกันหน่อย แหะ 

ส่วนเรื่องการส่งเข้าโรงพิมพ์ เดี๋ยวนี้การพิมพ์มีแบบออนดีมานด์ จะพิมพ์จำนวนเท่าไรก็ได้ แต่โรงพิมพ์ที่ควรร่วมงานด้วยก็จะเป็นโรงพิมพ์ที่ต้นทุนงานพิมพ์ไม่เกินหน้าละบาทค่ะ ทั้งนี้เพราะเรายังมีรายจ่ายอื่นอีกที่ต้องรวมเป็นต้นทุนด้วยค่ะ

เรื่องงานขายที่เหลือก็คือการประชาสัมพันธ์ล้วนๆ แล้วละค่ะ
 

จุดที่ยากก็คือประชาสัมพันธ์นั่นล่ะคะ! ดังนั้นเขียนเอง ขายเองแบบนี้ มีกลยุทธ์ เคล็ดลับอะไรบ้าง มาแชร์กันด่วนๆ เลย

ไป๋ชิงหง : กลยุทธ์ไม่ค่อยมีค่ะ เล่นเกมบ้างแจกของบ้างให้คนช่วยแชร์ แต่ส่วนใหญ่ที่จะทำคือการแปะโฆษณาไปกับนิยายเรื่องใหม่บ้าง เพราะการฮาร์ดเซลล์เกินไปด้วยการแชร์ลงกลุ่มในเฟสบุ๊คทุกวันนอกจากคนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไรแล้ว บางทีก็อาจทำให้เขารำคาญด้วยค่ะ นานๆ จึงจะโปรโมตทีหนึ่ง เพราะถือคติที่ว่าเรื่องไหนที่เราไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรกับเรา เราก็อย่าทำแบบนั้นกับเขาค่ะ ส่วนมากจึงโปรโมตด้วยเงินในเพจมากกว่า แฮ่ๆๆ ถ้าเพจมียอดคนจำนวนหนึ่ง มันก็คุ้มที่จะลงทุนนะคะ ^^
 

การขายนิยายออนไลน์และตีพิมพ์หนังสือทำมือก็ไม่ง่ายเลยนะคะ มีอุปสรรคอะไรไหมที่เราเจอ แล้วเรามีวิธีแก้ปัญหาตรงส่วนนั้นอย่างไรบ้างคะ

ไป๋ชิงหง : ต้นทุนที่แพง ซึ่งนักอ่านบางคนไม่ทราบค่ะ ยกตัวอย่างเรื่องบันทึกจอมยุทธ์ แค่ราคาหนังสือที่ใช้มาประกอบการเขียน รวมไปถึงเวลาที่เสียไป บางคนอาจจะคิดว่าแค่คิดๆ เขียนๆ ก็เสร็จแล้ว แต่ที่จริงคือเวลาที่ควรพักผ่อนของชีวิตต้องเอามาทำอะไรแบบนี้ (หาเรื่องเองแท้ ฮ่า) ค่าหนังสือประกอบการอ้างอิง รวมๆ แล้วก็เป็นหลักหมื่นเหมือนกันค่ะ ที่เหลือก็เรื่องงบประมาณในการทำงานมากกว่า ใครบอกว่านักเขียนรวยนี่ใช้ไม่ได้กับนักเขียนหน้าใหม่นะคะ จะรวยต้องดังในระดับหนึ่ง ซึ่งการเขียนนิยายรักแบบทั่วไปน่าจะทำเงินได้มากกว่า เพราะตลาดนักอ่านในกลุ่มนิยายจีนแม้จะดูเหมือนเยอะ แต่คนซื้อจริงๆ ไม่ได้เยอะตามยอดวิวหรอกค่ะ


แอบเห็นว่า “บันทึกจอมยุทธ์” ลงขายกับทางเด็กดีของเราด้วย คิดเห็นอย่างไรกับระบบขายนี้คะ ช่วยเล่าความรู้สึกให้เราฟังกันหน่อยได้ไหมเอ่ย

ไป๋ชิงหง : ลงขายแบบมึนๆ เพราะเพื่อนบอกว่าลองลงขายดูสิ อาจจะได้ฐานนักอ่านที่เป็นสายเปย์ก็ได้นะ แต่ที่จริงแล้วด้วยเนื้อหาที่เยอะและอะไรหลายอย่าง ยอดขายในส่วนนี้จึงไม่ได้เพิ่มขึ้นพรวดพราด จำได้ว่าต้องขออนุมัติไปหลายรอบมากกว่าจะผ่านเพราะเรามือใหม่ ฮ่าๆๆๆ อยากให้ทางเว็บมาสเตอร์ลองรีวิวนิยายลงขายใหม่บ้างก็น่าจะดีนะคะ (ทำตาปิ๊งๆ) ไป๋คิดว่าการขายในเด็กดี ขายทีละน้อยตอนอาจจะขายง่ายกว่าการขายทีละเยอะค่ะ ซึ่งน้อยคนจะยอมจ่ายทีละเยอะเพื่อซื้อเนื้อหาที่ไม่รู้ว่าจะโอเคหรือเปล่า เอาเป็นว่าถ้าเป็นไปได้ อยากได้ระบบโดเนทมากกว่าค่ะ (โลภมากอีก แฮ่)


ถ้ามีน้องๆ ชาวเด็กดีอยากตีพิมพ์นิยายทำมือหรือลงขายแบบออนไลน์บ้าง ช่วยให้คำแนะนำหน่อยได้ไหมคะ ว่าควรเริ่มพิจารณาจากอะไรดี

ไป๋ชิงหง : คำแนะนำที่มีก็คือลองถามตัวเองก่อนว่าทำเพราะอะไร เพราะใจรักหรือเพราะเงิน ซึ่งนักเขียนทุกคนต้องใช้เงินใช่ไหมคะ ถ้ามีใจรักเรื่องเงินก็จะไม่ใช่ปัญหา งานอาจจะออกมาสวยงามอย่างที่ต้องการ แต่ถ้านิยายไม่ใช่แนวที่นิยม ก็จะทำให้เรื่องการเงินไม่เป็นไปตามคาดหวัง แต่ถ้าต้องการเงิน แบบนั้นคงต้องมองหาตลาดของแนวที่เขียน แล้วก็มุ่งไปให้สุดทาง หากมีทั้งสองอย่างรวมกัน แต่ถ้ามีทั้งสองอย่างก็จะดีมาก เพราะมันจะทำให้เรามีแรงผลักดันในตัวเองค่ะ ที่เหลือก็คือฐานคนอ่าน การยอมรับคำติชมเพื่อมาพัฒนาตัวเองสำคัญที่สุด แต่อย่าให้คำติชมในแง่ลบมาทำร้ายตัวเราได้ค่ะ


คติประจำใจในการเขียนนิยายของ “ไป๋ชิงหง” คือ...

ไป๋ชิงหง : งานเขียนทุกชิ้นคืองานศิลป์ที่มีคุณค่า เขียนเหมือนหนังสือทุกเล่มเป็นงานที่ทายาทของเราจะได้อ่านในอนาคต จะได้ไม่คิดเสียใจในภายหลังค่ะ


อยากฝากอะไรกับนักอ่านที่คอยคิดตามผลงานของเรา

ไป๋ชิงหง : ขอบคุณและรักทุกคนนะคะ (ส่งจูบ) หากไม่มีทุกคน นิยายแต่ละเรื่องคงจมยู่ก้นมหาสมุทรเด็กดีแห่งนี้ ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจ ติชม มาโดยตลอด ขอให้ทุกคนมีความสุขกับทุกวันค่ะ


สุดท้ายนี้ก่อนจากลากันไป มาขายขอ..แค่ก! บอกลาชาวเด็กดี และฝากผลงานกันหน่อยเร็ววว 

ไป๋ชิงหง : ก่อนจากกันขอฝากผลงานหน่อยนะคะ >3<

ขายของไม่ค่อยเก่งแต่ก็ฝากนิยายเรื่อง บันทึกจอมยุทธ์ ด้วยนะคะ มีทั้งอีบุ๊ค ขายออนไลน์ และเปิดจองค่ะ สามารถติดตามข่าวสารได้ที่หน้านิยาย หรือค้นในเฟสบุ๊คพิมพ์หาแฟนเพจของ “ไป๋ชิงหง” ก็ได้นะคะ

และขอฝากนิยายอีกสองเรื่องที่กำลังเขียน นั่นก็คือ “มังกรพลิกฟ้า” และ “ลิขิต โลหิต จันทรา” ซึ่งเรื่องหลังมีแผนตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์รักคุณค่ะ


จบกับไปแล้วนะคะ สำหรับบทสัมภาษณ์นักเขียนที่พี่หญิงได้ไปดักฉุ..แค่ก! เชิญมาสัมภาษณ์กันในวันนี้ สนุกสนาน และได้แรงบันดาลใจกันไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเขียนท่านไหนที่กำลังลังเลใจหรืออยู่ในขั้นตอนตัดสินใจอยู่ว่าจะตีพิมพ์หนังสือทำมือดี ขายออนไลน์ดีหรือเปล่า พี่หญิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทสัมภาษณ์จากนักเขียนที่มีประสบการณ์มาก่อนจะช่วยให้ทุกคนตัดสินใจเรื่องราวต่างๆ กันง่ายขึ้นนะคะ 



สุดท้ายนี้พี่หญิงขอลาทุกคนกันไปก่อน เจอกันใหม่ครั้งหน้า วันนี้สวัสดีค่ะ 
 




พี่หญิง
 

พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น