ลุงตู่ออกมาเข็น "อาชีวะ" แทบทุกวัน ทำไมเด็กไทยก็ยังไม่เลือกเรียน!




 
                  ใครที่ติดตามข่าวและรายการนายกฯ น่าจะได้ยินคำว่าอาชีวะ และ แรงขาดแคลนบ่อยๆ จากมาตรการไทยแลนด์ 4.0 ในส่วนภาคอุตสาหกรรมและการศึกษาก็มีนโยบายเกี่ยวกับอาชีวะอยู่ในแผนต้นๆ ที่รัฐจะผลักดัน ภาคอุตสาหกรรมก็หันมาจับมือกับวิทยาลัยต่างๆ เพื่อผลิตนักศึกษาที่มีความสามารถเพื่อเข้าสู่การเป็นพนักงานที่มีคุณภาพ ในระดับอินเตอร์ก็มีเซ็นสัญญาร่วมมือแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ทั้งศึกษาดูงาน ส่งนักศึกษาไปเรียน แต่ไม่ว่ายังไงก็เหมือนเป็นแค่การผลักดันฝ่ายเดียว เยาวชนไทยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ น้องๆ มัธยมศึกษาทั้งต้นและปลาย (จบม.ปลายก็ต่อ ปวส. ได้) ก็ยังไม่นิยมเลือกเรียน อาชีวะ อยู่ดี
 
ภาพจากงานอาชีวศึกษาทวิภาคีไทย
ข่าวเพิ่มเติม นายกฯ ชี้ไทยแลนด์ 4.0 เน้นช่าง-อาชีวะ ปริญญาไม่ได้ใช้!

               เอ๊ะ หรือนโยบายมันไม่เข้าถึงใจวัยรุ่นกันนะ หรืออะไรที่ทำให้เด็กมองไม่ออกว่า เรียนอาชีวะแล้วจะรุ่งเรืองอย่างไร พี่เกียรติเลยพยายามมานั่งไขปัญหานี้ค่ะ
 
               จากข้อมูลงานวิจัยของ กองวิจัยตลาดแรงงาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เรื่อง     ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกเรียนต่อสายสามัญและสายอาชีวศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  (ปี 2558) ระบุว่า ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ทางลบของสายอาชีพ ผลการเรียนของตัวเด็ก ฐานะทางบ้าน ระดับการเรียนจบสูงสุดของผู้ปกครอง และคำแนะคำจากครู ล้วนมีผลต่อการเลือกเรียนต่อทั้งสิ้น (อ่านงานวิจัยฉบับเต็มที่นี่ ) ซึ่งสรุปได้ว่า



ภาพจำของคนส่วนใหญ่ในสังคม

เด็กที่ไปเรียนอาชีวะ คือ เด็กหัวไม่ดี มีฐานะไม่ดี
เด็กอาชีวะ คือ เด็กเกเร ตีกัน ซิ่งรถ แต่งหน้าทาปากแดง
เด็กที่จบอาชีวะ คือ แรงงาน เป็นเจ้านายคนอื่นไม่ได้
 


 

พ่อแม่ไม่ให้เรียน และครูในโรงเรียนมัธยมต้น

ไม่แนะนำอาชีวะ ให้นร.บางกลุ่ม


               สิ่งที่พี่เกียรติเห็นชัดเจนเลยคือ ลูกที่มีพ่อแม่จบสายอาชีพมาจะแนะนำให้ลูกเรียนสายอาชีพต่อ แต่หากพ่อแม่จบปริญญาตรีขึ้นไปหรือจบสายอื่นๆ มาจะไม่ค่อยแนะนำลูกหลานให้เรียนสายอาชีพต่อค่ะ ส่วนคุณครูในโรงเรียนมัธยมทั่วไปโรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้มีนโยบายกีดกันการเข้าไปแนะแนวการศึกษาสายอาชีพให้แก่เด็กๆ ค่ะ ถ้ามีการแนะแนวอาชีวะก็ให้เด็กๆ ทุกคนมีสิทธิ์เข้ารับการแนะแนวนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนหรือแนะนำให้เด็กๆ ทุกคนต้องไปเรียนอาชีวะ ซึ่งก็วนกลับไปที่วัฎจักรข้างต้นข้อแรก คือกลัวเด็กเก่ง/เด็กดีเสียโอกาสหรือเสียคน เลยไม่อยากให้ไปอยู่ในสังคมอาชีวะ เช่นเดียวกับพ่อแม่รุ่นใหม่ก็มีแนวโน้มสนับสนุนลูกให้เรียนสายสามัญเช่นกันค่ะ
 

เด็กไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร สนใจอะไร เลยเบื่อกับการเรียน


          บางคนเฮไปเรียนอาชีวะหรือพาณิชย์ตามเพื่อน เพราะคิดว่าน่าจะเรียนสบายไม่ต้องอ่านหนังสือเยอะๆ แบบมัธยมปลาย และคิดว่าชอบสาขาเฉพาะทางของสายอาชีพมากกว่า (เช่น คอมพิวเตอร์ บัญชี ช่าง) แต่ก็พบว่ามีนักศึกษาอาชีวะส่วนหนึ่ง ต้องการเบนสายการเรียนเพราะรู้สึกว่าเรียนอาชีวะหนักเกินไป ต้องฝึกงานด้วย ต้องทำโปรเจ็กด้วย ในขณะที่เพื่อนมัธยมปลายแค่อ่านหนังสือเตรียมไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น บางคนก็รู้สึกว่ามาเรียนเฉพาะทางที่ไม่ชอบ เช่นมาเลือกเรียนสาขาเทคนิคคอมพิวเตอร์ เพราะคิดว่าชอบเล่นเกม อยากสร้างเอง ไปๆ มาๆ กลับรู้สึกว่าแค่ชอบเล่น ไม่ได้ชอบที่จะทำอะไรกับคอมพิวเตอร์นอกจากใช้งานมันเฉยๆ เลยรู้สึกเบื่อ รู้สึกเหนื่อย อยากไปเรียนสาขาอื่นแทน ซึ่งน้องๆ บางคนยังเรียน ปวช.1 ไม่จบด้วยซ้ำ ก็เตรียมซิ่วกลับไปสายสามัญแล้วค่ะ



เด็กๆ เข้าใจผิดกับคำว่า "แรงงานฝีมือ"


            คำว่า "แรงงาน" ในความเข้าใจของเยาวชนไปพ้องกับนัยของ "ผู้ใช้แรงงาน" คือเข้าใจไปในในเชิงลบว่าเป็นคนทำงานแบบใช้แรง หรือทำตามเจ้านายสั่ง ไม่ใช่ความรู้สึกว่าได้ทำงานที่ดี พอได้ยินคำว่า "แรงงานฝีมือ" ที่ใช้ควบคู่มากับอาชีวะมาตลอด ก็ยังรู้สึกว่า "แรงงานฝีมือ" ก็ไม่ต่างกับคนใช้แรงงาน เรียนจบไปก็ยังเป็นแค่ลูกน้องตาดำๆ ให้เจ้านายสั่งการอยู่ดี

ตัวอย่างข้อความจากข่าวที่มีคำว่า แรงงานฝีมือ

               ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่า "แรงงานฝีมือ" คือบุคคลที่มีคุณภาพ มีทักษะ มีความสามารถในวิชาชีพของตัวเอง มีความเชี่ยวชาญในอาชีพของตัวเอง เหมือนที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำอาหารอร่อย หรือทุกคนจะซ่อมรถไฟเป็น ทำให้เด็กๆ ที่ได้ยินคำนี้รู้สึกว่า แรงงานก็คือคนใช้แรงทำงาน เรียนอาชีวะจบไปก็ยังต้องไปเป็นลูกน้องคนอื่นตลาดการ ทั้งที่จริงๆ แล้ว "แรงงานฝีมือ" หมายถึงผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพของเขาต่างหากค่ะ



                  โดยรวมแล้ว ทั้งสี่ข้อก็ยังเป็นเพียงเรื่องของ "ภาพลักษณ์" ทำให้อาชีวะไม่ตอบโจทย์ต่อการเลือกเรียนของนักเรียนมัธยมต้นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ทั้งตัวเด็กและคนใกลชิดของเด็กๆ มีค่านิยมต่อสายอาชีพในทางลบมากกว่าทางบวก การทำให้ภาพลักษณ์เหล่านี้เปลี่ยนแปลงก็วนกลับไปที่คำแนะนำเดิมๆ คือ พ่อแม่ คนใกล้ชิด และครูในโรงเรียนมัธยมต้องสนับสนุนและให้ข้อมูลการเรียนสายอาชีพให้เด็กเข้าใจมากขึ้นค่ะ คือต้องให้เด็กรู้จักว่าโลกใบนี้ยังมีอาชีพอื่นๆ อีกมากมายนอกจาก หมอ ครู พยาบาล ต้องให้เด็กรู้ว่าทุกๆ อาชีพมีคุณค่าในตัวเองค่ะ และต้องให้เด็กรู้ว่าตลาดแรงงานต้องการสายอาชีพใดด้วย หน่วยงานนอกๆ รัฐเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลเท่านั้น คนใกล้ชิดของเด็กๆ คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เด็กมีทัศนคติที่ดีในการเลือกอาชีพและเลือกเรียนอาชีวะค่ะ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ที่ "การเปิดใจ"


                    สุดท้ายแล้ว ทั้ง 4 ข้อที่พี่เกียรติว่ามานี้เป็นเพื่อยงมุมมองเดียวจากการสังเกตและสอบถามจากคนใกล้ชิดนั้น ยังขาดอีกหลาย หลาย หลายมุม และเป็นเพียงเหตุผลในมุมที่ว่า "ทำไมไม่เลือกเรียน" นะคะ  แล้วชาว Dek-D คิดว่าอย่างไรคะ อาชีวะมันไม่ดีจริงๆ หรือ เรามองไม่เห็นประโยชน์จริงๆ หรือ หรือถ้าเลือกเรียนคือเข้าไปอยู่ในหนทางตายจริงๆ พ่อแม่ห้ามจริงๆ หรือ พ่อแม่ที่สนับสนุนมีหรือเปล่า อยากให้ทุกคนช่วยแสดงความเห็นกันหน่อยจ้า ทุกๆ คนเลยนะคะ
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
คลั่งนิยาย Member 24 มิ.ย. 60 16:37 น. 4

เราก็เด็กสายอาชีวะนะ แต่ถ้าเลือกได้เราก็อยากเรียนสายธรรมดานะ ยิ่งพอเราออกมาทำงานด้วยแล้ว ระบบในการรับสมัครงานก็ยังเน้นรับระดับปริญาอยู่ดี ใช่!!!!ที่ว่าตลาดต้องการแรงงานฝีมือ แต่ค่าแรงที่เป็นผลตอบแทนก็ยังน้อยอยู่ดี เปรียบง่ายๆเลยนะ ฐานเงินเดือนปกติต่ำสุดอยู่ที่9000 ในระดับปวช.,ปวส.(ถึงจะผ่านฝึกงานได้บรรจุก็เถอะ) ในขณะที่ระดับปริญญาฐานขั้นต่ำอยู่ที่10000+ (หลังผ่านการฝึกงาน) ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการที่จบปริญญาก็ใช่ว่าจะทำงานเป็น ขอออกตัวก่อนเลยว่าเรางก เพราะเรามีภาระที่ต้องใช้จ่าย ในความรู้สึกเราเลยกลายเป็นว่า เฮ้ย!!! แบบนี้ก็ได้หรอ ประสบการณ์การทำงานก็น้อยว่าเรา (ในสายที่เราเรียนมีการฝึกงานตั้งแต่ปวช.1) แต่ได้เงินเดือนมากกว่าเรา ทั้งๆที่งานก็เหมือนกับที่เราทำ

คนที่ไม่มีภาระอะไร หรือมีต้นทุนทางบ้านดี ก็จะคิดว่า แค่9000ต่อเดือนก็จะอยู่ได้อย่างสบายๆ แต่สำหรับคนที่มีภาระแล้วขอบอกเลยว่า เงินเท่านี้ ไม่สามารถอยู่ได้ถึงสิ้นเดือนแน่นอน นี่เป็นเหตุผลหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เราคิดว่าการที่มีใบปริญญามาติดตัวก็เป็นเหมือนใบปรับฐานเงินเดือนชั้นดี เพราะตอนนี้เราก็กำลังเรียนต่อป.ตรีอยู่

ให้ลุงออกมาเข็นทุกวันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอก ในเมื่อค่านิยมของพวก บ. ต่างๆยังเน้นรับพนักงานในระดับปริญญาอยู่อ่ะนะ พวก บ.จะคิดว่าการที่คุณเรียนจบระดับปริญญาได้เป็นเพราะพวกคุณมีความรับผิดชอบ มีวินัยในตัวเอง แล้วพวกเด็กอาชีวะไม่มีหรอ ในเมื่อ การเรียนการสอนก็คล้ายกับพวกมหาลัยต่าง ไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน ไม่มีคะแนนเก็บก็ไม่ผ่าน ฝึกงานไม่ผ่านก็เรียนไม่จบเหมือนกัน

0
กำลังโหลด
ลั่นทมสีเลือด Member 27 มิ.ย. 60 19:23 น. 14

สายอาชีพที่โหดๆและจริงจังเท่าที่เราเห็นตอนนี้คือเตรียมวิศวะพระจอมเกล้าฯ วิชาเรียนเขาโหดมาก เห็นชีทเคมีเพื่อนนี่คิดเลยว่าเรียนไหวกันได้ไง


แต่ถึงจะโหด การสอบเข้ามหาลัยก็ลำบากกว่าสายสามัญอยู่ดี หากไม่ได้โควต้าเข้ามหาลัยในเครือก็สอบเข้าลำบาก


แล้วสายอาชีพมันมีความเฉพาะทางค่อนข้างมาก ซึ่งเด็กม.ต้นที่กำลังจะขึ้นม.ปลายหลายๆคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร แล้วจะกล้ามุ่งไปได้ยังไงในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าเราทำมันได้ดีหรือเปล่า


อารมณ์เดียวกับพ่อแม่ที่ให้ลูกเรียนวิทย์คณิตไว้เพราะลูกยังไม่แน่ใจ เวลาเข้ามหาลัยจะได้เข้าคณะได้หลากหลายกว่าสายศิลป์มั้งคะ


ไหนจะพวกบ.ต่างๆอีก ถ้ารัฐทำให้บ.ต่างๆให้เรทเงินเดือนคนจบสายอาชีพสมน้ำสมเนื้อความสามารถของพวกเขา(ซึ่งเราว่าควรได้สูงกว่าคนจบสายสามัญด้วยซ้ำนะ เพราะพวกเขาเรียนเฉพาะทางกันมาตั้งแต่ม.ปลายเลย ถ้าสถาบันมีคุณภาพ มีหรอจะด้อยกว่าเด็กสายสามัญที่เพิ่งได้เรียนเฉพาะทางด้านนั้นๆตอนเข้ามหาลัย ?)


ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าการที่ลุงออกมาพูดปาวๆ ถ้าลุงไม่ทำอะไรเลย ไม่กำหนดกฎเกณฑ์แรงงาน ลุงก็ต้องพูดไปเรื่อยอย่างนี้แหละค่ะ


ถ้ามันดีจริงๆ ป่านนี้คนแย่งกันเข้าไปเรียนแล้ว ถ้าลุงทำให้มันดีตอบโจทย์ที่คนต้องการได้ ต่อให้ลุงอยู่เงียบๆก็จะมีคนแห่เข้าไปเรียนกันแน่ๆแหละ


(ยังไม่นับพวกสถาบันที่มีแต่นักเลงตีกันอีกนะ)

0
กำลังโหลด
4-5-9 Member 25 มิ.ย. 60 10:41 น. 8

อันนี้เป็นเพียงความเห็นนะ

1.อาชีวะเรียนหนักกว่า สายสามัญ (ถ้าไม่นับเรียนพิเศษ)

แถมยังต้องฝึกงาน กับทำโปรเจกอีก

2.ไม่ค่อยมีใครมาแนะนำ ที่เรียนอาชีวะ หรือจัดอันดับวิทยาลัยอาชีวะดีๆ

3.เรียนต่อมหาวิทยาลัยดีๆยาก

เพราะ มหาวิทยาลัยดีๆส่วนใหญ่เน้น จบ ม.6

4.สังคมหลายแห่ง ถึงแม้จะไม่มียกพวกตีกัน ก็มมีการสูบบุหรี่ ดูดสุรา เสพยา เที่ยวเตร่ แต่บางวิทยาลัยไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่สังคมชอบเหมารวมว่า เป็นอย่างนี้ทุกวิทยาลัย

0
กำลังโหลด
Kutoraai 24 มิ.ย. 60 11:32 น. 2

น่าจะเพราะ แม้แต่ระบบคัดคนเข้าเรียน ยังไม่ได้คัดแบบจริงจัง ที่ว่าจะเอาคนเก่งๆเลย ใครๆก็อยากอยู่ในสังคมคนเก่งเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ โรงเรียนอาชีวะที่เคยเห็นๆมานะ ใครๆก็เข้าได้ เข้าไปจะเจอเด็กแนวที่ ไม่ได้ตั้งใจมาเรียน (แค่มีให้เรียนให้ที่บ้านเห็นว่ายังเรียนอยู่แค่นั้น) เด็กที่แนวๆนั้นอย่างที่เราๆเห็นกัน

// เพราะเรียนโรงเรียนมัธยมที่ฝั่งตรวข้ามเป็นโรงเรียนอาชีวะ แล้วเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนเลย

//แต่ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนแอนตี้ อาชีวะ เพราะน้อวแถวบ้านก็เรียน แล้วน้องเป็นเด็กดี

0
กำลังโหลด

30 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Kutoraai 24 มิ.ย. 60 11:32 น. 2

น่าจะเพราะ แม้แต่ระบบคัดคนเข้าเรียน ยังไม่ได้คัดแบบจริงจัง ที่ว่าจะเอาคนเก่งๆเลย ใครๆก็อยากอยู่ในสังคมคนเก่งเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ โรงเรียนอาชีวะที่เคยเห็นๆมานะ ใครๆก็เข้าได้ เข้าไปจะเจอเด็กแนวที่ ไม่ได้ตั้งใจมาเรียน (แค่มีให้เรียนให้ที่บ้านเห็นว่ายังเรียนอยู่แค่นั้น) เด็กที่แนวๆนั้นอย่างที่เราๆเห็นกัน

// เพราะเรียนโรงเรียนมัธยมที่ฝั่งตรวข้ามเป็นโรงเรียนอาชีวะ แล้วเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนเลย

//แต่ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนแอนตี้ อาชีวะ เพราะน้อวแถวบ้านก็เรียน แล้วน้องเป็นเด็กดี

0
กำลังโหลด
Kutoraai 24 มิ.ย. 60 11:33 น. 3

น่าจะเพราะ แม้แต่ระบบคัดคนเข้าเรียน ยังไม่ได้คัดแบบจริงจัง ที่ว่าจะเอาคนเก่งๆเลย ใครๆก็อยากอยู่ในสังคมคนเก่งเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่ โรงเรียนอาชีวะที่เคยเห็นๆมานะ ใครๆก็เข้าได้ เข้าไปจะเจอเด็กแนวที่ ไม่ได้ตั้งใจมาเรียน (แค่มีให้เรียนให้ที่บ้านเห็นว่ายังเรียนอยู่แค่นั้น) เด็กที่แนวๆนั้นอย่างที่เราๆเห็นกัน

// เพราะเรียนโรงเรียนมัธยมที่ฝั่งตรวข้ามเป็นโรงเรียนอาชีวะ แล้วเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนเลย

//แต่ส่วนตัวไม่ได้เป็นคนแอนตี้ อาชีวะ เพราะน้อวแถวบ้านก็เรียน แล้วน้องเป็นเด็กดี

0
กำลังโหลด
คลั่งนิยาย Member 24 มิ.ย. 60 16:37 น. 4

เราก็เด็กสายอาชีวะนะ แต่ถ้าเลือกได้เราก็อยากเรียนสายธรรมดานะ ยิ่งพอเราออกมาทำงานด้วยแล้ว ระบบในการรับสมัครงานก็ยังเน้นรับระดับปริญาอยู่ดี ใช่!!!!ที่ว่าตลาดต้องการแรงงานฝีมือ แต่ค่าแรงที่เป็นผลตอบแทนก็ยังน้อยอยู่ดี เปรียบง่ายๆเลยนะ ฐานเงินเดือนปกติต่ำสุดอยู่ที่9000 ในระดับปวช.,ปวส.(ถึงจะผ่านฝึกงานได้บรรจุก็เถอะ) ในขณะที่ระดับปริญญาฐานขั้นต่ำอยู่ที่10000+ (หลังผ่านการฝึกงาน) ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการที่จบปริญญาก็ใช่ว่าจะทำงานเป็น ขอออกตัวก่อนเลยว่าเรางก เพราะเรามีภาระที่ต้องใช้จ่าย ในความรู้สึกเราเลยกลายเป็นว่า เฮ้ย!!! แบบนี้ก็ได้หรอ ประสบการณ์การทำงานก็น้อยว่าเรา (ในสายที่เราเรียนมีการฝึกงานตั้งแต่ปวช.1) แต่ได้เงินเดือนมากกว่าเรา ทั้งๆที่งานก็เหมือนกับที่เราทำ

คนที่ไม่มีภาระอะไร หรือมีต้นทุนทางบ้านดี ก็จะคิดว่า แค่9000ต่อเดือนก็จะอยู่ได้อย่างสบายๆ แต่สำหรับคนที่มีภาระแล้วขอบอกเลยว่า เงินเท่านี้ ไม่สามารถอยู่ได้ถึงสิ้นเดือนแน่นอน นี่เป็นเหตุผลหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เราคิดว่าการที่มีใบปริญญามาติดตัวก็เป็นเหมือนใบปรับฐานเงินเดือนชั้นดี เพราะตอนนี้เราก็กำลังเรียนต่อป.ตรีอยู่

ให้ลุงออกมาเข็นทุกวันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นหรอก ในเมื่อค่านิยมของพวก บ. ต่างๆยังเน้นรับพนักงานในระดับปริญญาอยู่อ่ะนะ พวก บ.จะคิดว่าการที่คุณเรียนจบระดับปริญญาได้เป็นเพราะพวกคุณมีความรับผิดชอบ มีวินัยในตัวเอง แล้วพวกเด็กอาชีวะไม่มีหรอ ในเมื่อ การเรียนการสอนก็คล้ายกับพวกมหาลัยต่าง ไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน ไม่มีคะแนนเก็บก็ไม่ผ่าน ฝึกงานไม่ผ่านก็เรียนไม่จบเหมือนกัน

0
กำลังโหลด
magarouanis Member 24 มิ.ย. 60 18:03 น. 5

ถ้ามองในมุมคหสต.เราน๊าาาาา เราคิดว่าสายสามัญจบปริญญาเงินเดือนขั้นต่ำส่วนใหญ่มากกว่าสายอาชีพจบมาคนเลยเลือกสายสามัญมั้งฮะ.... (หรือปล่าวหว่า.....//เพราะเราก็เป็นงี้ เรียนหวังเงินเดือนเยอะๆ5555)

0
กำลังโหลด
ผู้ปกครองถึงลุงตู่ 25 มิ.ย. 60 09:52 น. 6

เป็นผู้ปกครองอยากให้เรียนสายอาชีพแต่กังวล

1. สภาพแวดล้อมของเพื่อนๆ เพื่อนส่วนมากเกเรไหม ไม่สนใจเรียนไหม เพราะถ้าลูกเป๋ตามเพื่อนยากจะดึงกลับมา ดังนั้นจึงพิจารณาความเสี่ยงในเรื่องนี้มาก เพราะกังวลว่ามาก ควรมีแนวทางให้ชัดเจนให้ผู้ปกครองเชื่อมั่นเรื่องนี้ก่อน

2. การจัดการเรียนการสอน เช่น ด้านสายภาษา จะมีโอกาสพัฒนาได้ขนาดไหน ตอนนี้ลูกเรียน EP อยากให้ไปสายอาชีพเพราะมีทุนต่างประเทศเยอะ แต่เข้าไปเรียนแล้วจะมีโอกาสต่อยอดด้านภาษาไหมในการจัดการเรียนการสอน

3. ด้านสายคำนวณ จบ ปวส.แล้วจะไปต่อยอดปริญญาตรี จะแน่นพอไหม

4.อุปกรณ์การเรียนการสอนทันสมัยไหม เพราะดูเก่ามีมานานแล้ว จะมีความทันสมัยเหมือนกับมหาวิทยาลัยเขาไหม

5. คุณภาพครูอาจารย์

ดูในภาพรวม แต่อาจมีบางวิทยาลัยมีความทันสมัยพร้อมให้เด็กไปต่อยอด แต่หลายๆ ทีโดยเฉพาะในจังหวัดเล็ก ๆ

3
นร.อาชีวะคนหนึ่ง 1 ก.ค. 60 18:36 น. 6-1

เป็นนักเรียนสายอาชีวะค่ะ คุณภาพอาจารย์ขอบอกเลยว่าอาจารย์เข้าใจพวกเรามากกว่าอ.สายสามัญมากๆอ.ดูออกว่าเด็กแต่ละคนเป็นยังไงต้องแก้ไขยังไงค่ะ เรื่องสภาพแวดล้อมของเด็กต้องกังวลอยู่แล้วว่าลูกจะเป๋ไหมก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราสอนเขายังไงแล้วเขาเชื่อเราไหมเขาคิดได้ไหมค่ะ ^^

0
กำลังโหลด
4-5-9 Member 25 มิ.ย. 60 10:41 น. 7

อันนี้เป็นเพียงความเห็นนะ

1.อาชีวะเรียนหนักกว่า สายสามัญ (ถ้าไม่นับเรียนพิเศษ)

แถมยังต้องฝึกงาน กับทำโปรเจกอีก

2.ไม่ค่อยมีใครมาแนะนำ ที่เรียนอาชีวะ หรือจัดอันดับวิทยาลัยอาชีวะดีๆ

3.เรียนต่อมหาวิทยาลัยดีๆยาก

เพราะ มหาวิทยาลัยดีๆส่วนใหญ่เน้น จบ ม.6

4.สังคมหลายแห่ง ถึงแม้จะไม่มียกพวกตีกัน ก็มมีการสูบบุหรี่ ดูดสุรา เสพยา เที่ยวเตร่ แต่บางวิทยาลัยไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่สังคมชอบเหมารวมว่า เป็นอย่างนี้ทุกวิทยาลัย

0
กำลังโหลด
4-5-9 Member 25 มิ.ย. 60 10:41 น. 8

อันนี้เป็นเพียงความเห็นนะ

1.อาชีวะเรียนหนักกว่า สายสามัญ (ถ้าไม่นับเรียนพิเศษ)

แถมยังต้องฝึกงาน กับทำโปรเจกอีก

2.ไม่ค่อยมีใครมาแนะนำ ที่เรียนอาชีวะ หรือจัดอันดับวิทยาลัยอาชีวะดีๆ

3.เรียนต่อมหาวิทยาลัยดีๆยาก

เพราะ มหาวิทยาลัยดีๆส่วนใหญ่เน้น จบ ม.6

4.สังคมหลายแห่ง ถึงแม้จะไม่มียกพวกตีกัน ก็มมีการสูบบุหรี่ ดูดสุรา เสพยา เที่ยวเตร่ แต่บางวิทยาลัยไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่สังคมชอบเหมารวมว่า เป็นอย่างนี้ทุกวิทยาลัย

0
กำลังโหลด
คลั่งนิยาย Member 25 มิ.ย. 60 11:03 น. 9

นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ

1.เรื่องเพื่อนก่อนนะคะ ส่วนตัวคิดว่าการจะเป๋ตามเพื่อนไหนคิดว่าเป็นที่ตัวบุคคลค่ะ เพราะส่วนตัวเราก็มีเพื่อนที่เกเรนะคะ เรียนไม่จบบ้าง ท้องตอนปี1-ปี2บ้าง แต่เราก็ยังเรียนจบมาได้แถมเกรด3กว่าซะด้วย เพื่อนเราที่ท้องก็เกรด3กว่าด้วยนะคะ ทุกสิ่งมันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าเรามีสติ มีความสำนึกได้หรือป่าวว่าสิ่งนั้นดี สิ่งนี้ไม่ดี มันอยู่ที่ตัวผู้เรียนตัดสินใจค่ะ

2.การเรียนด้านภาษา มีค่ะ ไปต่อยอดได้ด้วย เพื่อนเราเรียนด้านการโรงแรง ที่วิทยาลัยจะสอนแต่ภาษาอังกฤษเป็นหลักภาษาที่3ก็มีแต่ว่าอยู่ที่ตัวผู้เรียนจะสนใจมากน้อยแค่ไหน(สายของเราที่เรียนเขาบังคับให้เรียนภาษาที่2กับ3) แล้วก็ให้ไปฝึกงานที่โรงแรงค่ะ เพื่อนเรามาบ่นให้ฟังว่าเรียนอังกฤษไปไม่ได้ใช้ เพราะโรงแรงที่ทำงานลูกค้าที่เข้ามาพักส่วนมากเป็นชาวรัสเซียฝึกงาน3เดือนเพื่อนเราสามารถพูดและเข้าใจภาษารัสเซียได้เลยทีเดียว

3.ด้านสายศิลป์คำนวนก็ต้องดูด้วยนะคะ ว่าเลือกเรียนที่สาขาไหนแต่ถ้าหากจบ ม.6 มา ก่อนที่จะเปิดเทอมประมาณ1-2เดือน เขาจะมีการเรียนเพื่อปรับฐานก่อนนะคะ ถามว่าแน่นพอไหม ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเด็กอ่ะค่ะว่าตัวเด็กรับได้มากน้อยแค่ไหน

4.อุปกรณ์การเรียน ในต่างจังหวัดเขามีพอเพียงต่อจำนวนนักเรียนนักศึกษาอยู่แล้วนะคะ เพราะเขาจะกำหนดเลยว่าใน1ห้องจะมีนักเรียนได้กี่คน เขาคำนวนแล้วค่ะว่าอุปกรณ์ที่จะใช้ต่อห้องมีเพียงพอแล้ว ทันสมัยไหม ทันนะคะ ถึงแม้จะไม่เริ่ดเรออะไร แต่ก็ไม่น้อยหน้าใครหรอกค่ะ สมฐานะแล้ว เพราะเขาไม่ได้เรียกเก็บเงินผู้ปกครองเหมือนกับมหาลัย เขาใช้งบหลวงล้วนๆ5555 (สำหรับเราที่เงินไม่พอค่าเทอมของมหาลัยเราถือว่าโอเคแล้วนะคะ)

5.คุณภาพครู เราไม่สามารถรับรองอะไรได้หรอกนะคะ เพราะมาตราฐานของคนเรามันไม่เหมือนกัน ในสายตาเด็กอาชีวะแล้วครูอาจารย์ระดับนี้อาจจะสูงแล้ว แต่สำหรับคนภายนอกนั้นอาจจะยังมีมาตราฐานไม่เพียงพอก็ได้นะคะ

สรุปแล้ว เรื่องที่คุณเป็นกังวลนั้น ทุกเรื่องจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเด็กเอง ตัวเด็กจะมีหัวคิด มีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีแค่ไหนในการตัดสินใจเท่านั้นเองค่ะ

ตัวเราเองนั้นตอนที่ตัดสินใจเข้าสายอาชีพ เพราะมีเหตุผลหลายอย่างค่ะ ในสายอาชีพนั้นเมื่อเราเข้าไปแล้วเราจะไม่ได้มีสังคมแค่ที่วิทยาลัยเท่านั้น มันยังมีสังคมที่ทำงานให้เราได้พอเจอเพราะจะต้องได้ไปฝึกงาน ได้มีประสบการณ์ทำงานจริงที่จะเป็นตัวช่วยในเรื่องการทำงานในอนาคตค่ะ

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
mildmemi Member 25 มิ.ย. 60 19:52 น. 11

เราเรียนที่เทคนิค สาขางานโยธา เลือกได้คงไม่เรียนเพราะมันหนักและเหนื่อยมากจริงๆ ขนาดว่าเราเรียนในสิ่งที่ชอบแล้ว เน้นทั้งฟิสิกส์ ทั้งคณิต ทั้งงานปูน ฯลฯ บางวันกลับถึงบ้านทุ่มกว่า แต่ที่พูดถึงนี่ไม่ใช่ว่าเด็กเทคนิคต้องเป็นคนไม่เก่งนะ เด็กที่ไปต่อเก่งๆเยอะมาก เด็กโรงเรียนดังๆทั้งนั้นที่ไปต่อ ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปมากอ่ะ สังคมในห้องไม่ใช่มีแต่พวกนักเลง พวกเด็กรวยๆ เด็กเก่งเว่อร์ เนิร์ดๆบ้าเกมบ้าการ์ตูนก็มี ไม่มีแกล้งกันเพราะครูสาขางานเราเข้มเรื่องนี้มาก ปีที่แล้วรุ่นพี่ที่จบไปจาก 45 จบแค่ 18 5555555 ขอบอกว่าไม่เจ๋งไม่เก่งจริงอยู่ยาก แต่พอจบมาเงินเดือนเราสูงที่สุดในทุกสาขา จากประวัติรุ่นพี่ที่จบไป เราว่ามันดีและมันคุ้มนะ เหนือยวันนี้สบายวันหน้า

0
กำลังโหลด
Nyx Member 25 มิ.ย. 60 20:03 น. 12

ในมุมผู้ปกครองและอาจรวมถึงตัวเด็กด้วยน่าจะมองเรื่องสังคมของเด็กอาชีวะ ถ้าเลือกได้ทุกคนย่อมเลือกอยู่ในสังคมที่เพื่อน ๆ ชักชวนกันไปในทางที่ดี เช่นสังคมนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งที่พอพูดชื่อทุกคนต้องร้องอ๋อ ความรู้สึกมันต่างนะครับเวลามีคนถามว่าเรียนที่ไหน ฉะนั้นคำถามสำคัญจึงวนกลับมาที่ตัวสถาบันอาชีวศึกษาและนักเรียนอาชีวะด้วยว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อต่อสู้กับทัศนคติแง่ลบอย่างไร นอกจากนี้เรื่องเงินเดือนและความก้าวหน้าก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญด้วย

///

แต่สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือตัวเด็กนักเรียนมัธยมเองที่ยังไม่รู้ว่าตนเองถนัดด้านไหนแล้วต้องการประกอบอาชีพอะไรในอนาคต พ่อแม่และครูอาจารย์จะมีวิธีอย่างไรสนับสนุนหรือช่วยให้น้อง ๆ เค้ารู้จักตัวเองและมองเห็นว่าจะเลือกอนาคตของตนอย่างไร

0
กำลังโหลด
น้ำแข็งใส^3^ 26 มิ.ย. 60 07:03 น. 13

ใช่!! มันมีภาพลักษณ์ที่ค่อยข้างติดลบเราถึงกลัวที่จะเรียน จขกท. มาแถวปากน้ำแถวพระประแดงสิเดี๋ยวรู้เลย

1
นร.อาชีวะคนหนึ่ง 1 ก.ค. 60 18:40 น. 13-1

มันก็จริงนะที่มีภาพลักษณ์ด้านลบแต่เหรียญมี2ด้านเสมอค่ะอยู่ที่ว่าคุณเปิดใจลองพลิกอีกด้านของเหรียญดูหรือยัง ✌

0
กำลังโหลด
ลั่นทมสีเลือด Member 27 มิ.ย. 60 19:23 น. 14

สายอาชีพที่โหดๆและจริงจังเท่าที่เราเห็นตอนนี้คือเตรียมวิศวะพระจอมเกล้าฯ วิชาเรียนเขาโหดมาก เห็นชีทเคมีเพื่อนนี่คิดเลยว่าเรียนไหวกันได้ไง


แต่ถึงจะโหด การสอบเข้ามหาลัยก็ลำบากกว่าสายสามัญอยู่ดี หากไม่ได้โควต้าเข้ามหาลัยในเครือก็สอบเข้าลำบาก


แล้วสายอาชีพมันมีความเฉพาะทางค่อนข้างมาก ซึ่งเด็กม.ต้นที่กำลังจะขึ้นม.ปลายหลายๆคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร แล้วจะกล้ามุ่งไปได้ยังไงในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าเราทำมันได้ดีหรือเปล่า


อารมณ์เดียวกับพ่อแม่ที่ให้ลูกเรียนวิทย์คณิตไว้เพราะลูกยังไม่แน่ใจ เวลาเข้ามหาลัยจะได้เข้าคณะได้หลากหลายกว่าสายศิลป์มั้งคะ


ไหนจะพวกบ.ต่างๆอีก ถ้ารัฐทำให้บ.ต่างๆให้เรทเงินเดือนคนจบสายอาชีพสมน้ำสมเนื้อความสามารถของพวกเขา(ซึ่งเราว่าควรได้สูงกว่าคนจบสายสามัญด้วยซ้ำนะ เพราะพวกเขาเรียนเฉพาะทางกันมาตั้งแต่ม.ปลายเลย ถ้าสถาบันมีคุณภาพ มีหรอจะด้อยกว่าเด็กสายสามัญที่เพิ่งได้เรียนเฉพาะทางด้านนั้นๆตอนเข้ามหาลัย ?)


ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าการที่ลุงออกมาพูดปาวๆ ถ้าลุงไม่ทำอะไรเลย ไม่กำหนดกฎเกณฑ์แรงงาน ลุงก็ต้องพูดไปเรื่อยอย่างนี้แหละค่ะ


ถ้ามันดีจริงๆ ป่านนี้คนแย่งกันเข้าไปเรียนแล้ว ถ้าลุงทำให้มันดีตอบโจทย์ที่คนต้องการได้ ต่อให้ลุงอยู่เงียบๆก็จะมีคนแห่เข้าไปเรียนกันแน่ๆแหละ


(ยังไม่นับพวกสถาบันที่มีแต่นักเลงตีกันอีกนะ)

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
guntasut Member 1 ก.ค. 60 19:02 น. 17

ผมไม่ได้อะไรหรอกนะครับ แต่เท่าที่ดูข่าวมีแต่เรื่องลบๆทั้งนั้นเลย เช่นตีกันจนตายบ้าง ลูกหลงไปตีคนที่เขาไม่ได้มีเรื่องบ้างอะไรต่ออะไร ถ้าแก้ตรงนี้ได้มันก็น่าจะมีคนอยากเรียนมากขึ้นเยอะเลยครับ นี่ขณะปีก่อนๆเขาแก้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผลเลย

0
กำลังโหลด
แป้ง 1 ก.ค. 60 19:44 น. 18

ความเห็นส่วนตัวเรานะ เราเข้ามหา'ลัยเเล้วละตอนนี้ เจอเพื่อนที่มาจากสายสามัญเเละสายอาชีพ ซึ่งคือเเตกต่างกันเห็นชัดๆอะ เเบบเพื่อนเราที่จบสายอาชีพมานะเรียนมาเเต่สายอาชีพจริงๆ เรียนเพื่อมาทำงานจริงๆอะ เเบบวิชาพื้นฐานก็ไม่มีสอน (ไม่รู้ว่าเป็นเหมือนกันทุกที่ไหมนะที่ไม่ได้สอนวิชาพื้นฐานอะ) คณิต วิทย์ไม่สอนยังไม่เป็นไรเเต่เเม้กระทั่งภาษาอังกฤษอะยังไม่สอนด้วยซ้ำ เเล้ว-ก็บอกอยากได้เด็กสายนี้มาทำงาน เเต่คือควรดูระบบด้วยปะว่ามันเป็นยังไง เราว่าพวกสายสามัญอะถึงเรียนเเต่พื้นฐานมาไม่มีประสบการณ์การทำงานเเต่ยังไงมันก็ไปหาที่เรียนเสริมได้อะ บางคนก็ชอบบอกจบสายนี้เป็นเจ้านายคนจบป.ตรีเยอะเเยะ เเต่ในความเป็นจริงอะ เราว่าเด็กส่วนใหญ่ยังไงก็อยากเรียนสายสามัญอะ เเล้วยิ่งปีหลังๆมานะ บางรร.ลดเกรดการสอบเข้าสายสามัญลงอะ เเล้วคือมันย้อนเเย้งกันปะ ถ้าอยากให้เด็กเข้าสายอาชีวะก็น่าจะเพิ่มเกรดสายสามัญคงมาตราฐานไว้อะ เเล้วสายอาชีวะนะหรือสายอาชีพอะ คือควรกรองเด็กให้มากกว่านี้อะ ไม่ให้มองเเล้วเห็นเเต่เเง่ลบอะ

0
กำลังโหลด
nowdarlene Member 1 ก.ค. 60 21:55 น. 19

ที่ไม่เลือกเรียนเพราะคณะที่อยากเรียน อาชีพที่ใฝ่ฝันไม่มีในสายอาชีวศึกษา คณะมัณฑนศิลป์รับสายสามัญ มากกว่า และบริษัทส่วนมากรับวุฒิป.ตรีขึ้นไป และสายสามัญมีแผนกศิลป์ ไม่เหมือนอาชีวะที่มีพาณิชย์ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับวุฒิม.6 และภาพลักษณ์ที่นร.สายอาชีวะที่ทะเลาะ ตบตีกัน // อันนี้เหตุผลส่วนตัวเค้าน้าา

0
กำลังโหลด
บิน~ 2 ก.ค. 60 01:17 น. 20

สำหรับเรานะ สายอาชีวะนี่ดีมากเลยนะ จบไปก็มีงานทำ มีงานรองรับ เป็นแรงสำคัญของชาติแต่อาจจะไม่มีโอกาสสูงในการทำนู่นำนี่เหมือนสายสามัญ บวกกับภาพลักษณ์แย่ๆของนักเรียนอาชีวะบางกลุ่มที่มีเรื่องต่อยตีฆ่าฟัน วันๆไม่ทำอะไร พาทั้งสายอาชีวะเสื่อมเสีย จนคนภาพนอกเห็นชินตา เลยไม่อยากส่งบุตรหลานเข้าเรียนเพราะกลัวจะเป็นผู้ที่ไปกระทำแบบนั้นและอาจไปเป็นผู้ถูกกระทำแทน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด