ไขความลับ 4 ตำนานอียิปต์โบราณที่รู้แล้วจะอึ้ง
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เชื่อว่าใครหลายคนคงเคยผ่านหูผ่านตากับตำนานอียิปต์โบราณไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนในตำนานอย่างคำสาปฟาโรห์ หรือนิยายแนวทะเลทรายที่ยังคงมีกระแสอยู่เรื่อยๆ ถ้าใครที่ชื่นชอบและหลงใหลในวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์หรืออยากริเริ่มเขียนนิยายแนวอียิปต์โบราณ บอกเลยว่าหัวข้อวันนี้ถูกใจน้องๆ แน่นอนค่ะ เพราะพี่น้ำผึ้งถือโอกาสชวนน้องๆ มาดู 4 เรื่องลึกลับเกี่ยวกับอียิปต์โบราณที่อ่านแล้วจะต้องร้องโอ้โหชัวร์ๆ
เป็นที่รู้กันดีว่าชาวอียิปต์โบราณได้ปกครองโลกยาวนานเกือบๆ 3,000 ปี พวกเขาได้ทิ้งมรดกอันล้ำค่าไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะสถาปัตยกรรมหรือตำนานต่างๆ ไม่เพียงแค่นั้น ชาวอียิปต์โบราณยังทิ้งความลึกลับบางอย่างไว้ให้นักโบราณคดีและนักวิชาการได้ไขปริศนาด้วย บางปริศนาไขได้แล้ว บางปริศนายังไขไม่ได้ น้องๆ คะ ซึ่ง 4 เรื่องที่พี่นำมาฝากในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความลึกลับอันยั่งยืนของชาวอียิปต์โบราณค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูเลยจ้า
ว่าด้วยเรื่องของลักษณะชาวอียิปต์สมัยโบราณ
แน่นอนว่าเราคงต้องเคยเห็นมัมมี่ รูปปั้น หรือรูปแกะสลักของชาวอียิปต์สมัยโบราณกันแล้ว ถึงแม้อาจจะไม่เคยได้สัมผัสของจริง แต่ก็ต้องเคยเสิร์จกูเกิ้ลบ้างอะไรบ้างแหละน่า น้องๆ เชื่อมั้ยคะว่าทุกวันนี้นักประวัติศาสตร์ยังถกเถียงกันเรื่องลักษณะของชาวอียิปต์โบราณที่แท้จริงว่าเป็นยังไง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ สีผิว ขนาดตัว เป็นต้น
ส่วนมากเรามักจำภาพชาวอียิปต์โบราณว่ามีสีผิวขาวจากหนังฮอลลิวู้ด แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ ชาวอียิปต์โบราณที่แท้ทรูมีสีผิวแตกต่างกันไป กล่าวคือ น้องๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าดินแดนอียิปต์โบราณก่อกำเนิดขึ้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำไนล์ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจึงมาตั้งรกรากริมแม่น้ำเพื่อความสะดวกสบายต่อการอุปโภคบริโภค ดังนั้นชาวอียิปต์โบราณจึงมีทั้งผิวขาวและดำ อีกทั้งโดยเนเจอร์ของชาวอียิปต์โบราณแล้ว พวกเขาไม่สนใจหรอกค่ะว่าใครมีผิวสีอะไร เพราะสิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุดคือการเชื่อฟังคำสั่งฟาโรห์ พูดคุยติดต่อสื่อสาร และบูชาเทพเจ้า
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีนักประวัติศาสตร์คนสามารถให้คำตอบได้ว่า แท้จริงแล้ว “รูปลักษณ์” ของชาวอียิปต์โบราณเป็นอย่างไรค่ะ
วิธีสร้างพีระมิด
เป็นคำถามที่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยว่า “ใครกันนะที่เป็นคนสร้างพีระมิด” และ “สร้างมันขึ้นมาได้ยังไงกัน” ก็ในเมื่อพีระมิดมีขนาดใหญ่โตซะขนาดนั้น แถมเครื่องมือก่อสร้างสมัยนั้นก็ไม่ได้ทันสมัยเหมือนสมัยนี้ด้วยนะ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรื่องของพีระมิดยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้
แต่อย่างไรก็ตาม จากผลการวิจัยล่าสุดของนักฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมพบว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะเรื่องของน้ำล้วนๆ เลยจ้า เนื่องจากน้ำในทะเลทรายอียิปต์มีคุณสมบัติในการช่วยลดแรงเสียดทาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายมากถ้าจะนำหินใส่แพหนังแกะแล้วส่งไปยังแหล่งก่อสร้างพีระมิด
ลองนึกภาพตามดูดีๆ นะคะ สมมติว่ามีชาวอียิปต์ 12 คน ถ้าเราต้องการดึงเลื่อน (หรือในกรณีนี้คือแพหนังแกะนั่นเอง) บนทะเลทรายแห้ง เราจะต้องใช้คนทั้งหมด 12 คน ในทางตรงกันข้าม การดึงเลื่อนบนทะเลทรายที่มีน้ำกลับใช้คนเพียงแค่ครึ่งนึง หรือ 6 คนเท่านั้น เห็นได้ชัดๆ เลยว่าดึงเลื่อนบนน้ำง่ายกว่าเยอะ เพราะงั้นเราเลยไขปริศนาได้แล้วว่าน้ำคือช่องทางการลำเลียงหินก่อสร้างนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้นายแดเนียล บอนน์ หัวหน้าทีมวิจัยได้กล่าวกับเว็บไซต์ LiveScience ว่า ภาพวาดบนผนังของชาวอียิปต์โบราณเองก็สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาได้ใช้วิธีข้างต้นในการขนส่งรูปปั้นขนาดใหญ่ ดังนั้นนี่จึงเป็นหลักฐานที่ว่าน้ำอาจเป็นตัวช่วยสำคัญในการลำเลียงหินเพื่อสร้างพีระมิดโบราณค่ะ
การสิ้นพระชนม์ของฟาโรห์ตุตันคาเมน
ตั้งแต่มีการขุดพบหลุมฝังพระศพของกษัตริย์ฟาโรห์ตุตันคาเมนในปี 1992 นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีต่างพากันสงสัยว่าเหตุใดพระองค์ถึงสิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังน้อย แค่เพียง 19 ชันษาเท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องราวชีวิตและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ยังเป็นเรื่องลึกลับจนถึงทุกวันนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่บอกต่อๆ กันมาว่าพระองค์ประสบอุบัติเหตุในรถพระที่นั่งนั้นดูเหมือนจะถูกหักล้าง เมื่อกลุ่มนักวิจัยได้ทำการสแกนร่างมัมมี่ของพระองค์ ก่อนจะพบว่าเท้าของพระองค์นั้นมีบางส่วนที่ผิดปกติ คล้ายกับบุคคลที่เป็นโรคเท้าปุก (Clubfoot) ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าพระองค์จะไม่สามารถยืนได้ด้วยตนเอง ต้องใช้ไม้เท้าช่วย ที่สำคัญงานวิจัยยังบอกอีกว่ากระดูกที่เท้าของพระองค์เกิดการติดเชื้อด้วยค่ะ
นอกจากนี้งานวิจัยล่าสุดในปี 2014 ที่ได้ทำการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมของพระองค์ พบว่าพระบิดาและพระมารดาของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั้นเป็นพี่น้องกัน! ดังนั้นมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากๆ เลยว่าท่านฟาโรห์ตุตจะสิ้นพระชนม์เพราะความบกพร่องทางพันธุกรรมค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่า 2 สาเหตุนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้พระองค์เสียชีวิตที่แท้จริงหรือไม่

ภาพถ่ายรังสีอินฟาเรดของพีระมิดคูฟู
(via: daily mail)
ปริศนามหาพีระมิดคูฟู
มหาพีระมิดคูฟูเป็น 1 ใน 3 พีระมิดที่ยิ่งใหญ่ของมหาพีระมิดแห่งกีซา ขึ้นชื่อว่าเป็นพีระมิดแล้วก็ย่อมต้องมีเรื่องลึกลับเป็นธรรมดา รวมทั้งมหาพีระมิดคูฟูด้วย เรื่องของเรื่องคือเมื่อปี 2015 ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยไคโร และสถาบันมรดก นวัตกรรมและการดูแลรักษาแห่งฝรั่งเศส (HIP) ได้ร่วมมือกันจัดตั้งโครงการ “สแกนพีระมิด” และถ่ายภาพความร้อนด้วยอินฟาเรด ก่อนจะพบว่ามหาพีระมิดแห่งนี้มีความร้อนที่ผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณทิศตะวันออกของตัวพีระมิด เชื่อมั้ยคะว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ชาวโลกต่างตกตะลึงและพากันตั้งข้อสันนิษฐานไปต่างๆ นานา ซึ่งนั่นทำให้ใครหลายคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า "ภายในพีระมิดยังมีโพรงหรือห้องลับที่ไม่เคยมีใครค้นพบซ่อนอยู่ค่ะ" นอกจากนี้หลายสำนักยังเดาว่าหนึ่งในห้องลับนี้เป็นที่เก็บพระศพของราชินีเนเฟอร์ติติค่ะ ความจริงจะเป็นยังไงก็คงต้องติดตามกันไปเนอะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ แม้จะมีหลายปริศนาที่นักวิชาการต่างพากันพยายามไข อาจจะไขได้แล้วหรือไขยังไม่ได้ แต่นั่นก็สะท้อนให้เราเห็นว่ายังมีเรื่องลึกลับอีกมากมายเกี่ยวกับอียิปต์ที่รอคอยเราให้ค้นหาค่ะ และสำหรับครั้งหน้าพี่น้ำผึ้งจะนำอะไรมาฝากน้องๆ นั้น รอติดตามได้เลยค่ะ
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.independent.co.uk/news/science/king-tutankhamun-did-not-die-in-chariot-crash-virtual-autopsy-reveals-9806586.html
http://time.com/3530474/tutankhamun-clubfoot-parents-incest-genetics/
https://www.livescience.com/45285-how-egyptians-moved-pyramid-stones.html
https://www.theguardian.com/world/2015/nov/09/thermal-scanning-giza-pyramids-anomalies-egyp
thttp://www.slate.com/articles/health_and_science/explainer/2014/12/ridley_scott_s_exodus_were_ancient_egyptians_white_black_or_brown.html




0 ความคิดเห็น