ปาดเหงื่อ! เช็คลิสต์รายจ่ายในวันรับปริญญา บัณฑิตต้องจ่ายค่าอะไร? จ่ายเท่าไร?

        สวัสดีค่ะชาว Dek-D ก่อนอื่นพี่ต้องขอแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ป้ายแดงทุกคนด้วยนะคะ ^^ ช่วงนี้หลายๆ มหา'ลัยเริ่มเข้าสู่ช่วงเทศกาลรับปริญญากันแล้ว สิ่งที่น้องๆ เห็นคือภาพรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของเหล่าบัณฑิตและครอบครัว แต่...ฮึก~ ใครจะรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มกับเสื้อผ้าหน้าผมที่เป๊ะเวอร์เหล่านั้นมีน้ำตาซ่อนอยู่ T_T เพราะค่าใช้จ่ายในวันรับปริญญาทำเอาหลายคนกระเป๋าแฟบไปเลยทีเดียว ถึงจะพยายามประหยัดแค่ไหน ยังไงก็ยังหมดเป็นพันอยู่ดี เดี๋ยวเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า การรับปริญญาครั้งหนึ่งๆ ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วเราจะมีวิธีประหยัดต้นทุนแต่ละส่วนยังไง!  ตามมาเลยค่า
 
        คำเตือน ข้อมูลต่อไปนี้คือค่าใช้จ่ายแบบ "เต็มสูบ" ช่วงราคาสูงต่ำขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ และบางคนสามารถตัดค่าใช้จ่ายบางข้อออกไปได้

 
1. ค่าขึ้นทะเบียนบัณฑิต
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 200 ~ 4,000 บาท
 
        ด่านนิ่มๆ ด่านแรกที่บัณฑิตทุกคนหนีไม่พ้น คือค่าขึ้นทะเบียนบัณฑิต โดยคนที่ประสงค์เข้าร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตร หรือพิธีประสาทปริญญาบัตร จะต้องเสียประมาณ 1,000 - 4,000 บาท ในที่นี้ ม.เอกชนอาจโดนเยอะหน่อย เพราะบางแห่งเก็บรวมกับค่าชุดครุยวิทยฐานะด้วย ส่วนคนที่ไม่ประสงค์เข้าร่วมจะเสียแค่ไม่กี่ร้อยบาท 
 
วิธีลดต้นทุน
        - ไม่มี


Photo Credit: Premwuz Arts

 
2. ค่าชุดครุยวิทยฐานะ
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 500 ~ 3,000 บาท (ไม่รวมมัดจำ)
 
        - กรณีเช่า: ทางร้านจะมีไซส์มาตรฐานไว้ แล้ววัดตัวเราไปเทียบหาไซส์ที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด ดังนั้นจึงอาจไม่พอดีตัวเท่าสั่งตัด แต่เหมาะกับคนที่ไม่ซีเรียสและไม่ต้องการเอาชุดมาเก็บให้รกตู้ ส่วนราคาจะต่างตามเนื้อผ้า เช่น ผ้าไหมอิตาลี, ผ้าชีฟองฝรั่งเศส, ผ้าทัตซูมิ, ผ้าโซลอน ฯลฯ ซึ่งจะต่างตรงน้ำหนัก การทิ้งตัวของผ้า และความเหมาะสมกับหุ่นเราเอง ราคาอยู่ที่ 500-1,000 บาท 
        - กรณีเช่าตัด: เจอกันครึ่งทางค่ะงานนี้ หากใครอยากได้ชุดพอดีตัว แต่ไม่ได้ถึงกับอยากได้มาเก็บใส่ตู้ เราสามารถเช่าตัดได้ ราคาก็จะถูกกว่าแบบสั่งตัด แล้วพอใช้งานเสร็จเราต้องส่งคืนทางร้านด้วย ราคาอยู่ที่  1,000-3,000 บาทขึ้นอยู่กับเนื้อผ้า
        - กรณีสั่งตัด: เหมาะกับคนมีงบและอยากเก็บใส่ตู้เป็นที่ระลึก และส่งมอบให้รุ่นน้องยืมไปใช้ได้ ราคาอยู่ที่ 2,000-3,000 บาทขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าอีกเช่นกันค่ะ

        * หากเช่าแล้วทำบางส่วนหายหรือชำรุด ต้องจ่ายค่าปรับด้วย
 
วิธีลดต้นทุน 
        - สำรวจราคาและคุณภาพจากหลายๆ ร้านก่อนตัดสินใจ
        - ยืมชุดคนรู้จักที่ใช้การสั่งตัด ยากหน่อยตรงที่ต้องคณะ/มหา'ลัยเดียวกัน หุ่นใกล้เคียงกัน
        - ถ้ามั่นใจว่าจะไม่หยิบมาดูหรือใส่อีก แนะนำให้เช่าก็พอค่ะ ประหยัดกว่าเยอะ ^^


Photo Credit: Premwuz Arts

 
3. ค่าสูท/ชุดราชประแตน/ชุดขาวข้าราชการ
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 1,500 ~ 3,700 บาท
 
        บัณฑิตชายต้องสวมเสื้อสูททับเสื้อนิสิตนักศึกษาอีกชั้นหนึ่ง หรือบางแห่งจะเป็นชุดราชประแตนก่อนสวมครุย ส่วนบัณฑิตที่เป็นข้าราชการต้องมีชุดขาวสำหรับข้าราชการด้วย โดยราคาจะแตกต่างตามเนื้อผ้า และเลือกได้ทั้งเช่า เช่าตัด และสั่งตัดเช่นเดียวกับชุดครุย 
 
วิธีลดต้นทุน
        เหมือนชุดครุยวิทยฐานะ


Photo Credit: Oaki Gallery

 
4. ค่าแต่งหน้า + ทำผม
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 0 ~ 4,000 บาท/วัน
 
        ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวสำหรับผู้หญิง เพราะนอกจากหน้าตาของเราจะปรากฏบนรูปที่ประดับฝาบ้านแล้ว ยังไปโผล่บนรูปจำนวนมหาศาลกับเพื่อนและครอบครัวด้วย เรทราคาของช่างจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฝีมือ คุณภาพเครื่องสำอาง และค่าเดินทาง บางคนต่อรองกันได้

        ส่วนผู้ชายอาจไม่ต้องเสียค่าเครื่องสำอางบานตะไทแบบผู้หญิง เพราะบางคนโชว์หน้าสด บางคนกดรองพื้นเบาๆ พอปิดสิว และเตรียมแว็กซ์/มูส/สเปรย์/เจลไว้เซ็ตผมให้เนี้ยบ
 
        ***แนะนำให้หาช่างที่ไว้ใจได้ มีรีวิว หรือหากเป็นคนรู้จัก ควรให้ทดลองแต่งก่อน ถ้าไม่เวิร์คจะได้รีบหาเจ้าใหม่      
 
วิธีลดต้นทุน
        สำรวจราคาและคุณภาพจากช่างแต่งหน้าหลายๆ คน
        ให้คนรู้จักช่วยแต่งให้ อาจได้ราคาคนกันเอง/ฟรี ยิ่งถ้าคนๆ นั้นกำลังหางานเสริมเป็นช่างแต่งหน้า ยังได้ทำผลงานเพื่อไปรีวิวหาลูกค้าใหม่ได้ด้วย
        ซื้อเครื่องสำอางแล้วหัดแต่งหน้าเอง ศึกษาจากคลิปหรือบล็อกในเน็ต ในกรณีนี้อาจเสียเวลาแต่ได้สกิลแต่งหน้าติดตัวไปตลอดชีวิต (ยิ่งถ้าใครหน้าเปลือยสวยอยู่แล้ว แค่แต่งบางๆ ไม่ยากเกินความสามารถแน่นอนค่ะ) ตรงนี้พี่แนะนำให้ฝึกแต่เนิ่นๆ ถ้ามามั่วสดๆ ในเช้าวันนั้น เกิดผิดพลาดขึ้นมาจะแก้ไขไม่ทัน 
        จ้างช่างมืออาชีพแค่วันเดียว โดยเลือกวันที่คนมาเยอะที่สุด ส่วนวันที่เหลืออาจใช้วิธีในข้อ 2,3

 
5. ค่ารองเท้า (+ ถุงน่องสำหรับผู้หญิง)
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 0 ~ 3,000 บาท
 
        ขอไฮไลท์เน้นๆ เลยว่ารองเท้าคัทชูสำคัญมาก!!! เพราะต้องใส่เป็นเวลานานทั้งวันซ้อมและวันรับจริง ดังนั้นอย่าเน้นราคาถูกจนไม่สนใจคุณภาพ น้องๆ ต้องเลือกรองเท้าให้ถูกกฎ, ตรงไซส์, ใส่สบาย และกัดน้อยที่สุด (อย่าลืมว่าเราสามารถใช้ได้ยันทำงาน) แนะนำว่าให้หาซื้อไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วสวมให้ชินก่อนถึงวันงาน จะช่วยลดอาการกัดได้ค่ะ
 
        สำหรับบัณฑิตหญิง หากเป็นรองเท้าตามตลาดอาจเริ่มต้นที่ 200-300 บาท แต่ถ้าเป็นยี่ห้อที่สาวๆ นิยมบอกต่อกันอย่าง Bata จะเริ่มต้นที่ 499 บาท หรือ Naturalizer ประมาณ 1,500 บาท และต้องซื้อถุงน่องด้วยประมาณ 2 คู่สำรองเผื่อขาด (ใน 7-11 ราคาไม่ถึงร้อย) ส่วนบัณฑิตชายอาจซีเรียสน้อยกว่าเพราะไม่ใช่รองเท้าส้นสูง หลักๆ ต้องพิจารณาทรงให้เหมาะกับรูปเท้า ราคาประมาณ 600 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์
 
วิธีลดต้นทุน
        - ไม่ใช่ว่าแบรนด์แพงๆ จะใส่สบายเสมอไป เช็คดีๆ แล้วเลือกให้เหมาะสมระหว่างราคาและคุณภาพ
        - ยืมคนรู้จักที่ใส่ไซส์เดียวกัน
        - ซื้อรองเท้ามือสอง (แต่ควรไปลองของใหม่ที่ช็อปก่อนเพื่อให้ชัวร์เรื่องไซส์ ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านด้วย)
 
Photo Credit: Premwuz Arts

 
6. ค่าช่างกล้อง
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 0 ~ 8,000 บาท/วัน
 
        วันรับปริญญาคือช่วงเวลาที่น่าจดจำ หลายคนจึงให้ความสำคัญกับการเก็บภาพแห่งความประทับใจนั้นไว้ ไม่ว่าจะเป็นวันซ้อม วันจริง หรือวันถ่ายนอกรอบตามสถานที่ต่างๆ บางคนที่ไม่ซีเรียสอาจใช้แค่กล้องมือถือ แต่บางคนที่ต้องการความสวยงาม อาจต้องเลือกเฟ้นช่างภาพเทคนิคดีทั้งตอนถ่ายและแต่งภาพ ราคาจะต่างกันตามฝีมือ ประสบการณ์ และระยะเวลา (เต็มวัน-ครึ่งวัน) ซึ่งปกติแล้วเขาจะกำหนดราคาให้เรารู้สึกว่าควรจองเต็มวัน เช่น ครึ่งวัน 3,000 บาท / เต็มวัน 3,500 บาท สำหรับบางคนอาจต้องบวกค่าเดินทางให้ รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอัดรูป, ค่า DVD, ค่าส่งไปรษณีย์ เป็นต้น

วิธีลดต้นทุน 
        - สำรวจราคาช่างภาพหลายๆ คน พิจารณาร่วมกับคุณภาพ (อย่าลืมมองหาตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะช่างถูกและดีมักถูกจองตัวไปล่วงหน้าหลายเดือน)
        ใช้บริการช่างกล้องที่เป็นคนรู้จัก อาจได้ราคาคนกันเอง/ฟรี ยิ่งถ้าใครเป็นช่างภาพมือใหม่ จะได้อัลบั้มภาพของเราเป็นผลงานใส่ Portfolio ของเขาเองด้วย
        จ้างแค่วันเดียว เน้นวันที่คนมาเยอะๆ 
        กล้องมือถือก็เก็บความทรงจำได้ดีไม่แพ้กัน ^^

 
7. ค่ารูปพิธีพระราชทาน/ประสาทปริญญาบัตรพร้อมกรอบรูป
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 0 ~ 3,500 บาท/วัน
 
        หากใครต้องการรูปช็อตที่เรารับพระราชทาน/ประสาทปริญญาบัตรไปติดฝาบ้าน ต้องเสียค่ารูปภาพและกรอบที่มีให้เลือกประมาณ 4-5 แบบ ราคาแพงตามขนาดและวัสดุ เช่น กรอบหลุยส์, กรอบทอง, กรอบศิลป์, กรอบอเด็มโก้, กรอบอิตาลี ฯลฯ รวมทั้งมีค่ารูปหมู่แยกอีกต่างหาก

วิธีลดต้นทุน
        - เลือกตามความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องใหญ่หรือหรูหรา


Photo Credit: Pixabay
 
8. ค่าที่พัก
ค่าเสียหายโดยประมาณ: 0 ~ 1,000 บาท/คืน
 
        บัณฑิตที่พักอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยวิทยาเขตนั้นๆ รวมทั้งคนที่เดินทางกลับบ้าน หรือไปทำงานที่ไกลๆ จำเป็นต้องหาที่พักประมาณ 3-4 คืน ตามจำนวนวันที่ซ้อมและรับจริง

วิธีลดต้นทุน
        - สำรวจราคาที่พักหลายๆ แห่ง พิจารณาร่วมกับคุณภาพ
        - นอนที่หอ/บ้านคนรู้จักที่อยู่ละแวกนั้น 

Photo Credit: Pixabay

 
9. ค่าเดินทาง
ค่าเสียหายโดยประมาณ: N/A 
 
        ถ้าที่พักไม่ได้อยู่ใกล้ถึงขั้นใช้เดินไปกลับได้ ก็ต้องเสียค่าวินมอเตอร์ไซค์, แท็กซี่, รถเมล์, รถไฟ, เรือ หรือเครื่องบิน บางคนใช้รถส่วนตัวก็ต้องเสียค่าน้ำมันด้วย  
 
วิธีลดต้นทุน
        - เลือกวิธีที่ประหยัดที่สุด อาจต้องใช้เวลามากกว่าสักนิดแต่หักลบค่าเดินทางแล้วคุ้มกว่า
        - ค้างคืนที่หอ/บ้านคนรู้จักที่อยู่ละแวกนั้น ช่วยประหยัดค่าเดินทางหลายๆ วันได้


Photo Credit: Pixabay

 
10. ค่าอัพหน้าและฟิตหุ่น
ค่าเสียหายโดยประมาณ: N/A 
 
        นับว่ามองการณ์ไกลมากทีเดียว สำหรับคนที่อยากอัพหน้าและฟิตหุ่นให้เป๊ะพร้อม ทั้งบัณฑิตหญิงและชายบางคนอาจต้องเสียค่าคอร์สรักษาสิวและผิวหน้า, ค่าเครื่องสำอางบำรุงผิว, ค่าฟิตเนส, ค่าเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับออกกำลังกาย ฯลฯ ความแรงของราคาจึงแล้วแต่กำลังทรัพย์ สภาพผิว และหุ่นของแต่ละคน
 
วิธีลดต้นทุน
        - สำรวจราคา พิจารณาควบคู่กับคุณภาพ (อย่าเน้นถูกแต่อันตราย เสี่ยงหน้าพัง)
        - ฟิตเนสในมหา'ลัยช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ หรืออาจออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือเล่นกีฬากับเพื่อนๆ แทน และอาจยืมเครื่องใช้/เครื่องแต่งกายจากคนรู้จัก 

Photo Credit: Pixabay

 
11. ค่าบูม(ให้รุ่นน้อง)
ค่าเสียหายโดยประมาณ: N/A  
 
        บางคนอาจงงๆ ว่าอะไรคือค่าบูม อธิบายก่อนว่าในวันรับปริญญาของบางมหา'ลัยจะมีรุ่นน้องทั้งคณะตัวเองและไม่ใช่คณะตัวเอง มาล้อมบัณฑิตเพื่อบูมและเต้นสันทนาการให้เรา ซึ่งจุดประสงค์ที่เล่นใหญ่กันขนาดนี้คือเพื่อแสดงความยินดี สร้างสัมพันธ์ และหาเงินเข้าคณะ เพราะหลังจากบูมเสร็จ พี่ๆ ที่อยู่ในวงมักจะควักเงินให้เล็กๆ น้อยๆ ตามกำลังทรัพย์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีรุ่นน้องบางส่วนที่บูมเพื่อเป็นสีสัน ไม่ได้หวังเงินใดๆ 
 
วิธีลดต้นทุน
        - ไม่ต้องเล่นใหญ่ ให้ตามกำลังทรัพย์ก็พอ หรือถ้าเราไม่สะดวกให้จริงๆ น้องๆ ก็ควรเข้าใจเช่นกัน โดยบัณฑิตอาจยกมือบอกพวกเขาไว้ก่อนจะวิ่งมาล้อมวง ***มีน้ำใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องไม่เดือดร้อนตัวเองด้วยค่ะ


 
12. ค่าจิปาถะ
ค่าเสียหายโดยประมาณ: N/A
 
        นอกจากค่าใช้จ่าย 11 ข้อด้านบนแล้ว อาจมีค่าเครื่องแบบหรืออุปกรณ์บางอย่างที่เราทำหายหรือต้องซื้อเพิ่ม เช่น เข็มขัด, เข็มตรามหาวิทยาลัย, เนกไท, กิ๊บดำ, ยางรัดผม, พร๊อพถ่ายรูป (เช่น แว่นดำ, มงกุฏดอกไม้), พลาสเตอร์, รองเท้าแตะ/ผ้าใบ (***สำคัญมากกกก ต้องเตรียมมาสำรองด้วยค่ะ ไม่งั้นเท้าระบมแน่ๆ) รวมทั้งกระโปรงหรือกางเกงที่ไม่สามารถรองรับสะโพกของเราได้อีกต่อไป! ดังนั้นน้องๆ อย่าลืมเช็คให้เรียบร้อยแล้วจดลิสต์เพื่อไปซื้อให้ครบด้วยนะคะ ^^
 
วิธีลดต้นทุน
        - สำรวจราคา พิจารณาควบคู่กับคุณภาพ
        - บางอย่างยืมเพื่อนหรือรุ่นน้องได้ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายของมหา'ลัย


 
        (/me ปาดเหงื่อ) เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับลิสต์รายจ่ายที่พี่นำมาฝากน้องๆ ถึงแม้ว่าวิธีลดต้นทุนอาจไม่ช่วยให้ตัวเลขเงินน้อยกว่าหลักพันได้ แต่อย่างน้อยถ้าเราเตรียมตัวดีๆ สำรวจช่องทางที่ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เราก็จะสบายกระเป๋าไปเยอะเลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญ พี่ขอให้น้องๆ นึกไว้เสมอเลยนะคะว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายเกินตัว อย่าจัดเต็มเกินความจำเป็นจนเดือดร้อนตัวเองและครอบครัวนะคะ ^^


 
พี่กุ๊กไก่
พี่กุ๊กไก่ - Columnist มนุษย์เบ้าหน้าจีน หวีดนักร้องไทย คลั่งไคล้ซีรี่ส์เกาหลี คลุกคลีกับอาหารญี่ปุ่น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

มัณทนา Member 26 ก.ย. 60 16:51 น. 1

ของเราเรียนจบรามเสียเงินแค่ค่าขึ้นทะเบียนบัณฑิตอย่างเดียวก็คุ้มแล้วค่ะ

ที่เหลือก็แค่ยื่นเอกสารเจตจำนงไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด