ตั้งแต่ฮีโร่อย่าง 'พี่ตูน' อาทิวราห์ คงมาลัย ออกมาวิ่งในโครงการ "ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" พี่เชื่อว่าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ต้องมีคนที่สังเกตเห็นสังคมไทยในแง่มุมต่างๆ และได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มมาอีกเยอะเลยค่ะ เดี๋ยวเราลองมาประมวลกันเล่นๆ ดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง!
1. โรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง ทำงานภายใต้งบที่ขาดแคลน
บางคนอาจยังไม่รู้ว่าพี่ตูนเคยวิ่ง 400 กิโลเมตรในโครงการ "ก้าวคนก้าว เพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน" เมื่อธันวาปี '59 มาแล้ว มาครั้งนี้ก้าวใหม่ก็เกิดขึ้นเมื่อเขาตั้งเป้าหมายว่าจะวิ่งจากใต้สุดที่ อ.เบตง จ.ยะลา สู่เหนือสุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อได้เงินแล้วจะนำไปช่วยสนับสนุนเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ใน 11 โรงพยาบาล
ส่วนเหตุผลที่โรงพยาบาลขาดแคลนงบจนประชาชนต้องออกมาระดมทุนซะเอง ก็มีคนวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะปัญหาจากการบริหารงบประมาณ หรือการจัดการภาษี (บ้านเราเก็บภาษีอัตราต่ำ แต่มีนโยบายรักษาพยาบาลให้คนจนเข้าถึงได้) ถึงแม้มีบางคนออกมาวิจารณ์ว่าการวิ่งครั้งนี้คือการแก้ที่ปลายเหตุ แต่เราก็เห็นแล้วค่ะว่าคนหันมาตื่นตัวเรื่องปัญหาด้านสาธารณสุขในประเทศมากขึ้นจริงๆ
2. เห็นเคสอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
ตั้งแต่พี่ตูนเริ่มวิ่ง ก็มีกรณีศึกษาเรื่องการออกกำลังกายให้เห็นตลอด เล่าก่อนว่าพี่ตูนต้องวิ่งในโครงการนี้เป็นระยะทางกว่า 2,191 กม. ภายใน 2 เดือน แปลว่าเขาต้องใช้งานกล้ามเนื้อหนักมากแบบต่อเนื่องหลายวันกว่าจะได้พักสักวัน อีกทั้งยังมีประชาชนบางโซนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ รั้งตัวพี่ตูนไปถ่ายเซลฟี่ หรือยื่นกีตาร์ให้เซ็น ยังไม่นับเผลอใช้เล็บจิกกับเหยียบเท้าด้วย ภารกิจการวิ่งที่โหด(มาก) และการวิ่งๆ หยุดๆ ส่งผลให้ที่ผ่านมามีข่าวว่าพี่ตูนเอ็นร้อยหวายอักเสบ, กล้ามเนื้อเส้นเอ็นของหน้าแข้งอักเสบ หรือปลอกเส้นเอ็นอักเสบ
ขอเสริมเป็นความรู้นิดนึง ผลกระทบจากการวิ่งๆ หยุดๆ ไม่จบแค่ขาเดี้ยงนะคะ เพราะขณะที่คนเราวิ่ง หัวใจจะเต้นเร็ว เลือดจะสูบฉีด และระบบโลหิตกำลังทำงาน พอหยุดกะทันหันขึ้นมา หัวใจจะสูบฉีดเลือดมากขึ้น กล้ามเนื้อจะคลายตัว ทำให้เลือดสูบฉีดมาเลี้ยงหัวใจน้อยลง อาจส่งผลให้หน้ามืด วิงเวียน หรือบางคนถึงขั้นช็อกหมดสติได้เลยค่ะ
ได้ยินแบบนี้แล้ว...ถ้ารักพี่ตูนจริง อย่าลืม #SaveToon ด้วยนะคะ ^^
3. ได้ไอดอลของการฟิตหุ่น
ต่อจากข้อที่แล้ว บางคนสงสัยว่าทำไมพี่ตูนถึงวิ่งได้ถึกขนาดนั้น? คือปกติแล้วเราจะชินตากับภาพพี่ตูนคนผอมยืนร้องเพลงร็อกบนเวทีใช่ไหมคะ แต่จริงๆ เขาออกกำลังกายและเล่นกีฬาเป็นประจำ ร่างกายจึงสตรองขึ้นมาอย่างที่เห็น มาคราวนี้เขาออกโรงมาวิ่งเพื่อชาติ เทรนด์การวิ่งเลยฮิตขึ้นมา และจุดไฟให้หลายคนอยากลุกมาวิ่งเพื่อสุขภาพบ้าง
นอกจากนี้ยังมีโครงการน่ารักๆ เกิดขึ้นด้วย ชื่อ "ก้าวขนานก้าว" ซึ่งเกิดขึ้นเพื่อชวนคนมาวิ่ง 55 วันไปพร้อมๆ พี่ตูน วิธีคือวิ่งที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องออกไปร่วมขบวนกับพี่ตูน(เดี๋ยวรถติด) ใครสนใจเข้าไปติดตามได้ที่เพจ ThaiRun ฮับความสุขนักวิ่ง ได้เลยค่ะ ^^
4. รู้จักของดีประจำจังหวัด
ไม่ว่าซุป'ตาร์ตูนจะวิ่งไปไหน ก็ต้องได้ของเทคติดไม้ติดมือมาตลอด ทั้งภาพวาด อาหาร น้ำ ขนมนานา เงินประดิษฐ์ ฯลฯ และความพิเศษอยู่ที่ชาวบ้านได้พรีเซนต์ของดีประจำจังหวัดไปในตัว อย่างส้มโอนครปฐม, โอ่งมังกรจิ๋วจากราชบุรี, หนังตะลุงพี่ตูนจากนครศรีธรรมราช, ทุเรียนเมืองนนท์ ฯลฯ เอาเป็นว่าถ้าใครนั่งดูจอ Live หรือส่องเพจ "วันนี้พี่ตูนได้อะไร" บ่อยๆ ก็จะได้สาระเรื่องของดีในท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้านกันไปเต็มๆ เลยจ้าา
5. อมยิ้มกับสีสันในโลกโซเชียล
กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แบบกระแสไม่มีตกเลยค่ะสำหรับผู้ชายสายวิ่งคนนี้ ไม่ว่าจะเลื่อนแอปฯ โซเชียลไหนก็เจอแต่คนหยิบเรื่องนี้มาเล่น เอาที่ดังๆ ก็อย่างเพจ วันนี้พี่ตูนได้อะไร ที่ยอดไลก์หลักแสนไปแล้ว สังเกตง่ายๆ คือรูปโปรเป็นพี่ตูนแบกกล้วยเครือยักษ์ หรือแม้กระทั่งเฟรมรูปโปรไฟล์เฟซบุ๊กที่ออกมาลดปัญหาไม่ให้คนไปฉุดพี่ตูนมาเซลฟี่ นอกจากนี้ยังมีคนมาแชร์ภาพถ่าย, แฟนอาร์ตพี่ตูน, เพลงคัฟเวอร์ให้กำลังใจอยู่ตลอด เป็นบรรยากาศที่อยากกด Favorite เก็บไว้มากๆ
6. มองเห็นปรากฏการณ์น้ำใจที่ไม่มีแบ่งแยก
มีไม่บ่อยที่คนหลากหลายวงการจะผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ตูนขนาดนี้ ทั้งนักร้อง นักแสดง หรือพิธีกร อย่าง ก้อย-รัชวิน (หวานใจพี่ตูน), แพนเค้ก, โดม-ปกรณ์ลัม, เจนนี่-ปาหนัน, ดีเจพุฒ, ติ๊ก ชีโร่, จั๊กจั่น ฯลฯ หรือนักมวยอย่าง บัวขาว-บัญชาเมฆ ก็ได้ออกมาวิ่งเป็นเพื่อนด้วย ยังไม่นับศิลปินอีกมากมายที่ทั้งให้กำลังใจและออกมาทำ VTR เป็นแรงซัพพอร์ต หรือแม้กระทั่งคนดังระดับโลกยังส่งแรงใจมาให้เขา อย่าง โม ฟาราห์ นักวิ่งเหรียญทองโอลิมปิก หรือ เอ็ด ชีแรน ที่เซ็นหมวกโครงการก้าวคนละก้าวให้ตูนในวันที่เขามาแสดงคอนเสิร์ตในไทย
นอกจากนี้เรายังเห็นภาพของเด็กวชิราวุธ, วงดนตรีผู้ป่วยของ รพ.พระมงกุฎ, วงดนตรีจากหลายโรงเรียน และคนต่างวัยหลายพื้นที่หลายศาสนา พร้อมใจออกมาต้อนรับเขา หรือจัดการระดมทุนในพื้นที่เล็กๆ อย่างหมู่บ้าน หรือห้างสรรพสินค้า เพื่อช่วยพี่ตูนอีกแรง
7. เศร้ากับด้านมืดในสังคมไทย
พูดถึงด้านน่ารักไปแล้ว คราวนี้ลองพลิกมาอีกด้านดู เราจะเห็นว่าในสังคมเรามักมีคนมอง การทำดี = การสร้างภาพลักษณ์ อยู่เสมอ แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ก็มีดาราโดนข้อหาสร้างภาพไปเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเคยเจอเคสนั้นจริงๆ หรือไม่เชื่อว่าจะมีคนทุ่มเททำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนขนาดนี้
อีกเรื่องนึงคือ ความขี้อวดของคนไทยแบบไม่ดูสถานการณ์ หลักๆ คือเรื่องฉุดมาเซลฟี่เพียงเพราะอยากอวดลงโซเชียลว่าเราได้เจอคนดัง เราได้ถ่ายรูปกับเขา และไม่ว่าจะมีคนออกมาห้ามเตือนสักกี่ครั้ง ก็ยังมีให้เห็นตลอด อันนี้เป็นเรื่องที่หลายคนหาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม
อ่านถึงตรงนี้อาจมีคนที่ทั้งเห็นด้วยหรือเห็นต่างไปจากนี้ อย่าลืมมาแชร์แง่มุมที่น้องๆ เห็นกันบ้างนะคะ ^^ สำหรับใครที่อยากติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมดูช่องทางการบริจาค สามารถเข้าไปได้ที่เว็บ www.kaokonlakao.com ได้เลยค่าา



0 ความคิดเห็น