คำเตือน เก็บหลักฐานเงียบๆ นะคะ ถ้าไปรีบขู่ให้เขารู้ตัวเหมือนกับในหนัง ภัยอาจมาถึงตัว
แกล้งนักใช่มั้ย!!? 7 ไม้ตายรับมือปัญหา Bully การรังแกในวัยเรียน!
คำเตือน เก็บหลักฐานเงียบๆ นะคะ ถ้าไปรีบขู่ให้เขารู้ตัวเหมือนกับในหนัง ภัยอาจมาถึงตัว
การbully แก้ยากนะ เพราะสาเหตุมันมาจากผู้แกล้งบ้างครั้งก็ต้องการความเด่นต้องการสะใจในทางที่ผิดแก้ยากและอันตรายกว่าที่คิดมาก บางครั้งก็มาจากปมของคนที่แกล้งไม่ใช่ของคนที่ถูกแกล้ง
อัดหน้าจอโอเคเด็กโดนแกล้งทุกคนมีเป็นข้อมูลพื้นฐานแต่จะใช้ยังไง ส่วนมากคือเอาไปฟ้องเป็นหลักฐานตอนโดนกระทำแล้ว แต่จริงๆซิกแซกได้มากกว่านั้นถ้าใช้เป็น ถ้าอ่านเกมพลาดเข้าตัว
ถึงเพจใหญ่...อันนี้ยากอยู่คือเพจบางครั้งก็ตีข่าวๆแต่ข่าวน่าสนใจ อาจต้องใช้จิตวิทยาอยู่ แต่ถ้าข่าวใหญ่หรือแรงจริงทางนี้เวิร์กสุด
บอกครูอาจารย์ วิธีดีที่สุดที่ใช้ในชีวิตจริงยากที่สุด!
เพื่อนฝ่ายธรรมะ...วิธีดีแต่เพื่อนต้องไว้ใจได้ ปกติเด็กโดนแกล้งบางกรณีโดนสังคมกีดกันไร้คนเหลียวแล ใครมันจะอยากมาเป็นเป้าด้วยอีกคนเหมือนในละครล่ะ ถ้าจะเอาจริงๆให้เล่นเป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ในสังคมสร้างเครือข่ายเพื่อป้องกันตัวเองเเละเพื่อประจานด้วยหลักฐานข้างบน ชนิดว่าหลากหลายเลยแต่ให้ทำใจเผื่อเอาไว้ด้วยว่าบ้างครั้งเขาจะไม่ลงมาช่วยเราเพราะเขาก็รักตัวกลัวตาย ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
ฝึกศิลปะป้องกันตัว ดี!แต่อย่าหวังผลมากเหมือนในละคร ระวังตัวปัดป้องไอคิโดกำลังเหมาะ ถ้ามวยเลยร่างกายเเข็งแรงพอรึเปล่าล่ะ เอาเป็นพวกทริคในการปัดป้องจะออกผลเร็วกว่า สิ่งสำคัญคืออย่าพึ่งตกใจตั้งสติดีๆอย่าปล่อยให้ความกลัวครอบงำถ้ามันรุมหาสิ่งรอบตัวช่วย
กำจัดจุดอ่อน...นี่คือกรณีที่...เริ่มต้นมาจากการยอมรับตัวเอง แต่ไม่ใช่การโทษตัวเองและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
และไม่ใช่เหตุผลที่จะแกล้งใครเพียงเพราะเขามีจุดอ่อน ไม่ใช่เหตุผลการแกล้งยังคงมีความผิด แต่การแก้ไขตัวเองเป็นการเพิ่มความสง่างามและความภูมิใจในตัวเอง
ถึงคนโดนแกล้งทุกคนที่อ่านโพสนี้...อย่ายอมแพ้อย่าทิ้งชีวิตของพวกคุณ อย่าทิ้งสิ่งมีค่าของคุณอย่าทิ้งความภาคภูมิใจในตัวเอง อย่าทิ้งความหวัง นึกถึงความฝันของพวกคุณ สู้ต่อไปอย่าให้มันมาทำร้ายอะไรของคุณได้มากกว่านี้ ใช้สติโต้ตอบกับปัญหา ร้องไห้ได้แต่อย่าร้องไห้จนโทรมเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ หาคนช่วยเหลือแต่จำไว้ว่าคนที่จะช่วยคุณจริงๆคือครอบครัวและตัวคุณเองเป็นสำคัญ ถ้าเมื่อไหร่ที่มันอันตรายเกินกว่าคุณจะรับได้ทิ้งทุกอย่างแล้วเอาตัวคุณเองรอดชีวิตของคุณความปลอดภัยของคุณสำคัญที่สุด แต่ถ้าไหวจงเชื่อมั่นในตนเองและสู้ต่อไปในแนวทางของคุณ เสียใจได้อย่าเสียใจมากก็พอแล้วและอย่าเสียใจตลอดไป ถ้าเป็นไปได้เอาให้รู้ผลเลยก็ดีจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีก ศึกษาจิตวิทยาเยอะๆจะเป็นประโยชน์มาก ความอดทนสูงๆในการดำเนินแผนสำคัญมาก ในการพยุงจิตใจไม่ให้มันแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆจนกลายเป็นแผลที่ไม่อาจแก้
ทุกแผนใช้ได้จริงตามแต่สถานการณ์ แต่จะใช้ได้ไหมมันขึ้นอยู่กับคุณถนัดอะไร
และสุดท้ายมันก็จะผ่านพ้นไปในสักวันไม่คงอยู่ไปตลอดกาลไม่ว่าแก้ได้หรือไม่ได้ก็ตาม
เป็นประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ^^ ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจน้องๆ นะคะ
ไม่เห็นด้วยกับข้อสุดท้ายค่ะ
เรามองว่าการบูลลี่เกิดจากฝ่ายบูลลี่ไม่ใช่ฝ่ายถูกบูลลี่ แล้วข้อสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจาก Victim Blaming เลย เด็กคนนึงอยู่ดีๆ โดนเด็กอีกคนเข้ามาแกล้งแล้วมาบอกให้เด็กถูกแกล้งปรับตัว เปลี่ยนตัวเอง?? เราว่าไม่โอเคเลยค่ะ เราคิดว่าในที่ๆ พวกเราอยู่เราควรสามารถใช้ชีวิตได้แบบที่เราเป็นเรา
มันมีหลายเคสก็จริงและเราเลือกทำตามข้อแนะนำด้านบนได้ แต่ขอผ่านสำหรับข้อสุดท้าย
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นในอีกมุมมองนึงค่ะ ^^
เนื่องจากพี่ได้รวบรวมวิธีเหล่านี้จากประสบการณ์จริงของผู้ที่เคยถูก bully และคิดว่าอาจได้ผลสำหรับบางคน จึงนำมากล่าวถึงในบทความนี้ร่วมด้วย แต่หากว่าเนื้อหาบางส่วนทำให้น้องรู้สึกไม่ดี พี่ต้องขออภัยจากใจจริง และในจุดนี้พี่ได้ขยายความเพิ่มเติมในเนื้อหาเรียบร้อยแล้วค่ะ
สุดท้ายนี้หากน้องกำลังเจอสถานการณ์นี้อยู่ พี่ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ
เป็นอีกคนหนึ่งที่โดน bully หนักมาก เรียน 3 สัปดาห์แรกก็มีคนมาเขียนด่าในสมุดตัวเองว่าติ๊งต๊อง ปัญญาอ่อน ต่อๆมาก็โดนปล่อยข่าวเสียๆหายๆ โดนโห่ร้องไล่ใส่ตอนเดินตามที่ต่างๆในโรงเรียน ไม่มีกลุ่มทำงาน เพื่อนไม่ให้เข้า พอขออาจารย์ก็โกรธมาก โยนงานให้ทำคนเดียว จนขออาจารย์ทำคนเดียวดีกว่า ถึงงานจะหนักก็ดีกว่าไปฝืนใคร กินข้าวคนเดียว บางทีทนไม่ไหวก็ขอให้แม่พาไปกินข้าวข้างนอกตอนกลางวัน แอบยามหน้าโรงเรียนหนีมาเพื่อกินข้าว เวลากินข้าวที่โรงอาหารก็จะโดนชนให้ขายหน้ากลางโรงอาหาร อาหารตกกระจายโคตรเสียดายมากๆ จะไปซื้อใหม่ก็อาย สัปดาห์ต่อมา มีเด็กคนหนึ่งถือน้ำจิ้มสุกี้ นางก็ขัดขาน้องให้น้ำจิ้มมาโดนเรา เต็มหลังเลย บ่ายเรียนคอมด้วย กลิ่นฟุ้งเต็มห้องเลย อาจารย์ก็พูดว่าหิวสุกี้ ก็ขำอ่ะ เหมือนแกรู้ว่าเราเจออะไรมา เพื่อนตอนประถมดูออกว่าเราโดนแกล้ง ก็มาเป็นการ์ด คอยเดินกันเราตลอด ใครมาเบียด ก็เบียดกลับไม่เลือกหน้า ล้มระเนระนาดไปเลยก็มี มันก็ได้แค่ทำหน้าไม่พอใจใส่ แล้วก็ปั่นข่าวแรงไปอีก เวลามันมาแกล้งทีก็มาเป็นกลุ่มๆ จนเราเป็นโรคกลัวสังคม รู้สึกไม่ดีตลอดเวลาที่ต้องพยายามเข้ากับคนอื่น เคยแอบไปร้องไห้หลังจากอยู่กับคนหมู่มาก มันรู้สึกขยะแขยงจนอยากอาเจียน เวลาเห็นเพื่อนเยอะๆมาเป็นกลุ่มๆ อดคิดถึงพวกนั้นไม่ได้จริงๆสำหรับ7 วิธีที่กล่าวมานะ ข้อแรกนี่ตัดเลย 55555 เพราะมันพูดด่าจนแบบ ใครๆก็พูดกันไหม จะอัดเสียงไปทำไม ทุกคนเชื่อข่าวลือหมดเลย ข้อ2นี่แล้วใหญ่มาก โดนถล่มเละเองแน่ๆ ปรึกษาครู อห ครูเขาก็เชื่อค่ะ มันปล่อยใส่ครูด้วย พ่อแม่เราเป็นครูในโรงเรียนด้วย โดนฟ้องทุกวันจากนักเรียนและอาจารย์ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อ แต่นึกถึงจิตใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เป็นครู แล้วโดนเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ที่ทำงาน ลูกศิษย์มาฟ้องข่าวลือเป่าหูทุกวันดูสิ เสาหินว่าแข็งแรงเจอคนโยกเป็นร้องยังเอียงได้ โดนไปสามปี พ่อแม่ก็เชื่อไปด้วย คือเจ็บมาก ฝึกศิลปะป้องกันตัวก็ใช้ได้แค่พวกที่รังแกโดยใช้กำลัง แต่มันหยุดปากคนไม่ได้จริงๆ แถมทำตัวดียังไง ก็ไม่เคยเปลี่ยนความคิดใครได้เลย จนกระทั่ง แท่ม แทม แทม ข้อ4 ค่ะ เข้าหาเพื่อนฝ่ายธรรมมะ มันเป็นข้อที่ยากมากนะ สำหรับคนโดนแกล้งที่จะหาใครดีสักคน อย่างหนูเนี่ย กว่าจะทำให้ใครสักคนเชื่อว่าหนูไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือก็ปาไปสามปีจนเข้าปีที่สี่ เจอกันครั้งแรกก็ใช่ว่าจะดีเลย แทบจะตบกันตั้งแต่วันแรกที่เจอ วันที่สองมันชวนให้มากินข้าวเฉย ตอนหลังๆมันบอกว่าอยากพิสูจน์เรื่องข่าวลือ เพราะเห็นท่าทางตอนเรามีเรื่องมันแปลกๆ คนที่โดนแกล้งก็ลองดูได้นะ เผื่อฟลุค55555 พอมันรู้เช่นเห็นชาตินิสัยเราหมดแล้ว มันจะมีคนนินทาเราแบบผิดๆ ก็ลุยไปด่ากลางวงเลย วงแตกกระจุยมาก ใครโห่ใส่ ชอบดึงเรามาหามัน แล้วถามว่าเฮ้ย มีไรว่ะ ท่าทางแบบหาเรื่องมาก วงแตกอีก แล้วมันก็โดนพวกนั้นปล่อยข่าวลือกลับ คนด่ามันเละมาก แต่ทำให้มันตาสว่างพรึ่บๆ หลังจากเชื่อข่าวลือมาหลายปี แถมเห็นกมลสันดานเพื่อนหมดล่ะ มีคนชอบแอบถ่ายรูปเราด้วยนะ แล้วเอาไปให้เพื่อนเราดู แบบ ตาสว่างยังเห็นรูปนี้ บอกแล้วว่ามันเป็นจริงๆ แต่เพื่อนเรามีคลิปนะ55555 ตอนนอนยันตื่น มีรูปแอบถ่ายเราทั้งวัน มีคลิปอีก มีแค่รูปเดียวทำเหมือนรู้ดีมาก มันทำแบบนี้กับหลายคนเลยจนคนไม่อยากคบเรา เสียเพื่อนด้วย แต่มันไม่อยากเผาเราเลยเงียบๆ ตอนเราโดนครูลงโทษหน้าแถว ก็แอบถ่ายเราไปนินทาอีก ดีที่หลบหลังพี่ รู้ทัน เคยโดนตะโกนใส่ว่า อย่างแกอ่ะมีเพื่อนด้วยเหรอ อยากเห็นหน้าว่ะว่าคนไหน โกรธมาก วิ่งไปเล่าให้เพื่อนฟังเดี๊ยวนั้นเลย แล้วหนูก็ควงแขนเพื่อน คุยกันเสียงดังมากให้มันได้ยิน เดินบิดก้นสะบัดบ๊อบใส่ มองด้วยหางตาแวบนึงแล้วก็เดินผ่าน มันและเพื่อนมันทั้งกลุ่มทำหน้าเหมือนโดนตบมาโดยไม่ต้องเปลืองแรงเลย เชื่อแล้วว่าชีวิตยิ่งกว่านิยาย มันอาจดูเหมือนเรื่องแต่งนะ แต่จริงๆแล้วคุณเองก็เคยนินทากันทุกคนนั่นแหละ เพียงแต่คุณอาจไม่ได้รู้เบื้องหลังไปทุกคนเท่านั้นเอง ไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่คุณพูดให้คนอื่นฟังจะส่งผลกระทบอะไรกับใคร ความหวังดีที่คุณคิดว่าให้เขา มันอาจทำร้ายเขามากที่สุดก็ได้เท่านั้นเอง
การมีเพื่อนสักคนนี่แหละดีที่สุดแล้ว ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนฝ่ายธรรมมะได้ไม่เต็มปากเท่าไรนัก เพราะนิสัย55555 แต่เพื่อนก็คือเพื่อนอ่ะ ปัจจุบันเรียนมหาลัยแล้ว มีเพื่อนเยอะ ไม่มีข่าวลือทำร้าย โรคกลัวสังคมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องปรับทัศนคติตัวเองทุกวัน ถึงยังไม่หายสนิท แต่ก็เชื่อว่าสักวันมันต้องหาย หนูจะต้องมองคนในแง่ดีๆให้ได้ ฝากถึงคนที่ถูกแกล้ง คุณต้องเปิดใจนะ หาเพื่อนดีๆให้ได้ ต้องอดทน ถึงจะใช้เวลาหลายปี อาจจะฮาร์ดคอไปบ้าง เชื่อพี่เถอะว่ามันคุ้มค่าจริงๆ
เพื่อนเด็ดมากกกกก ดีใจที่น้องผ่านมาได้ค่ะ ><
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
4 ความคิดเห็น
การbully แก้ยากนะ เพราะสาเหตุมันมาจากผู้แกล้งบ้างครั้งก็ต้องการความเด่นต้องการสะใจในทางที่ผิดแก้ยากและอันตรายกว่าที่คิดมาก บางครั้งก็มาจากปมของคนที่แกล้งไม่ใช่ของคนที่ถูกแกล้ง
อัดหน้าจอโอเคเด็กโดนแกล้งทุกคนมีเป็นข้อมูลพื้นฐานแต่จะใช้ยังไง ส่วนมากคือเอาไปฟ้องเป็นหลักฐานตอนโดนกระทำแล้ว แต่จริงๆซิกแซกได้มากกว่านั้นถ้าใช้เป็น ถ้าอ่านเกมพลาดเข้าตัว
ถึงเพจใหญ่...อันนี้ยากอยู่คือเพจบางครั้งก็ตีข่าวๆแต่ข่าวน่าสนใจ อาจต้องใช้จิตวิทยาอยู่ แต่ถ้าข่าวใหญ่หรือแรงจริงทางนี้เวิร์กสุด
บอกครูอาจารย์ วิธีดีที่สุดที่ใช้ในชีวิตจริงยากที่สุด!
เพื่อนฝ่ายธรรมะ...วิธีดีแต่เพื่อนต้องไว้ใจได้ ปกติเด็กโดนแกล้งบางกรณีโดนสังคมกีดกันไร้คนเหลียวแล ใครมันจะอยากมาเป็นเป้าด้วยอีกคนเหมือนในละครล่ะ ถ้าจะเอาจริงๆให้เล่นเป็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ในสังคมสร้างเครือข่ายเพื่อป้องกันตัวเองเเละเพื่อประจานด้วยหลักฐานข้างบน ชนิดว่าหลากหลายเลยแต่ให้ทำใจเผื่อเอาไว้ด้วยว่าบ้างครั้งเขาจะไม่ลงมาช่วยเราเพราะเขาก็รักตัวกลัวตาย ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
ฝึกศิลปะป้องกันตัว ดี!แต่อย่าหวังผลมากเหมือนในละคร ระวังตัวปัดป้องไอคิโดกำลังเหมาะ ถ้ามวยเลยร่างกายเเข็งแรงพอรึเปล่าล่ะ เอาเป็นพวกทริคในการปัดป้องจะออกผลเร็วกว่า สิ่งสำคัญคืออย่าพึ่งตกใจตั้งสติดีๆอย่าปล่อยให้ความกลัวครอบงำถ้ามันรุมหาสิ่งรอบตัวช่วย
กำจัดจุดอ่อน...นี่คือกรณีที่...เริ่มต้นมาจากการยอมรับตัวเอง แต่ไม่ใช่การโทษตัวเองและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง
และไม่ใช่เหตุผลที่จะแกล้งใครเพียงเพราะเขามีจุดอ่อน ไม่ใช่เหตุผลการแกล้งยังคงมีความผิด แต่การแก้ไขตัวเองเป็นการเพิ่มความสง่างามและความภูมิใจในตัวเอง
ถึงคนโดนแกล้งทุกคนที่อ่านโพสนี้...อย่ายอมแพ้อย่าทิ้งชีวิตของพวกคุณ อย่าทิ้งสิ่งมีค่าของคุณอย่าทิ้งความภาคภูมิใจในตัวเอง อย่าทิ้งความหวัง นึกถึงความฝันของพวกคุณ สู้ต่อไปอย่าให้มันมาทำร้ายอะไรของคุณได้มากกว่านี้ ใช้สติโต้ตอบกับปัญหา ร้องไห้ได้แต่อย่าร้องไห้จนโทรมเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ หาคนช่วยเหลือแต่จำไว้ว่าคนที่จะช่วยคุณจริงๆคือครอบครัวและตัวคุณเองเป็นสำคัญ ถ้าเมื่อไหร่ที่มันอันตรายเกินกว่าคุณจะรับได้ทิ้งทุกอย่างแล้วเอาตัวคุณเองรอดชีวิตของคุณความปลอดภัยของคุณสำคัญที่สุด แต่ถ้าไหวจงเชื่อมั่นในตนเองและสู้ต่อไปในแนวทางของคุณ เสียใจได้อย่าเสียใจมากก็พอแล้วและอย่าเสียใจตลอดไป ถ้าเป็นไปได้เอาให้รู้ผลเลยก็ดีจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจอีก ศึกษาจิตวิทยาเยอะๆจะเป็นประโยชน์มาก ความอดทนสูงๆในการดำเนินแผนสำคัญมาก ในการพยุงจิตใจไม่ให้มันแตกร้าวเป็นเสี่ยงๆจนกลายเป็นแผลที่ไม่อาจแก้
ทุกแผนใช้ได้จริงตามแต่สถานการณ์ แต่จะใช้ได้ไหมมันขึ้นอยู่กับคุณถนัดอะไร
และสุดท้ายมันก็จะผ่านพ้นไปในสักวันไม่คงอยู่ไปตลอดกาลไม่ว่าแก้ได้หรือไม่ได้ก็ตาม
เป็นประโยชน์มากๆ เลยค่ะ ^^ ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจน้องๆ นะคะ
ไม่เห็นด้วยกับข้อสุดท้ายค่ะ
เรามองว่าการบูลลี่เกิดจากฝ่ายบูลลี่ไม่ใช่ฝ่ายถูกบูลลี่ แล้วข้อสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจาก Victim Blaming เลย เด็กคนนึงอยู่ดีๆ โดนเด็กอีกคนเข้ามาแกล้งแล้วมาบอกให้เด็กถูกแกล้งปรับตัว เปลี่ยนตัวเอง?? เราว่าไม่โอเคเลยค่ะ เราคิดว่าในที่ๆ พวกเราอยู่เราควรสามารถใช้ชีวิตได้แบบที่เราเป็นเรา
มันมีหลายเคสก็จริงและเราเลือกทำตามข้อแนะนำด้านบนได้ แต่ขอผ่านสำหรับข้อสุดท้าย
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นในอีกมุมมองนึงค่ะ ^^
เนื่องจากพี่ได้รวบรวมวิธีเหล่านี้จากประสบการณ์จริงของผู้ที่เคยถูก bully และคิดว่าอาจได้ผลสำหรับบางคน จึงนำมากล่าวถึงในบทความนี้ร่วมด้วย แต่หากว่าเนื้อหาบางส่วนทำให้น้องรู้สึกไม่ดี พี่ต้องขออภัยจากใจจริง และในจุดนี้พี่ได้ขยายความเพิ่มเติมในเนื้อหาเรียบร้อยแล้วค่ะ
สุดท้ายนี้หากน้องกำลังเจอสถานการณ์นี้อยู่ พี่ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ
เป็นอีกคนหนึ่งที่โดน bully หนักมาก เรียน 3 สัปดาห์แรกก็มีคนมาเขียนด่าในสมุดตัวเองว่าติ๊งต๊อง ปัญญาอ่อน ต่อๆมาก็โดนปล่อยข่าวเสียๆหายๆ โดนโห่ร้องไล่ใส่ตอนเดินตามที่ต่างๆในโรงเรียน ไม่มีกลุ่มทำงาน เพื่อนไม่ให้เข้า พอขออาจารย์ก็โกรธมาก โยนงานให้ทำคนเดียว จนขออาจารย์ทำคนเดียวดีกว่า ถึงงานจะหนักก็ดีกว่าไปฝืนใคร กินข้าวคนเดียว บางทีทนไม่ไหวก็ขอให้แม่พาไปกินข้าวข้างนอกตอนกลางวัน แอบยามหน้าโรงเรียนหนีมาเพื่อกินข้าว เวลากินข้าวที่โรงอาหารก็จะโดนชนให้ขายหน้ากลางโรงอาหาร อาหารตกกระจายโคตรเสียดายมากๆ จะไปซื้อใหม่ก็อาย สัปดาห์ต่อมา มีเด็กคนหนึ่งถือน้ำจิ้มสุกี้ นางก็ขัดขาน้องให้น้ำจิ้มมาโดนเรา เต็มหลังเลย บ่ายเรียนคอมด้วย กลิ่นฟุ้งเต็มห้องเลย อาจารย์ก็พูดว่าหิวสุกี้ ก็ขำอ่ะ เหมือนแกรู้ว่าเราเจออะไรมา เพื่อนตอนประถมดูออกว่าเราโดนแกล้ง ก็มาเป็นการ์ด คอยเดินกันเราตลอด ใครมาเบียด ก็เบียดกลับไม่เลือกหน้า ล้มระเนระนาดไปเลยก็มี มันก็ได้แค่ทำหน้าไม่พอใจใส่ แล้วก็ปั่นข่าวแรงไปอีก เวลามันมาแกล้งทีก็มาเป็นกลุ่มๆ จนเราเป็นโรคกลัวสังคม รู้สึกไม่ดีตลอดเวลาที่ต้องพยายามเข้ากับคนอื่น เคยแอบไปร้องไห้หลังจากอยู่กับคนหมู่มาก มันรู้สึกขยะแขยงจนอยากอาเจียน เวลาเห็นเพื่อนเยอะๆมาเป็นกลุ่มๆ อดคิดถึงพวกนั้นไม่ได้จริงๆสำหรับ7 วิธีที่กล่าวมานะ ข้อแรกนี่ตัดเลย 55555 เพราะมันพูดด่าจนแบบ ใครๆก็พูดกันไหม จะอัดเสียงไปทำไม ทุกคนเชื่อข่าวลือหมดเลย ข้อ2นี่แล้วใหญ่มาก โดนถล่มเละเองแน่ๆ ปรึกษาครู อห ครูเขาก็เชื่อค่ะ มันปล่อยใส่ครูด้วย พ่อแม่เราเป็นครูในโรงเรียนด้วย โดนฟ้องทุกวันจากนักเรียนและอาจารย์ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อ แต่นึกถึงจิตใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่เป็นครู แล้วโดนเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ที่ทำงาน ลูกศิษย์มาฟ้องข่าวลือเป่าหูทุกวันดูสิ เสาหินว่าแข็งแรงเจอคนโยกเป็นร้องยังเอียงได้ โดนไปสามปี พ่อแม่ก็เชื่อไปด้วย คือเจ็บมาก ฝึกศิลปะป้องกันตัวก็ใช้ได้แค่พวกที่รังแกโดยใช้กำลัง แต่มันหยุดปากคนไม่ได้จริงๆ แถมทำตัวดียังไง ก็ไม่เคยเปลี่ยนความคิดใครได้เลย จนกระทั่ง แท่ม แทม แทม ข้อ4 ค่ะ เข้าหาเพื่อนฝ่ายธรรมมะ มันเป็นข้อที่ยากมากนะ สำหรับคนโดนแกล้งที่จะหาใครดีสักคน อย่างหนูเนี่ย กว่าจะทำให้ใครสักคนเชื่อว่าหนูไม่ได้เป็นไปตามข่าวลือก็ปาไปสามปีจนเข้าปีที่สี่ เจอกันครั้งแรกก็ใช่ว่าจะดีเลย แทบจะตบกันตั้งแต่วันแรกที่เจอ วันที่สองมันชวนให้มากินข้าวเฉย ตอนหลังๆมันบอกว่าอยากพิสูจน์เรื่องข่าวลือ เพราะเห็นท่าทางตอนเรามีเรื่องมันแปลกๆ คนที่โดนแกล้งก็ลองดูได้นะ เผื่อฟลุค55555 พอมันรู้เช่นเห็นชาตินิสัยเราหมดแล้ว มันจะมีคนนินทาเราแบบผิดๆ ก็ลุยไปด่ากลางวงเลย วงแตกกระจุยมาก ใครโห่ใส่ ชอบดึงเรามาหามัน แล้วถามว่าเฮ้ย มีไรว่ะ ท่าทางแบบหาเรื่องมาก วงแตกอีก แล้วมันก็โดนพวกนั้นปล่อยข่าวลือกลับ คนด่ามันเละมาก แต่ทำให้มันตาสว่างพรึ่บๆ หลังจากเชื่อข่าวลือมาหลายปี แถมเห็นกมลสันดานเพื่อนหมดล่ะ มีคนชอบแอบถ่ายรูปเราด้วยนะ แล้วเอาไปให้เพื่อนเราดู แบบ ตาสว่างยังเห็นรูปนี้ บอกแล้วว่ามันเป็นจริงๆ แต่เพื่อนเรามีคลิปนะ55555 ตอนนอนยันตื่น มีรูปแอบถ่ายเราทั้งวัน มีคลิปอีก มีแค่รูปเดียวทำเหมือนรู้ดีมาก มันทำแบบนี้กับหลายคนเลยจนคนไม่อยากคบเรา เสียเพื่อนด้วย แต่มันไม่อยากเผาเราเลยเงียบๆ ตอนเราโดนครูลงโทษหน้าแถว ก็แอบถ่ายเราไปนินทาอีก ดีที่หลบหลังพี่ รู้ทัน เคยโดนตะโกนใส่ว่า อย่างแกอ่ะมีเพื่อนด้วยเหรอ อยากเห็นหน้าว่ะว่าคนไหน โกรธมาก วิ่งไปเล่าให้เพื่อนฟังเดี๊ยวนั้นเลย แล้วหนูก็ควงแขนเพื่อน คุยกันเสียงดังมากให้มันได้ยิน เดินบิดก้นสะบัดบ๊อบใส่ มองด้วยหางตาแวบนึงแล้วก็เดินผ่าน มันและเพื่อนมันทั้งกลุ่มทำหน้าเหมือนโดนตบมาโดยไม่ต้องเปลืองแรงเลย เชื่อแล้วว่าชีวิตยิ่งกว่านิยาย มันอาจดูเหมือนเรื่องแต่งนะ แต่จริงๆแล้วคุณเองก็เคยนินทากันทุกคนนั่นแหละ เพียงแต่คุณอาจไม่ได้รู้เบื้องหลังไปทุกคนเท่านั้นเอง ไม่รู้ด้วยว่าสิ่งที่คุณพูดให้คนอื่นฟังจะส่งผลกระทบอะไรกับใคร ความหวังดีที่คุณคิดว่าให้เขา มันอาจทำร้ายเขามากที่สุดก็ได้เท่านั้นเอง
การมีเพื่อนสักคนนี่แหละดีที่สุดแล้ว ถึงจะบอกว่าเป็นเพื่อนฝ่ายธรรมมะได้ไม่เต็มปากเท่าไรนัก เพราะนิสัย55555 แต่เพื่อนก็คือเพื่อนอ่ะ ปัจจุบันเรียนมหาลัยแล้ว มีเพื่อนเยอะ ไม่มีข่าวลือทำร้าย โรคกลัวสังคมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องปรับทัศนคติตัวเองทุกวัน ถึงยังไม่หายสนิท แต่ก็เชื่อว่าสักวันมันต้องหาย หนูจะต้องมองคนในแง่ดีๆให้ได้ ฝากถึงคนที่ถูกแกล้ง คุณต้องเปิดใจนะ หาเพื่อนดีๆให้ได้ ต้องอดทน ถึงจะใช้เวลาหลายปี อาจจะฮาร์ดคอไปบ้าง เชื่อพี่เถอะว่ามันคุ้มค่าจริงๆ
เพื่อนเด็ดมากกกกก ดีใจที่น้องผ่านมาได้ค่ะ ><
เราเคยแกล้งนะ ทั้งวันเลย ตอนนั้นป.4เราโดนแกล้งเลยไปบอกแม่ แม่บอกว่า เดี๋ยวไปบอกแม่คนแกล้ง(ซึ่งแม่คนแกล้งเป็นครูด้วย)แม่ก็ไปบอกว่าลูกของคุณแกล้งลูกเรา และแม่กลับมาบ้าน วันต่อๆมา เรามารร.เหมือนปกติ แต่ว่าเหมือนคนแกล้งเราแบบ อารมณ์ประมาณว่า แก้แค้นอะ และแกล้งอยู่อย่างนั้น และตอนอยู่ห้องเรียน เราโดนแกล้ง และเพื่อนห้องเราก็บอกว่าเราโดนแกล้งโดยคนนี้ ครูบอกว่า ถ้าเค้าแกล้งเรา ให้ไปบอกครูให้จัดการ แต่เราเป็นคนขี้อาย ไม่มั่นใจด้วยไง เลยไม่บอก ทั้งๆที่โดนแกล้งอยู่อย่างนั้น จนถึงป.5 ก็ยังแกล้งอยู่เลย อาการเราก็.....ดูไม่พอใจเลย หน้าบึ้งอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่เราจะเลิกซักที............เราขอบอกว่าโดนแกล้งหนักตั้งแต่ป.3