แม่นจนขนลุก 7 นิยายที่ทำนาย 'อนาคต' โลกแบบเป๊ะเวอร์!!

 

แม่นจนขนลุก 7 นิยายที่ทำนาย
'อนาคต' โลก
แบบเป๊ะเวอร์!!

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา นักพยากรณ์หลายคนได้พยากรณ์อนาคตโลกไว้มากมาย มีทั้งแม่นยำจนน่าตกใจกับแบบที่อ่านแล้วต้องอุทานออกมาดังๆ ว่า “แบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ?” อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจก็คือ มีหนังสือหลายเล่มที่บอกเล่าเรื่องราวในอนาคตได้อย่างแม่นยำราวกับนักเขียนเป็นริว จิตสัมผัส แม้ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นเพียงแค่นิยายหรือถูกเขียนก่อนหน้าเหตุการณ์จริงเป็นศตวรรษก็ตาม ความน่าพิศวงนี้นำมาสู่การตั้งข้อสังเกตและถกเถียงมากมาย…หรือว่านักเขียนจะมองเห็นอนาคตได้นะ?

พูดแล้วน้องๆ จะหาว่าพี่โอเวอร์ นี่มันเป๊ะขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าอย่างนั้นวันนี้พี่น้ำผึ้งขอท้าพิสูจน์ด้วยนิยาย 7 เล่มที่มีเหตุการณ์เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงไม่มีผิดค่ะ! 

 


(via: listverse.com)
 

Super Sad True Love Story
โดย Gary Shteyngart

นิยายเรื่อง Super Sad True Love Story ตีพิมพ์ในปี 2010 ว่าด้วยเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของ Lenny Abramov กับ Eunice Park ที่ดำเนินอยู่ในเมืองนิวยอร์ก กลิ่นอายของเรื่องเป็นแนวดิสโทเปีย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ เพราะประเด็นอยู่ตรงที่ว่า นิยายเรื่องนี้ทำนายพฤติกรรมของผู้คนสมัยนี้ได้อย่างแม่นยำ

ในเรื่อง ชีวิตของเหล่าตัวละครถูกกลืนกินด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และหนี้สินมหาศาล ผู้คนต่างพากันกำหนดสถานะทางสังคมว่า “รวย” หรือ “จน” ด้วยอุปกรณ์บางอย่างที่เรียกว่า “Apparats” ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ iPhone X สมัยนี้ 

ในนิยาย ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นในโลก สหรัฐอเมริกาตกเป็นหนี้จีน ค่าเงินดอลล่าร์ถูกลดลง ช่างโชคร้ายที่อเมริกาไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ แล้วจีนก็ออกมาประกาศข่มขู่ต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงผ่านข่าวช่องต่างๆ เมื่อจีนระบุว่าวอชิงตันต้อง “แก้ปัญหาการเสพติดการเป็นหนี้” ของอเมริกา

นอกจากนี้ นักเขียน Shteyngart ยังได้ทำนายเหตุการณ์ Occupy Wall Street Movement หรือการปฏิวัติยึดวอลล์สตรีทที่เกิดขึ้นในปี 2011 ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาปรากฏอยู่ในนิยายเรื่องนี้ของเขา Shteyngart เองก็ไม่คิดหรอกว่าการคาดการณ์อนาคตของเขาจะเป็นเรื่องจริง แต่ส่วนใหญ่ดันกลายเป็นจริง 

 

Clip

iPad / tablet PC in the film 2001 A SPACE ODYSSEY (1968)

2001: A Space Odyssey
โดย Arthur C. Clarke

2001: A Space Odyssey หรือ 2001 จอมจักรวาล เป็นภาพยนตร์ชื่อดังของสแตนลี่ย์ คูบริกที่เข้าฉายในปี 1968 ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 ภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลและได้รับรางวัลออสการ์สาขา Visual Effect ใครจะไปรู้ว่าความจริงแล้วนี่เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นของนิวนิยายวิทยาศาสตร์ในชุด “The Sentinel” หรือ “จอมจักรวาล” ของอาเธอร์ ซี. คลาร์ก ผู้ที่เขียนเรื่องสั้นชุดนี้พร้อมกับบทภาพยนตร์ 

โดยทั้งเวอร์ชั่นหนังสือและภาพยนตร์มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ “Newspad” อุปกรณ์เคลื่อนที่สมัยใหม่ที่มีการเข้าถึงวารสาร หนังสือและข้อมูลอื่นๆ ทั่วโลกได้ทันที หน้าตาคล้ายกับ iPad แถมใช้งานได้เหมือนกันอีกต่างหาก

ความพีคคือนิยายเรื่องนี้ของคลาร์กตีพิมพ์ในปี 1968 และ 42 ปีให้หลังนับตั้งแต่มีการเผยแพร่หนังสือและภาพยนตร์ โลกก็ได้รู้จักกับ iPad ในปี 2010 เล่นเอางงเป็นไก่ตาแตก หรือคลาร์กทำนายอนาคตได้! แต่พอมาคิดดูอีกที บางทีอาจจะไม่ใช่นักเขียนหรอกที่มองเห็นอนาคต แต่เป็นสตีฟ จ็อบส์ต่างหากที่ได้ไอเดียจากหนังสือเล่มนี้ ใครจะเป็นรู้เนอะ

 


ดวงจันทร์สองดวง
(via: wikimedia)

 

Gulliver’s Travels
โดย Jonathan Swift

ในการเดินทางที่มีชื่อเสียงระดับโลกของกัลลิเวอร์ โจนาทาน สวิฟต์ได้พาเราผจญภัยไปทั่วทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้แต่เมืองลึกลับที่สุดที่กัลลิเวอร์ได้พบอย่าง “ลิลลีพุต” หลังจากนั้นพอเรือของเขาได้พลิกคว่ำ เขาก็ได้เข้าไปผจญภัยในดินแดนบอรบ์ดิงแนกที่เต็มไปด้วยยักษ์ และท้ายสุดก็ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนเมืองที่อยู่บนฟ้าอย่าง “ลาปูตา” 

ในเรื่อง นักดาราศาสตร์ชาวลาปูตาค้นพบว่าดาวอังคารมีดวงจันทร์ 2 ดวง ถือว่าเป็น 150 ปีก่อนที่แอซัฟ ฮอลล์ นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกาจะค้นพบดาวบริวารของดวงอังคารในปี 1877 อีกค่ะ อะไรจะแม่นเวอร์เบอร์นี้ 

แม้สมมติฐานเเรกของฮอลล์ที่ว่า “ดาวอังคารมีดาวบริวาร 2 ดวง” จะเกิดขึ้นจากการคาดเดาของเขาเท่านั้น แต่ในท้ายที่สุดเขาก็พบว่ามันเป็นจริง โดยฮอลล์ตั้งชื่อดวงจันทร์ทั้งสองว่า โฟบอสและดีโมส เมื่อเราย้อนกลับไปดูในหนังสือเรื่องการเดินทางของกัลลิเวอร์จะพบว่า ดีโมสเป็นชื่อภูเขาไฟที่สวิฟต์ตั้งขึ้นเพราะเขาคิดว่ามันเป็นคำที่โดดเด่น อะไรกัน จะเหมือนเกินไปแล้วนะสวิฟต์!!

 


บารัก โอบามาที่คล้ายกับประธานาธิบดีโอบามิในหนังสือ!!
(via: Pete Souza)

 

Stand On Zanzibar
โดย John Brunner

การทำนายว่าใครจะได้ตำแหน่งประธานาธิบดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ใช่สำหรับจอห์น บรูนเนอร์ เพราะในนิยายของเขาอย่างเรื่อง “Stand on Zanzibar” เพิ่งจะเป็นอย่างนั้น หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินอยู่ในโลกอนาคต ว่าด้วยเรื่องราวของ 2 ตัวละครหลักที่เป็นรูมเมตกัน หนึ่งคนเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่ระดับโลก ขณะที่อีกคนเป็นสปาย 

บรูนเนอร์ได้พยากรณ์ถึงการปะทุของความรุนแรงในโรงเรียนและการก่อการร้ายที่กลายเป็นภัยคุกคามใหญ่โตทั่วสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแค่นั้น แม้ว่าบรูนเนอร์จะเขียนหนังสือเล่มนี้ในยุค 1960 แต่เขากลับสามารถทำนายพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นอเมริกาสมัยนี้ได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็น การมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน (Hookup Culture) การใช้ยาเสพติดเพื่อเพิ่มความมั่นใจทางเพศ หรือแม้กระทั่งแนวโน้มความสัมพันธ์ของชาวรักร่วมเพศ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าและภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ

สังเกตดูดีๆ ทั้งหมดที่ปรากฏในเรื่องไม่ต่างอะไรจากโลกความเป็นจริงเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหนึ่งเรื่องบังเอิญที่แปลกประหลาดที่สุด เพราะในหนังสือมีผู้นำโลกชื่อประธานาธิบดีโอบามิ เขาเปรียบเสมือนฝาแฝดของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา เนื่องจากไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้นที่คล้าย แต่ประธานาธิบดีโอบามิมีรูปร่างที่คล้ายกับโอบามาไม่มีผิด! 

ถ้าไม่นับเรื่องวัฒนธรรมการ Hookup ของหนุ่มสาวในอเมริกา จุดที่ชี้ชัดว่านักเขียนเป็นหมอดูสุดแม่นอยู่ตรงที่ว่า หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 1968 แต่ดำเนินเรื่องอยู่ในปี 2010 ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่โอบามาชนะการเลือกตั้ง โอ้โห อะไรจะเป๊ะเวอร์เบอร์นี้ ยอมแล้วจ้า

 


เหยียบดวงจันทร์แล้วนะ ตรงตามคำพยากรณ์เป๊ะเลย

(via: wikimedia)
 

From The Earth To The Moon
โดย Jules Verne

ถ้าพูดถึงนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง เห็นทีคงไม่พ้นงานเขียนของจูลส์ เวิร์น บิดาแห่งนิยายไซไฟผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลไปหลายศตวรรษ ราวกับว่าเขามีตาทิพย์ สามารถมองเห็นภาพเทคโนโลยี เมือง การขนส่งต่างๆ และการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคตได้

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เกือบศตวรรษก่อนจะมีเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น ในปี 1865 หนังสือนิยายเรื่อง From the Earth to the Moon ได้รับการตีพิมพ์ ภายในเรื่อง เวิร์นได้ทำนายถึงเหตุการณ์ที่มนุษย์เดินทางออกนอกโลกเพื่อไปเยือนดวงจันทร์

ตัวละครหลักของเวิร์นเชื่อว่าตนสามารถเดินทางไปดวงจันทร์ได้ด้วย “ปืนใหญ่” ขนาดมหึมาที่เรียกว่า “รถโดยสารกระสุน” ปืนใหญ่นี้พุ่งทะยานจากผิวโลกสู่ดวงจันทร์ สิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งไปกว่าคือไอ้เจ้ากระสุนนี้เหมือนกับยานอะพอลโลไม่มีผิด เหมือนแม้กระทั่งเรื่องที่ว่ามันสามารถบรรจุคนได้แค่ 3 คนเท่านั้น! ซึ่งอีกร้อยกว่าปีให้หลัง นาซ่าก็ส่งยานอวกาศอะพอลโลที่บรรจุนักบินอวกาศจำนวน 3 คนไปเยือนดวงจันทร์ในโครงการอะพอลโล 11

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าทึ่งคือสถานที่ค่ะ ในหนังสือ รัฐแท็กซัสและฟลอริดาไฟท์กันว่าใครจะเป็นคนปล่อยกระสุนนี้ แล้วในที่สุดฟลอริดาก็ชนะ ได้ปล่อยกระสุนนี้ออกนอกโลก ซึ่งในชีวิตจริง ยานอะพอลโลก็ถูกปล่อยที่รัฐฟลริดา สหรัฐอเมริกา ขณะที่ทางแท็กซัสเป็นศูนย์รับคำสั่ง จะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า?

 


ตึกกำลังถล่ม
(via: Michael Foran)

 

Debt Of Honor
โดย Tom Clancy

คอนโดลีซซา ไรซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลบุชอ้างว่า เหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 โศกนาฏกรรมเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถือเป็นเหตุการณ์น่าสลดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าทอม แคลนซีได้ทำนายเหตุการณ์ก่อการร้ายสุดสยองนี้ไว้แล้วผ่านนวนิยายเลื่องชื่อของเขาอย่าง Debt of Honor ในปี 1994 ก่อนจะเกิดขึ้นจริงในอีก 7 ปีต่อมา

ในหนังสือ ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินเจ็ทไลเนอร์และพุ่งเข้าชนอาคารรัฐสภาสหรัฐเพื่อหวังทำลายรัฐบาลและกองบัญชาการทั้งหมด ซึ่งแน่นอน คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้าย 19 คนได้จี้เครื่องบินพาณิชย์จำนวน 4 ลำ และพุ่งเข้าชนตึกแฝดเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ในวันที่ 11 กันยายน เล่นเอาแคลนซีถึงขั้นออกมาประกาศลั่นเลยว่า “เขาไม่ได้ทำนายอนาคตนะ” เขาแค่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ต่างหาก เพราะงั้นเลิกหมกมุ่นว่าเขาทำนายอนาคตได้สักที! อืม...ก็จริงนะ

 


ค่อยๆ ดิ่งลงไปกลางทะเล
(via: Willy Stower)

 

The Wreck Of The Titan: Or, Futility
โดย Morgan Robertson

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์เรือไททานิกล่มเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ทำให้ทั้งโลกช็อก การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อันแสนเศร้านี้นำมาสู่การสร้างสารคดี ภาพยนตร์ หรือแม้แต่บทเพลง อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเรือไททานิคเรื่องหนึ่งที่โดดเด่น ไม่ใช่เพราะมันได้รับแรงบันดาลใจจากไททานิก เเต่เป็นเพราะมันถูกเขียนขึ้นก่อนที่ไททานิกจะจมลงสู่ห้วงมหาสมุทรลึกต่างหาก!

ใช่แล้วค่ะ 14 ปีก่อนที่เรือนี้จะอัปปางเพราะชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งกลางมหาสมุทรในคืนอันหนาวเหน็บของเดือนเมษายน ปี 1912 มอร์แกน โรเบิร์ตสันนั่งลงและเขียนเรื่องที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์จริงผ่านหนังสือ The Wreck of the Titan: Or, Futility เล่นเอาผู้คนต่างพากันสงสัย หรือแท้จริงแล้วโรเบิร์ตสันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นพ่อหมอทำนายอนาคต

The Wreck of the Titan: Or, Futility ตีพิมพ์ในปี 1898 และวางแผงบนร้านหนังสือทั่วสหรัฐและยุโรป หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวภัยพิบัติทางทะเลที่น่ากลัวซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิต เรื่องราวของจอห์น โรว์แลนด์ กะลาสีเรืออับโชคที่ทำงานอยู่ในเรือไททัน เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างขึ้น แถมโฆษณาออกสื่อซะดิบดีเลยว่า “เป็นเรือที่ไม่มีวันจมเด็ดขาด” 

คุ้นๆ มั้ย? อะไรเอ่ยที่เหมือนกันเป๊ะ ไม่ใช่แค่ชื่อที่คล้าย ลักษณะของเรือยังคล้ายด้วย ในหนังสือ เรือไททันเป็นเรือที่ทันสมัยที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ของจริงก็เช่นกัน เมื่อพูดถึงลักษณะทางกายภาพของเรือ ไททันมีความยาว 244 เมตร ส่วนไททานิกยาวเพิ่มขึ้นอีก 25 เมตร (269 เมตร) ขณะที่ไททานิกมีเรือชูชีพ 20 ลำ ไททันมี 24 ลำ ไงล่ะ คล้ายกันสุดๆ อย่างกับว่าเรือไททันเป็นต้นแบบของไททานิกแน่ะ ที่พีคยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เรือทั้งสองลำชนภูเขาน้ำแข็งทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกในตำแหน่งเดียวกันและช่วงเวลาเดียวกัน เดือนเมษายนเหมือนกันด้วย อะไรจะเป๊ะเวอร์ขนาดนี้ 

แน่นอนว่านักเขียนออกมาปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้พยากรณ์อนาคตโลก ไม่ได้เห็นภาพอนาคตใดๆ เลย เขาแค่ถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์ส่วนตัวสมัยที่ทำงานเป็นกะลาสีเรือออกมาต่างหาก ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น! แต่บังเอิญแบบนี้ก็น่ากลัวไปหน่อยนะ

 

เป็นยังไงคะกับเรื่องราวที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ อ่านไปขนลุกไปเลยเนอะ อะไรจะแม่นเวอร์ขนาดนี้ แต่พอมาคิดอีกที เวลาที่เราเขียนนิยายสักเรื่อง เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นจริงไหม เราเพียงแค่คาดเดาว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นหรือเป็นอย่างนี้ในอนาคต เหมือนกับที่นักเขียนหลายคนทำ เช่น จูลส์ หรือ แคลนซี ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เรื่องราวทั้งหมดที่พี่ยกมาสามารถบอกกลายๆ ได้ว่า อะไรก็เป็นไปได้ในอนาคต (เห็นได้จากตึกถล่ม) ดังนั้นน้องๆ นักเขียนอย่าลืมตั้งใจเขียนนิยายและทำการบ้านเยอะๆ นะคะ ทำให้มันสมจริง ไม่แน่นะว่าวันหนึ่ง เหตุการณ์ในนิยายของเราอาจกลายเป็นเรื่องจริงก็ได้จ้า

 พี่น้ำผึ้ง :) 

ขอบคุณข้อมูล

https://www.forbes.com/sites/anthonykosner/2011/08/07/china-drops-the-a-word-about-u-s-debt-crisis/#6ba32f3f2a06

https://theness.com/neurologicablog/index.php/jonathan-swift-predicted-the-moons-of-mars/

https://www.brainpickings.org/2012/03/15/arthur-c-clarke-predicts-the-ipad-in-1968/

https://themillions.com/2013/03/the-weird-1969-new-wave-sci-fi-novel-that-correctly-predicted-the-current-day.html

http://www.texasstandard.org/stories/author-jules-verne-prophesied-the-link-between-texas-and-the-moon/

https://www.businessinsider.com/titanics-books-predicted-disaster-2018-4?r=UK&IR=T


 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

 

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด