12 เทคนิคสุดเจ๋งจาก #GIRLBOSS ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็น #นักเขียนแกร่ง

 

12 เทคนิคสุดเจ๋งจาก #GIRLBOSS
ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็น #นักเขียนแกร่ง

สวัสดีค่ะชาวนักเขียนเด็กดีทุกคน อยากเป็น #นักเขียนแกร่ง กันแล้วสินะ ไม่งั้นคงไม่คลิกมาอ่านบทความนี้หรอก! ก่อนเริ่มต้น มีสองอย่างที่พี่อยากบอกสำหรับว่าที่ #นักเขียนแกร่ง ทั้งหลาย หนึ่งคือเยี่ยมไปเลย! และสอง เส้นทางการเป็น #นักเขียนแกร่ง ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องผ่านความอดทนและความพยายามมากมาย แต่ถ้าเราผ่านบททดสอบเหล่านี้ได้ บอกเลยว่าหนทางสู่การเป็น #นักเขียนแกร่ง อยู่ใกล้แค่เอื้อมค่ะ

เมื่อไม่นานมานี้พี่น้ำผึ้งเพิ่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบไป ชื่อว่า “เพราะเป็นผู้หญิงไม่แคร์ใคร ฉันถึงได้เป็นนายคน” หรือ #GIRLBOSS เขียนโดยโซเฟีย อมอร์รูโซ (Sophia Amoruso) ซีอีโอ และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแนสตีกัล (Nasty Gal) บริษัทผู้นำแฟชั่นชื่อดังระดับโลก อันเป็นที่มาของกลเม็ดเคล็ดลับฉบับนี้แหละค่ะ

อย่างไรก็ดีแม้ว่านี่จะเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แต่พี่น้ำผึ้งกลับมองว่ามันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรากลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จได้ และในวันนี้พี่น้ำผึ้งก็รวบรวม 12 เทคนิคสุดเจ๋งจากหนังสือ #GIRLBOSS ที่จะช่วยปลุกความแข็งแกร่งในตัวนักเขียนอย่างเรามาฝากน้องๆ แล้วค่ะ พร้อมแล้วไปตักตวงมาใช้กันเลย!

 


หนังสือ GIRLBOSS
(via: picbubble.com)

 

คุณควรเอาพลังงานที่เสียไปกับการสนใจชีวิตคนอื่นมาใช้พัฒนาตัวเองจะดีกว่า
จงสร้างตัวตนที่คุณอยากยึดถือเป็นแบบอย่างขึ้นมาเอง
(หน้า 21)

สิ่งหนึ่งที่ทำให้โซเฟีย อมอร์รูโซกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จก่อนอายุ 30 ได้คือ เธอไม่สนใจเรื่องคนอื่น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “ไม่เผือกเรื่องชาวบ้าน” นั่นเอง โซเฟียมองว่าถ้าหากเราเอาเวลาที่เสียไปกับการตามเผือกเรื่องคนอื่นมาพัฒนาตัวเราเอง ป่านนี้เราคงประสบความสำเร็จและมีชีวิตในแบบที่ต้องการแล้ว

แน่นอนว่าสำหรับนักเขียน “อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน” เป็นเทคนิคแรกที่ควรจดจำและนำไปใช้เลยค่ะ โดยเฉพาะคนที่ชอบเปิด facebook ส่อง IG ไถ Twitter ยิ่งต้องท่องไว้ เอาเวลาเหล่านี้ไปจับปากกาเขียนนิยาย หาข้อมูล หรือคิดพล็อต รับรองว่านิยายของเราไปได้ไกลเลยแหละ อย่าลืมนะ ไม่มีใครเขียนนิยายแทนเราได้  ถ้าอยากเขียนนิยายให้จบ วิธีเดียวก็คือ “ต้องลงมือเขียน” หยุดเล่นโซเชี่ยลสักพักแล้วจะรู้ว่านิยายของเราคืบหน้าไปได้ไกลขนาดไหน

 

คุณต้องละทิ้งนิสัยหรืออะไรก็ตามในชีวิตที่ฉุดรั้งคุณไว้
และรู้จักสร้างโอกาสให้ตัวเอง คุณต้องรู้ว่าชีวิตคนเราไม่มีจุดสิ้นสุด
(หน้า 23)

โซเฟียเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง เธอชอบคิดการใหญ่และยิ่งไปกว่านั้นเธอเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าเธอสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ นั่นคือแนสตีกัล บริษัทแฟชั่นที่เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกา สิ่งสำคัญที่นำพาเธอไปสู่ความสำเร็จคือ “กำจัดนิสัยที่ฉุดรั้งเธอไว้” และ “การสร้างโอกาสให้ตัวเอง” สำหรับนักเขียน พวกเราต้องเริ่มจากการหาว่าอะไรคือสิ่งที่ฉุดรั้งให้เราไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียน หน้าที่ของเราคือลิสต์เจ้าพวกนั้นมาให้หมด ทั้งสิ่งรอบตัวและนิสัย ยกตัวอย่างเช่น ติดโซเชี่ยล, ขี้เกียจ, จะเขียนนิยายก็ต้องมีมู้ด, ดูถูกตัวเอง, ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น เป็นต้น จากนั้นก็ต้องปฏิวัติตัวเองซะใหม่

ที่สำคัญนักเขียนยังต้องรู้จักการสร้างโอกาสให้กับตังเอง อย่างเช่น การเขียนนิยายแล้วอัปลงเว็บให้เพื่อนอ่านก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้ปรับปรุงเมื่อได้ฟีดแบ็คกลับมา หรือจะเป็นการเข้าร่วมการประกวดต่างๆ เพื่อฝึกฝนพัฒนาฝีมือ หรือง่ายที่สุดก็คือการอ่านหนังสือ เพราะมันจะช่วยให้เราเห็นมุมมองต่างๆ ที่กว้างขึ้นค่ะ ท้ายสุดพี่ก็อยากให้เราเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ว่าเราสามารถเขียนนิยายจบและจบมากกว่าหนึ่งเรื่อง

 


โซเฟีย อมอร์รูโซกำลังแจกลายเซ็นต์
(via: getty.com)

 

ตอนแรกฉันคิดว่ามันก็เป็นแค่การเลือกชื่อร้านในอีเบย์ แต่จริงๆ แล้วมันคือการใส่ตัวตนของฉันลงไป แถมฉันยังถ่ายทอดตัวตนอันน่าทึ่งของผู้หญิงคนนี้ลงไปด้วย (หน้า 31)

โซเฟียเป็นผู้หญิงที่หลงใหลของย้อนยุค เพลงเก่า ของเก่าและสิ่งที่เป็นเรื่องราว บวกกับสไตล์การแต่งตัวที่ไม่เหมือนกันในแต่ละวัน มันจึงเป็นที่มาของ “แนสตีกัล (Nasty Gal)” สำหรับโซเฟีย เเนสตีกัลเปรียบเหมือนชีวิตและตัวตนของเธอ แหงล่ะ เพราะเธอได้ใส่คาแร็กเตอร์ ความชอบและความหลงใหลลงไปในแบรนด์ที่เธอสร้างขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ชื่อร้านที่บ่งบอกถึงความเป็นเธอซะเต็มร้อย เช่นเดียวกัน นักเขียนควรจะใส่ตัวตนของเราลงไป ไม่ใช่แค่เฉพาะชื่อเรื่องเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อหานิยายด้วย ทำให้มันเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นเข้าไว้ เมื่อมันมีกลิ่นอายของเราแฝงอยู่ในนั้นแล้ว ผู้คนก็จะจดจำงานเขียนและตัวตนของเราได้ 

สำหรับเทคนิคข้อนี้ยังสามารถต่อยอดไปจนถึงการตั้งชื่อเรื่องและตั้งชื่อบทได้ด้วย สำหรับการตั้งชื่อเรื่อง: น้องๆ แค่หยิบสิ่งที่เป็นจุดเด่นของเรื่องขึ้นมาตั้ง หรือบางคนอาจสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้จบสั้นๆ ในบรรทัดเดียวก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ แสดงให้รู้ว่านิยายเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเด็กชายที่ชื่อว่าพอตเตอร์นะ หรือจะเป็นทวิภพ ที่สรุปสั้นๆ ง่ายๆ เลยว่าเป็นเรื่องราวของการข้ามภพข้ามชาติ เป็นต้นค่ะ ส่วนชื่อการตั้งชื่อบท: น้องๆ แค่สรุปเนื้อหาในตอนนั้นแล้วมาตั้งเป็นชื่อ ง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นเอกลักษณ์เก๋ไก๋สไลเดอร์แล้ว   

 

แค่คิดว่าต้องเสียเงินเพื่อทำให้ตัวเองดูเหมือนคนอื่น
ฉันก็ขำจะแย่แล้ว
(หน้า 32)

โซเฟียชื่นชอบของมือสองมากกว่าของมือหนึ่งเป็นไหนๆ ตอนวัยรุ่น เธอทำให้แม่ประหลาดใจมากที่เธอเอาแต่ขนซื้อเสื้อผ้ามือสอง อย่างไรก็ตามแม้แม่ของเธอจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่แม่เธอก็ยินยอมให้เธอซื้อมัน โซเฟียให้คำอธิบายว่า “ของที่ดูธรรมดาไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด” เธอไม่ชอบทำตัวกลมกลืนกับคนอื่น ทำไมเราจะต้องพยายามทำตัวให้กลมกลืมกับผู้คนด้วย ในเมื่อเราทุกคนเกิดมาเพื่อโดดเด่นและแตกต่าง ดังนั้นน้องๆ ที่เขียนนิยายแหวกแนวหรือเขียนนิยายสวนกระแส ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ ตั้งหน้าตั้งตาเขียนต่อไปและอย่าลืมใส่ตัวตนของเราต่อไป แล้ววันหนึ่งเราจะกลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จเอง! ย้อนกลับไปดูข้อที่แล้วได้นะ 

 


เชอร์รีน วอเตอร์สัน (ซ้าย) และโซเฟีย อมอร์รูโซ (ขวา)
(via: businessinsider.com)

 

ฉันจะเขียนข้อความในกระดานข่าวของมายสเปซและเขียนบล็อกทุกครั้งที่มีการประมูลสินค้าของแนสตีกัล วินเทจ ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปคือกุญแจสำคัญสองอย่างของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ นั่นคือ การรู้จักลูกค้าและการรู้วิธีทำการตลาดแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ฉันยังตอบกลับข้อความของทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นในมายสเปซของฉัน เพราะฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ (หน้า 37)

จากข้อความนี้ เราสามารถสรุปกุญแจสำคัญที่โซเฟียแนะว่ามันช่วยให้เธอประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจได้ นั่นคือ การรู้จักลูกค้าและการรู้วิธีทำการตลาดแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นกุญแจของเรื่องธุรกิจ แต่พี่น้ำผึ้งกลับมองว่าเราสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้กับการเป็นนักเขียนได้

ทำไมน่ะเหรอ? นั่นเป็นเพราะว่าถ้าหากเรารู้จักกลุ่มนักอ่าน (หรือกลุ่มเป้าหมาย) ของเรา เราจะสามารถผลิตผลงานส่งตรงถึงมือเขาได้อย่างถูกต้องโดยไม่ทำให้นักอ่านรู้สึกผิดหวัง เช่น น้องๆ มีฐานแฟนคลับเป็นนักอ่านสายแฟนตาซี ถ้าจะเขียนเรื่องถัดไปเป็นนิยายแนวรัก ดีที่สุดที่เราจะสร้างฐานแฟนคลับใหม่เพื่อเจาะจงเป็นกลุ่มนิยายรักโดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้ฐานนักอ่านสายแฟนตาซีรู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกเหมือนกับว่า “ถูกยัดเยียด” ให้อ่านงานเขียนของเรา อย่าลืมสิ ใช่ว่านักอ่านแฟนตาซีทุกคนจะชื่นชอบการอ่านนิยายรักนะ

นอกจากนี้การมีปฏิสัมพันธ์กับนักอ่านเองก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่ว่ามันทำให้นักอ่านรู้สึกใกล้ชิดกับนักเขียน แต่มันยังทำให้เรารู้เทรนด์ของนักอ่าน และรู้ว่านักอ่านชื่นชอบแบบไหนด้วยค่ะ

 

ถ้าคุณเบื่อและเกลียดสิ่งนั้น
นั่นเป็นสัญญาณสำคัญว่าคุณคงอยู่ผิดที่ผิดทาง 
(หน้า 71)

กดไลค์ตัวโตๆ เลยกับคำพูดนี้ ลองสังเกตดู ถ้าหากเรารู้สึกเบื่อนิยายที่กำลังเขียนอยู่ นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีแล้วแหละ มันอาจจะแฝงไปด้วยความจริงหลายอย่าง เบาหน่อยก็เช่น 
 

  • พล็อตไม่แน่น = ต้องสร้างพล็อตให้แข็งแรงมากกว่านี้ 
  • ข้อมูลไม่เพียงพอ = ต้องหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น 


กลางๆ ก็ประมาณว่า นิยายที่เขียนอยู่มันไม่ใช่แนว = เราอาจต้องอ่านนิยายแนวนี้เยอะๆ หรือทำใจชอบมันให้ลง และที่หนักสุดเมื่อเราเบื่อการเขียนมากๆ อาจจะหมายความว่า การเป็นนักเขียนไม่ใช่ทางของเรา ลองถามตัวเองดูดีๆ ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เราเบื่อ ที่สำคัญที่สุด...พี่อยากให้ทุกคนมองว่ามันเป็นการทดลองครั้งยิ่งใหญ่และมองมันให้เป็นเรื่องสนุกสิ เราจะได้มีแรงผลักดันในการเขียนนิยายต่อไป

 

ความสำเร็จที่แท้จริงอยู่ที่การรู้จักจุดอ่อนและดึงจุดแข็งของตัวเองออกมาใช้
(หน้า 77)

เชื่อหรือไม่ เบื้องหลังความสำเร็จของโซเฟีย อมอร์รูโซไม่ใช่อะไรยิ่งใหญ่เลย มันเป็นเพียงแค่สิ่งเรียบง่ายอย่างเช่น “การรู้จักตัวเอง” เพราะตราบใดที่เรารู้จักจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง มันจะช่วยให้เราสร้างแบรนด์ตัวเองให้แข็งแกร่ง ในที่นี้พี่หมายถึง...การสร้างนิยายให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ เชื่อสิ ทันทีที่เรามองเห็นจุดอ่อนและจุดแข็งในการเขียนนิยายของเรา เราจะไม่มีวันเสียเวลาไปกับการพัฒนาจุดอ่อนนั้นให้ดีขึ้น (แน่นอน มันก็ “อาจดี” ขึ้นได้ เพียงแต่มันต้องใช้เวลาสักหน่อย) ตรงกันข้ามเราควรเอาเวลาเหล่านั้นไปพัฒนาจุดแข็งของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป 

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้องๆ ไม่ได้เรื่องในการพรรณาด้วยศัพท์สวย ฟังดูหรูหรา น้องๆ ก็ไม่ต้องฝืนตัวเองหรอก การใช้คำศัพท์ปกติแต่ดูเรียบง่ายและมินิมอลก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน อย่าลืม นิยายของเราสามารถดังและปังได้แม้ศัพท์จะไม่สวย แค่เราต้องพัฒนาจุดแข็งของเราให้สตรองมากขึ้นจนไม่สามารถมีใครมาโค่นล้มเราได้พอ

 


(via: fabulousmuses.net)
 

คุณต้องทำแบบทุ่มสุดตัวโดยไม่ยึดติดกับผลลัพธ์มากเกินไป
คุณจะไม่มีวันล้มเหลว
(หน้า 152) 

รู้ว่าการบังคับตัวเองไม่ให้ยึดติดกับยอดวิว คอมเมนต์และยอดแฟนคลับมันยากมาก เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นยาชูใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันคือกำลังใจสิ่งที่สร้างพลังให้กับนักเขียน ดังนั้นการพบนักเขียนส่วนใหญ่ที่นั่งรีเฟรชหน้าจอทุก 10 นาทีเพื่อดูยอดคอมเมนต์จึงกลายเป็นเรื่องปกติไปโดยปริยาย 

อย่างไรก็ตาม การทุ่มเทให้กับการเขียนนิยายเป็นสิ่งที่นักเขียนควรทำอยู่แล้ว คนเราควรทำตามความฝันอย่างตั้งใจ ขณะเดียวกันเราก็ควรเรียนรู้ที่จะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่จำเป็นต้อง “ยึดติดกับผลลัพธ์” ว่ามันจะต้องออกมาในรูปแบบที่เราวาดฝันไว้ เช่น นิยายขายได้ร้อยล้าน ตีพิมพ์ห้าสิบครั้ง หรือมียอดคอมเมนต์เกินหนึ่งแสน

การปล่อยวางไม่ได้หมายความว่าเรายอมแพ้ แต่มันคือการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเหมาะสมตามทิศทางของมัน เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย มันเป็นเพียงแค่โบนัสเท่านั้น เพราะสิ่งสำคัญก็คือเราใส่ใจกับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าใช่...ยินดีด้วยค่ะ น้องคือ #นักเขียนแกร่ง แล้ว  

 

จงเปิดรับในสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง เปลี่ยนแนวเสื้อผ้าตามที่คุณต้องการ
แต่อย่าเปลี่ยนความแปลกแหวกแนวในตัวคุณ เพราะมันจะคอยสนับสนุนคุณเสมอ
(หน้า 158)

โซเฟีย อมอร์รูโซกับโรงเรียนเป็นอะไรที่ไปด้วยกันไม่ได้ สำหรับโซเฟีย โรงเรียนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะย่างกรายเข้าไป เธอให้เหตุผลว่าโรงเรียนทำให้เธอรู้สึกแปลกแยก ไม่ใช่เพราะเพื่อนๆ แต่เป็นเพราะบรรดาผู้ใหญ่ในโรงเรียนต่างหากที่ไม่โอเคกับพฤติกรรมไม่เหมือนใครของเธอ พอโตขึ้นหน่อย โซเฟียก็เปิดร้านค้าออนไลน์เล็กๆ ใน eBay อย่างแนสตีกัลก่อนจะเติบโตกลายเป็นผู้นำแฟชั่นระดับโลก แบรนด์ของเธอไม่เหมือนใคร เธอไม่สนใจตามเทรนด์แฟชั่นดังๆ ด้วยซ้ำ โซเฟียกล่าวว่ามีหลายคนชื่นชอบแบรนด์เธอเพราะมีแนวคิดไม่เหมือนใคร ขีดเส้นใต้คำว่าไม่เหมือนใคร น้องๆ เห็นไหมว่า “ความแตกต่าง” ทำให้แนสติกัลขึ้นแท่นเป็นแฟชั่นที่มีสาวๆ ทั่วโลกชื่นชอบ 

เช่นเดียวกับการเป็นนักเขียนนั่นแหละค่ะ น้องๆ ไม่จำเป็นต้องตามกระแสหรือพยายามเลียนแบบนักเขียนที่เราชื่นชอบ เราแค่ต้องดึงตัวตนของเราออกมาและใส่มันลงไปในนิยาย ถ้าหากเรารู้สึกว่างานเขียนของเรามันแหวกแนวหรือสวนกระแสเกินไป มันโอเคมากที่เราจะปรับมันสักหน่อย แต่มันจะไม่โอเคเป็นอย่างยิ่งถ้าเราจะเปลี่ยนให้มันตามกระแสสังคม เชื่อสิ...ความแปลกของเราไม่เคยทรยศเราหรอก

 


(via: fabulousmuses.net)

 

ไม่ว่าจะทำอะไร คุณจะไม่มีวันโดดเด่นได้ถ้าไม่คิดให้ใหญ่และมีแนวคิดที่เป็นของตัวเองจริงๆ ซึ่งนั่นต้องอาศัยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวคุณเอง ไม่ใช่หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่คนอื่นทำ (หน้า 221)

โซเฟียกล่าวว่า “ฉันไม่อยากให้คุณยึดใครมาเป็นแบบอย่างเพราะมันจะฉุดรั้งคุณไว้” ใช่ค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเลยแหละ เพราะถ้าเรามัวแต่ทำตามคนอื่น เราจะไม่มีวันมีตัวตนที่เป็นของเราเองจริงๆ อย่าลืมสิ ไม่มีใครสามารถมีตัวตนบนตัวตนของคนอื่นได้จริงๆ หรอก ดังนั้นถ้าเราอยากเป็นนักเขียนที่โดดเด่นและเป็น #นักเขียนแกร่ง ที่แท้ทรู เราควรมีแนวคิดที่เป็นของตัวเองอย่างชัดเจน แนวคิดที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของเราจริงๆ โดยไม่ได้ทำตามคนอื่น จำไว้นะ เราจะไม่มีวันประสบความสำเร็จเลยถ้าเรามัวเเต่ลอกเลียนแบบคนอื่น

 

การมีแนวการแต่งตัวที่ดีต้องอาศัยการคิด การสร้างสรรค์ ความมั่นใจ
การรู้จักตัวเอง และบางครั้งก็ต้องใช้ความพยายามสักนิดด้วย
(หน้า 250)

นี่แหละคือสูตรสำเร็จที่ทำให้โซเฟีย อมอร์รูโซก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง CEO ที่ประสบความสำเร็จก่อนอายุ 30 ได้  องค์ประกอบ 5 อย่างนี้จึงจัดว่าสำคัญมากสำหรับแบรนด์แนสตีกัลของโซเฟีย ซึ่งพี่มองว่ามันเป็นเทคนิคที่เหมาะกับนักเขียนอย่างเรา เพราะจริงๆ แล้วการเป็นนักเขียนก็เหมือนการหาแนวแต่งตัวที่ดีนั่นแหละค่ะ มันต้องที่ดีต้องอาศัยการคิด (เราควรเขียนนิยายแนวไหน พล็อตเป็นยังไง) การสร้างสรรค์ (ผลงานนิยาย อาจเป็นเรื่องคำหรือวิธีการนำเสนอเรื่อง) ความมั่นใจ (แหงล่ะ ถ้าเราไม่มั่นใจในผลงานที่นำเสนอ ก็อย่าหวังว่านักอ่านจะอินไปกับผลงานของเราเลย) การรู้จักตัวเอง (เพื่อจะได้ดึงจุดแข็งและจุดเด่นนำเสนอลงไปในนิยาย) และแน่นอนต้องใช้ความพยายามด้วย (เป็นอย่างมากเลยล่ะ กว่านิยายจะจบสักเรื่องเนี่ย) อย่างสูตรสำเร็จของโซเฟียก็คือ เผยผิวหนังเล็กน้อย + ให้ความสำคัญกับทรวดทรง + ทัศนคติ + เสื้อผ้าแนวย้อนยุคสักชิ้นสองชิ้น + ราคาที่เหมาะสม = แนสตีกัล หน้าที่น้องๆ ก็แค่ค้นหาสูตรสำเร็จของนิยายตัวเองนะคะ

 

แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว คุณก็อย่าเพิ่งหยุดพยายาม (หน้า 269)

เคยมีคนกล่าวว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่เราหยุดพัฒนาตัวเอง เมื่อนั้นคือเราได้ตายไปแล้ว” ซึ่งพี่น้ำผึ้งเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้มากๆ เลยนะคะ เพราะคนเราเกิดมาเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เช่นเดียวกับการเขียนนิยายนั่นแหละค่ะ แม้ว่าการเขียนนิยายสักเรื่องจบจะจัดว่าเป็นความสำเร็จ แต่เราก็ไม่ควรหยุดพัฒนาตัวเอง ถ้าหากเรายังอยากเดินอยู่บนเส้นทางนักเขียนได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง พี่อยากให้น้องๆ บอกกับตัวเองว่า “ฉันจะต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นและพยายามให้มากขึ้นกว่านี้” จำไว้ค่ะ แม้จะประสบความสำเร็จแล้ว คุณก็อย่าเพิ่งหยุดพยายาม

 


ซีรี่ส์ Girlboss ที่ฉายผ่าน Netflix
(via: netflix.com)

 

ยินดีด้วยค่ะ ตอนนี้น้องกลายเป็น #นักเขียนแกร่ง แล้ว และน้องจะแกร่งยิ่งกว่านี้ถ้านำ 12 เทคนิคข้างต้นไปใช้ พี่น้ำผึ้งหวังว่าข้อคิดดีๆ จากซีอีโอสาว โซเฟีย อมอร์รูโซจะช่วยจุดไฟให้หลายคนได้ อันที่จริงยังมีคำคมและแรงบันดาลใจดีๆ อีกมากมายที่พร้อมจะจุดประกายไอเดียให้เราเพียบเลยในหนังสือ #GIRLBOSS หรือ เพราะเป็นผู้หญิงไม่แคร์ใคร ฉันถึงได้เป็นนายคน ไหนๆ พี่น้ำผึ้งก็อ่านจบแล้ว บอกเลยว่าแรงบันดาลใจนี่มีแทบทุกหน้าก็ว่าได้ค่ะ! ลองไปหาอ่านดูนะคะ รับรองเปี่ยมด้วยพลังแน่นอน และสุดท้ายก่อนจากกัน พี่ขอทิ้งท้ายด้วยข้อคิดดีๆ จากโซเฟียว่า

ไม่ว่าความฝันของคุณจะเป็นอะไรก็ตาม หากคุณเอาแต่ฟังเสียงคนรอบตัว
โอกาสที่ความฝันจะเป็นจริงก็ยิ่งน้อยลง

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

Amoruso, S. (2014). เพราะเป็นผู้หญิงไม่แคร์ใคร ฉันถึงได้เป็นนายคน #Girlboss.
กรุงเทพฯ: วีเลิร์น.

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Member 4 ม.ค. 62 16:54 น. 1

ขอบคุณบทความนี้มากนะคะ มันเหมาะกับเรามากเลยค่ะ เพราะว่าเรา ไม่ชอบทำตามใครอยู่แล้ว ยิ่งได้อ่าน บทความนี้แล้ว ยิ่งทำให้เรา แข็งแกร่งขึ้น ตั้งเยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

Member 4 ม.ค. 62 16:54 น. 1

ขอบคุณบทความนี้มากนะคะ มันเหมาะกับเรามากเลยค่ะ เพราะว่าเรา ไม่ชอบทำตามใครอยู่แล้ว ยิ่งได้อ่าน บทความนี้แล้ว ยิ่งทำให้เรา แข็งแกร่งขึ้น ตั้งเยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด