dead by sunlight หนีตายนรกแตก คือเกมสไตล์หนีตาย
กับไล่ฆ่าสี่ผู้รอดชีวิต ปะทะ หนึ่งฆาตกรโรคจิต
วิธีฆ่าที่สยดสยอง ปะทะ วิธีหนีสุดครีเอท
วันนี้ tournament รอบที่สามได้เปิดรอรับคุณแล้ว แต่คราวนี้คือชีวิตของคุณเองที่ต้องเตรียมตัวจ่ายเป็นค่าผ่านทาง เป้าหมายมีเพียงสิ่งเดียว
‘จงเอาตัวรอดให้ได้’
จะโดนแขวนคอ หรือ รอดชีวิต
คุณ! ไม่มีสิทธิ์เลือก!
และเมื่อความตายไม่ใช่ทางออกจากเกมนี้ แล้ววีกิจจะหนีออกไปได้ยังไง
ความรู้สึกหลังจากอ่าน
เป็นนิยายที่มีพล็อตคล้ายเกม dead by daylight นิยายเกมออนไลน์ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันบ่อยๆ มักจะมีเนื้อหาที่เล่าถึงการเล่นเกมแนวผจญภัยฆ่ามอนสเตอร์อัปเลเวล คล้ายๆ เกมจำพวก Ragnarok ,Rohan หรือ Dragon Nest แต่นิยายเรื่องนี้กลับแตกต่างออกไป
ตัวเนื้อหาไม่ได้เน้นไปที่เรื่องราวการต่อสู้ผจญภัยในโลกแฟนตาซี แต่จะเล่าถึงการหนีเอาชีวิตรอดจากฆาตกรในสภาพแวดล้อมที่มีลักษณะเดียวกับเกมแนว dead by daylight คือผู้เอาตัวรอดในแต่ละด่านต้องหนีจากฆาตกรที่ตามไล่สังหารไปพร้อมๆ กับต้องหาวิธีซ่อมเครื่องปั่นไฟให้สำเร็จ เพื่อเปิดประตูหนีออกจากเกมที่กำลังเล่นอยู่ให้ได้! (เพราะถ้าหนีออกไปจากด่านที่กำลังเล่นอยู่ไม่สำเร็จ งานนี้มีแต่ถูกฆ่าสถานเดียว)
ตัวอย่างเนื้อหาในเรื่อง
และ “วีกิจ” ตัวเอกของเราคือผู้เล่นที่ถูกรับเลือกให้อยู่ฝ่าย “เซอร์ไววัล” หรือ “ผู้รอดชีวิต” เขาถูกดึงเข้ามาอยู่ในเกมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และถูกบังคับให้เดินไปตามทางที่ระบบได้วางเงื่อนไขไว้ เขาต้องพยายามหนีฆาตกรไปพร้อมๆ กับการซ่อมเครื่องปั่นไฟเพื่อเอาชีวิตรอด
และนั่นเองก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้วีกิจได้ค้นพบความจริงที่ว่า… ไม่ได้มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ถูกดึงมา
ตัวอย่างเนื้อหาในเรื่อง
เป็นนิยายที่ทำให้เรารู้ว่า…
สามัคคีคือพลังอันยิ่งใหญ่
หลังจากทำความรู้จักกับระบบของเกมกันคร่าวๆ แล้ว ทำให้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถ้าหากตัวละครทุกตัวไม่ร่วมมือกันทำภารกิจให้สำเร็จ เห็นทีจะ “รอดยาก” เพราะกติกาของเกมนี้ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ในการจะทำภารกิจซ่อมเครื่องปั่นไฟให้ได้ ผู้รอดชีวิตทุกคนต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีคนที่คอยหลอกล่อฆาตกรไปให้ไกลจากที่ตั้งของเครื่องปั่นไฟ และคนที่ซ่อมก็ต้องทำให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้น โอกาสรอดก็แทบเป็นไปไม่ได้
เราจะเห็นในช่วงแรกๆ ของเรื่องที่ “วีกิจ” ทำภารกิจคนเดียว เขาก็หวิดจะโดนฆาตกรจับตัวได้หลายครั้ง จนกระทั่งวีกิจได้ร่วมมือกับ “พี่เจ” และ “อาน” เขาจึงได้พบหนทางสว่างสามารถเอาตัวรอด ทำภารกิจได้สำเร็จในที่สุด
เหมือนกับการทำงานที่ต้องแบ่งหน้าที่กันในทีม คนหนึ่งรับผิดชอบส่วนหนึ่ง อีกคนก็รับผิดชอบอีกส่วน หากทุกฝ่ายตั้งใจทำงานและรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว ภาพรวมของทีมก็จะดูดี และทุกคนก็จะประสบความสำเร็จร่วมกันได้ แต่ถ้าหากทุกคนไม่สนใจงานในมือ ทำแบบขอไปที ภาพรวมของทีมก็จะดูแย่ และทุกคนก็จะล้มเหลวไปด้วยกัน
ตัวอย่างเนื้อหาในเรื่อง
เป็นนิยายที่เล่นกับศีลธรรมในจิตใจมนุษย์
“ความเห็นแก่ตัว” คือสิ่งที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน ในช่วงเวลาที่เราต้องเลือกระหว่างชีวิตของตัวเองกับชีวิตของคนอื่น หลายๆ คนคงจะเลือกที่จะรักษาชีวิตของตัวเองเป็นอันดับแรก
“วีกิจ” ตัวเอกของเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาต้องเผชิญกับความกดดัน และความหวาดกลัวจากการถูกตามล่า จนทำให้ไม่มีความกล้าที่จะช่วยเหลือคนอื่น ต่อให้มีคนถูกฆ่าต่อหน้า วีกิจก็ยังเพิกเฉย ไม่สนใจได้อย่างเลือดเย็น
จุดนี้ก็เข้าใจความรู้สึกของวีกิจนะคะ ลองจินตนาการดูสิคะว่า ถ้าจู่ๆ วันหนึ่งเราถูกดึงไปอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคย แล้วยังถูกฆาตกรตามฆ่าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องหวาดกลัวจนไม่มีความกล้าทำอะไรเลยใช่ไหมล่ะคะ ก็เหมือนกับวีกิจที่เขาตัดสินใจหลบซ่อนตัวจากฆาตกรแทนที่จะออกไปแสดงตัวเป็น “ฮีโร่” ช่วยเหลือคนอื่นในช่วงแรกๆ นั่นแหละค่ะ
ตัวอย่างเนื้อหาในเรื่อง
แต่เหตุการณ์หลบซ่อนตัวที่ว่านี่ก็เกิดขึ้นเฉพาะช่วงแรกๆ เท่านั้นนะคะ หลังจากวีกิจปรับตัวได้เท่านั้นละ ทีนี้เขาออกไปช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมอย่างเต็มใจ แม้ว่า...การเป็น “ฮีโร่” ของเขาในหลายๆ ครั้ง จะทำให้เกือบถูกฆ่าก็ตาม
ตัวอย่างเนื้อหาในเรื่อง
การยื่นมือไปช่วยเหลือคนอื่น มันก็เหมือนการเติบโตขึ้นของวีกิจนะคะ แสดงถึงพัฒนาการตัวละครได้ดี วีกิจได้ก้าวผ่านช่วงเวลาอันบีบคั้นและความสับสนในจิตใจ จนได้กลายเป็นใครอีกคนที่พัฒนาขึ้น เติบโตขึ้น
ดังตัวอย่างที่ยกมาทั้งสองฉากด้านบน อันแรกสื่อถึงการต่อสู้ในจิตใจของวีกิจที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตตนเองกับศีลธรรมในใจ และในฉากที่สองก็แสดงให้เราได้เห็นว่า วีกิจเลือกที่จะทำตามความถูกต้อง ด้วยถือคติ อย่างน้อย ก็ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง! ซึ่งพี่หญิงก็เห็นด้วยกับความคิดนี้นะคะ ถ้าไม่ลองพยายามทำดูสักครั้ง จะรู้ได้ยังไงว่าทำไม่ได้
ก็เหมือนกับการทำตามความฝันนั่นแหละ หากยังไม่เคยลงมือทำ จะรู้ได้ยังไงว่าความฝันจะไม่มีทางเป็นจริง แม้สุดท้ายจะไม่สำเร็จก็ไม่ต้องเสียใจไป ให้คิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้พยายามทำถึงที่สุดแล้ว อย่างน้อยๆ เราก็ไม่ต้องมานั่งเสียดายหรือเสียใจที่ไม่ได้ลอง
การเอาชนะใจตัวเองให้ได้และแสดงความกล้าออกมา เป็นเรื่องยากที่สุดของมนุษย์ แต่หากเราทำได้ครั้งหนึ่งแล้ว รับรองว่าครั้งต่อๆ ไป มันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอนค่ะ







.png)






2 ความคิดเห็น
ชอยเรื่องนี้มากเลย
ชอบเรื่งนี้มากๆ สนุกแถมยังให้ข้อคิดตั้งหลายอย่าง