วิจารณ์หนังสือ “วารีสีเลือด” : วิทยาศาสตร์กับเรื่องลี้ลับไปด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

“วารีสีเลือด”
เวลา...วารี ไม่คอยท่า ความตายอยู่ตรงหน้าพึงระวัง!

 

          สวัสดีค่ะ นักอ่านชาวเด็กดีทุกคน เคยมีความเชื่อเรื่อง “วัยเบญจเพส” กันไหมคะ ที่เขาว่ากันว่า เมื่อเราอายุ 25 ปีบริบูรณ์ จะเข้าสู่วัยเบญจเพสซึ่งเป็นช่วงดวงตก ที่อาจได้เจอกับสิ่งลี้ลับหรือมีเคราะห์ร้ายจนถึงตายได้ (โดยส่วนตัวพี่เชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่นะ) สงสัยกันไหมว่าพี่มาพูดถึงเรื่องนี้ทำไม คือพอดีว่าพี่เพิ่งอ่านนิยายแนวระทึกขวัญ/สยองขวัญ เรื่อง “วารีสีเลือด” ผลงานของ ธุวัฒธรรพ์ จบมาหยกๆ (กลัวนะแต่ก็อ่านจนจบ) โดยเรื่องราวจะเกี่ยวกับ ชีวิตของ “ชโลทร” ที่เข้าสู่วัยเบญจเพสพอดี ทำให้วิญญาณร้ายที่จ้องจะเอาชีวิตมีโอกาสได้ทำร้ายเธอจนเกือบตาย และนำพาเธอไปพบกับเรื่องราวในอดีตของมารดาอันเป็นจุดเริ่มต้นของการอาฆาตแค้นในครั้งนี้… ดูเหมือนจะน่ากลัวใช่ไหม รวมๆ พี่ว่าก็ไม่ได้สยองจนขนหัวลุกนะ เพราะผู้เขียนมีการหยิบยกเอาหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาผสมผสานกับความสยองขวัญด้วย อ่านจบก็อึ้งเหมือนกัน (คำถามในหัวคือ มันมีแบบนี้ด้วยหรอ?? ได้แต่บอกตัวเองว่า สติ! นี่มันเรื่องแต่ง ฮ่าๆ) แต่ก็ชอบนะมันแปลกดี เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึกหลังอ่านจบให้ฟังกันค่ะ
 

วารีสีเลือด
ผู้แต่ง : ธุวัฒธรรพ์
สำนักพิมพ์ : Sofa Publishing
จำนวนหน้า : 184 หน้า
ราคา : 179 บาท
 

คำโปรย

          ชโลทร ใช้ชีวิตอยู่กับ สิขา ผู้เป็นมารดาอย่างอบอุ่นและเรียบง่าย ชีวิตกำลังไปได้ดีทั้งธุรกิจร้านกาแฟเล็กๆ และความรักกับ ภูดล นายตำรวจหนุ่ม ทว่าเพียงก้าวสู่วัยเบญจเพส เธอกลับพบเรื่องประหลาดอันน่าสะพรึงกลัว เมื่อถูกตามล่าจาก ‘ผีร้ายที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนตนเองทุกประการ!’ ชโลทรสงสัยว่าอาจมีพี่น้องฝาแฝดที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่มารดากลับปฏิเสธความคิดนั้น เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปสืบหาความจริงด้วยตัวเอง ณ หมู่บ้านรังกา อันเป็นบ้านเกิดของมารดา
          แต่ทว่าทุกที่ ที่เหยียบย่างล้วนพบแต่เรื่องราวน่าสะพรึงและวิญญาณร้ายที่ตามติด หญิงสาวรู้ดีว่าลมหายใจของตัวเองไม่ปลอดภัยอีกต่อไป แต่จะทำอย่างไร... ในเมื่อเธอก้าวไปที่ไหน ก็พบแต่ ‘ความตาย’ อยู่ตรงหน้า…

 

วิทยาศาสตร์กับเรื่องลี้ลับไปด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

          ส่วนใหญ่นิยายแนวระทึกขวัญ/สยองขวัญ พี่ว่าพล็อตเรื่องก็จะไม่ค่อยต่างกันมากนะ มีฉากหลอนๆ มีวิญญาณมาตามแก้แค้น มีคนตาย บลาๆๆ แต่สำหรับเรื่อง “วารีสีเลือด” สำหรับพี่มันก็ออกจะแตกต่างหน่อย (เทียบกับทุกเรื่องที่พี่เคยอ่านมา) เพราะจุดเด่นของเรื่องนี้คือการนำเอาความเป็นวิทยาศาสตร์ มาผสมกับเรื่องลี้ลับอย่างวิญญาณ ที่ดูเหมือนจะเป็นคนละขั้ว แต่กลับผสมกันได้อย่างลงตัว ตอนแรกอ่านก็งงว่าผีกับวิทยาศาสตร์มันจะมาเกี่ยวข้องกันได้ยังไง ที่ผู้เขียนใ่ส่ข้อมูลคุณสมบัติของน้ำ เข้ามาในแต่ละบทนี่ไม่เข้าใจมากๆ ว่าใส่มาทำไม กว่าจะอ๋อก็ตอนใกล้จบเรื่อง หรือพี่โง่เองก็ไม่รู้ บางทีคนอื่นอาจจะเข้าใจกว่าพี่ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องราวมันก็ไปในทิศทางเดียวกันนะ โดยเรื่องราวก็จะเริ่มจาก ชีวิตของชโลทรที่อยู่กับแม่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาตลอด จนกระทั่งชโลทรอายุ 25 เข้าสู่วัยเบญจเพสนั่นแหละ เป็นช่วงที่พลังชีวิตตกต่ำที่สุด ทำให้ได้เจอกับผีที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเธอทุกอย่างและพยายามจะเอาชีวิตเธอให้ได้ (แค่เป็นผีก็น่ากลัวแล้ว แถมเป็นผีที่ลักษณะเหมือนตัวเองอีกหลอนเข้าไปใหญ่) ชโลทรเลยต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับผีตนนี้ จนได้รู้ความจริงต่างๆ ในอดีตของแม่ เป็นที่มาที่ไปของผีร้าย

          ตอนที่เฉลยความจริงระหว่าง ‘ชโลทร กับ ผี’ รู้สึกอึ้งมาก ไม่คิดว่าผู้เขียนจะนำเสนอออกมาแบบนี้ ด้วยความที่ผีมันมีลักษณะเหมือนชโลทร พี่ก็คิดว่าอาจจะเป็นฝาแฝดที่ตายไปแล้วก็ได้ แต่เปล่าเลยปรากฏว่าเรื่องมันเหนือความคาดหมายกว่านั้น “ผี คือ ชโลทรตัวจริง ที่ตายตั้งแต่อยู่ในท้อง” “ชโลทร คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากน้ำคร่ำ ด้วยความเชื่อที่แรงกล้าของแม่ที่คิดว่าลูกยังไม่ตาย” งงไหม? (จะบอกว่างงเหมือนกัน ฮ่าๆ) ตรงนี้แหละที่ผู้เขียนเอาความเป็นวิทยาศาสตร์มาผสม โดยเปรียบน้ำคร่ำในครรภ์ เป็นเหมือนโมเลกุลของน้ำที่มีชีวิตเมื่อได้รับผลกระทบต่างๆ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลง มวลน้ำในครรภ์ที่ยังตกค้างก็แปรสภาพจากของเหลวเป็นของแข็ง (ตามคุณสมบัติของน้ำ ที่ผู้เขียนได้ใส่อธิบายไว้ในแต่ละบทนั่นเอง) จนถือกำเนิดเป็น ชโลทร เหตุนี้แหละผีจึงเคียดแค้นเพราะชโลทรเป็นเพียงแค่น้ำคร่ำ แต่กลับได้ถือกำเนิดและมีชีวิตแทนที่ตน ตั้งแต่นั้นมามันจึงตามติดชีวิตของชโลทรมาตลอด จนเมื่อมีโอกาสจึงปรากฏตัวให้ชโลทรเห็นและนำพาให้ชโลทรไปเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ตอนที่อ่านพี่ก็อดคิดตามไม่ได้ สับสนจริงๆ มันไม่น่าจะเป็นไปได้หรือมันจะเป็นไปได้ แต่คงไม่ใช่หรอกนี่มันเรื่องแต่งนี่เนอะ ฮ่าๆ 
 

ความรักอันบริสุทธิ์ที่ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์เกินกว่าจะคาดคิด

          นอกจากผู้เขียนจะนำความเป็นวิทยาศาสตร์กับเรื่องลี้ลับมาผสมกันได้อย่างลงตัวแล้ว อีกอย่างที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีก็คือ เรื่องราวความรักของแม่ที่มีต่อลูก ความรักอันบริสุทธิ์ที่ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์เกินกว่าจะคาดคิดได้ เพราะความเชื่อมั่นที่แรงกล้าของแม่ทำให้ ชโลทรได้ถือกำเนิดขึ้นมาดังเช่นมนุษย์ปกติ มีรูปร่าง มีเลือดเนื้อ มีชีวิต แต่ไม่มีวิญญาณ (ผู้เขียนว่ามาอย่างนี้ น่าจะเพราะต้องการสื่อให้เห็นถึงความรักของแม่ที่หลอมรวมให้ชโลทรมีชีวิตอยู่ได้) ถึงแม้ว่าในตอนที่แม่ได้เห็นผี (วิญญาณชโลทรตัวจริง) แล้วเกิดความลังเลใจทำให้ความเชื่อมั่นที่มีให้ชโลทรมาตลอดเกิดสั่นคลอน จนทำให้ร่างของชโลทรเกือบละลายกลับไปเป็นสถานะเดิมคือน้ำคร่ำ แต่สุดท้ายราวกับปาฏิหาริย์ ความรักของแม่ที่เลี้ยงดูลูกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกและความเชื่อมั่นในครั้งนี้ ก็ทำให้ร่างของชโลทรกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ส่วนผีร้ายเมื่อได้เห็นเช่นนั้นก็ต้องยอมรับความจริงและรับผลกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้ในนรกอเวจีต่อไป…
 

          สรุปเลยละกัน “วารีสีเลือด” ถ้าถามว่าควรอ่านไหม ตอบได้เลยว่าควรลองอ่านดูสักครั้ง ถึงเรื่องราวจะไม่ได้สยองขวัญจนขนหัวลุกแต่ก็ยังคงมีความหลอนๆ อยู่และที่สำคัญเรื่องนี้ทำให้ได้เห็นอะไรอีกหลายอย่าง ทั้งวิทยาศาสตร์ ทั้งความรักของแม่ ทั้งเรื่องบาปบุญ ทั้งยังสอนให้เราตระหนักถึงผลของการกระทำ เหมือนอย่างที่ผีร้ายได้ก่อเวรไว้ท้ายที่สุดเวรกรรมนั้นก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอย่างสาสม ดังที่ ธุวัฒธรรพ์ ได้กล่าวไว้ว่า
 

“ความแค้นเปรียบดั่งเพลิงผลาญ หากมิใช้สติอันเปรียบดั่งน้ำระงับโทสะ
มิใช่เพียงคนที่ถูกแค้นจะวอดวายเท่านั้น
ตัวเองก็จะถูกไฟเผาผลาญจิตใจให้มอดไหม้ไปด้วย”

 

………………………...
 

พี่น้ำ ^^

พี่น้ำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด