เปิดตัว 4 นักเขียนรอบ Semifinal จากกิจกรรม The Mask Writer หน้ากากนักเขียน! ใครจะได้ไปต่อมาร่วมโหวตกัน!

เปิดตัว 4 นักเขียนรอบ Semifinal
จากกิจกรรม The Mask Writer หน้ากากนักเขียน! ใครจะได้ไปต่อมาร่วมโหวตกัน!


สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน จากคราวที่แล้ว พี่หญิงแวะมาเปิดหน้ากากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 12 นักเขียน ผู้ที่ไม่ผ่านเข้ารอบในกิจกรรม The Mask Writer (โครงการที่รวบรวมนักเขียนตัวท็อปของวงการไว้มากถึง 16 คน โดยนักเขียนแต่ละคนเลือกหน้ากากที่ตัวเองชอบ และทุกคนจะต้องเขียนเรื่องสั้นความยาวไม่เกิน 8 หน้าเวิร์ดมาดวลกันรอบต่อรอบ ใครได้ผลโหวตมากกว่าก็เข้ารอบไป) กันไปแล้วกับบทความ “ห้ามพลาด 12(+3) เรื่องสั้นสุด exclusive จาก 12 นักเขียนตัวท็อปของวงการ”  ครั้งนี้เราก็ขอมาแนะนำ 4 ผู้รอดชีวิตให้ทุกคนรู้จักกันบ้างค่ะ
 


หน้ากากนักเขียนผู้ผ่านเข้ารอบเซมิไฟนอล

ในคราวนี้ ผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 4 จะต้องมาจับคู่แข่งขันในรอบเซมิไฟนอล โดยคู่แรกที่มาเจอกัน คือผู้ชนะจากกรุ๊ป A และ B หน้ากากปี๊บคลุมหัวปะทะหน้ากากปลาทู คู่ต่อมาเป็น หน้ากากลังกระดาษ และ หน้ากากซินเดอเรลลา ตัวแทนของกรุ๊ป C และ D  นั่นเองค่ะ 

และเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจเลือกโหวตกันง่ายขึ้น วันนี้เราก็ขอพาทุกคนไปย้อนรอยทำความรู้จักกับนักเขียนภายใต้หน้ากาก 4 คนนี้ผ่านการรีวิวผลงานทั้ง 3 ตอน โดยแยกเป็นรีวิวเปรียบเทียบเป็นคู่ๆ ให้เห็นความแตกต่างชัดเจน อ่านจบแล้วชอบนักเขียนสไตล์ไหน ก็ไปกดโหวตกันได้เลยค่ะ
 

หน้ากากปี๊บคลุมหัว VS หน้ากากปลาทู

หน้ากากปี๊บคลุมหัว มาในเรื่องชื่อยาวๆ แรงๆ อย่าง โฉมตรูกับคู่ชู้ขนดก ฉบับปก (เกือบ) ขาว ส่วนหน้ากากปลาทู ยึดชื่อเดิมที่ใช้มาตลอดการแข่งขันอย่าง ร้านลึกลับในคืนดาวดับ เพิ่มเติมคือชื่อ ตอน เวทวับวาว 

แม้ทั้งสองหน้ากากจะมีลายเซ็นที่แตกต่างกัน นั่นคือ หน้ากากปี๊บคลุมหัวมาแบบระทึกขวัญ สำนวนฉูดฉาด สีสันจัดจ้าน ถ้าเปรียบเป็นสีก็คือสีโทนร้อน เจิดจ้าเป็นประกาย ในขณะที่หน้ากากปลาทู มาในโทนรักแฟนตาซีอบอุ่น อ่านแล้วคิดถึงสีเย็นๆ อย่างสีฟ้า บรรยากาศตอนมืด ค่ำคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาว อย่างไรก็ตาม ทั้งสองหน้ากากมีจุดเชื่อมโยงตรงกันคือต่างวางแผนการแข่งไว้ว่าจะเขียนเป็นมินิเรื่องสั้น 4 ตอนจบ ดังนั้น นิยายทั้ง 3 ตอนที่เขียนออกมาจึงมีเนื้อหาต่อเนื่องกัน คนที่อ่านตั้งแต่เรื่องแรกจะจำตัวละครต่างๆ ได้ ทำให้เกิดความผูกพันกับเนื้อเรื่อง และอินไปกับการอ่าน 
 

หน้ากากปี๊บคลุมหัว

             ลายแทงแห่งรัก ,สิงสู่  และโฉมตรูกับคู่ชู้ขนดก ฉบับปก (เกือบ) ขาว     
เรื่องสั้นจาก หน้ากากปี๊บคลุมหัว 


หน้ากากปี๊บคลุมหัว เปิดตัวมาอย่างแรงในเรื่องสั้นชื่อ คือลายแทงแห่งรัก! ผลงานแนวสยองขวัญผสมโรแมนติกที่มีจุดเด่นคือสำนวนภาษาจิกกัด ประชดประชันเสียดสี ชวนให้รู้สึกแสบๆ คันๆ เวลาอ่าน การเดินทางล่าสมบัติของหม่อมราชนิกูลตกอับและพยาบาลสาวคู่ใจ โดยมีรอย โรคกลากเกลื้อน บนแผ่นหลังเป็นเบาะแสนำทาง (อ่านไปก็คันไป แงๆ บรรยายได้ถึงอกถึงใจมากจริงๆ ค่ะ…) เรื่องนี้เอาชนะ หน้ากากกลิ่นกำยาน มาได้

ส่วนเรื่องที่สอง หน้ากากปี๊บคลุมหัว เอาชนะ หน้ากาก Carmen กับเรื่อง สิงสู่  โดยเนื้อหาจะถ่ายทอดมุมมองอีกด้านของตัวละครที่เคยเป็นปริศนาในภาคแรก ด้วยภาษาที่ยังคงเอกลักษณ์เหน็บแนมแบบเจ็บๆ ไว้ได้สิบเต็มสิบ และยังเปลี่ยนเรื่องน่ากลัวๆ ให้กลายเป็นเรื่องตลกชวนโรแมนติกได้แบบหน้าตาเฉย พยาบาลสาวที่กลายเป็นผี และคอยหลอกหลอนคนไข้ที่พักในห้องของโรงพยาบาล อ่านไปก็ขนลุกไปกับสำนวนแรงๆ เจ็บๆ ของคนเขียน 

สำหรับเรื่องล่าสุด เปิดมาด้วยชื่อที่แรงมากๆ อย่าง โฉมตรูกับคู่ชู้ขนดก ฉบับปก (เกือบ) ขาว  เรื่องนี้คือนำเสนอผ่านมุมมองแม่ของท่านชายในภาคแรกที่ทิ้งลูกไปอยู่กับชายคนรัก เปิดตัวมาด้วยเนื้อหาโรมานซ์แฟนตาซี ให้ความรู้สึกเซ็กซี่นิดๆ ขยี้ใจ (แต่ไม่เรทนะ) ก่อนจะปิดด้วยพล็อตรักต่างสายพันธุ์สุดหักมุม พี่หญิงว่าสำนวนของปี๊บคมขึ้น สุขุมขึ้น และกลมกล่อมมากขึ้น แต่จุดเด่นเรื่องคาแร็คเตอร์ที่คมชัดยังเหมือนเดิมค่ะ ไม่พลาดเลย 

นอกจากนี้ 3 เรื่องนี้ หน้ากากปี๊บคลุมหัวยังร่วมเขียนตอนพิเศษอีกสองตอนด้วยกัน เรื่องแรก คือ ผู้หญิงคนนั้นเมื่อวานนี้ เป็นการเขียนร่วมกันกับ หน้ากาก Carmen เจ้าตัวได้พลิกโฉมหน้าเรื่องสั้นที่เริ่มต้นด้วยเนื้อหาโทนเศร้าๆ เคล้ากลิ่นกาแฟและความเหงาเป็นนิยายรักคอมเมดี้ ชวนยิ้มที่นิยามได้ประโยคเดียวเลยว่านี่คือการตีหัวลากเข้าห้องที่แท้ทรู

ส่วนตอนพิเศษอีกตอนที่เขียนคู่กับหน้ากากปลาทู คือทะเลแห่งรัก!  ความรักแสนโรแมนติกของเผ่าพันธ์ุแห่งท้องทะเลที่ถ่ายทอดความหมายของคำว่า “ความรักไม่ว่ารูปแบบไหนก็สวยงาม” ออกมาได้น่าประทับใจ แถมแอบมีขำมีฮาได้ตลอดเรื่อง    
 

หน้ากากปลาทู 

             
เรื่องสั้น ร้านลึกลับในคืนดาวดับ ตอน วิวาห์พิศวง, แว่ววันวาน และเวทวับวาว
จากหน้ากากปลาทู 


ส่วนหน้ากากปลาทู เปิดตัวมาเรื่องแรก ก็เอาชนะ หน้ากากเจ้าหนูจำไม มาได้ ผลงานเรื่องนี้ใช้ชื่อว่า ร้านลึกลับในคืนดาวดับ ตอน วิวาห์พิศวง   ร้านค้าลึกลับที่จัดงานวิวาห์ให้กับคนตาย เนื้อหาเต็มไปกลิ่นอายความเหนือธรรมชาติ เปิดเรื่องมาด้วยโทนหม่นๆ สีเทาๆ ก่อนจะตบท้ายด้วยแสงแห่งความหวังชวนอบอุ่บหัวใจ อ่านแล้วอดนึกถึงนิยายญี่ปุ่นฟีลกู๊ดต่างๆ เช่น ปาฏิหาริย์ร้านชำของนามิยะ หรือเพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น เป็นนิยายรักโรแมนติกที่อ่านแล้วอิ่มใจจริงๆ ค่ะ 

ในรอบสองหน้ากากปลาทูเจอกับหน้ากากจิงโจ้ตัวเมีย และยังคงใช้ชื่อเรื่องเดิมคือ ร้านลึกลับในคืนดาวดับ สำหรับรอบนี้ ใช้ชื่อตอนว่า แว่ววันวาน   เป็นการเปิดตัวอีกหนึ่งร้านค้าปริศนาที่ในคราวนี้มาในรูปแบบร้านดนตรี ใช้เสียงเพลงพาลูกค้าไปสู่ความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ บรรยากาศของตอนที่สองนี้ก็ให้อารมณ์คล้ายกับตอนแรกเลยค่ะ คือสื่อถึงการให้กำลังใจ ชี้ให้เราเห็นว่าในมืดมิดย่อมมีแสงสว่างแห่งความหวังอยู่เสมอ เป็นแฟนตาซีสายอบอุ่นเต็มตัว

สำหรับในรอบล่าสุดหน้ากากปลาทูได้งัดเอาเรื่องสั้นในเซต ร้านลึกลับในคืนดาวดับ กับชื่อตอนสาม ว. อย่าง เวทวับวาว ออกมาสู้    ได้ยินชื่อตอนแรก ยังไม่ทันได้อ่านก็เดาไปก่อนล่วงหน้าแล้วว่าต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ “เวทมนตร์” แน่นอน ร้านที่พร้อมจะจุดประกายเวทวาววับ ให้ความปรารถนาในใจบรรลุผล และมันก็เป็นไปอย่างที่พี่หญิงแอบคิดไว้จริงๆ เพียงแต่ครั้งนี้ ร้านค้าเวทมนตร์ไม่ได้ตอบรับเพียงแค่ความปรารถนาของลูกค้า แต่เล่าถึงตัวเจ้าของร้านเอง ซึ่งทำให้นักอ่านอย่างเราอิ่มอกอิ่มใจและลุ้นไปกับความปรารถนาของเธอ 

หน้ากากปลาทูยังได้เขียนตอนพิเศษร่วมกับหน้ากากจิงโจ้ตัวเมียในเรื่องสั้นชื่อ   เรื่องสำคัญให้ทำสองครั้ง 

เสน่ห์ของตอนพิเศษนี้ อยู่ที่การตีความชื่อตอนในทิศทางที่แตกต่างระหว่างสองนักเขียน หลังจากอ่านจบ พบว่าแม้จะตีความไปคนละทาง แต่น่าแปลกที่อ่านแล้วกลับทำให้รู้สึกกลมกลืน จนอ่านแล้วก็แอบคาดไม่ถึง หักมุมสุดๆ


สรุปจุดเด่น
หน้ากากปี๊บคลุมหัว VS หน้ากากปลาทู 

หน้ากากปี๊บคลุมหัว มีดีที่สำนวนชัดเจน ตรง แรง เวลาอ่านรู้สึกแสบๆ คันๆ (เพราะเป็นกลาก?) อ่านไปหน้าชาไป เหมือนโดนตัวละครในเรื่องเหน็บแนม จิกกัดอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงจินตนาการแบบกาวๆ แนวๆ ที่ไม่เหมือนใคร พล็อตแปลกใหม่แหวกแนวที่ไม่เคยอ่านที่ไหนมาก่อน อ่านแล้วเหมือนโดนดูดเข้าไปในโลกของนักเขียนเลยค่ะ 

ส่วนหน้ากากปลาทู มีดีที่นิยายโทนอบอุ่นนุ่มนวล อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้จิบชาร้อนๆ ในวันที่อากาศหนาว ความอุ่นจากชามันซึมลึกลงถึงใจ ช่วยเยียวยาเราจากเรื่องราวร้ายๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ อ่านแล้วก็อยากจะแวะไปร้านลึกลับในคืนดาวดับสักครั้งจัง
 

หน้ากากลังกระดาษ Vs หน้ากากซินเดอเรลลา 

สำหรับการแข่งขันระหว่าง หน้ากากลังกระดาษ และ หน้ากากซินเดอเรลลา ตัวแทนของกรุ๊ป C และ D  การพบกันของคู่นี้มีจุดน่าสนใจอยู่ตรงที่แนวทางการเขียนของทั้งคู่แตกต่างกันสุดๆ ชนิดที่เรียกว่าอยู่คนละขั้วก็ว่าได้ ในขณะที่ หน้ากากซินเดอเรลลา นำเสนอผลงานดราม่าเข้มข้น รักสามเส้า เราสามคน ทั้งหมด 3 ตอน ในชื่อ บันทึกความรักในช่วงกลางเดือนมิถุนายน โดยเล่าผ่านมุมมองของตัวละคร 3 ตัว มันแกว อัป และติณห์

 “หน้ากากลังกระดาษ” นำเสนอในรูปแบบเรื่องสั้นจบในตอน แต่ละตอนไม่ต่อเนื่องกันเลย เขียนใหม่ทุกรอบ (เป็นนักเขียนคนเดียวของโครงการที่ไม่ได้เขียนเรื่องสั้นต่อกันเป็นซีรีส์) มีจุดเด่นเป็นงานเขียนสะท้อนสังคมที่จบได้หักมุม อ่านแล้วชวนให้ส่งเสียง ห๊ะ? ด้วยความคาดไม่ถึง!  

ด้วยสไตล์ที่แตกต่าง คนหนึ่งรักดราม่า ส่วนอีกคนสะท้อนสังคม  ก็ยิ่งทำให้การแข่งขันครั้งนี้น่าลุ้นเข้าไปอีกว่าใครกันแน่จะเป็นผู้ชนะ เพราะงานนี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องคุณภาพผลงานแล้ว รสนิยมความชอบของนักอ่านก็เป็นตัวชี้วัดด้วยเช่นกัน 


หน้ากากซินเดอเรลลา

          
เรื่องสั้น  บันทึกความรักในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตอน มันแกว, อัป และติณห์
จากหน้ากากซินเดอเรลล่า


โดยรีวิวในวันนี้พี่หญิงขอเริ่มที่ หน้ากากซินเดอเรลลา แห่งกรุ๊ป D ก่อน เปิดตัวด้วยการเอาชนะหน้ากากปากกา ผู้เขียนแนวมาเฟียกับผลงาน บันทึกความรักในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ในมุมมองของ “มันแกว” นักศึกษาสาวที่อยู่ๆ ก็โดน “อัป” เพื่อนที่เกือบจะขยับสถานะมาเป็นคนรู้ใจเทไปแบบไม่รู้สาเหตุ เหมือนในเนื้อเพลง อยู่ดีๆ ก็… ของ วันเดอร์เฟรม เป๊ะ ประมาณว่า...อยู่ดีๆ ก็หาย Line ไม่ตอบ อยู่ดีๆ เปลี่ยนไป ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ ก็นก ฉันพลาดตรงไหน ถึงได้เดินจากไปไม่บอกกันสักคำ…

เนื้อหาในส่วนนี้จะสะท้อนให้เราเห็นถึงความรู้สึกสับสน เสียใจ แล้วก็สงสัยถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่านแล้วทำให้เราอดคิดถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็หน้าเจื่อนๆ ไปเหมือนกันนะคะ คุยกันอยู่ดีๆ คิดจะเลิกก็เลิก คิดจะหายก็หาย ตกลงจะเอายังไง ทำไมไม่มาคุยกันก่อนนะ สำหรับเรื่องสั้นตอนนี้ หน้ากากซินเดอเรลลา บรรยายความรู้สึกของมันแกว ผ่านเพลง “ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ” ค่ะ 

รอบต่อมาคือ บันทึกความรักในช่วงกลางเดือนมิถุนายน  ตอนที่ 2 ซินเดอเรลลาเอาชนะ หน้ากากSusuwatari มาด้วยการถ่ายทอดมุมมองของ “อัป” เพื่อนคนพิเศษที่อยู่ๆ ก็เท “มันแกว” ไปค่ะ ในตอนนี้เราจะได้รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมอัปถึงตัดสินใจถอยออกจากชีวิตของมันแกว และการอ่านสาเหตุจากมุมของอัป ก็ทำให้ความรู้สึกนอยด์ๆ เขาในตอนแรกลดลงไป กลายเป็นความเข้าใจแทน เพลงประกอบของตอนนี้คือ “รักเธอให้น้อยลง” เป็นความรู้สึกที่อัปมีให้มันแกวค่ะ 

และในตอนล่าสุด หน้ากากซินเดอเรลลา มาพร้อมผลงาน บันทึกความรักในช่วงกลางเดือนมิถุนายน  ผ่านมุมมองของ “ติณห์” อีกหนึ่งตัวละครที่ปรากฏในสองตอนแรกในฐานะเพื่อนสนิทของทั้งมันแกวและอัป ออกมาตอกย้ำความเศร้าของนักอ่านให้อยากเสียน้ำตาเพิ่มเติมขึ้นไปอีกสิบระดับด้วยความรู้สึกของเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อ รู้ว่าไม่อาจครอบครองแต่ก็ไม่สามารถตัดใจได้ ฮือออ เป็นการปิดจบที่ทำให้มีแต่คำว่า… สงสาร เต็มหัวไปหมดเลยค่ะ เพลงประกอบตอนก็น่าเจ็บใจจริงๆ “เป็นเพื่อนเธอไม่ได้จริงๆ” อ่านครบทั้ง 3 บันทึกแล้ว ก็สงสารทั้ง 3 ตัวละครอย่างเท่าเทียม ไม่รู้จะเลือกเข้าข้างใครเลยค่ะ

นอกจากเรื่องสั้นทั้ง 3 ตอนที่พี่หญิงเล่ามา หน้ากากซินเดอเรลลา ยังได้มีโอกาสเขียนตอนพิเศษร่วมกับนักเขียนอีก 2 หน้ากากด้วยกัน เรื่องแรก เมื่อหลวงพี่ส่งฉันไปเกิดใหม่ในเรื่องซินเดอเรลลา เอ๊ย ปลาบู่ทอง และก้อนหินที่ไม่น่าจะเกี่ยว (แต่ก็เกี่ยว) ก้อนนั้น  เรื่องนี้หน้ากากซินเดอเรลลาได้เขียนส่วนปิดท้ายให้กับหน้ากาก Susuwatari และยังตั้งชื่อยาวมากกกกก จนอ่านผ่านๆ นึกว่าคำโปรย จุดเด่นของเรื่องสั้นเรื่องนี้คือความกาวค่ะ คิดได้ไงเอาเรื่องราวผีๆ มาผสมรวมเข้าพล็อตแฟนตาซีแนวระบบ และตำนานปลาบู่ทอง แถมยังทำได้ลงตัวขนาดนี้ คาดไม่ถึงเลยค่ะ 

ส่วนตอนพิเศษอีกตอนคือ ศัลยแพทย์เคราน้ำเงิน  คราวนี้ซินเดอเรลลา จับคู่กับหน้ากากลังกระดาษ คู่แข่งในรอบเซมิไฟนอล ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องราวของแพทย์หนุ่มกับภรรยาสาวที่หยิบเอานิทานพื้นบ้านของฝั่งตะวันตกอย่าง “ฆาตกรเคราน้ำเงิน” มาประยุกต์ได้อย่างลงตัว และแสนจะหักมุม!
 

หน้ากากลังกระดาษ

           
เรื่องสั้น จิตเภท, ปิดทองหลังพระทำไม...ใครจะเห็น และอายาที่รัก
จากหน้ากากลังกระดาษ


มาต่อกันที่ หน้ากากลังกระดาษ ผู้ชนะของกรุ๊ป C บ้าง เปิดตัวมาด้วยการเอาชนะ หน้ากากไก่ชน  กับผลงานชื่อสั้นตรงเป้าอย่าง “จิตเภท” เรื่องสั้นที่ถ่ายทอดความดำมืดของจิตใจมนุษย์ผ่านเรื่องราวของ “จิตแพทย์” หนุ่มที่แม้จะมีหน้าที่ดูแลเยียวยาจิตใจผู้ป่วย แต่เขากลับมีมุมมืดอีกด้านซ่อนอยู่ สำนวนในตอนนี้จะให้ความรู้สึกบิดเบี้ยว เชิงประชดประชัน สับขาหลอกให้เราหลงไปอีกทาง แล้วก็จบปิดท้ายด้วยการหักมุมที่ทำให้คนอ่านรู้สึกอึ้งๆ พร้อมกับอุทานในใจว่า...เอาอย่างนี้จริงดิ!

เรื่องที่สองคราวนี้ หน้ากากลังกระดาษ มาพร้อมเรื่องสั้นเยียวยาหัวใจที่สามารถเอาชนะ หน้ากากนางเมรี มาได้ด้วยผลงาน “ปิดทองหลังพระทำไม...ใครจะเห็น” ที่ออกตัวก่อนว่าชอบเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากเนื้อหาจะเต็มไปด้วยพลังบวกแล้ว หน้ากากลังกระดาษยังหยิบเอาพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาขยี้ปมได้น่าประทับใจจนอ่านจบครั้งแรกแล้วรู้สึกไม่พอ ต้องวนเปิดอ่านใหม่หลายๆ รอบเลยค่ะ

และล่าสุดกับผลงาน อายาที่รัก    โศกนาฏกรรมแห่งสงคราม การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ที่ในที่สุดแล้ว ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวอันแสนเจ็บปวด การทรยศหักหลัง ความตาย และหยาดน้ำตา ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับการเล่าเรื่องในแบบการเขียนบันทึก มันก็ยิ่งทำให้อารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านตัวอักษรเต็มไปด้วยอารมณ์ซึมลึกเข้าไปถึงใจนักอ่านสุดๆ เลยค่ะ 

ในส่วนของตอนพิเศษ นอกจาก หน้ากากลังกระดาษ จะได้ร่วมเขียนกับคู่แข่งรอบนี้อย่าง หน้ากากซินเดอเรลลาแล้ว ยังมีตอนพิเศษอีกหนึ่งตอนคือ ลับซ่อนรัก  เจ้าตัวได้จับคู่กับหน้ากากนางเมรี ร่วมกันถ่ายทอดเรื่องความรักอันซับซ่อนระหว่างผู้ชายสองคนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด โดยเรื่องนี้ออกตัวเลยว่าปิดจบได้หักมุมแสนขัดใจพี่หญิงสุดๆ เลยอ่านแล้วอยากร้องกรี๊ดจริงๆ ว่าทำไมจบแบบนี้นะ แงๆ อินเกินไปหน่อย


สรุปจุดเด่น
หน้ากากลังกระดาษ Vs หน้ากากซินเดอเรลลา 

หน้ากากซินเดอเรลลา มีจุดเด่นที่เรื่องราวดราม่า หน่วงหัวใจ สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครให้ถึงใจคนอ่านได้แบบเต็มๆ เวลาจะเปิดอ่านทีต้องแอบเตรียมทิชชู่ไว้รอ เผื่อเกิดอินน้ำตาแตกขึ้นมาจะได้หยิบขึ้นมาซับได้ทันใจ

ส่วนหน้ากากลังกระดาษ เหมือนอ่านงานรางวัลที่หยิบเอาประเด็นสำคัญต่างๆ ในสังคมมาถ่ายทอดลงไปในเรื่องสั้น อ่านแล้วชวนให้เราฉุกคิดตาม แถมการเล่าเรื่องก็น่าสนใจ แต่ละตอนมีโทนสีแตกต่างกันชัดเจน เริ่มด้วย “สีดำ” ถ่ายทอดความดำมืดในจิตใจมนุษย์ “เหลืองนวลสว่างๆ” บอกเล่าว่าในความเลวร้ายยังมีความดีอยู่ และล่าสุดด้วย “สีแดงเลือด” แสดงถึงสงครามที่เต็มไปด้วยความตาย และความเจ็บปวด 



----------------
 

จบไปแล้วสำหรับการรีวิวผลงานของทั้งสี่หน้ากากในครั้งนี้ แต่ละรอบการแข่งขันเรียกได้ว่านักเขียนแต่ละคนขยันปล่อยไม้เด็ดออกมาเรียกคะแนนกันทุกรอบ จนสามารถเอาชีวิตรอดกันได้มาถึงรอบเซมิไฟนอล ซึ่งการมาเจอกันของทั้งสองคู่รอบนี้ บอกเลยค่ะว่า...ตัดสินยากมากๆ 

ปิดท้ายนี้พี่หญิงขอทำหน้าที่นักอ่านที่ดีกดโหวตหน้ากากในดวงใจแล้วกันค่ะ รอบนี้เชียร์หน้ากากซินเดอเรลลาสุดหัวใจ ไม่ใช่อะไร อยากรู้ตอนจบของความรักสามเส้าอะ ไม่ได้อ่านบทสรุปแล้วมันค้างคาใจ จนต้องขอกดโหวตให้ไปต่อรัวๆ เลยค่ะ แล้วทุกคนล่ะ เลือกโหวตหน้ากากไหนกัน มาคอมเมนต์เม้า เชียร์กันได้ล่างนี้ได้เลย 


คลิกโหวตและอ่านเรื่องสั้นได้ที่   :   The Mask Writer หน้ากากนักเขียน! 




พี่หญิง

 

พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น