ชวน battle 3 เมนูเด็ด
จากนิยายสายกินประจำเว็บเด็กดี
ยอดเชฟเทพนักปรุง VS ตำรับรักจอมนาง
คิดจะเป็นสายกินทั้งที ต้องไปให้สุดค่ะ!! (ส่วนจะหยุดที่น้ำหนักเท่าไหร่ อันนี้ขอไว้ค่อยคิดทีหลัง)
ถ้าใครเข้าเพจนิยายเด็กดีเป็นประจำ คงจะสังเกตเห็นแล้วว่าสัปดาห์นี้ นิยายเด็กดีเดินหน้าเป็นสายกินเต็มตัว ตั้งแต่เล่นเกมชิงรางวัลแชร์เมนูโปรดประจำเทศกาลสารทจีน อัลบั้มภาพแชร์นิยายแนะนำธีมอาหาร และในวันนี้เราเลยขอปิดท้ายด้วยการชวน Battle เมนูอาหารจากนิยายอาหารแล้วกันค่ะ เพื่อใครสนใจจะได้ถือโอกาสในวันหยุดยาวนี้ จัดทริปทัวร์ไปตระเวนหาของกินกัน! (หรือใครอยากทำเองก็ไม่ว่ากัน จะส่งภาพมาเผื่อพี่หญิงด้วยก็จะดีมากๆ)
และเมนูที่เราจัดมาให้มีทั้งหมด 6 เมนู โดยเลือกมาจากนิยาย 2 เรื่อง เรื่องละ 3 เมนูค่ะ
เรื่องที่ 1 ยอดเชฟเทพนักปรุง นิยายแปลสัญชาติเกาหลีจากสนพ. แจ่มใส ที่เล่าถึงเรื่องราวของ “โชมินจุน” ชายหนุ่มผู้มีโอกาสย้อนเวลากลับมาในอดีต เพื่อทำตามความฝันในการเป็นเชฟอีกครั้ง หลังจากที่ในชาติแรกเขาเลือกทางเดินผิด จนทำความฝันไม่สำเร็จ
เรื่องที่ 2 ตำรับรักจอมนาง นิยายจีนโดยนักเขียนไทย แนวย้อนเวลาเช่นกัน แต่ย้อนไปไกลกว่ายอดเชฟเทพนักปรุงมาก ในขณะที่โชมินจุนตัวเอกจากเรื่องแรกย้อนเวลากลับไปเพียงแค่ 7 ปี แต่ “อูเลี่ยงหลิน” เชฟสาวข้ามมิติไปยังโลกยุคจีนโบราณ อาศัยอยู่ในร่างของภรรยาน้อยที่ถูกภรรยาหลวงไล่ออกจากบ้านทั้งที่กำลังตั้งท้อง! นางเอกของเราจึงต้องงัดเอาฝีมือการทำอาหารมาหาเลี้ยงชีพ เนื้อหาในเรื่องจึงเต็มไปด้วยเมนูยั่วน้ำลายเต็มไปหมดเลยค่ะ
หลังจากทำความรู้จักกับนิยายทั้ง 2 เรื่องไปแล้ว ก็มาถึงเวลาสำคัญ พี่หญิงขอภูมิใจนำเสนอ 6 เมนูอาหารแสนอร่อยที่จะมายั่วน้ำลายจนน้ำย่อยในกระเพาะส่งเสียงประท้วง โดยพี่หญิงขอแบ่งเมนูออกเป็น 3 คู่ แบ่งในชื่อว่า เมนูอิ่มเบา เมนูอิ่มกลางๆ (ยังกินได้ต่อ) และสุดท้ายเมนูอิ่มหนัก (จุกๆ ไปเลย)!! มาค่ะ เริ่มแบทเทิ่ลอาหารได้ ณ บัดนาว!!

เมนูอิ่มเบา : ซูเฟล่เลมอน VS ฮะเก๋าปลาทอง
เริ่มต้นกันที่เมนูอิ่มเบา อาหารเรียกน้ำย่อยคำเล็กๆ ก่อนเลยค่ะ สำหรับรอบนี้ยอดเชฟเทพนักปรุงขอส่ง “ซูเฟล่เลม่อน” หอมหวานเนื้อฟูนุ่ม มาดวลกับ “ฮะเก๋าปลาทอง” ฮะเก๋าคำเล็กๆ น่ารักสูตรพิเศษจากตำรับรักจอมนางค่ะ

ที่มา : https://www.thaidiycupcake.com/blogs/cupcake-recipes/lemon-souffle
ซูเฟล่เลมอน เป็นอาหารที่ “โชมินจุน” เลือกทำเป็นเมนูแรกหลังจากย้อนเวลามา โดยใช้ส่วนผสมง่ายๆ จากครัวที่บ้าน ได้แก่ ไข่ เนย น้ำตาล แป้ง และเลม่อน วิธีการก็ง่ายๆ คือแยกไข่ขาวกับแดงออกจากกันจำนวนสองฟอง เติมน้ำตาลหนึ่งช้อนพูนๆ ตีให้เข้ากันจนเกิดฟองฟู หั่นเลมอนออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งคั้นน้ำโดยใช้ตะแกรงกรอง ค่อยๆ เทใส่ไข่ขาวที่ตีจนขึ้นฟูลงไปทีละนิด คนให้เข้ากันจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ต่อมาทาเนยกับน้ำตาลที่แก้ว เทเมอแรงก์ตามลงไปช้าๆ เสร็จแล้วก็นำไปใส่ในเตาอบที่วอร์มรอเอาไว้ ระหว่างรอสุก ก็ใส่แป้งกับน้ำตาลลงไปในเครื่องปั่นเพื่อทำน้ำตาลไอซิ่ง เมื่อได้ที่ โรยน้ำตาลไอซิ่งที่กรองด้วยตะแกรงลงไป เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
จุดเด่นของเมนูนี้อยู่ที่รสสัมผัสกรอบและอ่อนนุ่มผสมกัน เวลาเคี้ยวชวนให้รู้สึกเหมือนกับการก้าวเหยียบลงไปบนหิมะปุกปุย และยังให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานที่ผสมกันได้อย่างลงตัว
อ่านเรื่องราวยั่วน้ำลายชวนน้ำหนักขึ้นของ ซูเฟล่เลมอน เต็มๆ ได้ที่นี่ bit.ly/350B1pj

ที่มา https://writer.dek-d.com/MookChanii/writer/viewlongc.php?id=1452630&chapter=227
เมนูที่ขอส่งมาแบทเทิ่ลคือ ฮะเก๋าปลาทอง เมนูพิเศษที่ “เลี่ยงหลิน” คิดขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อจัดจานขึ้นเสิร์ฟรับแขกของอารามเต๋าแห่งหนึ่ง จัดทำขึ้นเป็นอาหารเจ ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ตัวไส้เป็นผักนานาชนิดหั่นละเอียด ได้แก่ หัวผักกาดแดง กะหล่ำม่วง กะหล่ำเขียว ถั่วงอก เห็ดหูหนู ผัดรวมกันด้วยไฟแรงแบบเร็วๆ ก่อนจะห่อด้วยแผ่นแป้งให้เป็นรูปปลาทองที่มีความหมายมงคลสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของฤดูใบไม้ผลิ
จุดเด่นของ ฮะเก๋าปลาทอง นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่สวยงามเป็นมงคลแล้ว รสสัมผัสยังเต็มไปด้วยความกรุบกรอบของถั่วงอกและเห็ดหูหนู และความสดชื่นของรสหวานตามธรรมชาติของน้ำผัก อาหารสุขภาพที่กินแล้วเบาๆ ไม่อิ่มท้องและได้รสจากธรรมชาติแท้ๆ ค่ะ
อ่านเรื่องราวยั่วน้ำลายชวนน้ำหนักขึ้นของ ฮะเก๋าปลาทอง เต็มๆ ได้ที่นี่ bit.ly/3387Ez9
เมนูอิ่มกลางๆ (ยังกินได้ต่อ) : จัมปง VS Kuneh Ja Bhee
คู่ที่สองนี้เป็นเมนูชื่อแปลกทั้งคู่ค่ะ (ฮา) สารภาพเลยว่าเพิ่งเคยได้ยินก็ตอนอ่านนิยายสองเรื่องนี้นี่แหละ ตอนแรกพี่หญิงก็งงๆ เหมือนกันว่าเป็นอาหารชนิดไหนนะ แต่พอได้อ่านคำบรรยายถึงได้เข้าใจว่า… จัมปง ก็คือ ก๋วยเตี๋ยวแบบจีนรสเผ็ด ส่วน Kuneh Ja Bhee เป็นอาหารอินเดียที่ทำมาจากสายบัวคลุกเครื่องเทศหลายชนิดนั่นเอง และพี่หญิงก็เชื่อว่ายังมีน้องๆ หลายคนที่ไม่รู้จัก วันนี้ก็เลยขอหยิบเมนูชื่อแปลกทั้งคู่นี้มาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ

ที่มา https://www.gourmetandcuisine.com/stories/detail/35
จัมปง ก๋วยเตี๋ยวแบบจีนมีรสเผ็ด โดยสูตรของมินจุนแตกต่างจากร้านทั่วไปอยู่เล็กน้อย แทนที่จะใช้อาหารทะเลเป็นวัตถุดิบหลัก มินจุนกลับเลือกใช้เนื้อหมูส่วนคาง และใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวแบนๆ แทนเส้นบะหมี่จีน มินจุนเริ่มต้นขั้นตอนการปรุงแรกด้วยการสับหมู ปอกหอมกับกระเทียม ใช้มีดกดลงไปให้แตกก่อนสับละเอียด เสร็จแล้วก็หั่นต้นหอมให้ยาวคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยว จุดไฟ วางกระทะเหล็กบนเตา เทน้ำมันพืช รอไฟร้อน นำหอมกับกระเทียมที่เตรียมเอาไว้ลงไปผัดจนมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อหมูตามลงไป ผัดเข้ากัน ปรุงรสด้วยพริกป่น ซอสหอยนางรม ใส่ใบหัวผักกาดแห้งลง และน้ำที่ต้มจนเดือด คนให้เข้ากัน หั่นหอมตามแนวขวาง ซอยกะหล่ำปลีแนวดิ่ง ใส่กะหล่ำปลีลงไปก่อน ตามด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวและหัวหอม
ทีนี้แล้วก็จะได้ จังปง รสชาติเข้มข้นสไตล์เชมุลกุกซู (ก๋วยเตี๋ยวที่ต้มเส้นไปพร้อมกับน้ำซุป ) แสนอร่อยที่มีทั้งรสสัมผัสเผ็ดร้อนของพริกป่น รสหวานกับรสเค็ม พร้อมกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของเนื้อหมูค่ะ
อ่านเรื่องราวยั่วน้ำลายชวนน้ำหนักขึ้นของ จัมปง เต็มๆ ได้ที่นี่ bit.ly/2QQPlZj
.png)
ที่มา https://writer.dek-d.com/sheeperywriter/writer/viewlongc.php?id=1925138&chapter=17
Kuneh Ja Bhee หรือ รากบัวคลุกเครื่องเทศ เป็นอาหารอินเดียที่ "เลี่ยงหลิน" ปรุงขึ้นโดยประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องเทศและวัตถุดิบของจีน มีจุดประสงค์เติมความซาบซ่าน กระตุ้นต่อมรับรสและความอยากอาหารของผู้รับประทาน
เลี่ยงหลินเริ่มต้นปรุง Kuneh Ja Bhee ด้วยการหั่นรากบัวเป็นชิ้นพอดีคำ คลุกกับอบเชยและพริกผง นำไปทอดจนเหลืองกรอบคลุกกับเครื่องเทศเดิมซ้ำอีกครั้ง เพิ่มรสชาติด้วยเกลือเล็กน้อย เสิร์ฟคู่กับ "ชัทนีย์" น้ำจิ้มที่เป็นจุดเด่นไม่เหมือนใครปรุงรสสไตล์อินเดีย ทำจากผักชี น้ำตาล และน้ำส้มสายชูหมัก เกิดเป็นรสชาติอันแสนจะกลมกล่อมลงตัว เชื่อว่าถ้าได้กินคงจะต้องอร่อยจนหยุดไม่อยู่แน่ๆ แค่อ่านพี่หญิิงก็หิวแล้วเนี่ย
อ่านเรื่องราวยั่วน้ำลายชวนน้ำหนักขึ้นของ Kuneh Ja Bhee เต็มๆ ได้ที่นี่ bit.ly/3hYOmT0
เมนูอิ่มหนัก (จุกๆ ไปเลย) : ปลาทรายแดงทอดราดซอสพริกหวาน VS ข้ามประตูมังกร
มาถึงอาหารปิดท้าย พี่หญิงขอจัดเมนูอาหารจานหลักที่มี “ปลา” เป็นตัวเอกแล้วกันนะคะ (พอดีช่วงนี้อินกินปลามากๆ) ฝั่งยอดเชฟเทพนักปรุงขอส่งเมนู “ปลาทรายแดงทอดราดซอสพริกหวาน” เมนูอาหารที่ทำให้มินจุนผ่านเข้ารอบการแข่งขันแกรนด์เชฟเข้ามาได้เข้าประกวด และฝั่งตำรับรักจอมนางก็พร้อมกับเมนูชื่อเก๋ๆ “ข้ามประตูมังกร “ ค่ะ

ใครที่ชอบปลาย่าง ต้องหลงรัก ปลาทรายแดงทอดราดซอสพริกหวาน อย่างหนักหน่วง มินจุน เชฟของเราเริ่มจากการย่างพริกหวาน โดยระหว่างรอก็ทอดต้นหอมฝานบางจนเหลืองกรอบ พอสุกตักพักบนตะแกรงแล้ววางลงบนกระดาษทิชชูสักหน่อยเพื่อซับน้ำมัน ทีนี้กลับมาที่พริกหวานต่อ เอาขึ้นมาล้างน้ำและปอกเปลือกที่ไหม้ออก นำไปปั่นรวมกันกับกระเทียม ใบไธม์ โหระพา น้ำมันเมล็ดองุ่น เกลือ และพริกไทย เพื่อทำเป็นซอส
เสร็จจากซอสแสนอร่อยแล้ว มาเตรียมปลากันบ้างค่ะ หมักปลาด้วยไวน์ขาวกับเกลือ เทน้ำมันมะกอกลงกระทะ วางปลาด้านที่มีหนังลงไป พอหนังเริ่มกรอบ พลิกอีกด้าน ใส่เนย รอจนเนยละลายจนผสมเข้ากับน้ำมันมะกอกและน้ำมันจากปลา ก็เอียงกระทะตักของเหลวในกระทะราดลงบนเนื้อปลาจนสุกได้ที่ จัดจานด้วยการทาซอสที่เตรียมไว้ วางปลาทรายแดงลงไป ปิดท้ายด้วยต้นหอมทอด
จุดเด่นของจานนี้จะอยู่ที่การทอดปลาด้วยเทคนิคอาร์โรเซ่ (การทำให้อาหารสุกด้วยการตักเนยที่ละลายแล้ว น้ำมัน หรือซอสที่ร้อนจัดราดบนอาหาร) เสิร์ฟพร้อมกับซอสพริกหวานกลิ่นหอมที่เผ็ดกำลังดี ผสมผสานด้วยรสชาตินุ่มนวลของปลาทรายแดงหอมกลิ่นเนย และน้ำมันจากปลา
อ่านเรื่องราวยั่วน้ำลายชวนน้ำหนักขึ้นของ ปลาทรายแดงทอดราดซอสพริกหวาน เต็มๆ ได้ที่นี่ bit.ly/3hYycZy

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=nTdA9KaQjVo
สำหรับข้ามประตูมังกร เห็นชื่ออลังการงานสร้างแบบนี้ เราใช้ "ปลาหลี" เป็นส่วนประกอบหลักค่ะ และหัวใจหลักของจานนี้คือปลาทั้งตัวจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
เริ่มต้นด้วยการปลาหลีมาแล่บาง แยกเนื้อปลาและก้างออกจากกัน สับส่วนก้าง และหัวเป็นท่อนๆ คลุกแป้งแล้วเอาลงทอดทิ้งไว้แล้วผัดพริกหอม ต้นหอม หอมแดง เครื่องเทศกลิ่นหอมอื่นๆ อีกกระทะ รอจนเครื่องเทศหอมเต็มที่ เอาก้างปลาทอดลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว น้ำมันพริก เกลือ น้ำตาล และอื่นๆ ก่อนจะราดเหล้าทำอาหารลงไป
ทีเด็ดต่อมาคือการจัดจากที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครค่ะ "เลี่ยงหลิน" ใช้กรวดมนเม็ดสวยๆ มาขัดล้างแล้วนำลงไปใส่ในกระทะที่ยังไม่ร้อนจัด ก่อนจะเอาหินร้อนที่สะเด็ดน้ำมันแล้ว จัดลงในถังไม้วางเรียงผักต่างๆ ลงไป หอมแดง ต้นหอม ถั่วงอก เนื้อปลาชิ้นบางที่แล่ไว้ หลังจากนั้นก็เทน้ำแกงปลาตามลงไป เมื่อของเหลวกระทบหินร้อนจัด จะเกิดเสียงดังฟู่ เดือดพล่านเป็นฟองฟอดในถังไม้ ควันสีขาวม้วนตัวขึ้นสูงเกิดกลิ่นหอมเครื่องเทศสมุนไพรที่ยังไม่ทันได้ลองกินก็สัมผัสได้แล้วว่าต้องอร่อยแน่ๆ กลิ่นลอยตามลมมาเลยค่ะ
จุดเด่นของอาหารจากนี้นอกจากกลิ่นและรูปลักษณ์การจัดจานที่น่าตื่นเต้นแล้ว รสชาติเนื้อปลาหลีก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน ปลาเนื้อแน่นหอมหวาน อวลด้วยรสพริกหอมกระตุ้นปลายลิ้น และผักลวกให้ที่สุกกรอบกำลังดี รับรองกินแล้วอร่อยสุดๆ ไปเลย
อ่านเรื่องราวยั่วน้ำลายชวนน้ำหนักขึ้นของ ข้ามประตูมังกร เต็มๆ ได้ที่นี่ bit.ly/2GrsPEw
****************
เป็นยังไงกันบ้างคะ 6 เมนูเด็ดจากนิยายสายกิน 2 เรื่องที่เราเลือกมาฝากกัน สารภาพว่าจริงๆ แล้ว อยากทำรีวิวมันสัก 60 เมนู แต่ก็เกรงใจว่าคนอ่านจะรำคาญได้ (แค่นี้ก็ยาวมากแล้ว) ไม่รู้ว่าคนอ่านส่วนใหญ่ชอบนิยายแนวไหนกันนะคะ แต่สำหรับพี่หญิงเอง นิยายแนวอาหารถือว่าติดท็อปทรีในดวงใจเลยค่ะ ยิ่งถ้าผสมผสานกับเนื้อเรื่องน่าสนใจนี่ยิ่งอ่านได้ทั้งวันวางไม่ลงเลย และมีหลายครั้งที่พี่หญิงแอบลองซื้อวัตถุดิบมาทำเมนูตามในนิยายด้วยนะ ไม่รู้คนอื่นๆ เคยทำกันไหม ชอบเหมือนกันไหมคะ
และสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ถ้ามีโอกาสเลือกกินได้ พี่หญิงขอเลือก “ข้ามประตูมังกร” ค่ะ!! เป็นเมนูที่พี่หญิงเห็นว่าเจ๋งที่สุด น่ากินมากที่สุด ขอโหวตให้เป็นที่ 1 ในใจเลยค่ะ แค่คิดว่าจะได้กินก็น้ำลายสอแล้ว รสชาตินุ่มๆ ของเนื้อปลาลอยเข้ามาในหัว จนทำให้หิวเลย คนอื่นๆ ล่ะคะ ชอบเมนูไหนกันบ้าง แวะมาโหวตกันได้นะคะ พี่หญิงรออ่านคอมเมนต์อยู่ วันนี้ขอตัวก่อนค่ะ จะไปหาของกินก่อน อิอิ
อ่านนิยาย
• ยอดเชฟเทพนักปรุง
• ตำรับรักจอมนาง
พี่หญิง

0 ความคิดเห็น