ถุงยางอนามัย ใช้ร่วมกับการกินยาคุมกำเนิดได้ไหม?

Spoil

  • ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 98%  แต่ในความเป็นจริงพบว่า มีหลายคนใช้ถุงยางผิดวิธีอยู่ ทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 85%
  • ถุงยางอนามัยแบบพิเศษ เช่น ผิวขรุขระ มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง
  • แม้ใส่ถุงยางอนามัย แต่การถูไถระหว่างอวัยวะเพศชายและเพศหญิงก่อนการสอดใส่ ก็ทำให้มีสิทธิ์ท้อง
  • ยาคุมกำเนิด ใช้ควบคู่กับถุงยางอนามัยได้ ไม่มีข้อห้าม แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธี

แฟนใช้ถุงยางอนามัย แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ กินยาคุมด้วยดีไหม

สวัสดีค่ะ พบกับคอลัมน์ Sex Education by Dek-D เรื่องเพศคุยกันได้ พร้อมให้ความรู้ที่ถูกต้อง เช่นเคย แต่วันนี้... มาถึงพี่หมอก็เปิดด้วยคำถามนี้เลย พี่เชื่อว่าน้องผู้หญิงหลายคนมีความกังวลเรื่องนี้อยู่แน่ๆ วันนี้พี่เลยนำความรู้เกี่ยวกับถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดมาอธิบายให้น้องๆ ได้หายกังวลใจกันค่ะ          

ถุงยางป้องกันการตั้งครรภ์ได้ขนาดไหน?

           ปัจจุบันการใส่ถุงยางอนามัยเป็นวิธีคุมกำเนิดที่นิยมมาก เนื่องจากทำได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์นั้นมีมากถึง 98%  หมายความว่าหากใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง 100 คน โอกาสตั้งครรภ์มีแค่ 2 คนเท่านั้นเองค่ะ แต่ในความเป็นจริงเราพบว่า มีหลายคนที่ยังใช้ถุงยางอย่างผิดวิธีอยู่ ทำให้ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 85% นั่นเอง ซึ่งในทางการแพทย์ยังถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากๆ ค่ะ 

ซึ่งถุงยางอนามัยที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสุขในขณะร่วมเพศ เช่น มีตัวตุ๊กตา รอยตะปุ่มตะป่ำขนาดใหญ่ พบว่าจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง นอกจากนี้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของถุงยางยังลดลงได้จากการถูระหว่างอวัยวะเพศชายและเพศหญิงก่อนการสอดใส่ได้ด้วย โดยพบว่าสามารถมีเชื้ออสุจิหลุดลอดออกมาได้    นอกจากถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ ยกเว้นโรคที่ติดจากการสัมผัสได้ เช่น โลน หูด เริม เป็นต้น

           ถุงยางและยาคุมกำเนิด อะไรป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่ากัน?

                       "ยาคุมกำเนิด" มีหลายแบบค่ะ แต่ส่วนประกอบหลักของยาคือ ฮอร์โมน estrogen และ progesterone บางชนิดเป็นแบบผสมหรือที่เรียกว่า combined oral contraceptives 

"ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม" ออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ มีฤทธิ์คุมกำเนิดได้อย่างต่อเนื่อง หากมีการใช้ยาอย่างสม่ำเสมอและใช้อย่างถูกต้องจะมีอัตราล้มเหลว 0.3% ต่อปี หากใช้อย่างไม่สม่ำเสมอหรือใช้ไม่ถูกต้องอัตราการป้องกันการตั้งครรภ์ล้มเหลว 9% ต่อปี  ซึ่งอัตราการตั้งครรภ์นี้ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับการคุมกำเนิดโดยวิธีอื่น เช่น การใช้ถุงยางอนามัยหรือการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

               ถุงยางอนามัยผู้หญิงก็ใส่ได้จริงหรือไม่?

           พี่หมอขอตอบดังๆ เลยว่า จริงค่ะ! ถุงยางอนามัยไม่ได้มีแต่ของผู้ชายนะคะ ของผู้หญิงก็มีเช่นกันค่ะ แต่ลักษณะและวิธีการใส่จะแตกต่างจากของผู้ชายคือ ถุงยางมีลักษณะคล้ายกับถุง โดยมีวงแหวน 2 ด้าน ด้านหนึ่งเป็นปลายเปิดจะอยู่ที่บริเวณปากอวัยวะเพศและอีกด้านหนึ่งเป็นปลายปิดจะถูกสอดเข้าไปในอวัยวะเพศหญิง ซึ่งถุงยางอนามัยเพศหญิงจะมีประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 95% หากใช้อย่างถูกวิธี

           ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว กินยาคุมกำเนิดควบคู่กันได้ไหม?

               ปกติแล้วสามารถทำควบคู่กันได้ค่ะ ถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดไม่มีข้อห้ามในการใช้คู่กัน ผู้ที่มีประจำเดือนมาปกติและสม่ำเสมอ เมื่อเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมเป็นครั้งแรก พี่หมอแนะนำให้เริ่มในวันแรกที่มีประจำเดือนหรือไม่เกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือนโดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย ก็มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันการตั้งครรภ์ 

แต่ผู้ที่เริ่มรับประทานยาเป็นครั้งแรกเกินวันที่ 5 นับตั้งแต่วันแรกที่มีประจำเดือน ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน หรือหากจะมีเพศสัมพันธ์ให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลา 7 วันหลังเริ่มรับประทานยา หรือน้องๆ บางคนอาจไม่ได้นับวันที่ประจำเดือนมา น้องๆสามารถทานวันไหนก็ได้แต่ให้งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลา 7 วัน หลังเริ่มรับประทานยา และหากจะมีเพศสัมพันธ์ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วย แต่ในหญิงตั้งครรภ์ที่พึ่งคลอดบุตร แพทย์จะแนะนำให้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีแต่ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน เนื่องจากยาแบบฮอร์โมนรวมจะมีผลลดการสร้างน้ำนม และส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกได้ ในขณะที่ถุงยางไม่มีผลต่อการสร้างน้ำนมของมารดาค่ะ

กินยาคุมกำเนิดแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม?

          ยาคุมเม็ดกำเนิดหากกินปริมาณไม่เหมาะสมก็จะเกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ปวดศีรษะ ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน บวมน้ำ เลือดออกกะปริบกะปรอย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ ดังนั้นผู้ที่มีประวัติการใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือเคยมีประวัติเกิดลิ่มเลือดมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานะคะ และยาบางชนิดหากใช้ร่วมกับยาคุมกำเนิด อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลงได้ เช่น ยา carbamazepine, antiretrovirals, phenobarbital เป็นต้น

สรุปก็คือ  สามารถใช้ถุงยางอนามัย ร่วมกับการกินยาคุมกำเนิดได้ แต่ต้องใช้อย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

              ได้อ่านบทความของพี่หมอแล้วโล่งใจกันบ้างมั้ยคะน้องๆ พี่หมอหวังว่า บทความของพี่จะมีประโยชน์กับน้องๆ ทุกคนนะคะ หากน้องคนไหนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัยเพิ่มเติม สามารถส่งคำถามมากันได้เลยนะคะ แล้วอย่าลืมติดตามคอลัมน์ Sex Education by Dek-D เรื่องเพศคุยกันได้ พร้อมให้ความรู้ที่ถูกต้อง นะคะ วันนี้พี่หมอต้องขอตัวก่อนจ้า 

 

 

ที่มาhttps://www.forhers.com/blog/the-pill-vs-condoms-which-more-effectivehttps://www.plannedparenthood.org/learn/birth-control/condom/how-effective-are-condomshttps://www.medicinenet.com/birth_control_pills_vs_condoms/article.htmhttps://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/417/https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=1087

 

 

พี่หมอเลิฟ
พี่หมอเลิฟ - Columnist พี่หมอใจดี ประจำคอลัมน์ Sex Education by Dek-D เรื่องเพศคุยกันได้

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น