Teen Coach EP.8 : เมื่อสังคมชี้หน้าว่าเรา "ไม่สวย" เพราะ Beauty Standard

Spoil

  • การตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก เป็นความอยุติธรรมอย่างหนึ่งในสังคม เพราะมันคือสิ่งที่แต่ละคนเลือกไม่ได้
  • วัยรุ่นมีสิว รูปร่างเปลี่ยนเป็นเรื่องธรรมดา แต่กลับต้องถูกสังคมตีตราว่า "ไม่สวย" ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
  • ก่อนจะตีตราว่าใครไม่สวย ขอให้คิดก่อนว่าเราคือส่วนหนึ่งของแนวคิด Beauty Standard ที่สร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่นหรือเปล่า

“ไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยนะ”

พี่นักเก็ตเชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินประโยคนี้ ไม่ว่าจะโดนกับตัวเอง หรือได้ยินจากคนรอบๆ ตัว และคิดเหมือนกันไหมคะ ว่าประโยคนี้มันฟังแล้วบั่นทอนจิตใจมากกก จนอดน้อยใจเล็กๆ ไม่ได้ว่าทำไมนะ? แค่เราไม่ได้เกิดมาขาว ผอม ตัวเล็กน่ารักตามมาตรฐานสังคม ทำไมเราจะต้อง “เหนื่อย” ด้วย? 

“เหนื่อย” ที่พี่นักเก็ตพูดถึงนี้ หมายถึง เหนื่อยจากการถูกเลือกปฏิบัติจากคนในสังคม อยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ก็ไม่ได้เป็น อยากเป็นดรัมเมเยอร์ก็ไม่ได้ ไปเข้าค่ายก็ไม่มีใครถ่ายรูปให้ ทั้งที่เราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ทำไมโอกาสของเราจึงมีไม่เท่าคนอื่นๆ ที่สังคมบอกว่า “เป็นคนสวย”

ความงามตามมาตรฐานสังคมนี้ ถูกนิยามว่า Beauty Standard ค่ะ หมายถึง มาตรฐานความงามรูปแบบหนึ่ง ที่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม อย่างที่เราเห็นกันได้ชัดๆ ว่า สังคมปัจจุบันจะให้คะแนนความงามกับคนที่มีผิวขาว รูปร่างผอม รักแร้เนียน ส่วนใหญ่เกิดจากการประโคมสื่อโฆษณาต่างๆ ทำให้คนในสังคมเชื่อและคิดไปตามๆ กันว่าความสวยต้องเป็นแบบนี้ จึงจะเป็นที่ยอมรับ ทั้งที่จริงแล้ว การตัดสินลักษณะภายนอก (appearance) ของผู้อื่นคือความอยุติธรรมอย่างหนึ่งในสังคม เพราะไม่มีใครสามารถเลือกได้ว่าจะเกิดมาผิวสีอะไร รูปร่างแบบไหน

ค่านิยม Beauty Standard ทำให้หลายคนถูกล้อ ถูกกลั่นแกล้ง จนสูญเสียความมั่นใจในตนเอง ส่งผลให้ ความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ (low self-esteem) เมื่อมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำก็จะกระทบต่อสุขภาพจิต ทำให้เรามองว่าตัวเองด้อยค่า ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำอะไร เพราะคิดว่าตัวเองนั้นแย่ ไม่ชอบตัวเอง และเกิดมุมมองทางลบต่อตนเองในที่สุด ทั้งที่ในความจริง ความงาม (beauty) เป็นสิ่งที่มีความเป็นนามธรรม (abstract) ขึ้นอยู่กับการรับรู้ของตัวบุคคล แต่เมื่อถูกตีค่าออกมาเป็นรูปแบบหรือคอนเซปต์ที่ชัดเจนจึงทำให้การรับรู้ของผู้คนเปลี่ยนไป กลายเป็นค่านิยมที่เชื่อตามๆ กันมา

ยิ่งในช่วงวัยรุ่น เป็นวัยที่เราต้องการการยอมรับจากสังคม ต้องการเพื่อน อยากให้เพื่อนชื่นชอบเรา แต่ก็เป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างชัดเจนจากฮอร์โมนและปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ทำให้สิวขึ้น น้ำหนักขึ้น จนหลายคนสูญเสียความมั่นใจ แล้วยังถูกสังคมและสื่อตีตราตอกย้ำว่าเราไม่ใช่ “คนสวย” ในแบบที่สังคมต้องการ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่ความผิดของเรา และก็เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เลย 

          จริงๆ Beauty Standard ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมานานมากแล้วค่ะ ย้อนกลับไปในสมัยก่อน ยุคจีนโบราณ ผู้หญิงชาวจีนหลายคนต้องใส่รองเท้าดอกบัว เพื่อรัดให้เท้าผิดรูป (foot binding) จะได้มีเท้าเล็กสวยงามตามค่านิยมของหญิงผู้ดีในยุคนั้น แต่สร้างความเจ็บปวดและทำให้กระดูกมีความผิดปกติ หรือในแถบยุโรปที่เคยนิยมการใส่เสื้อรัดเอวจนคอดกิ่ว (Corset) เพื่อให้ดูเป็นชนชั้นสูง แต่ทำให้ผู้สวมใส่กระดูกผิดรูป อวัยวะเครื่องในเคลื่อนที่ เป็นที่น่ายินดีว่าปัจจุบันค่านิยมความงามบางอย่างได้หายไปตามกาลเวลาแล้ว แต่ก็ยังมีค่านิยมใหม่ๆ ทดแทนเข้ามาอีก เช่นปัจจุบัน สาวๆ ชาวไทยก็นิยมความผอม ความขาว หน้าเนียนใส ตามที่เห็นในสื่อหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ

แม้แต่ในวงการบันเทิงอย่างซีรีส์ ละคร หรือภาพยนตร์ก็ยังตอกย้ำแนวคิด Beauty Standard ให้ชัดลงไปอีก เช่นตัวละคร “น้องน้ำ” ในภาพยนตร์สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ที่วัยเด็กมีผิวคล้ำจนใครๆ ก็ล้อว่าไม่สวย ทำให้ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้พี่โชนชอบ ซึ่งจริงๆ การเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นเรื่องที่ดีนะคะ หากทำให้เรามีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น แต่ไม่ควรเปลี่ยนแปลงเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า หรือแม้แต่ในวรรณคดีไทยอย่างเรื่อง "สังข์ทอง" ที่นางรจนาเห็นพระสังข์อยู่ในร่างของเงาะป่า ก็เป็นการผลิตซ้ำว่าคนที่มีรูปร่างอย่างเงาะป่านั้นไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม  หรือ “ไฝดำ” จากละครเรื่องแม่ครัวคนใหม่ที่กำลังฉายอยู่ ก็เกิดเป็นกระแสจากการจับให้นางเอกทาผิวสีดำ ติดไฝที่ปาก และใส่วิกผมหยิกสั้น ราวกับเป็นการตอกย้ำกว่า ลักษณะแบบนี้คือตัวตลกของสังคม

แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง? ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การแก้ไขมาตรฐานสังคมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานและคงไม่สามารถหมดไปได้ในเร็วๆ นี้ แต่ก็เป็นที่น่ายินดีว่าปัจจุบันมีการรณรงค์และตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้น ทำให้สังคมเริ่มมีมุมมองใหม่ๆ อันที่จริงแล้วการสวยตาม Beauty Standard ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การไม่ได้สวยตาม Beauty Standard ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอีกเช่นกัน เพราะเราทุกคนต่างมีความสวยงามในรูปแบบของตนเอง ขึ้นอยู่กับการรับรู้ (perception) ที่แตกต่างกันไป สังเกตง่ายๆ ว่าแค่เอานิยามความงามของแต่ละประเทศมาเทียบกัน ก็แตกต่างกันแล้วค่ะ

รู้แบบนี้แล้ว ก่อนจะตัดสินว่าใครสวยหรือไม่สวย ก็อย่าลืมหยุดคิดว่าเรากำลังเป็นส่วนหนึ่งที่ผลิตซ้ำแนวคิด Beauty Standard อยู่รึเปล่า ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มากๆ และทำความเข้าใจว่าไม่มีใครเลือกได้ว่าจะเกิดมาผิวสีอะไร ส่วนสูงเท่าไหร่ รูปร่างหน้าตาแบบไหน สำหรับใครที่กำลังน้อยใจว่าตัวเองไม่ตรงตาม Beauty Standard ของคนในสังคม ก็ขอให้รักและเห็นคุณค่าในตนเองไว้นะคะ แม้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องที่ยาก แต่หากเราปรับมุมมองที่มีต่อตนเองได้ ก็จะรู้สึกดีและมีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ

 

รายการอ้างอิงself-love-and-beauty-standards-edbd4743b344https://www.vogue.co.th/fashion/article/corsetshistoryhttps://www.psychologicalscience.org/observer/beauty-is-in-the-mind-of-the-beholder
โค้ชพี่นักเก็ต

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น