Teen Coach EP.11 : รู้ไหม? คนที่ปลอบใจตัวเราได้ดีที่สุด คือตัวเราเอง (Self-Compassion)

Spoil

  • ความคิดว่า "เมื่อล้มเหลว ให้มองหาข้อบกพร่องในตัวเอง" เป็นดาบสองคมที่ทำให้หลายๆ คนหยุดคิดโทษตัวเองไม่ได้
  • ความเมตตา ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับผู้อื่นเท่านั้น แต่เราควรหัดรู้สึกเมตตาตัวเองด้วย
  • ทำความเข้าใจสิ่งที่ผิดพลาด ขอโทษตัวเอง และให้อภัยตัวเอง ทำได้แบบนี้เราจะเป็นได้ทั้งคนที่เข้มแข็งและอ่อนโยนภายในคนเดียว

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมาณสำหรับใครหลายๆ คน ทั้งการสอบ การอ่านหนังสือ งาน การบ้าน กิจกรรมต่างๆ ที่เข้ามาดึงความสนใจของเราไป จนเราต่างมัวแต่โฟกัสกับสิ่งเหล่านั้น เรื่องน่าเศร้าก็คือ แม้จะใช้ความพยายามมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีพอ เราไม่เก่งพอ หรือเรายังพยายามไม่มากพอ เราถึงทำไม่ได้ คะแนนสอบถึงออกมาไม่ดี เมื่อเกิดความผิดพลาดใดๆ ขึ้นเราพยายามโยนความผิดทุกอย่างเข้าตนเอง โทษตนเอง แม้จะเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากความเหนื่อย หรือปัจจัยรอบตัวต่างๆ เราก็จะเอาแต่มองว่า สุดท้ายแล้วมันคือตัวเราเองนี่แหละ ที่ไม่เก่งพอจะรับมือและจัดการกับเรื่องทั้งหมดได้

เมื่อเราโทษตัวเอง มองแต่ความผิดของตนเอง สุดท้ายจึงส่งผลให้เครียดและวิตกกังวล จนกระทบสภาพจิตใจ ขาดความมั่นใจ เครียด ไม่เชื่อมั่นในตนเองอีกต่อไป และกลายเป็นความกังวลที่สลัดยังไงก็ไม่หลุด

ในเมื่อโลกใจร้ายกับเราแล้ว เราก็อย่าใจร้ายกับตัวเองอีกเลยนะ

ตั้งแต่ไหนแต่ไร เราคงเคยชินกับคำว่า เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น ให้มองหาจุดบกพร่องในตัวเอง แล้วเก็บไว้เป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้พลาดซ้ำอีก แต่ในทางกลับกัน ความคิดแบบนี้ก็เป็นดาบสองคมที่กลับมาทิ่มแทงเราเอง เพราะทำให้หลายครั้งเรามัวแต่มองหาความผิดของตัวเอง โทษตัวเอง โกรธตัวเอง จนไม่สามารถก้าวผ่านหรือให้อภัยตัวเองได้

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การให้อภัยตนเองไม่ใช่เรื่องที่แย่ และความผิดพลาดใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องเผชิญเพียงคนเดียว เราสามารถยอมรับข้อผิดพลาดได้โดยที่ไม่มัวแต่โทษตัวเอง แต่ทำความเข้าใจและมองว่ามันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ที่จะผิดพลาดกันได้

สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นให้อภัยตัวเองดู วันนี้พี่นักเก็ตก็จะพามาทำความรู้จักกับ ทฤษฎีความมีเมตตาต่อตนเอง หรือ Self-Compassion ค่ะ

เมื่อพูดถึง ความมีเมตตาต่อตนเอง (Self-Compassion) หลายๆ คนฟังแล้วอาจจะสงสัยว่า "เอ๊ะ...นี่มันเป็นหลักพุทธศาสนาหรือเปล่า ถึงได้มีความเมตตาเข้ามาเกี่ยวข้อง?" ซึ่งจริงๆ แล้วก็ถูกต้องกึ่งหนึ่งค่ะ เพราะแนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธและจิตวิทยาทางตะวันออก (Eastern Psychology) โดยคำว่า เมตตา (Compassion) ตามคำนิยามหมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นคนอื่นทุกข์ใจ แล้วเราอยากเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งจริงๆ แล้วความรู้สึกแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับผู้อื่นเท่านั้น แต่เราสามารถรู้สึกกับตนเองก็ได้

Kristin Neff นักจิตวิทยาชาวตะวันตก ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ผ่านวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยทำการศึกษากับคนไข้ของเธอ และให้นิยาม ความมีเมตตาต่อตนเอง ในทางจิตวิทยาเอาไว้ว่า การยอมรับและเข้าใจความทุกข์ยาก ผิดพลาด ผิดหวังของตนเอง โดยไม่ตัดสิน ไม่เอาแต่โทษตัวเอง และตระหนักว่าประสบการณ์ที่เราเจอนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับเราเพียงคนเดียว แต่ความผิดพลาดคือส่วนหนึ่งของมนุษย์

ความมีเมตตาต่อตนเอง (Self-Compassion) ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบ

 

ความอ่อนโยนต่อตนเอง (Self-Kindness)

คือการมีเมตตาหรืออ่อนโยนกับตนเองเมื่อเจอความยากลำบาก ความผิดหวัง หรือความล้มเหลว และเชื่อมั่นว่าเรายังสามารถพัฒนาตนเองได้ เช่น ไม่โทษตัวเองซ้ำๆ เมื่อสอบได้คะแนนไม่ดี เพราะการสอบได้คะแนนไม่ดีไม่ได้แปลว่าเราไม่ฉลาดเสมอไป แต่อาจเกิดจากความยาก การทบทวนที่ไม่ตรงจุด หรือปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ

 

เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ (Common Humanity)

คือการมองว่าทุกสิ่งที่เราเผชิญไม่ใช่เราเพียงคนเดียวที่เจอ แต่เป็นธรรมชาติของโลกมนุษย์ เช่น การมองว่าข้อสอบรอบนี้มันยาก แต่มันก็อาจจะยากสำหรับหลายๆ คน หรือการมองว่าไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่เคยทำผิดพลาด แต่มนุษย์ทุกคนต่างเคยประสบกับปัญหาทั้งนั้น การมองแบบนี้จะช่วยลดความคิดที่ทำร้ายตนเอง และมองเห็นความเป็นไปของโลกมากขึ้น

 

การมองอย่างไม่ตัดสิน (Mindfulness)

คือการยอมรับความผิดพลาดโดยไม่ตัดสิน ทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น และความรู้สึกของเราอย่างอ่อนโยน โดยไม่จำเป็นต้องเพิกเฉย มองข้าม หรือกดความรู้สึกแย่ๆ เอาไว้ เช่น เมื่อเกิดความผิดพลาด ก็ให้รับรู้ถึงความรู้สึกว่า เราเสียใจกับการกระทำนี้ ขอโทษตัวเอง และให้อภัยตนเอง

การมีเมตตาต่อตนเอง จะทำให้เรามีความเข้มแข็งในตนเองมากขึ้น (resilience) โดยเฉพาะทางด้านอารมณ์ ซึ่งจะทำให้เราแข็งแกร่งและไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค รวมไปถึงมีความมั่นใจ และความภาคภูมิใจในตนเอง (self-esteem) เมื่อเรามีทั้งสองอย่างนี้ก็จะยิ่งส่งผลให้เราสามารถพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น และยังทำให้เราตระหนักรู้ มีสติ มีความคิดที่ไม่บั่นทอนตัวเองอีกด้วย แม้แนวคิดเมตตาต่อตนเองนี้จะฟังดูเป็นเรื่องที่ยาก และค่อนข้างเป็นนามธรรม แต่การเริ่มต้นใจดีกับตนเอง หยุดโทษตนเองบ้าง ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมกับอ่อนโยนมากขึ้นได้ด้วย

มาถึงตรงนี้ พี่นักเก็ตคิดว่าน้องๆ หลายคนน่าจะเริ่มเข้าใจเรื่องความมีเมตตาต่อตนเองมากขึ้น พี่นักเก็ตก็อยากให้น้องๆ ลองนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเองดูนะคะ นอกจากนี้แล้วยังมีแบบวัดสำหรับการมีความเมตตาต่อตนเองด้วย ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

จริงๆ แล้วแนวคิดเรื่อง Self-Compassion เป็นแนวคิดด้านจิตวิทยาสมัยใหม่ ที่ปัจจุบันกำลังมีการศึกษากันอยู่ หากใครสนใจก็สามารถหาหนังสือหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยที่เว็บ  Self-Compassion.org พี่นักเก็ตหวังว่าเรื่องที่นำเสนอในวันนี้จะช่วยฮีลใจน้องๆ กันได้นะคะ
 

รายการอ้างอิงhttps://self-compassion.org/category/exercises/#exerciseshttps://self-compassion.org/wp-content/uploads/2015/12/SC.SE_.Well-being.pdfhttps://self-compassion.org/?fbclid=IwAR0zBpmTq-IVpEvTSTUcAMqSlxst7dGyy0FRknSO646uBl1MhzCUG22qZjU
โค้ชพี่นักเก็ต

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น