Spoil
- การเหยียดสีผิว ไม่ได้เกิดกับคนดำเท่านั้น แต่เกิดกับได้กับทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว และทุกศาสนา
- ปีนี้ ชาวเอเชียถูกทำร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของไวรัส Covid-19
- การไม่เพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และช่วยกันพูดให้สังคมตระหนัก จะช่วยให้ปัญหาค่อยๆ หมดลงไปได้ในสักวัน
ช่วงที่ผ่านมา หลายๆ คนคงจะเห็นกระแส #StopAsianHateCrimes หรือ #StopAsianHate ที่กำลังโด่งดังในโลกออนไลน์ เกิดจากเหตุการณ์ที่ชาวเอเชียหลายคนถูกทำร้าย ถูกกลั่นแกล้ง และถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม จริงๆ แล้วสถานการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานาน แต่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 เมื่อชาวเอเชียถูกมองว่าเป็นตัวการแพร่เชื้อ นำไปสู่การถูกทำร้ายมากขึ้น
ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา คุณลุงวิชา ชายไทยอายุ 84 ปีถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดเป็นแฮชแท็ก #JusticeForVicha และ #AsiaAreHuman เพื่อทวงคืนความยุติธรรม และสร้างความตระหนักแก่สังคมว่า ทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันบนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าเชื้อชาติใด วัฒนธรรมแบบไหน หรืออยู่บนพื้นฐานความเชื่อเดียวกันหรือไม่ แต่น่าเศร้าที่เหตุการณ์นี้ยังไม่สามารถทำให้คนในสังคมเกิดความตระหนักรู้ได้เท่าที่ควร ทำให้ยังมีชาวเอเชียถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดที่มีหญิงและชายชราชาวเอเชียถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ แล้วยังถูกเลือกปฏิบัติจากผู้ช่วยเหลืออีก ครั้งนี้ เมื่อภาพเหตุการณ์ทั้งหมดถูกเผยแพร่บนโซเชียล ก็ทำให้กระแส #StopAsianHate กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
การเลือกปฏิบัติ หรือทำร้ายบุคคลที่มีเชื้อชาติหรือสีผิวต่างกัน เรียกว่า การเหยียดเชื้อชาติ หรือ การเหยียดผิว (Racism) เป็นการรังแก กดขี่กลุ่มคนที่มีชาติพันธุ์แตกต่างกัน ไม่ว่าจะต่างกันทางสีผิว สีตา รูปร่าง หรือบางครั้งก็รวมไปถึงความเชื่อและศาสนา วันนี้พี่นักเก็ตจะพาน้องๆ มาทำความเข้าใจ Racism ให้มากขึ้นกันค่ะ
ในทางจิตวิทยาสังคม เมื่อเราเจอคนที่มีความแตกต่างจากตนเอง เราจะมองว่าเขาอยู่ต่างกลุ่ม ยิ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เคยรู้จัก หรือไม่มีความคล้ายคลึงกับเรา เราจะยิ่งประเมินบุคคลต่างกลุ่มเหล่านั้นผ่าน กระบวนการทางปัญญา (Social Cognition) ซึ่งนอกจากจะไม่มีข้อมูลที่เพียงพอแล้ว ยังส่งผลให้เกิดอคติขึ้นได้ โดยสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ
- การเหมารวม (Stereotype) คือการที่เรามีความเชื่อต่อคนกลุ่มอื่นๆ โดยที่ยังไม่รู้จักหรือมีข้อมูลมากพอ สามารถมีได้ทั้งความเชื่อในทางบวกและทางลบ เช่น การมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ หรือมองว่าชาวจีนขี้งก เป็นต้น
- การมีอคติ (Prejudice) คือการมีความคิดและทัศนคติด้านลบต่อคนที่อยู่ต่างกลุ่ม เช่น เกลียดชาวมุสลิม หรือไม่อยากนั่งรถโดยสารที่ผู้หญิงขับ เป็นต้น
- การเลือกปฏิบัติ (Discrimination) คือการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมต่อคนต่างกลุ่ม เช่น การไม่ยอมจ้างคนงานจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือไม่ยอมให้พนักงานหญิงเลื่อนตำแหน่ง เป็นต้น
การเหยียดเชื้อชาติ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน เพราะเมื่อเราไม่มีข้อมูลของคนต่างกลุ่มที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เราจะตัดสินเขาผ่าน กระบวนการคิด (Social Cognition) โดยใช้ข้อมูลและความเชื่อที่มี ซึ่งจริงๆ แล้วการเหยียดผิวคือส่วนหนึ่งของ อคติ (Prejudice) และการ Racism ก็คือการมีอคติต่อกลุ่มคนต่างชาติพันธุ์อย่างเห็นได้ชัด ผ่านการแสดงออกชัดเจนทั้งทางการกระทำและคำพูด เช่น การที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนผิวดำมีโอกาสเป็นอาชญากรมากกว่าคนผิวขาวนั่นเอง
จากการศึกษา ยังมีอีกหลายปัจจัยที่สามารถอธิบายว่า ทำไมบุคคลหนึ่งถึงเกิดการเหยียดเชื้อชาติขึ้นได้ โดยอาจเกิดจากบุคลิกภาพ การขาดความเมตตาต่อผู้อื่น การเลี้ยงดูของผู้ปกครอง รวมถึงสภาพจิตใจในเวลานั้น นอกจากนี้การที่สื่อและคนดังผลิตซ้ำชุดความคิดแบบผิดๆ ก็อาจส่งผลให้เกิดการซึมซับพฤติกรรมได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความเพิกเฉยของคนในสังคมต่อผู้ที่ถูกกระทำ เมื่อพูดถึงการเหยียดผิว คนในสังคมคิดอย่างไร? ปล่อยผ่านเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองหรือไม่? สิ่งเหล่านี้ก็คืออีกตัวแปรสำคัญที่สามารถกำหนดให้การเหยียดสีผิวยังมีต่อ หรือค่อยๆ หายไปได้ด้วย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา วง BTS บอยแบนด์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ ออกมาสื่อสารผ่านโซเชียลเกี่ยวกับ #StopAsianHate อีกครั้ง ผ่านทวิตเตอร์ที่มียอดฟอลโลเวอร์กว่า 34 ล้านคน ทำให้ประเด็นนี้กลับมาเป็นที่สนใจของชาวโลก แต่การเรียนร้องเหล่านี้จะยังไม่สามารถหมดลงได้ง่ายๆ ตราบใดที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังไม่ตระหนักถึงปัญหาความไม่เท่าเทียม และการกดขี่รังแกกัน เพียงเพราะมีเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อที่ต่างกัน แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่คนดังมากมายให้ความสำคัญและออกมาอธิบายให้สังคมเข้าใจและไม่เพิกเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้การส่งต่อความเกลียดชังหรือความเชื่อที่ผิดๆ หมดไปในเร็ววัน
แล้วน้องๆ ชาว Dek-D ล่ะ เคยประสบปัญหาถูกเหยียดสีผิว หรือเลือกปฏิบัติเพราะเป็นชาวเอเชียบ้างหรือเปล่า สามารถมาแบ่งปันประสบการณ์กันได้นะคะ
รายการอ้างอิงhttps://www.adl.org/racismhttps://www.verywellmind.com/the-psychology-of-racism-5070459https://nobaproject.com/modules/prejudice-discrimination-and-stereotyping
0 ความคิดเห็น