มารู้จักอสุจิแบบที่โรงเรียน (อาจ) ไม่ได้สอนกันเถอะ!

Spoil

  • เพศชาย จะเริ่มผลิตและสร้างอสุจิได้ก็ต่อเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์แล้วเท่านั้น
  • ขณะที่ไข่ของเพศหญิงจะมีปริมาณคงที่ และสร้างมาเสร็จหมดแล้วตั้งแต่เกิด
  • อสุจิของเพศชายไม่มีวันหมดไป หากฮอร์โมนเพศที่ช่วยในการกระตุ้นเพื่อผลิตเซลล์ยังทำงานได้ปกติ
  • มนุษย์เพศชายสามารถผลิตอสุจิได้ตลอดชีพ โดยปกติแล้วจะมีจำนวนประมาณกว่า 60 ล้านตัว ในน้ำอสุจิ 1 มิลลิลิตร

สวัสดีครับ คอลัมน์ Sex Education by Dek-D กับพี่หมอโด่งวันนี้ (ทำไมชื่อคอลัมน์มันยาวขึ้นเรื่อยๆ) เราจะมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตัวเรามากๆ แต่เราแทบไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับมันเลยล่ะครับ  

ใช่แล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึง "อสุจิ" ลูกๆ นับล้านตัวของน้องชายเรานั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้ว น้ำอสุจิ (Semen) ที่ออกมาเพื่อให้กำเนิดลูกเนี่ย ไม่ได้มีแค่ ตัวอสุจิ (Sperm) อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีส่วนประกอบอีกมากมาย และค่อนข้างซับซ้อนมากทีเดียว โดยจะหลั่งออกมาเมื่อ อวัยวะเพศชายหลั่งออกมา (Ejaculation) ขณะมีเพศสัมพันธ์ การช่วยตัวเอง  หรือฝันเปียกเท่านั้น!

ส่วนประกอบต่างๆ ของน้ำอุสจิ (Semen)  

1. ตัวอสุจิ (Sperm) 

คิดเป็น 2-5% ของน้ำอสุจิ เป็นส่วนผสมสำคัญ ที่เรามักจะเห็นเป็นเหมือนตัวลูกอ๊อด ว่ายน้ำในการ์ตูนนั่นล่ะครับ มันคือ เซลล์ก่อกำเนิดเพศชาย (Male sex cells) ที่ส่วนประกอบหลักจะเป็นสารพันธุกรรม XY ซึ่งตัวเด็กน้อยเหล่านี้จะผลิตออกมาจาก อัณฑะ (Testis) ทั้งสองข้างของเรานั่นเอง โดยแบ่งออกเป็นส่วนหัว (Head) หาง (Flagella tail) และ ส่วนตรงกลางที่เป็นแหล่งพลังงานอย่าง Mitochondria  

โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น ในเพศชายจะแตกต่างจากเพศหญิง เพราะจะเริ่มผลิตและสร้างอสุจิได้ก็ต่อเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์แล้วเท่านั้น (Puberty) ในขณะที่ไข่ของเพศหญิงจะมีปริมาณคงที่และสร้างมาเสร็จหมดแล้วตั้งแต่เกิด แต่ของเพศชายจะไม่มีวันหมดไป หากฮอร์โมนเพศที่ช่วยในการกระตุ้นเพื่อผลิตเซลล์ยังทำงานได้ปกติ มนุษย์เพศชายจึงสามารถผลิตอสุจิได้ตลอดชีพ และปริมาณมหาศาลอย่างที่ทุกคนรู้กัน คือโดยปกติแล้วจะมีจำนวนประมาณประชากรไทยทั้งประเทศกว่า 60 ล้านตัว ในน้ำอสุจิ 1 มิลลิลิตร ซึ่งก็คูณไปว่าเยอะขนาดไหน ถ้าเก็บไว้นานๆ กว่าจะปลอดปล่อยออกมาครั้งหนึ่ง 

ประโยชน์ของส่วนประกอบตรงนี้มีเพียงอย่างเดียวคือการสืบพันธุ์ แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกตัวจะประสบความสำเร็จ เพราะอสุจิบางตัวก็ผลิตออกมาได้ไม่ดี ไม่ว่าเป็นที่พันธุกรรม หรือสิ่งแวดล้อมเวลานั้น บางตัวอาจจะหางไม่สมประกอบก็เป็นไปได้  

2. Semenal fluid

           พอมีตัว แล้วก็ต้องส่วนที่เป็นน้ำ ส่วนนี้เสมือนกับสารอาหารของตัวอสุจิเลยครับ ซึ่งมันผลิตออกมาจากต่อมสร้างน้ำอสุจิ ที่มีส่วนผสมของสารอาหารหลายๆ อย่าง เช่น โปรตีน กรดอะมิโน และน้ำตาลฟรุกโตส ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการให้พลังงานแก่จตัวอสุจิอีกด้วย

           นอกจากนี้ ต่อมสร้างน้ำอสุจิ (Seminal vesicle) ยังมีฮอร์โมน  Prostaglandins ที่ช่วยการผลิตน้ำเมือก (Mucoius) เพื่อปกป้องน้องอสุจิ ที่จะทำให้อสุจิเดินทางอยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงจุดหมายปลายทางอีกด้วย

3. Prostate glands 

           หรือที่น้องๆ ทุกคนคงรู้จักกันในชื่อ ต่อมลูกหมาก ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างน้ำอสุจิเช่นกัน หลักๆแล้วจะมีส่วมประกอบหลายๆ อย่าง เช่น CItric acid, Acid phosphate Potassium Magnesium ZInc เป็นต้น ที่นอกจากจะช่วยรักษาสภาพ และป้องกันภาวะกรดในช่องคลอดของผู้หญิงแล้ว ยังช่วยในการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิอีกด้วย

           ส่วนประกอบด้านบนนั้นเป็นส่วนสำคัญของน้ำอสุจิที่ทำให้อสุจิคงอยู่และเดินทางปลอดภัยเพื่อเข้าสู่เป้าหมายได้ก่อนที่จะตาย หรือหยุดการเคลื่อนไหว เพราะนอกจากการเดินทางอันไกลโพ้นแล้ว ต้องใช้สารอาหาร สารเคมีสภาพกรดเบส หรือเมือกเกราะป้องกันอีกมากมาย และน้ำหล่อลื่นอาจจะเป็นแค่ส่วนประกอบเล็กน้อยที่ออกมาตอนเกิดอารมณ์กระตุ้น เป็นเมือกหรือน้ำใสจาก Bulbourethral and urethral glands (Cowper’s gland)

ดูเหมือนอสุจิจะมีประโยชน์และสารอาหาร

           จากส่วนประกอบเบื้องต้นด้านบนแล้วเกิดคำถามว่า จริงๆ แล้วน้ำอสุจิก็คงไม่มีอันตรายต่อร่างกายเรานัก เพราะมีส่วนประกอบของแร่ธาตุมากมาย ใช่ครับ เข้าใจถูกแล้ว มาเข้าสู่คอลัมน์เพศศึกษาอย่างจริงจัง มีคำถามที่หลายคนสงสัยว่า "อสุจินี่มันกินได้ไหม" แม้พี่หมอจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเราจะอยากกินมันไปทำไมก็ตาม แต่ถ้าถามว่ากินได้ไหมหรือกลืนลงไปจะอันตรายไหม? ก็คงจะกินได้และไม่อันตรายอะไรครับ แต่ถ้าจะกินเอาอิ่ม พี่หมอว่าสารอาหารก็คงไม่เพียงพอต่อร่างกายขนาดจนต้องกินเป็นประจำนะครับน้องๆ (แหะๆ)

อ่านเจอในเน็ตมา เขาว่าเอามาทาหน้าแล้วผิวจะใส

           น่าขนลุกไปกว่าการกินอสุจิก็คือ เชื่อว่าการนำมาทาบริเวณใบหน้าจะทำให้ผิวดี ความจริงอาจเป็นจากเมือก หรือส่วนประกอบของสารอาหารในนั้นที่ดูดซึมเข้าไปก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าหากลองค้นไปดูงานวิจัยจริงๆ ก็ยังไม่มีใครทำว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ปริมาณมากขนาดไหน และทำไมเราไม่ใช้ครีมทาหน้าที่มีขายอยู่แล้วแทน (อันนี้พี่หมอสงสัยเอง) แลที่สำคัญคือ อวัยวะเพศของแต่ละคนก็มีสุขอนามัยที่แตกต่างกันไป กรณีนี้ พี่หมอขอไม่แนะนำดีกว่าครับ 555

สรุปคือ อสุจิตัวจิ๋วที่เรารู้จักกันดีว่าสามารถผสมกับไข่ของเพศหญิงแล้วปฏิสนธิมาเป็นทารกได้นั้น มีส่วนประกอบมากมายกว่าที่คิด และก็บอบบางสุดๆ เลยด้วยครับ และอสุจิก็มีหน้าที่หลักของมันคือผสมพันธุ์ หากเราพยายามนำมันมาใช้ผิดประเภท พี่หมอว่ามันคงจะเสียใจอยู่บ้างนะ ฮ่าๆ  สำหรับน้องๆ มัธยมบางโรงเรียน อาจจะได้เห็นอสุจิตัวเป็นๆ ผ่านกล้องจุลทรรศน์ก็ได้นะ ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้คุณครูยังมีนำมาให้ดูอีกไหม หากได้ดูก็ไม่ต้องสืบต่อนะครับว่าเป็นลูกๆ ของใคร ศึกษาให้เข้าใจเป็นอันพอ...

 

นพ.ชนม์พิสิฐ มณฑล
พี่โด่ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Wn_. Member 8 ส.ค. 64 22:17 น. 5

ดีครับ ที่ผู้ให้ความรู้เรื่องอสุจินี้เป็นผู้ชายซึ่งน่าจะเข้าใจอะไรที่ลึกซึ้งและอธิบายเกี่ยวกับอสุจิได้ดี ครับ

( พอๆ กับ ผู้ให้ความรู้เรื่องประจำเดือนควรเป็นผู้หญิงอธิบาย ก็จะรู้ลึกซึ้งและอธิบายได้ดี )

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด