ทรรศยา นักเขียนผู้เชื่อว่าหากอยากเขียนนิยายให้ดี
แค่เก่งภาษาไทยน่ะไม่พอ! จะต้องรักในการเขียนด้วย!
อยากเขียนนิยายได้ดี จำเป็นต้องเก่งภาษาไทยไหม? เป็นสิ่งที่นักเขียนมือใหม่มักเกิดคำถามขึ้นในใจ หลายคนกังวลว่าตัวเองไม่เก่งภาษาเลยสักนิด สอบได้คะแนนวิชาภาษาไทยต่ำเตี้ยเรี่ยดินตลอด แล้วอย่างนี้จะสามารถเขียนนิยายออกมาดีๆ ออกมาได้หรือไม่
แต่วันนี้ “ทรรศยา” นักเขียนเจ้าของผลงานเรื่อง ตัวตนใหม่ ก็ได้ลงมือพิสูจน์ความสงสัยนี้ผ่านประสบการณ์ทั้งจากการลงมือเขียนด้วยตนเอง และจากคนรอบตัว จนทำให้เธอเชื่อว่า คนเก่งภาษาไทยก็ไม่ได้แสดงว่าจะเขียนนิยายได้ดีเสมอไป มันต้องอาศัยความรักในการเขียนและการอ่านต่างหากที่จะทำให้เราสามารถสร้างผลงานดีๆ ออกมาได้ ซึ่งอะไรจะเป็นสาเหตุให้เธอมีความเชื่อแบบนี้นั้น เรามาค้นหาคำไตอบไปพร้อมๆ กับความรู้จักกับตัวตนของเธอได้ที่บทสัมภาษณ์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
ทรรศยา นักเขียนมือใหม่ที่รักการอ่าน
สวัสดีค่ะ ขอแนะนำตัวนะคะ ชื่อนางสาวทรรศนีย์ ตรีเมฆ ชื่อเล่น เอ๋ ค่ะ ปัจจุบันเป็นทำงานเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยที่หน่วยงานด้านการศึกษาแห่งหนึ่งค่ะ
แต่เนื่องจากอาชีพที่ทำอยู่เป็นอาชีพที่เงินเดือนค่อนข้างน้อยและมีภาระสูง ทำให้เรามองหาวิถีทางที่จะหารายได้เพิ่มเติมเพื่อแบ่งเบาภาระ เพราะไม่ใช่แค่เราแต่ยังมีครอบครัวของเรา ดังนั้นจึงมองหาว่ามีหนทางไหนที่จะสามารถทำไปควบคู่กันได้โดยที่ไม่กระทบต่ออาชีพการงานของตัวเอง
ด้วยความที่ทำงานเกี่ยวกับภาษาไทยจึงชื่นชอบในการอ่านนิยายเป็นอย่างมาก และก็ได้ตามอ่านนิยายจากเว็บเด็กดีมานานจนแทบจะจำไม่ได้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเราก็ได้ซื้อตอนจากนักเขียนท่านอื่นๆในผลงานที่ตัวเองชื่นชอบอยู่ตลอด และเราก็เคยมีความคิดที่จะเขียนนิยายมาสักพักแต่พอคิดว่าน่าจะเขียนไม่ได้ก็เลยไม่ลงมือทำสักที จนเมื่อมีแต่รายจ่ายไม่มีรายรับเข้ามาจึงต้องพยายามหาหนทางมากขึ้น เมื่อเห็นคนรอบข้างเริ่มที่จะขายของ แต่เราไม่สามารถขายแบบนั้นได้ ประกอบกับเราเห็นว่านิยายที่เราชอบอ่านมีการขายตอน ก็คิดว่าน่าจะสามารถหารายได้ได้ จึงเริ่มต้นที่จะเขียนนิยายค่ะ
แต่ถ้าถามว่าเราเขียนแล้วต้องการจะขายตั้งแต่แรกเลยไหม ในตอนแรกเราก็ยังไม่ได้คิดจะขายเลยนะคะ คิดว่าเราเขียนเพื่อฝึกประสบการณ์ก่อน แต่ที่เราตัดสินใจติดเหรียญหลังจากเขียนนิยายอัปเดตในเว็บมาสักระยะก็เพราะว่าเราต้องการแรงกระตุ้นให้เรารับผิดชอบในการลงเนื้อหาได้อย่างสม่ำเสมอค่ะ ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนช่วงแรกที่กว่าจะลงก็จะมีระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน
แต่เมื่อเราติดเหรียญก็รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อคนที่เขาซื้อเหรียญเข้ามา
เพื่อที่จะอ่านตอนต่อไป
เขียนเรื่องแรกเคยล้มเหลว ก่อนจะเปิดเรื่องใหม่พร้อมกับค้นพบทางของตัวเอง
เอาจริงๆ เราเริ่มต้นเขียนประมาณปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเมษายนนี่เองค่ะ ตอนแรกเป็นเรื่องลิขิตรักองค์นาคานะคะ แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับพญานาคทำให้ต้องใช้จินตนาการค่อนข้างเยอะ เขียนไปเขียนไปไม่รอดเลยหยุดไว้ก่อน ตอนนั้นเรื่องตัวตนใหม่ก็ผุดขึ้นมาในหัวพอดีด้วย ก็เลยมาเขียนเรื่องนี้ก่อนค่ะ และเมื่อได้เขียนเรื่องตัวตนใหม่ก็รู้สึกว่าเป็นทางของตัวเอง เราชอบฉากที่นางเอกเก่งแล้วก็สามารถปะทะกับทุกคนได้
เรื่อง ตัวตนใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายหลายๆเรื่องที่ชอบอ่านค่ะ ส่วนมากจะเป็นนิยายที่นางเอกได้เข้าไปอยู่ในร่างของคนอื่นหรือร่างของตัวเองที่ได้เคยทำผิดพลาด และมีตัวตนใหม่ที่สามารถก้าวผ่านทุกอุปสรรคทุกอย่างได้ ความจริงตอนแรกก็คิดที่จะให้นางเอกสามารถย้อนเวลากลับมาก่อนที่จะต้องเจอกับเรื่องราวที่เจ็บปวด แต่คิดไปคิดมาเราใส่ระบบเข้าไปเพื่อให้นางเอกได้ฝึกฝนและทำให้ทุกคนที่ทำร้ายเธอต้องได้รับผลกรรม
ซึ่งตอนเขียนส่วนตัวก็มีตัดขัดหรือเจออุปสรรคอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน เพราะตอนคิดพล็อตนิยายเรามีคิดต้นกลางแล้วก็ปลายไว้ค่ะ ซึ่งเป็นโครงเรื่องคร่าวๆ แต่ระหว่างนั้นการดำเนินเรื่องมันก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม และการเรียบเรียงที่เราจะต้องใช้ความคิดค่อนข้างมากค่ะ
มีความรู้ภาษาไทยแน่น! ก็ไม่ได้แปลว่าจะเขียนนิยายได้ดี!
คนเก่งภาษาไทยหรือครูภาษาไทยหลายคนก็ไม่สามารถที่จะเขียนนิยายได้ น่าจะเป็นที่ความชอบส่วนตัวมากกว่าค่ะ สำหรับตัวเราเองเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดกับการใช้ภาษา อย่างการใช้คะค่ะให้ถูก และการเขียนสะกดคําให้ถูก แต่เวลาเขียนก็จะมีบ้างที่หลุดรอดสายตาไป ก็จะมีนักอ่านเข้ามาช่วยแก้ไขคำให้ ซึ่งก็เป็นการช่วยเหลือกันไปค่ะ
ถ้าถามว่าเป็นความได้เปรียบที่ทำให้เราเขียนนิยายได้ดี คิดว่าไม่เกี่ยวกับที่มีความรู้ภาษาไทยแน่น น่าจะเป็นเพราะเราชอบอ่านนิยายมากกว่า ชอบอ่านตั้งแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเรียนในด้านนี้ จึงทำให้มีไอเดียสำหรับที่จะเขียนนิยายค่อนข้างมากค่ะ
สำหรับเราคิดว่าเราการอ่านสำคัญกับการเขียนนะคะ เพราะการที่เราอ่านเยอะจะทำให้เราได้รู้แนวทางนิยายที่ตัวเองชื่นชอบ ได้รู้คำศัพท์ต่างๆ และแนวทางการเขียนมากขึ้นค่ะ
เปิดขายนิยายมีทั้งรายได้ และแรงกระตุ้น
เพราะว่าอ่านนิยายเด็กดีมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยค่ะ และก็ศึกษาเพิ่มเติม เพิ่งศึกษาระบบการขายช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพราะตัวของเราเองก็ซื้ออ่านมาเป็นเวลานานมากเหมือนกันค่ะ จนไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
ที่เราตัดสินใจเปิดขายเพราะเป็นแรงกระตุ้นแล้วก็กดดันตัวเองค่ะ เมื่อผู้อ่านเขาสนับสนุนเราแล้ว มันจะทำให้เราไม่กล้าที่จะทิ้งกลางคัน และพยายามที่จะเขียนงานได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น จากที่เรารู้จักเด็กดีอยู่แล้ว แต่เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้หวังว่าจะขายได้ในตอนแรก เพราะไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาอ่านมากแค่ไหน แค่เห็นยอดวิวขึ้น 1 คนก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว แต่พอเห็นว่าตัวเองเริ่มจะขี้เกียจมากขึ้นก็เลยหาแรงบันดาลใจและเป็นการกดดันตัวเองให้ต้องลงทุกวัน ก็เลยเริ่มที่จะติดเหรียญค่ะ พอติดเหรียญปุ๊บ ต่อให้ขี้เกียจขนาดไหนเราก็จะต้องลงนิยายเพื่อผู้อ่านที่เขาอุตส่าห์สนับสนุนเรา
หลังจากเปิดขายก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลให้คนอื่นแบบไม่ตั้งตัว
แต่เหมือนเราก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ที่เขาเห็นเหมือนกันนะคะ เพราะเขาก็มาสอบถามใหญ่เลยว่าทำยังไง คนรอบข้างรู้ว่าเราเขียนนิยายบ้างเป็นบางคนค่ะ แต่พอเราบอกคนนึง เขาก็ไปบอกขยายต่อกัน มารู้ตัวอีกทีก็มีหลายคนก็มาถาม
ถ้าเขามาสอบถามเราก็ให้คำแนะนำค่ะ มีสงสัยอยู่เหมือนกันว่าสามารถสร้างรายได้ได้จริงหรอ เพราะหลายคนก็ยังไม่ได้มาอยู่ในโลกนิยายแบบพวกเรา แล้วกลัวว่าจะไม่ได้รับเงิน เราก็แสดงอีเมลแจ้งเตือนการโอนเงินให้เขาดู ซึ่งเราก็แนะนำว่าถ้าชื่นชอบในการเขียนนิยายก็ลองเขียนดู ไม่แน่ว่าในอนาคตก็จะสามารถต่อยอดได้
บางคนก็ลองเขียนดูแล้วก็รู้สึกสนุกไปกับมัน
เพราะเคยเป็นนักอ่านมาก่อนเลยเข้าใจนักอ่าน
เราเริ่มเปิดขายตอนช่วงกลางเดือนพฤษภาคมค่ะ เรื่องความกังวลหลังเปิดขาย มีเหมือนกันค่ะ เพราะกลัวว่าผู้อ่านน่าจะลังเลที่จะอ่านต่อเหมือนกัน ก็เลยเป็นการเปิดขายแบบล่วงหน้า เพื่อให้ตัวเลือกสำหรับผู้อ่านในการตัดสินใจ ผลตอบรับหลังการเปิดขายก็ถือว่ามีผลตอบรับที่ดีนะคะ สามารถช่วยเหลือเราที่มีรายได้น้อยได้ดีเลย จนเรามีความคิดเลยว่า อาชีพนักเขียนสามารถทำเป็นอาชีพได้เลยค่ะ แค่เพียงเรามีความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา
ตอนแรกคิดไม่ได้คิดว่าจะได้รับการตอบรับมากมายอะไรค่ะ ในตอนนั้นคิดแต่ว่าเป็นการสนับสนุนกันและกัน และติดเหรียญก็เพื่อกดดันตัวเองเท่านั้น ถ้าต่อไปในอนาคตต่อให้จำนวนคนอ่านลดน้อยลง แต่ในเมื่อเราติดเหรียญและมีคนสนับสนุนมาจนถึงตอนนี้ เราก็จะพยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้เรื่องจบค่ะ เพราะเราก็เคยอ่านบางเรื่องที่เขาติดเหรียญ เราก็มีความคิดว่าเขาจะต้องเขียนจนจบแน่นอนและต้องมาสม่ำเสมอ แต่สุดท้ายเขาก็หายไปทำให้เราเสียใจอยู่เหมือนกัน
พอได้เปลี่ยนบทบาทจากนักอ่าน มาเป็นนักเขียนแบบนี้ เอาจริงๆ มุมมองของเราที่มีต่ออาชีพนักเขียนก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันค่ะ ตอนนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ในแต่ละวันในหัวต้องคิดถึงเนื้อหาที่จะเขียนต่อไป และพยายามไม่ทำให้คนอ่านผิดหวัง
ตอนที่เป็นคนอ่านเราก็ตั้งหน้าตั้งตารออ่านนิยายตอนต่อไป ซึ่งกว่าจะมาแต่ละตอนก็ถือว่าค่อนข้างนาน พอมาเป็นนักเขียนถึงได้รู้ว่ามันต้องใช้พลังอย่างมากในการที่จะแต่งออกมาได้แต่ละตอน บางครั้งแต่งเสร็จ 1 ตอนก็ถึงกับหมดแรงเลยก็มีค่ะ
แต่นักอ่านบางคนก็จะชอบเข้ามาพูดคุยด้วย บางคนก็จะเข้ามาอ่าน
และการรอคอยนิยายในแต่ละครั้ง
ทำให้เราไม่กล้าหายไป ต่อให้ยุ่งแค่ไหนก็จะพยายามมาลงให้ตลอดค่ะ
เชื่อว่าไม่ว่าใครก็สามารถที่จะเขียนนิยายได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาไทย แม่นสะกดตัวหนังสือถูกต้องทุกคำหรือมีความรู้แน่นอะไร เพราะเราทุกคนสามารถเรียนรู้ พัฒนาและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอแค่เพียงทุกคนเริ่มต้นที่จะเขียนเท่านั้น
เหมือนอย่างที่ ทรรศยา ได้กล่าวกับเราว่า เธอไม่คิดว่าเก่งภาษาไทยจะทำให้ทุกคนเขียนนิยายได้ดี แต่เป็นความรักในการเขียนและการอ่านมากๆ ต่างหากล่ะที่จะทำให้ทุกคนมีต้นทุนในการเขียนนิยายที่ดีได้ ซึ่งเธอได้เรียนรู้มาจากประสบการณ์ตรงที่เขียนนิยายด้วยตัวเอง และการให้คำแนะนำคนรอบข้างให้รู้จักกับการเขียนนิยายที่มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว แม้จะเป็นคนที่มีความชำนาญด้านภาษาคล้ายๆ กันก็ตาม จะต่างก็มีเพียงความรักในการอ่านและเขียนนิยายเท่านั้นที่ทุกคนมีไม่เท่ากันค่ะ
ถ้าทุกคนเป็นคนหนึ่งที่มีความรักในการอ่านนิยาย พี่หญิงก็อยากให้ทุกคนมาเริ่มต้นเขียนนิยายด้วยกันดูนะคะ นอกจากเราจะได้ระบายจินตนาการออกมาให้โลกรับรู้มีคนมาร่วมสนุกกับเราแล้ว ไม่แน่ว่าเรื่องราวที่เราเขียนออกมาอาจจะได้รับผลตอบรับที่ดีจนสร้างรายได้เสริมที่คาดไม่ถึงกับเราก็ได้นะ
ติดตามผลงานของ ทรรศยา ได้ที่นี่
พี่หญิง

2 ความคิดเห็น
ขอบคุณพี่หญิงมากเลยนะคะ ^0^
ชื่นชมนักเขียนมากเลยค่ะ เราสิงอยู่นี่มาหลายปี เขียน ๆ ลบ ๆ ไป ไม่จบสักที เดี๋ยวจะพยายามใหม่