
Spoil
- โครงการฝังยาคุมฟรี กำหนดให้เด็กอายุ 10-20 ปี สามารถขอรับบริการและขอคำปรึกษาได้ฟรีที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ
- ยาคุมกำเนิดชนิดฝังเป็นการหลั่งฮอร์โมนแบบช้าๆ เพื่อยับยั้งการตกไข่ ไม่ให้มาผสมกกับอสุจิ ใช้ได้เป็นระยะเวลานาน 3 ปี ถึง 5 ปีแล้วแต่ชนิด
- ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง เหมาะกับคนที่มีเพศสัมพันธ์ระยะยาว มีคู่นอนเดียว แต่ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อยากรู้ข้อดี-ข้อเสีย ยาคุมกำเนิดแบบฝัง!
การคุมกำเนิดมีหลายแบบครับ เพื่อให้การมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้เตรียมตัวปลอดภัยมากขึ้น ทั้งจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และจากการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งพี่หมอเน้นย้ำกับน้องๆ ชาว Dek-D อยู่เสมอว่า การใช้ถุงยางอนามัยนั้นอาจจะลดความสุขระยะสั้นจากการไม่ได้ผิวสัมผัสโดยตรง แต่ช่วยลดความเสี่ยงได้ค่อนข้างมาก ทั้งการตั้งครรภ์ และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์แน่นอนครับ
แต่ถึงอย่างนั้น ในระยะสั้นที่เราไม่ได้เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นนอกจากคู่รักของตนเอง ที่ปลอดภัยและได้การรับการตรวจโรคแน่นอนแล้วว่าไม่มีเชื้อ การใช้ยาคุมกำเนิด (Contraceptive drugs) ก็เป็นวิธีที่ดีและน่าสนใจครับ
ซึ่งยาคุมกำเนิดนั้นก็มีหลายแบบอีกเช่นกัน มีทั้งแบบกิน แบบฉีด และแบบฝัง ซึ่งส่วนใหญ่หลายๆ คนนั้นคงจะรู้จักยาคุมกำเนิดแบบชนิดกินเป็นหลัก (Oral contraceptive pills) ซึ่งมีข้อเสียคือ หากเราเป็นคนไม่วินัย กินบ้าง ลืมบ้าง ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เต็มประสิทธิภาพมากนัก ดังนั้นบางคนจึงมองหาวิธีอื่น เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง ซึ่งให้ผลระยะยาว ไม่ต้องคอยกินยาทุกวัน หรือฉีดยาคุมกำเนิดทุก 1-3 เดือน

รู้จักยาคุมกำเนิดชนิดฝังให้ดีก่อน
ยาคุมกำเนิดชนิดฝัง (Contraceptive implant) เป็นยาคุมกำเนิดอีกชนิดหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยมีหลักการคือ การหลั่งฮอร์โมน (Levonorgestrel) แบบช้าๆ (Sustained release) เพื่อยับยั้งการตกไข่ ไม่ให้มาผสมกกับอสุจิ ใช้ได้เป็นระยะเวลานาน 3 ปี ถึง 5 ปีแล้วแต่ชนิด ซึ่งการฝังก็ไม่ยากเลย เหมือนใช้เข็มขนาดใหญ่เล็กน้อย ฉีดยาชา แล้วดันหลอดเข้าไปใต้ท้องแขน ส่วนการนำออก ก็กรีดแผลเพียงเล็กน้อย ก่อนจะดึงออกมา แล้วปิดแผล บางคนก็ไม่หลงเหลือรอยแผลเป็นเลย
ข้อดี - ข้อเสีย/ผลข้างเคียง
ข้อดี
1. ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยรัฐบาลได้จัดโครงการฝังยาคุมฟรี กำหนดให้เด็กอายุ 10-20 ปี ตาม พ.ร.บ. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 สามารถขอรับบริการและขอคำปรึกษาได้ฟรีที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาท้องก่อนวัยอันควร แต่อย่างไรก็ตาม เทียบกับการกินยาคุมกำเนิดแล้ว หากเลือกยี่ห้อที่ดี มีผลผลข้างเคียงน้อย ก็อาจจะราคาหลายร้อยบาทต่อเดือน ในขณะที่ยาคุมกำเนิดแบบฝังนั้น ไม่กี่พัน แต่อยู่ได้หลายปี
2. ประสิทธิภาพดีมาก เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ไม่ต้องยุ่งยากกับการจดจำเวลาแบบยาคุมกำเนิด ชนิดรับประทาน
3. ผลข้างเคียงน้อย ถ้าเทียบกับยาคุมกำเนิดแบบรับประทานแล้ว ในบางๆ ยี่ห้อส่งผลต่อน้ำหนักตัว ส่วนที่ผลข้างเคียงน้อยก็อาจจะราคาแพงขึ้น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ยาคุมกำเนิดแบบฝัง ก็มีผลข้างเคียงได้เล็กน้อยเช่นกัน คือ ประจำเดือนกะปริบกะปรอย
4. ไม่ต้องรอนานหลังฝังยา มีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ได้เลยไม่เกิน 1 วันหลังฝังยา ซึ่งไวมากๆ ถ้าเทียบกับยากิน หรือแบบฉีดที่อาจจะต้องรอเวลาหลายสัปดาห์
ข้อเสีย
1. เป็นการฝังสิ่งแปลกปลอมในร่างกายของเรา บางคนที่กังวลมากๆ เรื่องความสวยงาม หรือกังวลว่ามีคนมาจับแขนแล้วจะสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมก็อาจจะไม่ชอบ เพราะบางคนก็อาจจะมีจุดแผลเล็กๆจากรูเข็มที่ฝังได้ครับ
2. ไม่ป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ซึ่งก็เหมือนกับการรับประทานยาคุมกำเนิด ที่อาจจะต้องป้องกันด้วยวิธีอื่นด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ การฝังยาคุมกำเนิดนั้นเหมาะสมกับคนที่แต่งงานแล้วและมีคู่นอนคนเดียว แต่ยังไม่พร้อมมีบุตรระยะยาว
3. ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย เป็นผลข้างเคียงที่หลายๆ คนไม่ชอบเลย เพราะฮอร์โมนทีหลั่งออกมาจากตัวยา ทำให้การคงตัวของเยื่อบุมดลูกไม่คงที่ และประจำเดือนอาจจะออกมาได้ไม่ตรงรอบเดือน
4. ต้องมีเวลาพัก หากต้องการมีบุตร โดยหลังจากนำยาคุมชนิดฝังออกแล้ว อาจจะต้องรอเวลาสักพัก ประมาณ 1 เดือน เพื่อปรับสภาวะการตกไข่ของรังไข่ ให้กลับสู่ภาวะปกติ และอาจจะมีประจำเดือนมาผิดปกติได้บ้างเล็กน้อยในช่วงแรก ก่อนที่จะมาสม่ำเสมอเหมือนเดิม
"การฝังยาคุมกำเนิด" ผู้หญิงอายุ 10-20 ปี สามารถรับบริการหรือขอคำปรึกษาได้ฟรีที่โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ โดยวิธีนี้เหมาะกับคนที่มักลืมกินยาคุมกำเนิด ต้องการคุมกำเนิดระยะยาว 3-5 ปี และมีคู่นอนคนเดียว และมีผลข้างเคียงคือทำให้ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย ทั้งนี้หากต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
จากข้อมูลเบื้องต้น น้องๆน่าจะพอตัดสินใจได้แล้วนะครับว่า อยากจะใช้ยาคุมกำเนิดแบบฝังหรือไม่ เพราะอาจจะต้องชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสีย แต่สำหรับพี่แล้วแนะนำมากๆ ครับ เพราะเหมาะสำหรับคนขี้ลืม และอาจจะยังมีเพศสัมพันธ์อยู่ในระยะยาว จะได้ไม่ต้องคอยกังวลกันครับ
นพ.ชนม์พิสิฐ มณฑล
0 ความคิดเห็น