SnIook : หนุ่มวายตัวพ่อ!
หันมาเขียนนิยายขายได้เสริมกู้วิกฤติว่างงาน!
สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน สำหรับนักเขียนที่เราพามาให้ทุกคนรู้จักกันในวันนี้ เรียกว่าเป็นหนุ่มวายตัวพ่อที่รักการอ่านนิยายมาก ๆ โดยเฉพาะกับนิยายวายที่น้องนุ๊ก หรือนักเขียนนามปากกา SnIook สารภาพให้เราฟังว่ารู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่าน เหมือนได้ค้นพบโลกอีกใบที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน และก็นั่นล่ะ หลังจากนั้นก็ชอบจนมูฟออนไม่ได้ จนได้เปลี่ยนแนวจากที่เขียนกำลังภายในแฟนตาซีมาตลอดหันมาเขียนวายเต็มตัว ทั้งในนิยายวายเรื่องนี้ น้องนุ๊ก ยังตั้งใจใส่ประเด็นเรื่องการบูลลี่ที่ได้มาจากประสบการณ์ลงไปในนิยายอย่างจัดเต็มอีกด้วย เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ บางสิ่งบางอย่างที่ผู้ใหญ่มองข้าม บางทีมันก็อาจเป็นการบูลลี่ที่สร้างรอยแผลเป็นอันแสนเจ็บปวดให้กับเด็ก ๆ หลายคนก็เป็นได้ค่ะ
และนอกจากประเด็นทางสังคมที่พยายามสะท้อนออกมาผ่านเนื้อหานิยายเต็มที่แล้ว น้องนุ๊กยังได้แชร์ถึงการตัดสินใจลองเปิดขายนิยายครั้งแรกที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า จากงานอดิเรกที่เขียนขึ้นระบายจินตนาการ วันหยุดมันจะสร้างรายได้จนสามารถช่วยเหลือเขาในสถานการณ์วิกฤติที่ต้องตกเป็นผู้ว่างงานได้!
กว่าที่น้องนุ๊กจะเริ่มต้นเขียนนิยาย แล้วเปลี่ยนมันเป็นรายได้สำเร็จเขาต้องผ่านอะไรมาบาง วันนี้เรามาติดตามการแชร์ประสบการณ์ดีๆ ได้ในสัมภาษณ์ครั้งนี้กันค่ะ
ชื่อเล่นชื่อนุ๊ก ชื่อจริงสุทัศน์ อินต๊ะยศนะครับ อยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ปัจจุบันทำอาชีพอิสระ รับแปลงาน สอนพิเศษภาษาอังกฤษ และอื่น ๆ เรื่องเขียนนิยายนี่ จริง ๆ เขียนมาหลายเรื่องแล้ว เป็นนิยายแนวกำลังภายในซะหมด ส่วนเรื่อง ผมไม่ได้เป็นนะครับ... เป็นแนววายแนวที่ผมแต่งครั้งแรก
ผมเริ่มเขียนนิยายเพราะอยากฝึกสกิลการเขียน และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เริ่มเขียนเลยก็ตั้งแต่ปีที่แล้วครับ เขียน ๆ หยุด ๆ มาเรื่อย ๆ เพราะต้องทำอย่างอื่นด้ว แต่ช่วงสองเดือนก่อนนี้ ว่างงาน ก็เลยเขียนเต็มเวลาครับ
ทำไมอยู่ ๆ ถึงอยากลองเขียนขึ้นมา? ตอบยากมากครับ เรื่องแรงบันดาลใจ ตอนเริ่มเขียน คิดแค่ว่า เราอยากจะเขียนขึ้นมาครับ วางพล็อต วางตัวละคร ทำแบบที่เคยเรียนมา ผมเรียนจบศิลปศาสตร์ภาษาอังกฤษนะครับ แม้จะไม่ได้เขียนเรื่องการเขียนมาโดยตรง ในตอนที่เรียนผมเคยเรียนเป็นการเขียนเรื่องสั้น เป็นแค่วิชาในหลักสูตรน่ะครับ ช่วงปีก่อนเกิดรู้สึกเสียดายถ้าไม่ได้ฝึกฝนมันต่อ ก็เลยกลายมาเป็นการเขียนนิยายเรื่องยาว ๆ แทน
แล้วก็มานั่งเครียดว่า จะมีคนอ่านไหม ส่วนการเลือก genre ของนิยายเลือกเพราะความชอบล้วน ๆ พอลงให้คนอ่านได้สักพัก ก็มีคอมเมนต์เข้ามา ทำให้เกิดแรงบันดาลใจว่า ยังมีคนที่คอยติดตามนิยายของเราเพราะฉะนั้นเราจะเขียนไปเรื่อย ๆ
เคยคิดที่จะเป็นนักเขียนไหม? ผมไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะเป็นนักเขียนครับ เพราะเรากังวลตลอดว่างานจะไม่ดีพอสำหรับการใช้คำว่านักเขียน การแต่งนิยายจึงถือว่าเป็นงานอดิเรกซะมากกว่า เพราะเอาจริง ๆ ก่อนเริ่มมาเขียนนิยาย ผมเป็นนักอ่านมาก่อนด้วย ผมเริ่มอ่านนิยายมาตั้งแต่ป.6 เรียกว่านานมากเลยล่ะครับ ตอนแรกเลยไม่มีความคิดที่จะลองเขียนเลย
และพอเริ่มเขียนครั้งแรกสารภาพเลยว่า ยากมากครับ
- อุปสรรคแรกก็คือ การเริ่มแต่งโดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่งมาแล้วจะมีคนอ่านไหม เราจะแต่งจบหรือเปล่า มันจะดีไหม เรื่องจะสนุกน่าสนใจหรือเปล่า คำถามเกิดขึ้นมากมายเลยครับ แต่ก็แต่งมันจนได้
- อย่างที่สอง หลังจากมีคนอ่านแล้ว ก็มีทั้งคอมเมนต์ชม คอมเมนต์ติ ถามว่าตรงนี้เคยทำให้หมดไฟไหม ก็เยอะเลยแหละครับ แต่สุดท้ายก็คิดแค่ว่า เราไม่สามารถทำให้คนทุกคนชอบเรื่องของเราได้ ก็เลยแต่งต่อไปเรื่อย ๆ อันไหนเห็นสมควรปรับก็ปรับ อันไหนเรามั่นใจว่าดีแล้วหรือเป็นความตั้งใจของเราอยู่แล้ว ก็แน่วแน่ตามเดิม แต่ด้วยเหตุผลด้านเวลา ทำให้ไม่ได้ลงต่อเป็นปีแล้วครับ
ส่วนที่ทำไมถึงลองเปลี่ยนแนวมาลองเขียนวายจากที่ตอนแรกเขียนกำลังภายในอย่างเดียวเลย ผมชอบอ่านแนววายครับ ชอบมาก เป็นเพราะรสนิยมผมด้วยแหละมั้งครับ จริง ๆ ก่อนจะมาเริ่มอ่านแนววาย ผมอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนิยายแจ่มใสมาก่อนน่ะครับ พอได้ลองอ่านแนววาย แล้วเหมือนกับเปิดโลกใบใหม่
นิยายวายที่ผู้ชายผู้หญิงเขียน แม้ต่างกันที่มุมมอง แต่ก็มีความสนุกเหมือนกัน!
สำหรับนิยายวายที่นิยายวายที่ผู้หญิงกับผู้ชายเขียนต่างกันไหมเหรอครับ ผมว่าด้วยมุมมองก็ต่างกันแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ถ่ายทอดลงไปในนิยายก็ย่อมต่างกันครับ
ในเรื่องมุมมองของตัวละครน่ะครับ ผมค่อนข้างจะให้ตัวละครหลัก เป็นผู้ชาย และมีนิสัยแบบผู้ชายน่ะครับ อันนี้เป็นความรู้สึกของผมนะครับ
ส่วนตัวเคยอ่านเรื่องที่นักเขียนเป็นผญ. จะรู้สึกว่าตัวละครหลักหลายเรื่องจะมีนิสัยคล้ายผู้หญิง ประมาณนี้แหละครับ แต่ที่บอกอย่างนี้คือชอบหมดนะครับ ไม่ใช่ไม่ชอบ ผมชอบอ่าน
ผมไม่ได้เป็นนะครับ นิยายที่ได้แรงบันดาลจากสิ่งที่ชอบอ่าน
ผมชอบนิยายแนวการกลับมาเกิดใหม่เป็นพิเศษครับ ผมคิดว่ามันเท่ห์เป็นพิเศษน่ะครับ
เสน่ห์ของนิยายเรื่อง ผมไม่ได้เป็นนะครับ ก็คล้าย ๆ กับแนวกลับมาเกิดใหม่เรื่องอื่น
- เสน่ห์อย่างแรกก็คือความ op ของตัวละครที่ได้ความสามารถและความนึกคิดจากชีวิตที่แล้วมาครับ
- ส่วนอย่างที่สอง เมื่อควบรวมกับเบื้องลึกเบื้องหลังของตัวละครในชีวิตใหม่ ทำให้มันดู super op มาก ๆ เลยเป็นที่น่าติดตาม
- และอย่างที่สาม ก็คือความบิดเบี้ยวของตัวละครแต่ละตัว ที่ผมพยายามเขียนขึ้นอย่างเป็นเหตุเป็นผล (อันนี้ยาก และหลายครั้งก็ไม่สมเหตุสมผล) ทำให้ลุ้นกับการกระทำของตัวละครแต่ละตัวครับ แต่ก็นั่นแหละครับ นี่คือนิยาย แหะๆ
ผมไม่ได้เป็นนะครับ กับประเด็นเรื่องการ บูลลี่
ในเนื้อเรื่องก่อนที่ตัวเอกมาเกิดใหม่เรามีใส่พวกประเด็นการบูลลี่เหมือนกันครับ ผมคิดว่าการบูลลี่ ก็คือ ความรุนแรงนั่นแหละ ไม่ว่าจะเกิดทั้งแบบการกระทำ หรือคำพูด ไม่มีใครสมควรถูกบูลลี่ครับ จากใจคนที่เคยถูกบูลลี่มาก่อน
ผมใส่ประเด็นเสริม เรื่องการเพิกเฉยต่อการบูลลี่ลงไปด้วย เพราะคิดว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของสังคมก็จะเจอคนที่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของคนอื่น ประมาณนั้นครับ (ส่วนเหตุผลในการเพิกเฉยของคนเราเองก็มีต่างกัน บางคนช่วยได้แต่เลือกที่จะไม่ช่วยอะไรเลย บางคนอยากช่วย กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก็มีนะครับ)
เอาจริงการบูลลี่ คือจะเจอในเคสของวัยเรียนเยอะนะครับ โชคร้ายยิ่งกว่านั้นคือการเพิกเฉยของคุณครู หรือแม้แต่ผู้ปกครองตัวเอง เพราะถือว่าเด็กเล่นกัน ทั้งที่จริงแล้วในมุมมองของคนที่โดนอย่างนักเรียนหลาย ๆ คนนั้นมันหนักหนาเอามาก ๆ
สำหรับผม ย้อนไปสมัยม.1 ครับ ผมค่อนข้างจะเป็น loser หน่อย ๆ เรียนไม่เก่ง เพื่อนไม่คบครับ 5555 กรณีผมไม่ใช่ความรุนแรงทางกายภาพ ออกแนวสะเทือนใจมากกว่า โดนแบนจากคนทั้งห้อง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วครับ ต้องบอกว่า เหตุการณ์นั้นช่วยผมมากจริง ๆ ทำให้ผมมองตัวเองอย่างถี่ถ้วน และปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่จนในที่สุดก็เข้ากับคนอื่นได้
จากเรื่องแรกมาถึงเรื่องปัจจุบัน สิ่งที่เปลี่ยนไปคือทักษะที่พัฒนาขึ้น
จากเรื่องแรกมาถึงเรื่องปัจจุบันการเขียนเปลี่ยนไปไหมเหรอครับ? คิดว่าเปลี่ยนนะครับ
ประการแรกเลยก็คือเรื่องของการบรรยาย สำหรับตัวผม ค่อนข้างถนัดการเขียนแบบ third person แต่เรื่องล่าสุดเป็นการเบรกลิมิตของตัวเอง มาใช้การเล่าแบบ first-person ทำให้ค่อนข้างท้าทายมาก ๆ ในการบรรยาย
ประการที่สองอันนี้อาจเห็นไม่ชัดเจนนัก ด้วยเพราะเป็นการแหวกแนวตามที่เคยพูด ต่างกันกับนิยายแนวกำลังภายในที่ค่อนข้างแฟนตาซี สามารถรังสรรค์ทุกอย่างขึ้นได้ด้วยเหตุผลที่สร้างขึ้นเอง แต่เรื่องล่าสุดเป็นการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างอิงกับโลกความเป็นจริง จึงต้องศึกษาเพิ่มเติมในหลาย ๆ อย่าง แต่ผมก็ทำมันได้แล้ว จึงคิดว่าตัวเองพอมีพัฒนาการในด้านการเขียนในระดับหนึ่งครับ
เพราะว่างงานเลยอยากเปลี่ยนงานอดิเรกเป็นรายได้
เปิดขายเพราะว่างงานทำให้ขาดรายได้ครับ จึงคิดว่าทำไมถึงไม่ลองทำงานอดิเรกให้เป็นรายได้ดู ให้พอได้ค่ากาแฟ ค่าไฟ ค่าอาหารแมวบ้างก็ยังดีครับ ไม่คิดว่าจะได้เยอะมากขนาดนี้มาก่อน
เปิดขายมีกังวัลกับผลตอบรับไหม?
มีมาก ๆ เลยครับ
เอาจริง ๆ แล้วผมไม่ได้คาดหวังว่านิยายจะได้รับความนิยมขนาดนี้ ทำให้เครียดเรื่องคุณภาพของงาน จนถึงตอนนี้ก็มีคอมเมนต์เข้ามาเยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนชอบก็ดีไป แต่บางคนไม่ชอบ ก็ออกจะเฟลหน่อย ๆ
เช่น ไม่ชอบตัวหลักพระเอกที่ผมวางไว้ อยากให้เปลี่ยน บุคลิกของนายเอกค่อนข้างขัดกับสิ่งที่นายเอกเคยเป็น แล้วก็ความไม่สมเหตุสมผลยิบย่อย (ทั้ง ๆ ที่จริง มันมีเหตุผล แต่ผมยังไม่ได้เปิดเผยในตอนนั้น ๆ) ผมไล่อ่านทุกคอมเมนต์นั่นแหละครับ
อย่างเช่น บทของพระเอก ผมลองไปไล่อ่านที่แต่งมา ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับบรรดาคอมเมนต์ติ ทั้งหลาย (ทั้ง ๆ ที่ตอนแต่งไม่ได้คิดแบบนั้น) ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เรื่องมันเดินต่อไปได้อย่างสวยงาม
ส่วนจะปรับแค่บทของพระเอก หรือเปลี่ยนพระเอกไปเลย ผมก็ขออุบไว้ก่อนนะครับ เรื่องบุคลิกของนายเอกที่ดูจะใจดีเกินไป สำหรับอดีตนักฆ่า ผมให้เหตุผลบุคลิกของนายเอกไว้มากพอสมควร และนั่นเป็นสิ่งที่ผมตั้งใจและอยากให้เป็นอย่างนั้น ผมก็ยังแน่วแน่กับตรงนี้
ใครว่านักอ่านจะเปลี่ยนมาเป็นนักเขียนเองไม่ได้ พี่หญิงเชื่อว่านักเขียนหลาย ๆ คนก็มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นนักอ่านมาก่อนเหมือนกัน อย่างนี้ นุ๊ก หรือนักเขียนนามปาก SnIook ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ในวันนี้ เขาก็เริ่มมาจากการอ่านนิยายเหมือนกัน ทั้งความจริงแล้ว ตอนแรกก็ไม่เคยคิดจะลองเขียนนิยายเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะอ่านเยอะเกินไปจนไม่สามารถมูฟออนได้ ประกอบกันเคยเรียนการเขียนเรื่องสั้นมานิด ๆ หน่อย ๆ จากมหาวิทยาลัย น้องนุ๊กเลยตัดสินใจที่จะลองเขียนดู แม้เขียนทางเริ่มต้นจากไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบทั้งยังต้องเจออุปสรรคหลายอย่าง แต่ในที่สุดแล้วน้องนุ๊กก็สู้จนนิยายมีผลตอบรับที่ดี และที่คาดไม่ถึงสุดๆ ก็คือ งานอดิเรกที่เริ่มต้นทำด้วยความคิดเล่น ๆ มันได้กลายเป็นงานสร้างรายได้ ที่ช่วยเหลือน้องนุ๊กออกจากสถานการณ์วิกฤติที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ว่างงานได้สำเร็จอีกด้วย
ถ้าน้อง ๆ คนไหนเป็นนักอ่านเหมือนกัน แล้วกำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้อยู่ ลองมาเริ่มต้นเขียนนิยายดู พี่เห็นว่าก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกันนะคะ อย่างน้อยเราก็ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ถ้าสิ่งที่เราชอบมันกลายเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างให้เราได้ก็ยิ่งเป็นผลดี จริงไหมคะ?
ว่าแล้วใครที่สนใจ ก็คลิกด้านล่างนี้ แล้วมาเริ่มต้นเขียนนิยายกับเราได้เลยค่า
ติดตามผลงานของ SnIook ได้ที่นี่
1 ความคิดเห็น
เป็นกำลังใจให้ครับ ผมก็นักอ่านที่เปลี่ยนมาเป็นนักเขียนเหมือนกัน
เมื่อก่อนก็ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นนักเขียนเหมือนกัน
แต่ในตอนนี้เมื่องานเขียนสามารถทำเป็นรายได้หาเลี้ยงชีพได้
ผมก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นนักเขียนได้อย่างเต็มตัว